เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 60 ซูเย่เป็นศิษย์คนสุดท้าย
บทที่ 60 ซูเย่เป็นศิษย์คนสุดท้าย
“ตามหลักฐานการสอบสวน ในหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ซูเย่มิได้กระทำการลอกเลียนวิทยานิพนธ์ของหลี่มู่เสวี่ย ในทางตรงกันข้าม งานวิทยานิพนธ์ของซูเย่นั้นถูกหลี่มู่เสวี่ยขโมยไปอย่างมิสมควร ซึ่งมหาวิทยาลัยได้มีการตัดสินผิดพลาดในเหตุการณ์นั้น”
“ตอนนี้เรื่องดังกล่าวได้รับการสอบสวนแล้ว มหาวิทยาลัยได้ตัดสินใจที่จะคือชื่อเสียงและเพิกถอนการลงโทษซูเย่ และไล่หลี่มู่เสวี่ยออก”
“นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยของเรายินดีต้อนรับซูเย่ให้เรียนต่อในระดับปริญญาด้านเวชศาสตร์คลินิกในมหาวิทยาลัยของเรา หรือหากคุณต้องการเลือกคณะแพทย์แผนจีนก็ได้เช่นกัน เรายินดีต้อนรับคุณกลับบ้านเสมอ”
ทันทีที่ประกาศนี้ออกมา ชาวเน็ตต่างออกมาบ่นกัน
“ก่อนหน้านี้ไปมุดหัวอยู่ไหนมา ตอนนี้อยากได้เขากลับแล้วหรอ”
“แม้แต่นักศึกษาของตัวเองยังไม่เชื่อ แล้วสรุปผลออกมามั่วๆ นี่คือมหาวิทยาลัยแพทย์ระดับเฟิร์สคลาสที่มีชื่อเสียง?”
“ใส่ร้ายคนดีโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ไร้สาระที่สุดคือพวกที่ใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยซูเย่ เป็นไงละตอนนี้หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ”
“น่าขายหน้าไหมล่ะ?”
“ตอนนี้ซูเย่ได้ดิบได้ดีที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางแล้ว แถมยังจะกราบปรมาจารย์ฮัวเป็นอาจารย์ ตอนนี้เห็นความสามารถของเขาแล้ว เลยอยากจะดึงตัวเขากลับไปรึไง?”
“ใส่ร้ายเขาไปหนึ่งปีกว่า จบลงโดยไม่มีคำขอโทษสักคำเดียว ประกาศนี้พูดซะดูเหมือนว่าไม่ใช่เพราะพวกคุณผิดพลาด ฉันรู้สึกละอายใจแทนจริงๆ!”
“พรุ่งนี้ซูเย่จะเป็นกราบปรมาจารย์ฮัวเป็นอาจารย์แล้ว ถ้าวันนี้ซูเย่ซูเย่ล้มเหลวในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา แผนการของเขาที่จะเป็นลูกศิษย์ปรมาจารย์ฮัวก็จะหายไปรึเปล่า?”
“โชคดีที่ซูเย่ทำสำเร็จ!”
“ตอนนี้ฉันสงสัยว่าคนแฉจงใจปล่อยข่าวก่อนการรับศิษย์ของปรมาจารย์ฮัว เพื่อต้องการทำลายชื่อเสียงซูเย่ ใครเป็นคนเริ่มแฉเรื่องนี้?”
“แอคเวยป๋อที่ชื่อ ‘เรื่องเหล่านั้นที่คุณไม่รู้’?”
แฟนคลับของซูเย่และหมอจีนหลายคนตระหนักได้ว่าการปล่อยข่าวครั้งนี้ในเวลานี้ เกือบจะทำลายว่าที่แพทย์แผนจีนอนาคตไกลไปหนึ่งคน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ชาวเน็ตก็หลั่งไหลเข้าไปในแอคเวยป๋อ ‘เรื่องเหล่านั้นที่คุณไม่รู้’ เพื่อคอมเมนท์ด่า
“หยุดหิวแสงได้แล้วมั้ง”
“ตอนนี้ซูเย่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาแล้ว ไม่ไปขอโทษเขาหน่อยเหรอ!”
“ขอโทษ! ไม่ขอโทษละก็พวกฉันไม่ยอมจบแน่”
“ออกไปจากวงการนี้เถอะ คุณเกือบจะทำลายหมอจีนที่ดีคนหนึ่ง”
“ขอโทษซูเย่ด่วน!”
เหล่าชาวเน็ตต่างพากันไปคอมเมนท์อย่างท่วมท้น
ในเวลาไม่ถึง 30 นาที ‘เรื่องเหล่านั้นที่คุณไม่รู้’ ก็ไม่สามารถทนต่อการถูกด่าได้ และปิดฟังก์ชันแสดงความคิดเห็นของเวยป๋อทันทีและไม่กล้าอัปเดตเวยป๋ออีก
“เชี่ย! ขี้ขลาด! กล้าเอาข่าวมาปล่อยแต่ไม่กล้าขอโทษ!”
ชาวเน็ตนับไม่ถ้วนต่างด่าเขาต่อในใจ
……
มหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู
หลี่มู่เสวี่ยหลังได้รับประกาศไล่ออก เธอก็เก็บของและลากกระเป๋าของออกจากมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าว่างเปล่า
หลังจากพบกับซูเย่และกลับมา เธอก็ได้ซื้อตั๋วไปยุโรปแล้ว
บางทีอาจมีแค่การไปต่างประเทศเท่านั้น… เพราะที่นั่นคงไม่มีใครรู้จักเธอ
เธอหันศีรษะมองลึกเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย
แล้วหันกายเดินออกไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อออกเดินทาง
……
วันรุ่งขึ้น
ซูเย่ตื่นแต่เช้าแต่งกายด้วยชุดทางการ
“เสี่ยวเย่ รอด้วย”
ซูชือและจินฟานก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน พวกเขาเองก็อยากตามซูเย่ไปพิธีรับศิษย์บ้าง เพราะคนที่ซูเย่จะไปกราบเป็นอาจารย์เป็นถึงปรมาจารย์แพทย์แผนจีน และผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีต่างก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการแพทย์แผนจีน ดังนั้นจะพลาดโอกาสดีอย่างนี้ได้ยังไง!
“เสี่ยวเย่ เดี๋ยวนายก็จะกลายเป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนในอนาคตแล้ว”
ซูชือรีบวิ่งตามซูเย่และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ดีแล้วอย่าลืมกันนะเพื่อนรัก! คำสาบานตอนนั้นนายห้ามลืมเด็ดขาด!”
“ใช่ใช่!”
จินฟานพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้เราจะต้องรอจนถึงอายุเจ็ดสิบแปดสิบ ตราบเท่าที่เราสามารถเป็นศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์แผนจีน เราก็พอใจแล้ว”
“นายว่าอย่างฉันจะต้องรอให้อายุเจ็ดสิบแปดสิบถึงจะได้เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนงั้นเหรอ?”
ซูเย่เอ่ยถาม
“ด้วยความหน้าหนาของนายแล้ว ก็อาจจะไม่ถึง”
ซูชือเอ่ยขึ้นทันที “นายทำได้ดีมากหลังจากเรียนเพียงครึ่งปี หลังจากที่กราบปรมาจารย์ฮัวเป็นอาจารย์ นายจะพัฒนาเร็วขึ้นอย่างแน่นอน บางทีนายอาจจะสามารถเป็นหมอจีนได้ในหนึ่งปี อีก 3-5 ปี นายอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีน! และอีกใน 6-7 ปี นายอาจจะได้เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนก็ได้!”
“อาจจะแค่ 3-5 ปี”
ซูเย่ส่ายศีรษะเอ่ยอย่างราบเรียบ
ซูชือ “……”
จินฟาน “……”
หน้าหนาดีจริงๆ เพื่อนเขา!
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด——
ทันทีที่พวกเขามาถึงด้านล่างของอาคารหอพัก โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของซูเย่ก็ดังขึ้น
เขาหยิบมันออกมาดู เป็นสายจากหลี่เคอหมิง
“ฉันจะรอเธอที่ประตูโรงเรียน”
“ครับ”
ซูเย่พยักหน้ารับรู้ และเมื่อไปถึงประตูโรงเรียน ชายหนุ่มจึงพบว่าหลี่เคอหมิงกำลังรอเขาอยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“สวัสดีครับอาจารย์หลี่!”
ซูชือและจินฟานทักทายหลี่เคอหมิง
“อืม”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็โบกมือให้ซูเย่ไปที่ลานบ้านเล็กๆ ของปรมาจารย์ฮัว โดยขณะเดินเขาก็ได้กล่าวขึ้น “ข่าวที่เธอกำลังจะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ฮัวได้แพร่กระจายไปในวงการแพทย์แผนจีน โชคดีที่เธอแก้ปัญหาข่าวโคมลอยได้อย่างสมบูรณ์เมื่อวานนี้ มิฉะนั้น พิธีรับศิษย์ของวันนี้คงจะไม่สามารถจัดขึ้นได้จริงๆ”
จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “อาจารย์ชอบความเงียบสงบ เราเลยไม่ได้เชิญคนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี นอกจากเพื่อนอาจารย์ ผู้นำและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอีกหลายคน ก็มีแค่เธอและฉันเท่านั้น”
“อันที่จริงยังมีนักข่าวบางคนที่ต้องการถ่ายทอดสดพิธีหรือสัมภาษณ์สั้นๆ แต่ฉันปฏิเสธพวกเขาไปทั้งหมดแล้ว”
“ขอบคุณครับศิษย์พี่”
ซูเย่เอ่ยขอบคุณ
ชายหนุ่มรู้ว่าหลี่เคอหมิงใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อให้ตนเองสามารถเข้าพิธีได้อย่างราบรื่น
แม้แต่พิธีรับศิษย์นี้เขาก็จัดการมันด้วยตัวคนเดียว
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณเขา
“ไม่เป็นไร”
หลี่เคอหมิงพยักหน้ายิ้มๆ แล้วหันศีรษะไปทางซูซือและจินฟาน “ฉันรู้ว่าเธอสองคนคือรูมเมทของศิษย์น้อง ถ้าพวกเธออยากเข้าไปร่วมพิธีก็ไม่มีปัญหา แต่พวกเธอต้องรับปากฉันว่าจะไม่ส่งเสียงดัง”
“แน่นอนครับ”
ซูชือและจินฟานพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ศิษย์พี่ศิษย์น้องก็มา นี่พวกเขาสองคนลำดับขั้นต่ำกว่าซูเย่หนึ่งขั้นแล้วรึเปล่า?
“วันนี้จะเป็นงานพิธีแบบดั้งเดิม แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก”
หลี่เคอหมิงเอ่ยเสริม “ถึงเวลา นายก็ทำตามลำดับขั้นก็พอ”
“ครับ”
ซูเย่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
คนกลุ่มหนึ่งเดินมาถึงหน้าลานบ้านของปรมาจารย์ฮัว
ประตูลานบ้านเปิดออก ด้านในมีโต๊ะและเก้าอี้วางเรียงราย บนพื้นก็ปูพรมไว้พร้อมสรรพ
ลานบ้านในยามนี้ นอกจากอุปกรณ์ในพิธีรับศิษย์ ยังมีอาจารย์และผู้นำด้านแพทย์แผนจีนบางคน ในหมู่พวกเขา ที่สะดุดตาที่สุดคือชายชราที่มีผมสีขาวแต่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ และชายชราที่มีรูปร่างเล็ก ใบหน้ามันเยิ้ม
สองท่านนั้นถูกคนอื่นๆ รุมล้อม ดูเหมือนจะเป็นที่เคารพนับถือมาก
ซูซือและจินฟานจำชายชราสองคนนั้นได้ทันที สองปรมาจารย์แพทย์แผนจีน!
ความตื่นเต้นเปี่ยมทั่วใบหน้าของพวกเขา ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนที่ยามปกติคงไม่ได้พบเจอได้ง่ายๆ …แต่วันนี้มารวมตัวกันถึงสามคน!
ไม่สิ หกคนต่างหาก ซึ่งอีกสามคนถัดไปก็คือพวกเขากับซูเย่ในอนาคตอันใกล้!
ทันทีที่ซูเย่มาถึง ดวงตาของชายชราทั้งสองก็จับจ้องมาที่เขา พวกเขามองสำรวจขึ้นลงด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความใจดีของผู้อาวุโสถึงรุ่นหลัง
“ยืนอยู่ตรงนี้ก่อน ฉันจะไปเชิญอาจารย์”
หลี่เคอหมิงบอกให้ซูเย่ยืนที่ประตู จากนั้นเขาเดินเข้าไปในลานบ้านและโค้งคำนับผู้อาวุโส จากนั้นก็เดินไปที่ตำแหน่งโฆษกและตะโกนว่า “ฤกษ์งามยามดี ขอเรียนเชิญปรมาจารย์ฮัวครับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ฮัวเหรินเชิงและภรรยาจึงเดินออกจากห้องด้วยรอยยิ้ม พวกเขาพยักหน้าให้เหล่าผู้อาวุโส และนั่งลงบนที่นั่ง
หลี่เคอหมิงยืนอยู่ข้างปรมาจารย์ฮัว ส่วนผู้อาวุโสที่มาเข้าร่วมพิธียืนนิ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว
“สวัสดีผู้อาวุโสทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้”
หลี่เคอหมิงยิ้มกว้างพลางเอ่ย “วันนี้ เราได้จัดพิธีรับลูกศิษย์ของปรมาจารย์ฮัว ยินดีต้อนรับทุกท่านมาเป็นประจักษ์พยาน”
“ผมขอประกาศ พิธีรับศิษย์เริ่มอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้ ”
“ก่อนอื่น ขอต้อนรับอาจารย์หลิวชิงเฟิงในฐานะผู้แนะนำ เพื่อกล่าวสุนทรพจน์”
ทันทีที่กล่าวจบ ชายชราผมขาวที่มีใบหน้าอ่อนวัยเดินยิ้มออกมากล่าว “ปลูกต้นไม้ใช้เวลาสิบปี บ่มเพาะคนใช้เวลาร้อยปี ฉันได้ดูรายการทั้ง 6 ตอนแล้ว ฉันดีใจที่ได้เห็นผู้สนใจในแพทย์แผนจีนที่มากความสามารถเพิ่มขึ้นมา วันนี้ฉันขอเป็นผู้แนะนำของซูเย่ ฉันหวังว่าซูเย่ จะตั้งใจเรียนหลังจากได้ปรมาจารย์ฮัวเป็นอาจารย์ สืบทอดและส่งต่อแพทย์แผนจีน และนำวงการแพทย์แผนจีนยุคใหม่ไปสู่เส้นทางแห่งการความรุ่งโรจน์!”
หลิวชิงเฟิงมองไปที่ซูเย่ด้วยรอยยิ้ม ซูเย่โค้งคำนับให้หลิวชิงเฟิงทันที
“ต่อไป ขอเชิญสักขีพยาน อาจารย์ว่านเฉิงหยาง ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์”
หลี่เคอหมิงกล่าว
ชายชราร่างเล็กอีกคนที่ผู้ชมต่างจับจ้อง เขายิ้มแล้วเดินขึ้นไปพูด “วันนี้ฉันมาเพื่อเป็นสักขีพยาน ฉันจะไม่พูดอะไรมากแล้ว ขอแสดงความยินดีกับปรมาจารย์ฮัวที่รับลูกศิษย์ที่มีความสามารถ!”
ผู้เข้าร่วมพิธีทุกคนต่างหัวเราะร่า
ซูเย่ยังโค้งคำนับ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเชิญปรมาจารย์แพทย์แผนจีนถึงสองคนมาเป็นสักขีพยานในพิธีรับศิษย์ของเขาในวันนี้
ซูชือและจินฟานต่างเต็มไปด้วยความอิจฉาในเวลานี้ …ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนคนหนึ่งมาเป็นผู้แนะนำ คนหนึ่งมาเป็นสักขีพยานในพิธี! นี่มันน่าอิจฉาเกินไปแล้ว!!!
งานครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นประวัติการณ์!
“กราบขอบพระคุณผู้อาวุโสทั้งสองท่านครับ”
ในเวลาเดียวกัน หลี่เคอหมิงได้โค้งคำนับปรมาจารย์แพทย์แผนจีนสองท่านเพื่อแสดงความขอบคุณพวกเขา จากนั้นก็หันไปพูดกับซูเย่ “คำนับอาจารย์”
ขณะที่เขาพูด ซูเย่มองไปข้างหน้า เขาก้มคำนับฮัวเหรินเชิงสามครั้ง
หลังจากนั้น หลี่เคอหมิงก็นำถาดมา
“อาจารย์ โปรดดื่มชาครับ”
ซูเย่คุกเข่าข้างหนึ่งและประคองถ้วยชายื่นให้ด้วยความเคารพ
“อืม”
ฮัวเหรินเชิงยิ้มแย้มพลางรับถ้วยชาในมือซูเย่มา
“อาจารย์หญิง โปรดดื่มชาครับ”
ซูเย่ยกชาคารวะอาจารย์หญิง
“จ้ะ”
อาจารย์หญิงรับถ้วยชามา
หลี่เคอหมิงถอยไปอีกทาง
ปรมาจารย์ฮัวดื่มชาไปหนึ่งอึก แล้ววางถ้วยชาลง พูดกับซูเย่ “ขอให้ทุกท่านในที่นี้เป็นประจักษ์พยาน ฉันขอประกาศอย่างเป็นทางการ ซูเย่คือลูกศิษย์คนสุดท้ายของฉัน!”
เมื่อทุกคนได้ยิน พวกเขาพลันแข็งค้าง รวมถึงปรมาจารย์หลิวชิงเฟิงและว่านเฉิงหยาง
พวกเขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม
ศิษย์คนสุดท้าย?
ฮัวเหรินเชิงรับซูเย่เป็นศิษย์คนสุดท้าย!
ศิษย์คนสุดท้ายหมายถึงอะไร หมายถึงซูเย่จะกลายเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของปรมาจารย์ฮัว!!
หมายความว่าปรมาจารย์ฮัวจะให้ซูเย่เป็นผู้สืบทอดของเขา!!!
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์ฮัวจะให้ความสำคัญต่อซูเย่มาเพียงนี้
หลี่เคอหมิงยังไม่มีโอกาสเช่นนี้เลย แต่นักศึกษาที่เพิ่งเรียนแค่ครึ่งปีกลับได้เป็นศิษย์คนสุดท้าย
ถ้าข่าวแพร่ออกไป ในวงการแพทย์แผนจีนคงสั่นสะเทือน!
แม่เจ้า! ครั้งนี้ซูเย่ได้กำไรเต็มๆ ซูชือและจินฟานสบสายตากัน ในแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
หลี่เคอหมิงหัวเราะเจื่อน ความคิดของอาจารย์ที่เก็บไว้มาตลอด เมื่อบอกออกมาแล้วทุกคนย่อมสั่นสะเทือน!
ทว่าซูเย่เองก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์ เขาเป็นเด็กมีความสามารถจริงๆ จะให้ทำไงได้!!