เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 63 เลื่อนระดับพลังได้สองระดับรวด
บทที่ 63 เลื่อนระดับพลังได้สองระดับรวด
ข้างหน้าเป็นคูดินขนาดใหญ่!
สองฝั่งของคูดินนั้นตั้งไว้ด้วยภูเขาหินขนาดใหญ่ยักษ์ และคูดินที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ถูกใช้เป็นถนนให้รถยนต์เคลื่อนผ่านไปเข้าสู่ใจกลางภูเขาใหญ่
และสองข้างทางก็ยังมีลำธารใสสะอาดไหลผ่านให้เห็นเป็นระยะ
เมื่อรถยนต์แล่นไปจนสุดถนน
มันก็หยุดลงตรงหน้าประตูทองเหลืองขนาดยักษ์บานหนึ่ง
หน้าประตูมีคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิกอดดาบหลับตาสงบนิ่ง
ระดับพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้นสูงมาก!
เมื่อร่างจำแลงของซูเย่จ้องมองไปที่ชายคนนั้น
ดวงตาของชายผู้นั้นก็ลืมขึ้นมาทันที
เขากวาดสายตามองโดยรอบอย่างระมัดระวัง เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่มีใครคุกคามเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาวด้วยความมึนงงสงสัย แต่หลังจากนั้น ชายคนนี้ก็หลับตากลับลงไปอีกครั้ง
อย่างน้อยก็คงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หก
เนื่องจากระดับพลังจิตร่างจำแลงของซูเย่นั้น ไม่สามารถตรวจจับได้โดยผู้ที่มีระดับพลังต่ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หก
ทั้งสองฝั่งของประตูทองเหลืองยักษ์
มีเวรยามคุ้มกันแน่นหนาหลายร้อยคน!
“ทำความเคารพ!”
เมื่อหวังห่าวนำลูกน้องของตนเองลงจากรถยนต์ เขาก็เดินเข้าไปทำความเคารพหัวหน้าผู้รักษาความปลอดภัยหน้าประตูทันที “พวกเราทีมสืบสวนพิเศษจากเมืองจี้หยาง ผมเจ้าหน้าที่หมายเลข 197 รับผิดชอบท้องที่เขตมหาวิทยาลัย วันนี้กำลังจะนำผู้ฝึกยุทธหน้าใหม่เข้าไปสำรวจดินแดนภูผามหานทีและได้รับการอนุมัติจากทางเบื้องบนเรียบร้อยแล้ว”
พูดจบ เขาก็นำเอกสารออกมาแสดง
หัวหน้าผู้รักษาความปลอดภัยรับเอกสารไปตรวจสอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก่อนจะพยักหน้ายืนยันว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง
บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ รีบเดินออกมาช่วยพาทุกคนก้าวลงจากรถ
หลังจากนั้น ก็เป็นการตรวจสอบหมายเลขของหมวกครอบศีรษะ เพื่อยืนยันตัวตนผู้ฝึกยุทธ์แต่ละคน
เมื่อการตรวจสอบผ่านไป
ทุกคนก็ต้องส่งมอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พกติดตัวไปเก็บไว้ในส่วนกลาง
“เมื่อพวกคุณกลับออกมาเมื่อไหร่ เราจะคืนโทรศัพท์ให้ทันที”
หวังห่าวอธิบาย
หลังจากนั้น ทุกคนก็เดินตามหัวหน้ากลุ่มผู้รักษาความปลอดภัยไปยังประตูทองเหลือง!
เมื่อมาถึงหน้าประตูทองเหลืองบานนั้น
ประตูยังไม่ได้เปิดออก แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
มันกลายเป็นห้องๆ หนึ่ง
ห้องปิดตายที่ไม่มีทางออก
เจ้าหน้าที่ผู้เดินนำทางยกข้อมือขึ้นมาสื่อสารผ่านทางนาฬิกาอัจฉริยะ หลังจากนั้น กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ก็รู้สึกว่าศีรษะของตนเองพลันมีน้ำหนักเบามากขึ้น
“ถอดหมวกออกได้แล้ว”
เสียงหนึ่งดังขึ้น
ทุกคนถอดหมวกออกทันที
คนอื่นไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนซูเย่ ดังนั้น เมื่อพวกเขาถอดหมวกครอบศีรษะออกมาแล้วจึงพบว่าตนเองอยู่ในห้องปิดตาย ไม่มีประตูหน้าต่างทางเข้าออก ภายในห้องมีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟเท่านั้น
และที่ด้านหนึ่งของผนังห้อง มีกรอบสี่เหลี่ยมที่ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าตลอดเวลา
มันคือทางเข้าสู่ดินแดนภูผามหานที
“ทุกคนตามผมมา”
เมื่อผู้มาเยือนถอดหมวกออกแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้นำทางก็เดินตรงเข้าไปหาแสงสว่างจากกรอบสี่เหลี่ยมนั้นโดยไม่รอช้า
ทางด้านหลัง
ทุกคนเดินต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ
หวังห่าวติดตามมาเงียบๆ อยู่ท้ายขบวน
เมื่อทุกคนเข้าไปที่กรอบสี่เหลี่ยมนั้น พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าโลกทั้งใบสว่างไสว สภาพแวดล้อมรอบกายหมุนวน ไร้การคงอยู่ของทิศทางซ้ายขวาหน้าหลัง
“ทุกคนนั่งลงเดี๋ยวนี้! ห้ามลุกขึ้นยืนเด็ดขาด พวกเรากำลังจะเข้าสู่อุโมงค์มิติแล้ว” เจ้าหน้าที่ผู้นำทางรีบร้องเตือนเมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าทุกคนเข้ามาอย่างครบถ้วน
กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์นั่งตามคำสั่งโดยเร็ว
เพิ่งจะได้นั่งลงกันเท่านั้น แรงดันมหาศาลก็ถาโถมเข้ามา ไม่ต่างจากมีภูเขาลูกใหญ่กดทับลงมาบนศีรษะ
ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากมีสีหน้ามึนงงสงสัย แต่แรงดันที่ถาโถมเข้ามา มันหนักหนาเสียจนหลายคนแทบหายใจไม่ออก
มีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ผู้นำทางกับหวังห่าวเท่านั้นที่ดูผ่อนคลายมากกว่าใคร
แต่ก็ยังเห็นได้ชัดถึงความอึดอัดจากแรงดันที่เกิดขึ้น
“เชี่ย นี่มันแรงดันอะไรวะเนี่ย?”
“ฉันรู้สึกเหมือนโดนภูเขาทับลงมาทั้งลูกเลย!”
“ผู้กองหวังห่าวไม่ได้โกหกเราจริงด้วย ถ้าไม่ได้มีพลังอยู่ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม เราคงรับแรงดันพวกนี้ไม่ไหวแน่”
ทุกคนกระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นเต้น พร้อมกันนั้น พวกเขาก็พยายามโคจรพลังลมปราณต้านทานแรงดันในอุโมงค์มิติ
แต่ก็สามารถต้านทานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้
เมื่อแรงดันถาโถมเข้ามา
ดวงตาของซูเย่ก็ลุกวาว
“นี่มันพลังปราณธรรมชาติ พลังปราณธรรมชาติบริสุทธิ์!”
บริสุทธิ์เท่ากับปราณธรรมชาติในช่วงหลี่ชุน!
เหมาะสมสำหรับการดูดซับเป็นอย่างยิ่ง!
โดยไม่ลังเลสักนิด
ซูเย่เริ่มต้นการดูดซับพลัง
พลังปราณธรรมชาติที่อยู่รอบกายพลันไหลรินเข้าไปในร่างของซูเย่
เรื่องราวนี้ดึงดูดความสนใจได้จากทุกคน
“หืม?”
เจ้าหน้าที่ผู้นำทางและผู้กองหวังห่าวต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นว่าซูเย่นั่งดูดซับพลังจากอุโมงค์มิติ
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามทั่วไป พวกเขาสมควรนั่งโคจรพลังต้านทานแรงกดดัน ไม่มีทางมานั่งดูดซับพลังเช่นนี้ได้เด็ดขาด!
การนั่งดูดพลังในอุโมงค์มิตินั้น แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่หรือขั้นที่ห้าก็ยังทำไม่ได้ แล้วซูเย่ที่เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามระดับหนึ่งจะสามารถทำได้อย่างไร?
นอกจากรับแรงดันได้แล้ว ยังสามารถดูดซับพลังได้หน้าตาเฉยอีกด้วย?
ทุกคนล้วนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
สมแล้วที่เป็นลูกพี่ซู
เจอแรงดันมหาศาลเช่นนี้ยังมานั่งดูดซับพลังได้อีก!
พวกเขาลองทำตามดูบ้าง
แต่เพียงสลายพลังลมปราณเท่านั้น แรงดันจากรอบกายก็ถาโถมเข้ามาจนตัวแทบจะล้มลงไปติดอยู่กับพื้นห้อง
พวกเขาจึงต้องล้มเลิกความตั้งใจและกลับมานั่งโคจรพลังต้านทานแรงกดดันต่อไป
ด้วยหัวใจที่ตกตะลึงมากยิ่งขึ้น!
และในทันใดนั้นเอง
“วูบ!”
คลื่นพลังลมปราณระเบิดออกมาจากร่างกายของซูเย่เป็นรัศมีวงกลม
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าเลื่อนระดับได้ซะงั้น?”
“ให้ตายสิ…เป็นไปได้ยังไง?”
“ก็ไหนว่าลูกพี่ซูเพิ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นที่สามระดับหนึ่งได้ในช่วงตรุษจีนไม่ใช่เหรอ?”
“นี่เขานั่งดูดซับพลังนานแค่ไหนกัน? สามนาทีได้ไหม? จะเลื่อนระดับได้จริงสิ? อะไรจะรวดเร็วขนาดนี้?”
ทุกสายตาจ้องมองมาที่ซูเย่ด้วยความตื่นตะลึง
หวังห่าวกับเจ้าหน้าที่ผู้นำทางซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน
นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนนั่งดูดซับพลังในอุโมงค์มิติ แถมยังเลื่อนระดับได้อีกต่างหาก
มันเป็นไปได้อย่างไร!
“เจอแรงดันมากมายขนาดนี้ นายนั่งดูดซับพลังได้ยังไง?”
ไม่ทราบเลยว่าใครเป็นคนถามคำถามนั้นออกมา
หวังห่าวกับเจ้าหน้าที่ผู้นำทางหันมองหน้ากันด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาวและพวกเขาก็ลองดูดซับพลังดูบ้างเช่นกัน
แต่ปรากฏว่าในอุโมงค์มิติมีแรงดันมากเกินไป
พวกเขาจึงต้องหยุดการดูดซับและไม่กล้าทำอะไรโดยพละการอีก
การดูดซับพลังในอุโมงค์มิติ ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้จริงๆ
พวกเขาต่างจับจ้องไปที่ซูเย่อีกครั้ง
“ยังเลื่อนขึ้นได้อีกเหรอ?”
เจ้าหน้าที่ผู้นำทางและผู้กองหวังห่าวต้องตกใจขึ้นมาอีกคำรบ
พวกเขาสัมผัสได้ว่าระดับพลังในร่างกายของซูเย่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“หมอนี่เลื่อนขึ้นมาอยู่ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามระดับสามได้แล้วสินะ?”
หวังห่าวขมวดคิ้วด้วยความพิศวง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าซูเย่จะมีความสามารถเก่งกาจถึงขนาดนี้
แต่ว่า
การเลื่อนระดับที่รวดเร็วมากเกินไปใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะการดูดซับพลังและการเลื่อนระดับภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีแรงดันสูงเช่นนี้ มันอาจจะทำให้ซูเย่เป็นอันตรายขึ้นมาก็ได้
แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา
ภาพที่เห็นก็ทำให้ผู้กองหนุ่มได้เข้าใจและความวิตกกังวลของเขาก็หายไปหมดสิ้น
เมื่อซูเย่เลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามระดับสาม
เขาก็ลืมตาขึ้นมา
มุมปากบิดตัวเป็นรอยยิ้ม
คลื่นพลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างกายอีกระลอก
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แต่เบิกตาโตจ้องมองซูเย่ด้วยความเหลือเชื่อ
คนเราจะเลื่อนระดับรวดเร็วขนาดนี้ได้จริงหรือ?
ซูเย่เลื่อนขึ้นมาจากผู้ฝึกยุทธขั้นที่สามระดับหนึ่งมาอยู่ขั้นที่สามระดับสามได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำไมถึงรวดเร็วขนาดนี้? มันไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือไง?
ในขณะที่คนอื่นๆ แค่จะนั่งดูดซับพลังยังทำไม่ได้ แต่ซูเย่กลับสามารถเลื่อนระดับพลังได้ถึงสองระดับรวด
หมอนี่มันจะเก่งไปถึงไหนนะ?
ซูเย่ลุกขึ้นยืน กวาดสายตาสำรวจมองรอบตัว คล้ายกับอยากจะสำรวจโครงสร้างของที่นี่อย่างจริงจัง
ที่แห่งนี้มีความน่าสนใจมาก
“ให้ตายเถอะ!”
ทุกคนตกตะลึง
ทำไมต้องลุกขึ้นยืนด้วย?
พวกเขาไม่ทราบเลยว่าร่างกายของลูกพี่ซูมีประสาทการรับรู้ผิดปกติหรือไง? แรงดันในอากาศถาโถมหนักหน่วงขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ส่งผลอะไรกับซูเย่เลยแม้แต่น้อย?
ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้นที่จะประหลาดใจ
แม้แต่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางก็ยังอดจ้องมองซูเย่ด้วยความตื่นตะลึงไม่ได้
“มีอะไรเหรอ?” ซูเย่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่ตนเองเป็นตาเดียว
“เสี่ยวเย่ นายไม่รู้สึกถึงแรงดันบ้างเลยหรือไงวะ?”
ซูชือถามออกมา
“ก็รู้สึกได้อยู่”
“แล้วนายทนมันได้ยังไงอ่ะ?”
ซูชือถามออกมาอีกครั้ง
“ก็แค่นิดหน่อยเอง”
ซูเย่มองรอบตัวและพูดด้วยความมึนงง “มีใครทนไม่ได้ด้วยเหรอ?”
นั่นไง!
แม่งขิงคนอื่นอีกแล้ว!
หลายคนรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ในหัวใจ
พวกเขาเจอแรงดันหนักหน่วงเสียจนลุกยืนยังทำไม่ได้ แต่ซูเย่กลับบอกว่าเป็นแรงดันแค่นิดหน่อยเองเนี่ยนะ?
เมื่อไหร่หมอนี่จะเลิกทำให้คนอื่นรู้สึกแย่สักที?
“เด็กคนนี้ฝึกวิชาอะไร?” เจ้าหน้าที่ผู้นำทางกระซิบถามหวังห่าว
“มวยกำลังภายใน”
หวังห่าวตอบ
“เป็นไปได้ยังไง?” เจ้าหน้าที่ผู้นำทางขมวดคิ้ว “ขนาดยอดอัจฉริยะมวยกำลังภายในยังทำแบบนี้ไม่ได้ แล้วเขาทำได้ไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พอดีว่าร่างกายผมแข็งแรงน่ะครับ ก็เลยมีภูมิต้านทานแรงดันได้ดีกว่าคนทั่วไป”
ยังไม่ทันที่หวังห่าวจะให้คำตอบ ซูเย่ก็พูดออกมายิ้มๆ
มีร่างกายแข็งแรงกับผีน่ะสิ!
เจ้าหน้าที่ผู้นำทางมองหน้าซูเย่อย่างใช้ความคิด
แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อและหันมาพูดกับกลุ่มคนที่ทำท่าจะพยายามลุกขึ้นยืนว่า “พวกคุณอย่าพยายามเลย อีกไม่กี่นาทีเดี๋ยวก็ได้ออกไปที่ดินแดงภูผามหานทีแล้ว ที่นั่นไม่มีแรงดันคอยควบคุมอีกต่อไป คุณจะสามารถขยับร่างกายได้ตามปกติ”
เมื่อได้รับฟังดังนั้น
ทุกคนก็เลิกล้มความคิดที่จะลองลุกขึ้นยืนทันที
“เมื่อไปถึงดินแดนภูผามหานทีแล้ว จะมีคนรอรับพวกคุณอยู่ที่นั่น เขาจะทำหน้าที่อธิบายเรื่องควรระวังทุกอย่างให้พวกคุณทราบ ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสองนาที ขอให้ทุกคนนั่งประจำที่กันให้เรียบร้อย”
เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ผู้นำทาง กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์จึงพยายามนั่งนิ่ง และโคจรพลังลมปราณต้านทานแรงกดดันต่อไป
สองนาทีต่อมา
“วูบ!”
ลำแสงสีขาวระเบิดประกายเจิดจ้าต่อหน้าทุกคน
แล้วแรงกดดันมหาศาลในบรรยากาศก็สลายไป การควบคุมร่างกายอย่างเป็นอิสระกลับคืนมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น
กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์รีบลุกขึ้นยืน ขยับแขน ขยับขา ในที่สุดแรงกดดันพวกนั้นก็หายไปแล้ว
ซูเย่กวาดสายตามองรอบตัว สิ่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเขาในขณะนี้เป็นเมืองขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับเมืองโบราณ กำแพงเมืองสูงใหญ่ก่อสร้างอย่างเป็นระเบียบ เพียงมองผ่านๆ ก็รู้แล้วว่าผังเมืองถูกออกแบบมาอย่างเป็นระบบและชวนให้สบายตายามจ้องมองเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้
ทุกคนกำลังยืนอยู่บนแท่นหินลักษณะเป็นจานทรงกลมแท่นหนึ่ง
มันถูกสร้างขึ้นมาจากก้อนหินสีน้ำเงินเข้มขนาดใหญ่ บนพื้นผิวแกะสลักเป็นรูปปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำจำนวนมาก
สายลมโชยพัด
บรรยากาศเงียบเหงาวังเวงและแปลกประหลาด ในอากาศคล้ายกับเจือปนด้วยกลิ่นคาวเลือด ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตนเองย้อนอดีตกลับมาอยู่ในสนามรบยุคโบราณมากขึ้น
พวกเขากวาดสายตามองรอบตัว
เมืองโบราณแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก
กำแพงเมืองสูงใหญ่โอบล้อมจากทุกด้าน ปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านในตัวเมือง
“ทุกคนเข้าแถว!”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงของหวังห่าวดังขึ้น
พวกเขารีบกระโดดลงจากแท่นหินมายืนรวมตัวกันบนพื้นดิน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังอดสอดส่ายสายตาสำรวจมองภูมิประเทศโดยรอบไม่ได้อยู่ดี
“ที่นี่คือดินแดนภูผามหานที มันคือโลกแห่งความจริง โลกที่ดาวเทียมไม่สามารถตรวจพบได้ และต่อให้ขุดลงมาถึงแกนโลกก็ยังหาไม่เจอ”
หวังห่าวว่า “บางที นี่อาจเป็นโลกที่มีอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณก็เป็นได้!”
ระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้
ทุกคนได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
จมูกสูดดมได้กลิ่นหอมฟุ้ง
แล้วชายหนุ่มในชุดฮั่นฝูยาวสลวยคนหนึ่งก็เดินยิ้มร่าเข้ามา
“สวัสดีครับทุกคน”
ผู้เป็นเจ้าถิ่นทักทายอาคันตุกะด้วยความเป็นมิตร “ผมคือผู้นำทางของพวกคุณ มีนามว่าโมหลี่”
“สวัสดี”
หวังห่าวจับมืออีกฝ่ายเขย่าเบาๆ
“เชิญตามผมมา”
โมหลี่พยักหน้าให้กับกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ ก่อนจะหมุนตัวและเดินนำทาง
ในเวลาเดียวกันนี้
ทุกคนก็กำลังกระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นเต้นว่า
“พลังปราณธรรมชาติโคตรบริสุทธิ์เลยแฮะ”
“ที่นี่เหมือนโลกในเกมเปี๊ยบเลยว่ะ”
“ถึงกับอึ้งไปแล้วหนึ่ง!”