เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 77 ปลูกกะหล่ำปลีพลังปราณอีกครั้ง!
บทที่ 77 ปลูกกะหล่ำปลีพลังปราณอีกครั้ง!
เมื่อเดินออกจากถนนโบราณฉางอัน ซูเย่เดินตรงไปเรื่อย ๆ และเตรียมเรียกรถมารับ เมื่อเดินไปได้ประมาณ 50 เมตร ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่ามีคนเดินตามอยู่ด้านหลัง
สะกดรอยตาม?
เมื่อไปถึงหัวมุม เขาหันหลังและหายเข้าไปในความมืดของถนน
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมถนน หันกลับไปมองที่ถนนแต่ไม่มีคนอยู่แล้ว
พวกเขารีบค้นหารอบ ๆ อย่างรวดเร็ว แต่พบว่าไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย
“ยอดฝีมือ!”
คนสะกดรอยตามอุทานออกมาด้วยเสียงบางเบา และหลังจากยืนยันว่าไม่พบเจอร่องรอยจริง ๆ เขาก็ทำได้เพียงหันหลังกลับไปอย่างจนปัญญา
กลับไปที่ถนนโบราณฉางอันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
“หืม?”
ในห้อง ชายวัยกลางคนที่เพิ่งทำการซื้อขายกับซูเย่เอ่ยถาม “ทำไมพวกนายกลับมาเร็วจัง”
“พวกเราสะกดรอยตามไปไม่ทันครับ”
เขารายงานให้ทราบข้อมูลในทันที “อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือ เราไม่ได้ละสายตาจากเขานานเกินสามวินาทีแน่นอน แต่เขาหายตัวไปในพริบตา เราค้นหาอย่างละเอียดสองครั้งแล้ว แต่เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลยครับ”
“ก็แค่อยากจะลองหยั่งเชิงดูว่าเขาจะใช่ผู้สืบทอดสำนักโบราณหรือเปล่า”
ชายวัยกลางคนโบกมือพลางเอ่ย “ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว”
“แต่ว่า มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง เดี๋ยวก็มีโอกาสอีก”
……
ซูเย่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกสะกดรอยตาม ถ้าไม่ใช่จากหอหวังเป่า ก็ต้องเป็นคนที่รับซื้อโอสถเรียกปราณ
พวกเขาก็คงแค่อยากรู้ว่าเราไปเอาโอสถเรียกปราณมาจากที่ไหนก็เท่านั้น
ซูเย่ไม่คิดมากเรื่องนี้อีก แล้วกลับไปที่หอพักมหาวิทยาลัยทันที
ซูชือและจินฟานสวมหมวก VR แล้ว และได้เข้าไปในพื้นที่สังเวียนประลองเพื่อฝึกฝนวรยุทธ์
ซูเย่เข้าสู่ระบบแอปบริจาคเงิน และเริ่มบริจาคเงินอย่างบ้าคลั่งเช่นเคยทันที
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เงินสิบห้าล้านหยวนที่เพิ่งได้รับมา ก็ไม่เหลือแม้แต่น้อย
“ติ๊ง~”
เสียงในหัวของซูเย่ดังขึ้นมาทันที
“คะแนนศีลธรรม +300”
ซูเย่ยกยิ้มเล็กน้อย
นอกจากได้ช่วยชีวิตพี่น้องไป๋ในดินแดนภูผามหานทีที่ได้เพิ่ม 2 คะแนนแล้ว บวกกับ 300 คะแนนที่ได้ตอนนี้ ทั้งหมดรวม 802 คะแนนแล้ว
อีกไม่นานก็จะได้ 1,000 คะแนน
ในตอนนี้เอง ซูเย่พบว่าคะแนนจิตสาธารณะของตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ทั้งหมดมีสองคะแนนแล้ว
อันแรกมาจากการช่วยหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนจากอัคคีภัย
ตอนนี้เพิ่มมาอีกหนึ่ง มาจากไหนกัน? ซูเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย วินาทีต่อมาเขาก็คิดออกทันที
“ช่วยมหานครตะวันออก!”
อย่างนี้นี่เอง!
ซูเย่เข้าใจโดยพลัน เขานำกองทัพมอนสเตอร์ออกไป ช่วยมหานครตะวันออกเอาไว้ เขาจึงได้รับแต้มจิตสาธารณะ!
แม้ว่าตอนนี้ฉันจะไม่รู้ว่าแต้มจิตสาธารณะมีประโยชน์อะไร แต่เมื่อเทียบกับแต้มศีลธรรมแล้ว การได้แต้มจิตสาธารณะนั่นยากกว่าหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า จนถึงตอนนี้ เพิ่งสะสมได้เพียง 2 แต้มเท่านั้น
ที่สำคัญคือ แต้มจิตสาธารณะสามารถรับได้ก็ต่อเมื่อเป็นการช่วยชีวิตคนจำนวนมากเท่านั้น
“มันอาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคต”
ซูเย่พยักหน้าเบา ๆ เมื่อเขาทำการบริจาคเงินเสร็จแล้วก็นั่งสมาธิและฝึกพลังปราณทันที
บ่ายวันถัดมา
ซูเย่ได้รับสายจากเอ้อล่ายจื่อ
“หมอเทวดาน้อย ไร่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงฤดูกาลแล้วด้วย ทุกคนเลยอยากถามว่าจะมาปลูกผักตอนไหน?”
ถึงเวลาแล้วงั้นเหรอ?
ซูเย่นึกย้อนดู เมื่อเห็นว่าครบกำหนดปลูกผักแล้วจริง ๆ ก็จึงเพิ่งคิดได้ …เขาเกือบลืมไปเลย!
“ครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเลย”
ซูเย่ไปซื้อเมล็ดผักที่ร้านค้า แล้วเรียกรถมุ่งหน้าไปหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนทันที
เมื่อมาถึงหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน
ชาวบ้านได้เตรียมการทั้งหมดแล้ว รออยู่ที่แปลงผัก รอคอยการมาถึงของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
บริเวณรอบพื้นที่เพาะปลูก เอ้อล่าจื่อและหม่าเหล่าเอ้อ พาลูกน้องสองสามคนเดินลาดตระเวนรอบ ๆ พวกเขาสวมเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่รู้ว่าพวกเขาเอามาจากไหน ทั้งยังมีหมวกอยู่บนศีรษะ ดูเหมือนเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยจริง ๆ
“ทุกคนครับ เมล็ดพืชมาแล้ว”
เมื่อซูเย่มาถึง หัวหน้าหมู่บ้านก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายเขาด้วยตนเอง และยืนกรานที่จะช่วยซูเย่ถือเมล็ดกะหล่ำปลีในกระเป๋าเป้ ก่อนตะโกนออกไปขณะที่เดินไปยังแปลงผัก
เมื่อได้ยินดังนั้น
เอ้อล่าจื่อและหม่าเหล่าเอ้อ พาชาวบ้านเข้ามาช่วยผู้ใหญ่บ้านรับเมล็ดผักไปที่พื้นที่เพาะปลูก
“ทุกคน เริ่มทำงานกันได้แล้ว ฤดูหนาวพักกันมาพอแล้ว เราจะต้องขยันทำงานให้ดีขึ้น!”
ด้านในแปลงผักมีคนตะโกนออกมา
“แน่นอน!”
ทุกคนต่างส่งเสียงตอบรับ แล้วเริ่มลงมือทำงานทันที
คนหนึ่งคอยส่งมอบเมล็ดพืช อีกคนคอยหว่านเมล็ดพืช อีกคนมีหน้าที่รดน้ำ ทุกคนแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน
ในขณะนี้ ทุกคนไม่แยกแยะว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินอีกต่อไป แต่ทำงานร่วมกันเพื่อเริ่มปลูกจากที่ดินผืนแรก และความเร็วในการปลูกก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว
“หมอเทวดาน้อย ช่วงที่ปลูกกะหล่ำปลีไม่ได้ ทุกคนก็ว่างงานจนรู้สึกเบื่อไปหมด”
เอ้อล่าจื่อพูดกับซูเย่พร้อมรอยยิ้ม
ซูเย่มองดูพวกเขาแล้วเอ่ยตอบ “ทีมรักษาความปลอดภัยของคุณทำได้ดีมาก”
“นั่นก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ”
หม่าเหล่าเอ๋อหยิบบุหรี่ที่เขาม้วนเองออกมาจุดไฟพร้อมกับเดินเข้ามาแล้วกล่าวขึ้น “ตอนนี้ฉันถึงเพิ่งเข้าใจว่าชีวิตคืออะไรและการทำงานคืออะไร ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าฉันได้ร่วมมือกับเอ้อล่าจื่อเร็วกว่านี้ ฉันคงมีฐานะดีกว่านี้แล้วใช่มั้ย”
“แกน่ะรึ จะมีฐานะดี?”
เอ้อล่าจื่อมองหม่าเหล่าเอ้ออย่างดูถูกพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ถ้าไม่ใช่เพราะหมอเทวดาน้อย แกคงถูกคนจากหมู่บ้านอื่นทุบตีจนตาย”
“วีรบุรุษไม่ได้กล่าวถึงอดีต”
หม่าเหล่าเอ๋อสูบบุหรี่พลางเอ่ยขึ้น
“ช่วงนี้ไม่มีคนมาหาเรื่องใช่ไหมครับ”
ซูเย่เอ่ยถาม
“ไม่มีเลย”
เอ้อล่าจื่อตอบทันที
“ไม่มีเรื่องอะไรเลยงั้นเหรอครับ?”
หม่าเหล่าเอ้อตอบทันที “ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอกครับ แต่คนจากหมู่บ้านอื่นได้ยินว่าหมู่บ้านเราได้พบนักลงทุนและกำลังจะรวยวันรวยพรุ่ง ก็เลยชอบมาแอบมองดู พอมาดูก็มาหาเรื่องตีกัน”
“ความขัดแย้งของตัวแกเองจะมาเกี่ยวกับหมู่บ้านของเราได้ยังไง”
เอ้อล่าจื่อเอ่ยอย่างเย็นชา
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่จะร้ายจะดีฉันก็เป็นรองหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนของพวกเรา ถ้าฉันกับลูกน้องของฉันถูกคนอื่นทุบตี หมู่บ้านของเราก็จะเสียหน้าไม่ใช่รึไง นอกจากนี้ พวกมันยังเข้ามาเหยียบย่ำดินในแปลงผักอีก ฉันก็ต้องหยุดพวกมันไหมละ”
หม่าเหล่าเอ้อกล่าวเสริมขึ้นมาอีก “ฉันกังวลจริง ๆ ว่าหลังจากที่กะหล่ำปลีโตขึ้น พวกมันจะมาขโมยกะหล่ำปลี หมอเทวดาน้อย ทำไมไม่สอนกังฟูให้พวกเราบ้างล่ะ เผื่อเอาไว้รับมือกับเหตุฉุกเฉิน”
หลังจากพูดจบ เขามองไปที่ซูเย่อย่างกระตือรือร้น ด้วยยังคงจำฉากที่ซูเย่ต่อสู้อยู่ตัวคนเดียวในคืนนั้นได้อย่างชัดเจน
มีลูกน้องคนหนึ่งอีกนิดก็จะฉี่ราดกางเกงแล้ว…
ซูเย่ยิ้มให้หม่าเหล่าเอ๋อ ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีความคิดนี้มานานแล้ว แม้ว่าเข้าจะจับสังเกตได้ แต่ก็ไม่พูดแฉออกไป
“ได้ครับ แต่ห้ามไปต่อยตีกับคนอื่น ทำได้แค่คอยคุ้มกันแถว ๆ แปลงผัก ห้ามไปมีเรื่องกับคนอื่นเด็ดขาด!”
ซูเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“สบายใจได้!”
หม่าเหล่าเอ๋อเขวี้ยงบุหรี่ลงบนพื้น เหยียบให้ไฟดับ พลางตบหน้าอกของเขาและทำนิ้วมือสาบาน
“งั้นไปกันเลย”
ซูเย่โบกมือและนำกลุ่มคนที่ดูตื่นเต้นไปยังภูเขาที่อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มจะไม่สอนให้พวกเขาฝึกมวยจีนโบราณ มันมีรูปแบบที่ยากเกินไป ถ้างั้นก็เอาเป็นศิลปะการต่อสู้สมัยใหม่ที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายอย่างมวยแบบทหารก็พอ
เมื่อเขามาถึงยอดเขา ซูเย่ก็สาธิตการชกมวยแบบทหารที่ปรับปรุงแล้ว
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ทำไมมันดูเหมือนท่าออกกำลังกายมากกว่า? มันใช้ได้จริงเหรอ?
ทุกคนกดความสงสัยเอาไว้และตั้งใจฝึกตามเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ยิ่งฝึก ยิ่งไม่มั่นใจ พวกเขานั่งลงทีละคนอย่างเหนื่อยล้า
“หมอเทวดาน้อย ที่คุณสอนมันคือกังฟูจริงเหรอ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันเหมือนท่าออกกำลังกายในวิชาพละของเด็กนักเรียนมากกว่าล่ะ”
หม่าเหล่าเอ้อนั่งยอง ๆ บนพื้นแล้วบ่น ทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วยติด ๆ กัน
“อย่าพูดมากดิวะ”
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังตั้งคำถามกับซูเย่ เอ๋อล่ายจื่อก็พูดอย่างไม่พอใจทันที “การฝึกออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แกอย่าพูดมาก!”
ทันทีที่เขาพูดจบ หม่าเหล่าเอ้อและคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะทำหน้าบึ้งโดยพลัน
“คุณคิดว่ามันไม่มีประโยชน์เพราะคุณยังไม่เข้าใจ”
ซูเย่ยิ้มพร้อมเอ่ยตอบ “ถ้าไม่เชื่อ ให้ผมลองดูไหมล่ะ ผมคนเดียวจัดการพวกคุณทุกคนโดยท่าที่สอนเมื่อกี้”
“มาลองดูก็ได้”
หม่าเหล่าเอ้อยืนขึ้น กวักมือเรียกพี่น้องหลายคนของเขา และตะโกนบอกทุกคน “ทุกคนไม่ต้องยั้งมือนะ คุณซูเก่งเรื่องการต่อสู้มาก”
“หมอเทวดาน้อย ผมอยู่ข้างคุณ”
เอ้อล่ายจื่อเดินมายืนอยู่ข้างซูเย่ทันที
“คุณไปอยู่ฝั่งนั้นด้วย”
ซูเย่กล่าว
“อะไรนะ?”
เอ้อล่ายจื่อผงะไปชั่วครู่
“ผมบอกแล้วไง ว่าผมคนเดียว”
ซูเย่กล่าวเสริม “ตอนนี้คุณอยู่ในทีมรักษาความปลอดภัย คุณเป็นหัวหน้าทีม พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกน้องของคุณ พวกคุณต้องสามัคคีกัน โอเคไหมครับ”
“อื้ม”
เอ้อล่ายจื่อรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเดินไป ถ้าเจ้าพวกนั้นทำให้หมอเทวดาน้อยได้รับบาดเจ็บละก็.. เขาพร้อมกลับลำทันที!
“เข้ามา”
ซูเย่โบกมือให้ทุกคน
“สัญญาแล้วนะว่าจะใช้แค่ท่าที่สอนเราเมื่อกี้นี้!”
หม่าเหล่าเอ้อตะโกนเตือนเสียงดัง
“วางใจได้ครับ”
ซูเย่พยักหน้ายืนยัน
“พวกเรา ไป!”
หม่าเหล่าเอ้อตะโกนส่งสัญญาณ และพาลูกน้องสองสามคนพุ่งตัวเข้าหาซูเย่อย่างดุเดือดทันที
แต่ผลลัพธ์
ผลั่ก!
เพียงแค่ไม่กี่ฝ่ามือ หลายคนพลันล้มลงกับพื้น ท่าที่ซูเย่ใช้คือ ‘ท่าออกกำลังกายวิชาพละ’ ที่ซูเย่เพิ่งสอนพวกเขามาจริง ๆ ทุกคนล้มลงกับพื้นพร้อมกับความตกตะลึง สมองของพวกเขาสับสนเล็กน้อย
ท่าออกกำลังกายวิชาพละมันเจ๋งมากแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
หม่าเหล่าเอ้อลุกขึ้นจากพื้นและพูดอย่างตื่นเต้น
“ยัง ยัง ยังจะมัวอึ้งค้างกันอีก รีบไปฝึกสิวะ!”
“อ้อ อ้อ ได้ ได้”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มฝึกต่ออย่างกระตือรือร้น
ซูเย่อธิบายเสริม “คุณหัวหน้าครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะต้องฝึกทุกเช้าเย็น ถ้าใครไม่ฝึก ให้หาคนใหม่มาแทน”
“วางใจได้”
เอ้อล่ายจื่อรีบพยักหน้าทันที
พวกหม่าเหล่าเอ้อเมื่อได้ยินพลันรู้สึกชอกช้ำระกำใจ หาเรื่องเพิ่มให้ตัวเองแท้ ๆ ถูกอัดไปหนึ่งรอบ แล้วยังต้องฝึกเพิ่มอีก
“โอเคครับ เรื่องทางนี้จัดการกันให้เรียบร้อย ผมขอตัวกลับก่อน”
ซูเย่หันไปพูดกับเอ้อล่ายจื่อ
“หมอเทวดาน้อย”
เอ้อล่ายจื่อตะโกนรั้งซูเย่ไว้ “คุณไปครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ผมแค่อยากถามว่าถ้าผักโตแล้ว พวกสัตว์ป่าก็จะมาขโมยกินอีก เราจะทำยังไงดี”
สัตว์ป่า?
ซูเย่ขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงสิ่งที่เอ้อล่ายจื่อบอกเขาในตอนนั้น สัตว์ป่าในภูเขาชอบเข้ามาขโมยกะหล่ำปลี
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พวกมันคงไม่มากันแล้ว ผมจะหาวิธีจัดการเอง…”
“ได้ครับ”
เอ้อล่ายจื่อพยักหน้ารับรู้ และเริ่มกำกับดูแลการฝึกฝนของหม่าเหล่าเอ้อและคนอื่น ๆ
ซูเย่มองดูภูมิประเทศโดยรอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ขึ้นไปบนภูเขา เขากำลังจะตั้งค่ายกลย้อนกลับ เพื่อกั้นไม่ให้สัตว์ป่าพวกนั้นเข้ามาได้ และถึงแม้พวกมันจะบุกเข้ามาได้ พวกมันก็จะวนออกไปเอง
“ติ๊ดติ๊ด…”
ในตอนนี้เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาดู เห็นว่าเป็นข้อความจากหวังห่าว
“คืนนี้พื้นที่ระดับ 40-50 เปิดแล้ว อย่าลืมออนไลน์ให้ตรงเวลา”
ในที่สุดก็มาสักที!