เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 1 ลูกไฮโซเศษสวะ
บทที่ 1 ลูกไฮโซเศษสวะ
“ที่ให้แสดงตัว เพราไม่ว่ายังไงหนูตัวน้อยก็ยังต้องออกสู่แสงสว่าง”
ซูเย่เอ่ยอย่างราบเรียบ
อีกฝ่ายผงะไป ทันใดนั้น อีกร่างหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกับเขา ก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากข้างหลังเขา
“น่าสนใจ”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน “น่าเสียดาย อีกเดี๋ยวจะต้องพิการ!”
“ทำไมถึงมาหาเรื่องฉัน?”
ซูเย่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“รอแกมือหักก่อนแล้วฉันจะบอก”
อีกฝ่ายเอ่ยตอบเสียงเย็น ทว่า ก่อนที่คำพูดจะจบลง ร่างหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาทันที นั่นคือซูเย่ เขาพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว!!
ผู้ที่สะกดรอบตามทั้งสองยังไม่ทันได้ตอบโต้ หนึ่งในนั้นถูกซูเย่คว้าคอขึ้นมา แล้วเหวี่ยงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
“ปัง!”
“รนหาที่ตาย!”
เสียงตวาดดังขึ้น พลันปรากฏเงาแสงที่เย็นยะเยือก ทั้งสองรีบวิ่งตรงไปข้างหลังซูเย่ จ้วงมีดในมือของเขาโดยเล็งไปจากหลังของซูเย่ ทว่าก่อนที่มีดสั้นจะกรีดผ่านผิวเนื้อลงไป
ซูเย่พลันหันกายกลับมาประจันหน้ากับอีกฝ่ายได้ทันท่วงที
“ผลั่ก!”
หมัดปะทะเข้ากับใบหน้าของคู่ต่อสู้ ทำให้อีกฝ่ายกระเด็นออกไป แค่สองวินาทีเท่านั้น คนสองคนที่บอกว่าจะหักแขนซูเย่ก่อนหน้านี้ก็ลงไปนอนกองอยู่บนพื้นแล้ว
“แก แก……”
แววตาตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าของทั้งศัตรูทั้งสอง
“ตอนนี้แกสามารถพูดได้ว่าใครส่งแกมาที่นี่”
ซูเย่เช็ดมือบนปลายเสื้อราวกับกลัวว่ามือตัวเองที่ต่อยอีกฝ่ายจะสกปรก พลางเอ่ยถาม
จากการเผชิญหน้าช่วงสั้น ๆ ในตอนนี้ ปราณในร่างกายของคู่ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งเท่าทีมสืบสวน และไม่ดีเท่าองค์กรที่เคยเจอก่อนหน้านี้ มีโอกาสเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ฝึกยุทธ์พเนจร
ซูเย่ย่อตัวลงและเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “บอกฉันมาว่าใครสั่งให้พวกแกมา”
ทั้งสองมองหน้ากัน พยายามลุกขึ้นเพื่อหลบหนี ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนอย่างหนักเพียงใด ก็ไม่มีกำลังในร่างกายของพวกเขา และรู้สึกราวกับว่าพลังงานในร่างกายของพวกเขาเหือดหายไปหมด
สีหน้าของชายสองคนเปลี่ยนไปโดยพลัน
“กะ แกทำอะไรกับพวกฉัน”
หนึ่งในนั้นถามด้วยความตื่นตระหนก
“ก็แค่ทำให้พวกแกกลายเป็นเศษสวะน่ะสิ ไม่ต้องตกใจไปหรอก”
ซูเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “แม้ว่าจะน่าเสียดายนิดหน่อย ที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับห้าจะน้อยลงไปสองคน”
เมื่อทั้งสองได้ยิน ดวงตาของพวกเขาพลันเบิกกว้าง
ทั้งสองมองหน้ากัน พยายามลุกขึ้นเพื่อหลบหนี ทว่าใช้พลังไม่ได้อีก? ทั้งสองได้กระตุ้นพลังปราณของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าทำยังไงก็ไม่มีผล ทั้งสองราวกับถูกฟ้าผ่าในทันใด และเข้าสู่ภาวะตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์
พวกเขาฝึกมากเป็นสิบปี บอกว่าใช้ไม่ได้อีกต่อไปก็ใช้ไม่ได้จริง ๆ แล้วหรือ?
เป็นเพราะแก! ทั้งสองจ้องไปทางซูเย่อย่างโกรธแค้น ราวกับอยากจะจับเขาฉีกเป็นชิ้น ๆ
“นี่ หยุดมองแบบนั้นได้แล้ว ฉันจะบอกให้นะว่าฉันมีความสามารถในการฆ่าอำพรางศพไม่น้อย”
ซูเย่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งสองคนตกใจมาก และนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาไม่มีแรงจะตอบโต้อีกต่อไป ใบหน้าของพวกเขาซีดลงทันใด
“การกระทำของแกเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนว่าพวกแกคงทำแบบเดียวกันมาไม่น้อย นี่เป็นผลจากการกระทำของพวกแก อ้อ.. ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันนะ ตอนนี้แกบอกมาได้แล้วว่าใครส่งแกมาที่นี่”
“ถ้าพวกแกไม่พูดเรื่องนี้ ฉันจะส่งตัวพวกแกให้ทีมสืบสวน ถ้าเป็นแบบนั้น พวกแกจะไม่ใช่แค่ไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้อีกต่อไป แต่แกยังต้องนอนเน่าตายในคุกด้วย”
รอยยิ้มของซูเย่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วแผ่นหลัง
“จินเฉิน”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน กัดฟันพูดอย่างโกรธเคือง “เขาจ้างเราให้มาที่นี่โดยบอกว่าระดับของอีกฝ่ายคือขั้นสาม..”
ทั้งสองพลันนึกโมโห นี่มันข้อมูลอะไรกันเนี่ย! ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายเก่งขนาดนี้ตีพวกเขาให้ตายพวกเขาก็ไม่มา!
“จินเฉิน?”
ซูเย่พลันขมวดคิ้วแน่น จินเฉินก็คือลูกเศรษฐีที่ตามจีบไป๋จือหราน เป็นเขานี่เอง..
“ลุกขึ้น พาฉันไปหาจินเฉิน”
ซูเย่ดึงทั้งสองคนขึ้นพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เพราะเขาเป็นต้นเหตุ ถ้าอยากแก้แค้นเขา ก็ลุกเร็วเข้า”
เมื่อทั้งสองได้ฟัง ก็รู้สึกว่าที่ซูเย่พูดมามีเหตุผล!
ทั้งสองแอบชำเลืองมองซูเย่ด้วยความสยดสยอง ผู้ชายคนนี้..น่ากลัวเกินไป ทุกคำสามารถกระตุ้นการกระทำของพวกเขาให้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเขาต้องการได้
ซูเย่ส่งข้อความถึงเซียวจวิ้นขณะที่เดินออกจากเขตมหาวิทยาลัย
“เกิดเรื่องนิดหน่อย รอผมก่อน”
……
ในเวลาไม่นาน พวกเขาสองคนก็พาซูเย่มาถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองจี้หยาง ห้องสวีท ชั้นที่ 30
“ติ๊งต๊อง…”
พวกเขากดกริ่งหน้าห้องทันที จากนั้นไม่นาน ตาข้างหนึ่งเหลือบมองออกไปนอกประตูผ่านตาแมว และเมื่อเห็นว่าเป็นคนสองคนที่คุ้นหน้า เขาก็ไปรายงานเจ้าของห้องทันที
“เสร็จแล้วเหรอ ให้พวกเขาเข้ามา”
ประตูถูกเปิดออก ทั้งสองเดินเข้าไปข้างในโดยมี ซูเย่ถูกบังอยู่ด้านหลังพวกเขาและเดินเข้าไปพร้อมกัน คนที่เปิดประตูเห็นซูเย่เดินเข้ามา อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกฝ่ามือฟาดที่หลังคอสลบเหมือดไป
ทั้งสองมองที่ซูเย่ด้วยความประหลาดใจ อีกฝ่ายดูเป็นมืออาชีพมาก… เทียบกับพวกเขาแล้วอีกฝ่ายยังดูมืออาชีพกว่าเสียอีก!
เมื่อปิดประตูลง พวกเขาก็เดินมาที่ห้องนั่งเล่น ในขณะนี้จินเฉินกำลังนั่งโอบกอดกับสาวสวยคนหนึ่งอยู่บนโซฟา
“เสร็จแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา จินเฉินก็หัวเราะออกมาในทันที แต่พอเขาเห็นซูเย่เดินออกมาจากด้านหลังของทั้งสองพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันใด
“จินเฉิน?”
ซูเย่ยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “นายน้อยจินมีเจตนาฆ่ากันแบบนี้… เราเพิ่งเคยเจอหน้ากันสองครั้งเองไม่ใช่เหรอ?”
“นายไม่เป็นอะไรงั้นเหรอ?!”
จินเฉินลุกขึ้นยืนทันที เขามองไปที่ซูเย่ด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก
สายตาของเขาเปลี่ยนจากร่างของซูเย่ไปยังผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับห้าสองคนที่ส่งไป และตวาดด้วยความโกรธ
“พวกแกทรยศฉัน!”
“เหอะ แกทำตัวไม่จริงใจซะก่อน”
หนึ่งในนั้นพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันถูกทำเป็นเศษสวะ และฉันไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้อีกต่อไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของจินเฉินหรี่ลงเล็กน้อย
“จะเป็นไปได้ยัง?”
“นายคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับห้าไม่ใช่หรือ?”
จินเฉินเริ่มตื่นตระหนก
“ดูเหมือนว่านายจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอันดับลูกรักสวรรค์”
ซูเย่กล่าว แล้วเขาพลันนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับการดำรงอยู่ของอันดับลูกรักสวรรค์
“อันดับลูกรักสวรรค์อะไร?!”
ซูเย่เดินเข้าไป
จินเฉินออกกระบวนท่าทันที แต่เขาต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเมื่อต่อยซูเย่ อีกฝ่ายกลับไม่เป็นอะไรเลย!
ภายใต้สายตาที่ตื่นกลัวเล็กน้อย ซูเย่คว้าคอของเขายกขึ้น
“นี่คืออันดับลูกรักสวรรค์”
ซูเย่เปิดอันดับลูกรักสวรรค์ขั้นสามจากโทรศัพท์มือถือของเขา วางไว้ต่อหน้าอีกฝ่าย และพูดอย่างเย็นชา
จินเฉินพยายามดิ้นรนหนีจากมือของซูเย่และมองหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นชื่อในอันดับแรก รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที
“กะ..แกเคยเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับหนึ่ง?!”
อะไรนะ?! สองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันตกตะลึง ไม่น่าละ อีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาจริง ๆ
“เธอยังไม่ไปเหรอ?”
ซูเย่เก็บโทรศัพท์มือถือลงไป แล้วเหลือบไปมองหญิงสาวที่อยู่อีกฟากของโซฟา
เมื่อได้ยินดังนั้น อีกฝ่ายก็ลุกวิ่งออกไปนอกห้องทันที เมื่อรอให้อีกฝ่ายออกไป ซูเย่ก็หันหน้ากลับมามองจินเฉินอีกครั้ง แววตาเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ และขณะเดียวกันก็เพิ่มแรงลงไปที่มือ
“แค่ก..แค่ก.. นาย..จะทำอะไร”
สีหน้าของจินเฉินเปลี่ยนไป
“ฉัน ลุงของฉันเป็นยอดฝีมือขั้นสี่ระดับห้านะ! หากนายกล้าแตะต้องฉัน จะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”
เขาพยายามข่มขู่ซูเย่
“ผลั่ก!”
ซูเย่ต่อยลงไปบนท้องอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย พลังปราณทะลุเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย จุดตันเถียนพลันแตกสลาย!
ร่างกายของจินเฉินสั่นเทา เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด แต่ในวินาทีต่อมา เมื่อพยายามกระตุ้นพลังปราณในร่างกาย พลันพบว่าไม่มีพลังงานปราณแม้แต่น้อยในร่างกาย!!
“แก แกทำอะไร?”
จินเฉิงมองไปทางซูเย่ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด
“ยินดีด้วย นายกลายเป็นเศษสวะแล้วเหมือนกัน ครั้งนี้ฉันจะจัดการแค่พลังปราณของนายไปก่อน ครั้งหน้าถ้ายังกล้ามายุ่งกับฉันอีก นายอาจจะได้หายไปจากโลกนี้”
ซูเย่มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา สะบัดมือออกไป ทำให้อีกฝ่ายกระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง
สีหน้าของจินเฉินพลันซีดเซียว ไม่มีพลังปราณ… เขาไม่มีพลังปราณอีกแล้ว!!
ซูเย่หันกลับมา ชำเลืองมองสองคนข้างหลังเขาอย่างเย็นชา พลางกล่าว “เป็นคนธรรมดาและช่วยเหลือสังคม”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
ทั้งสองคนผงะไป พวกเขาหันมองไปที่จินเฉินอย่างโกรธเคือง และจากไป
“ซูเย่!!!”
ห้านาทีต่อมา หลังจากยืนยันว่าซูเย่ไปไกลแล้ว จินเฉินก็คำรามด้วยความโกรธ หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วต่อสายโทรออก
“คุณลุงครับ ผมถูกคนทำให้ฝึกยุทธ์ไม่ได้แล้ว! คุณลุงต้องล้างแค้นให้ผม!!!”
……
สามสิบนาทีต่อมา ชายวัยกลางคนในชุดถังสีขาวรีบเข้ามาด้วยใบหน้ากังวล
“ให้ลุงดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น!”
โดยไม่ต้องรอให้จินเฉินพูด ชายวัยกลางคนเดินตรงไปและเริ่มตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ฉับพลันใบหน้าของเขาดูมืดมนลงไป
พลังปราณของอีกฝ่ายเคลื่อนไปถึงจุดตันเถียนที่ไม่มีอีกต่อไป นี่เป็นสัญญาณว่าจุดตันเถียนถูกทำลายและไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้!
“มันเป็นใคร?!”
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นอย่างโมโหสุดขีด
“มันชื่อซูเย่!”
จินเฉินกัดฟันพูด “ผมส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับห้าไปจัดการมันสองคน แต่ถูกมันตลบหลังได้หมด แล้วมันยังให้ผมดูตารางอันดับลูกรักสวรรค์ ซูเย่อยู่อันดับหนึ่ง เคยเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับหนึ่ง ”
“ลูกรักสวรรค์อันดับหนึ่ง? หนึ่งคนจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับห้าสองคน? เคยเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับหนึ่ง?”
ชายวัยกลางคนเค้นเสียงเอ่ย “ทีมสืบสวน!”
อีกฝ่ายเดาได้ทันทีว่าซูเย่เป็นคนของทีมสืบสวน มีเพียงคนของทีมสืบสวนเท่านั้นที่จะอยู่ในตารางอันดับลูกรักสวรรค์
สีหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมลง เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์พเนจร พวกทีมสืบสวนมีความสามารถเกินไป หาเรื่องไม่ได้ง่าย ๆ
“คุณลุง คุณลุงต้องช่วยผมแก้แค้น!”
จินเฉินขอร้องอ้อนวอนอีกฝ่าย พลางส่งเสียงร้องไห้อย่างไม่อายสายตาใคร
เมื่อเห็นหลานชายของตัวเองน่าสงสารเช่นนี้ ใบหน้าของชายวัยกลางคนก็มืดมนยิ่งขึ้น และในที่สุดเขาก็กัดฟันและเอ่ยตกลง
“ได้! ลุงจะล้างแค้นให้เอง!”
“ฝึกยุทธ์ไม่ได้ก็ช่างมันประไร เป็นการดีที่จะเป็นผู้สืบทอดธุรกิจครอบครัว! หนี้แค้นนี้ลุงจะทวงคืนให้เอง!”
“หลานกลับบ้านไปพักก่อน ลุงจะไปแก้แค้นให้!”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
……
ไม่นานก็มาถึงเมืองจี้หยาง
หน่วยงานแห่งหนึ่งในเมืองจี้หยาง
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรครับ”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รุดเข้ามาขวางทางอีกฝ่ายทันที
“ฉันมาหาเกาหรงกวง”
ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบ “บอกเขาว่าฉันคือจินซานไห่”
“รอสักครู่นะครับ”
พนักงานคนนั้นรีบเข้าไปรายงานทันที
จากนั้นไม่นาน ประตูก็เปิดออก ชายร่างกำยำในวัยสี่สิบต้น ๆ เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาคือสารวัตรทีมสืบสวนเมืองจี้หยาง เกาหรงกวง
“ได้ยินชื่อมานาน”
เกาหรงกวงพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเคยได้ยินชื่อจินซานไห่ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรมาเป็นเวลานาน สมคำล่ำลือ!”
“ฉันต้องการเข้าร่วมทีมสืบสวน”
จินซานไห่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเกาหรงกวงกว้างยิ่งกว่าเดิม และมีความประหลาดใจเล็กน้อยในดวงตาของเขา แต่เขาพูดด้วยรอยยิ้มทันที “ยินดีต้อนรับ! เอกสารการพิจารณาของคุณไม่มีปัญหาแน่นอน และคุณสามารถเข้าร่วมทีมสืบสวนได้เลย”
“ไม่!”
จินซานไห่ส่ายหัวทันที เขาหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยตอบ “ฉันต้องการทำตามประเพณีดั้งเดิมของทีมสืบสวน!”
“หืม?”
ประเพณีดั้งเดิม?! เกาหรงกวงผงะไป ดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เมื่อมองไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย เขาก็สับสนเล็กน้อยและรอยยิ้มบนใบหน้าก็เริ่มจางหายไป
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนก่อตั้งทีมสืบสวนของคุณ มีประเพณีดั้งเดิม ถ้าหากต้องการเป็นสมาชิกของทีมสืบสวน จะต้องเอาชนะสมาชิกทีมสืบสวนก่อน ฉันไม่รู้ว่าจำถูกหรือเปล่า!”
จินซานไห่กล่าว