เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 2 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ขั้นห้าส่งสาสน์ท้าซูเย่!
- Home
- เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]
- บทที่ 2 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ขั้นห้าส่งสาสน์ท้าซูเย่!
บทที่ 2 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ขั้นห้าส่งสาสน์ท้าซูเย่!
“มีกฎแบบนี้อยู่จริง”
เกาหรงกวงพยักหน้ารับ พลางเอ่ยเสริม “แต่ว่า ดูจากระดับของคุณแล้ว ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้”
“ฉันต้องทำแบบนั้น! ฉันไม่ต้องการแหกกฎ!”
จินซานไห่เอ่ยเสียงขรึม
“ใคร?”
เกาหรงกวงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาสามารถฟังออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมทีมสืบสวนอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เห็นได้ชัดว่าคิดใช้กฎของทีมสืบสวนเพื่อต่อสู้กับใครคนใดคนหนึ่งของทีมสืบสวนอย่างยุติธรรมและเปิดเผย!
เป็นใครกันแน่ที่ทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวเช่นนี้
“ซูเย่!”
จินซานไห่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หืม?”
เกาหรงกวงขมวดคิ้วโดยพลัน
ซูเย่? ชื่อนี้เขาได้ยินบ่อย ในช่วงที่ผ่านมานี้ซูเย่รายงานข้อมูลหลายอย่าง เป็นอันดับหนึ่งของอันดับลูกรักสวรรค์ขั้นสามและเป็นต้นกล้าที่ดีที่ผู้บริหารระดับสูงชื่นชม
จินซานไห่อยากต่อสู้กับซูเย่?
“ซูเย่เพิ่งเข้าสู่ทีมอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน เขาไม่อยู่ในขอบเขตคำท้าของคุณ ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณเป็นยอดฝีมือขั้นสี่ระดับห้า ส่งสาส์นท้ารบให้รุ่นเด็กกว่าที่อยู่ขั้นสามระดับสี่ คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่”
เกาหรงกวงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นอกจากเขาแล้ว เปลี่ยนเป็นใครก็ได้”
“ไม่เปลี่ยน!”
จินซานไห่ส่ายหัวและพูดอย่างหนักแน่น “ฉันจะท้ากับเขา”
“กฎไม่เป็นกฎแบบนี้ หรือว่าทีมสืบสวนของคุณไร้ความน่าเชื่อถือ? เอาละ อย่าเสียเวลาพูดเหลวไหลอีกเลย บอกซูเย่ว่าฉันต้องการท้าสู้กับเขา สามวันถัดไป ตอนเช้า ฉันจะรอที่ทะเลสาบซินเยว่!”
จินซานไห่เอ่ยเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจ หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังและจากไปโดยไม่ให้โอกาสเกาหรงกวงปฏิเสธอีก
เกาหรงกวงมองไปที่แผ่นหลังของจินซานไห่ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือที่แม้แต่ตัวเขายังยากที่จะรับมือ
“ไปสืบสาเหตุมา”
เกาหรงเกายกข้อมือขวาที่สวมนาฬิกาขึ้นมาเอ่ยความต้องการของเขาลงไป
ไม่นาน
“บี๊บบี๊บ…”
ทันทีที่เขากลับมาถึงห้องทำงาน นาฬิกาสื่อสารบนข้อมือของเขาก็สว่างขึ้น
“พบข้อมูลแล้ว หลานชายของจินไห่ซาน ชื่อจินเฉิน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งหรือสอง ไปจ้างผู้ฝึกยุทธ์พเนจรขั้นสามระดับห้ามาสองคนจัดการซูเย่ แต่ถูกซูเย่ตลบหลังทั้งหมด จากนั้นซูเย่แก้แค้นจินเฉิน โดยการทำลายจุดตันเถียน”
“ข้อมูลนี้มาจากผู้ฝึกยุทธ์พเนจรขั้นสามระดับห้าสองคนนั้น จินซานไห่อาจต้องการแก้แค้นซูเย่ให้หลานชายของเขา ตามการคาดเดาของหน่วยข่าวกรอง จินซานไห่รู้ว่าซูเย่เป็นสมาชิกของทีมสืบสวน และเขาไม่กล้าจัดการซูเย่โดยพละการ จึงอาศัยกฎของทีมสืบสวนเพื่อการแก้แค้นส่วนตัว!”
“โอเค ฉันเข้าใจ”
เกาหรงกวงพยักหน้าอย่างเข้าใจแจ่มชัดและกดวางสาย
“ซูเย่ ซูเย่…จินซานไห่!”
เกาหรงกวงขมวดคิ้วแน่น แน่นอนว่าเขาต้องการปกป้องซูเย่ เพราะศักยภาพของซูเย่มีสูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกัน และเป็นการค้นพบต้นกล้าที่ดีที่สุดจากแผนขยายจำนวนผู้ฝึกยุทธ์ผ่านเกม Fantasy Dream!
คนคนนี้เขาต้องคุ้มครองให้ดี!
แต่หมากกระดานนี้อีกฝ่ายก็ร้ายกาจเกินไป ยอดฝีมือขั้นสี่ระดับห้า ผู้ซึ่งไม่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีทางการเมืองใดใด ต้องการเข้าร่วมทีมสืบสวน เขาจะปฏิเสธก็ไม่ได้
เมื่อถูกปฏิเสธ มันจะสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของทีมสืบสวนอย่างแน่นอน
อีกฝ่ายเรียกร้องอย่างแข็งขันให้ปฏิบัติตามกฎของทีมสืบสวน และในฐานนะคนของทีมสืบสวน เขาก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายให้ไม่ปฏิบัติตามกฎหรือฝ่าฝืนกฎด้วยตัวเขาเอง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การแก้แค้นของจินซานไห่กับซูเย่ในครั้งนี้คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“ซูเย่ตกอยู่ในอันตราย!”
เกาหรงกวงถอนหายใจและครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหา
คงทำได้เพียงทำให้เต็มที่เท่านั้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายหาเซียวจวิ้นผู้รักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าทีมของเขตมหาวิทยาลัย
“สวัสดีครับ”
อีกฝ่ายรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องถามเรื่องอื่น ลุงของจินเฉิน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับห้า ต้องการเข้าร่วมทีมสืบสวนและต้องการท้าซูเย่ จดหมายท้าจะถึงมือนายในไม่ช้า”
“จากการสืบสวน จินซานไห่ไม่ได้อยากเข้าร่วมจริง ๆ เขาแค่ต้องการท้าสู้กับซูเย่เท่านั้น”
“ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาอาจจะลงมืออย่างรุนแรง หลังจากที่ทางนายได้รับจดหมายท้าแล้ว แจ้งซูเย่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางออกเดียวคือตอนต่อสู้ให้ยอมแพ้ทันที!”
“จินซานไห่? ขั้นสี่ระดับห้า?”
เมื่อเซียวจวิ้นได้ยินเรื่องพวกนี้ เขาก็กังวลทันที ด้วยเคยได้ยินชื่อนี้ อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือผู้ฝึกยุทธ์พเนจรแห่งเมืองจี้หยางที่แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งพอที่จะพูดได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในขั้นสี่ระดับห้า!
คนนี้คิดไม่ซื่อต่อซูเย่!
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เซียวจวิ้นรีบต่อสายหาซูเย่ทันที
“นายอยู่ไหน?”
ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย เซียวจวิ้นพูดอย่างรีบร้อน “ฉันจะไปหานาย!”
”ห้องสมุด”
ซูเย่วางหนังสือในมือลง คำนวณเวลา และเดินออกจากห้องสมุด
เซียวจวิ้นมาถึงหน้าประตูห้องสมุดแล้ว
“นายถูกส่งคำท้า!”
เซียวจวิ้นมองซูเย่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และเอ่ยพูดขณะที่เดินไปที่ที่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ “อีกฝ่ายคือจินซานไห่ เป็นยอดฝีมือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับห้า เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกัน”
“เขามาท้าผมทำไม”
ซูเย่เอ่ยถาม
“ตามข้อมูล เขาเป็นลุงของจินเฉิน! นายรู้จักจินเฉินหรือเปล่า?”
เซียวจวิ้นเอ่ยถามอย่าร้อนรน เขาไม่มีข้อมูลอื่นและไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของซูเย่และจินเฉิน
“มีเรื่องกันนิดหน่อย ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
ซูเย่ยักไหล่พลางเอ่ยตอบ
“จัดการเรียบร้อยอะไรเล่า!”
เซียวจวิ้นเอ่ยอย่างจนปัญญา “ลุงของอีกฝ่ายมาหาเรื่องถึงที่ขนาดนี้!”
“ในตอนแรกของการก่อตั้งทีมสืบสวนมีกฎดั้งเดิม ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรที่ต้องการเข้าร่วมทีมต้องชนะสมาชิกในทีมให้ได้ จินซานไห่ บังเอิญเป็นผู้ฝึกยุทธ์พเนจร ดังนั้นเขาจึงใช้กฎนี้เพื่อท้านาย แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือการล้างแค้นส่วนตัว!”
“กฎค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล”
ซูเย่กล่าว
“ทุกคนรู้”
เซียวจวิ้นยิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ยตอบ “แต่มันไม่มีทางอื่นแล้ว บางทีมันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต กฎนี้ถูกกำหนดไว้ในตอนแรก เพื่อทำให้ทีมสืบสวนมีชื่อเสียงที่แข็งแกร่ง”
“ยังไงก็ตามนายไม่สามารถหลบเลี่ยงการท้าครั้งนี้ได้ และวิธีเดียวที่เราคิดได้ในตอนนี้คือให้นายยกธงขาวตั้งแต่เริ่มต้น”
เซียวจวิ้นเอ่ยอย่างเร่งรีบ “จำไว้ว่านายต้องยอมแพ้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าจินซานไห่เป็นผู้ฝึกยุทธ์พเนจร แต่ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย วิธีฝึกบางอย่างของเขาตกทอดมาจากผู้ฝึกยุทธ์โบราณและมีพลังมาก!”
“แม้ว่านายจะเป็นอันดับหนึ่งในอันดับลูกรักสวรรค์ขั้นสาม และเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ได้ แต่นายสู้อีกฝ่ายไม่ได้แน่!”
ซูเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “ไม่ต้องกังวล ผมรู้แล้วว่าต้องทำอะไร”
ซ่อน?
เขาไม่ได้คิดจะหลบซ่อนหรอกนะ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องยอมแพ้
หลังจากที่เซียวจวิ้นจากไป ซูเย่กลับมาที่ห้องสมุดและอ่านหนังสือต่อไปอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ในแชทกลุ่มของพรรคถู่โช่วจย้าเทียน
“ข่าวซุบซิบ ลูกพี่ซูถูกคนท้าต่อสู้โดยใครบางคน ฉันเพิ่งไปทำธุระที่ทีมสืบสวนมา ฉันได้ยินข่าวนี้จากสมาชิกคนหนึ่งของทีม ว่าผู้ท้าคนนั้น ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์พเนจรที่เก่งมาก! ลูกพี่ซูครั้งนี้ตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”
“ท้าสู้กับลูกพี่ซู?”
“บ้าจริง ทำไมต้องมาท้าลูกพี่ซู?”
“ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรที่เก่งมาก? เก่งแค่ไหน? ข่าวถูกต้องหรือไม่ ลูกพี่ซูรู้เรื่องหรือยัง”
“ในความเห็นของฉัน ลูกพี่ซูของเราโด่งดังเกินไป ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรเหล่านี้มีแต่ความอิจฉาริษยาเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาเลยมาท้าลูกพี่ซู”
ในกลุ่มวีแชททุกคนต่างพูดคุยกันอย่างถึงพริกถึงขิง
“สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่?”
ไป๋จือหรานที่ปกติไม่ค่อยพิมพ์คุยในแชท ครั้งนี้พิมพ์ถามออกไปอย่างเป็นกังวลทันที
“เมื่อกี้ฉันไปสถานีตำรวจและได้ยินสมาชิกทีมสองคนคุยกัน ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับลูกเศรษฐีนั่น อีกฝ่ายส่งคนไปหาเรื่องลูกพี่ซู แต่ถูกเล่นงานคืน ว่ากันว่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรคนที่ว่าก็คือลุงของไอ้ลูกเศรษฐีนั่น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดอยากจะเข้าร่วมทีมสืบสวนด้วยซ้ำ พอเกิดเรื่องเขาเลยมาขอเข้าร่วม เพื่อใช้กฎดั้งเดิมของทีมท้าทายลูกพี่ซู ซึ่งอาจจะเป็นการแก้แค้นส่วนตัว”
คนแรกที่มาส่งข่าวในแชทกลุ่มตอบกลับอย่างรวดเร็ว แล้วเสริมว่า “ฉันได้ยินมาว่าคนที่กำลังจะท้าทายลูกพี่ซู เขาแข็งแกร่งมาก และแม้แต่เกาหรงกวงสารวัตรทีมสืบสวนแห่งเมืองจี้หยางก็ยังต้องไว้หน้าเขาหลายส่วน ส่วนอีกฝ่ายอยู่ระดับไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ต้องแข็งแกร่งกว่าลูกพี่ซูแน่ ๆ!”
“ไม่จริงมั้ง?”
“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นลูกพี่ซูก็กำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ?”
“ไม่ได้การ ฉันจะไปหาเซียวจวิ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
พี่น้องในกลุ่มทุกคนเริ่มกระสับกระส่ายและรู้สึกเป็นกังวลแทนซูเย่
……
หอพักหญิง สถาบันดนตรีซิงเหมิง
เมื่อเห็นน้องสาวของเธอที่กำลังใช้แล็ปท็อปของเธอเพื่อจำลองและศึกษากระบวนท่าต่าง ๆ นับไม่ถ้วน ไป๋จือหรานก็ไม่คิดจะเข้าไปรวบกวน เธอหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกจากหอพักเพียงคนเดียว
เธอรู้ดีว่าซูเย่เดือดร้อนเพราะเธอ ไม่อย่างนั้น อยู่ดี ๆ สองฝ่ายจะขัดแย้งกันโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง และต้นตอของปัญหาที่ซูเย่เผชิญในครั้งนี้มาจากตัวของเธอเอง
“เห้อ……”
ในห้องสมุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รบกวนผู้อื่น ซูเย่จึงปิดเสียงโทรศัพท์ของเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรับข่าวสารใด ๆ ได้ ไป๋จือหรานจึงโทรหาซูชือแทน
เมื่อรู้ว่าซูเย่อยู่ที่ห้องสมุด เธอก็รีบรุดไปทันที
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเข้าสู่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง เธอก็ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างนับไม่ถ้วน และบางคนถึงกับเดินตามเธอด้วยความสงสัยมาตลอดทาง
จากนั้นไม่นาน ด้านหลังของไป๋จือหรานก็มีผู้ชายกลุ่มใหญ่รวมตัวกัน
ภายใต้สถานการณ์เช่น เธออยู่ห่างจากห้องสมุดอีกไม่กี่เมตร และเสียงอึกทึกก็ดังมาถึงห้องสมุด
เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนในห้องสมุดก็หันมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ไป๋จือหราน?”
“เห้ย นั่นคือเทพธิดาของฉัน เธอมาทำไม”
“ดูเหมือนว่าเธอกำลังเดินมาทางนี้ เธอมาหาฉันหรือเปล่า!”
“สมแล้วที่เป็นเทพธิดาของฉัน ช่างงดงามเสียจริง!”
ในห้องสมุด มีเสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่วบริเวณ
ซูเย่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ ได้ยินการสนทนาจากเพื่อนโต๊ะข้าง ๆ ของเขา และหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาจึงปะทะเข้ากับไป๋จือหรานที่กำลังมองตัวเขาอยู่ อีกฝ่ายชี้มือให้ซูเย่ออกมาข้างนอก
ซูเย่พยักหน้ารับ แล้วปิดหนังสือเก็บของเดินออกจากห้องสมุด
“ขอโทษนะ”
เมื่อเดินมาอยู่เบื้องหน้าซูเย่ ไป๋จือหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยความกังวลใจ “ครั้งนี้ทำให้นายเดือดร้อนไปด้วย”
ซูเย่ส่ายหัว
“อย่ารับคำท้าเลยนะ”
ไป๋จือหรานกล่าว
“ต้องรับ นั่นคือกฎ”
ซูเย่กล่าว
“งั้นก็ยอมแพ้”
ไป๋จือหรานขมวดคิ้วและกล่าวทันที “ไม่มีกฎข้อไหนที่บอกว่าไม่สามารถยอมแพ้ได้ ขอแค่นายยอมแพ้ นายก็จะปลอดภัย”
“วางใจเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการได้”
ซูเย่อมยิ้มเล็กน้อย
“นายจะทำได้ยังไง?”
ไป๋จือหรานไม่เชื่อ
“ทุกปัญหามีวิธีแก้ปัญหาเสมอ”
ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้ม “กลับไปเถอะ เดี๋ยวนักศึกษาชายคนอื่นจะเข้ามายุ่มย่าม ครั้งนี้เธอรอดูแล้วกัน”
พูดจบเขาก็เดินออกจากเขตมหาวิทยาลัย
เมื่อเห็นด้านหลังของซูเย่จากไป ใบหน้าของไป๋จือหรานก็มืดลงเล็กน้อย เธอกัดฟันโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ซูเย่ตรงไปยังจุดฝึกฝนของเขาที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า
“10 ล้าน น่าจะเพียงพอแล้ว”
เขาตระหนักดีถึงวิกฤตที่เขาเผชิญอยู่
อีกฝ่ายคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับห้า เตรียมตัวมาอย่างดี และคงไม่ได้มาด้วยเจตนาดีอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับสามเท่านั้น ไม่สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับห้าได้จริง ๆ ถ้าชายหนุ่มต้องการอยู่รอดปลอดภัยในครั้งนี้ เขาต้องพัฒนาความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
หลังจากสังเกตมาระยะหนึ่งและทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ ซูเย่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มบริจาคเงิน
เงินสิบล้านที่เพิ่งได้มา เขาบริจาคทั้งหมด!!