เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 3 เลื่อนสองขั้นรวด!
บทที่ 3 เลื่อนสองขั้นรวด!
“ติ๊ง~”
แต้มคุณธรรม + 200
ซูเย่นั่งสมาธิอยู่ข้างน้ำพุและลำธารบนภูเขา ฉายประกายแสงสีทองไปทั่วร่างของเขา!
ผ่อนลมหายใจออกจากร่างกายของเขาจากภายในสู่ภายนอก ราวกับว่าเป็นการเปิดจุดในร่างกายของซูเย่ ทำให้เขาหลอมรวมเข้ากับพลังปราณของโลกใบนี้
พลังแห่งห่าวหราน!
ซูเย่สูดลมหายใจเข้าลึก
เหตุผลที่เขามาที่นี่ เพราะเขาคำนวณมาแล้วว่าขอเพียงบริจาคเงิน 10 ล้าน แต้มคุณธรรมก็จะพอให้เลื่อนขั้น
การเลื่อนขั้นโดยพลังแห่งห่าวหรานในครั้งก่อนหน้า ซูเย่ยังจำได้ดี แต่คราวนี้ปราณแห่งฮ่าวหรานที่เขาสัมผัสได้มันหนาแน่นกว่าครั้งที่แล้วมาก
ขณะที่นั่งสมาธิ ซูเย่ผ่อนคลายร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ ทุกรูขุมขน กล้ามเนื้อ และกระดูกทุกส่วนในร่างกายของชายหนุ่มผ่อนคลายไปสู่สภาวะที่เบาที่สุด
ในสภาวะนี้ ร่างกายจะค่อย ๆ ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนและมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
ในเวลาเดียวกัน กระแสพลังปราณในบริเวณโดยรอบไหลเบา ๆ มาจากทุกทิศทุกทาง ราวกับสายน้ำที่ไหลเข้าไปในถ้ำ ซึมเข้าไปในร่างของซูเย่จากทุกมุม
พลังแห่งห่าวหรานเปรียบเสมือนตัวเร่งปฏิกิริยาเมื่อปราณเข้าสู่ร่างกาย การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทันที
จากกระดูก เส้นเลือดไปจนถึงเนื้อและผิวหนัง ดูเหมือนว่าซึมซาบพลังเข้าไป
หายใจเข้า… หายใจออก… กระแสพลังปราณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในที่สุด ทุก ๆ การหายใจเข้าของร่างกายสามารถดูดซับปราณจำนวนมากและการหายใจออกทุกครั้งจะทำให้อากาศที่ขุ่นมัวในร่างกายหมดไป
“ยี่สิบเท่า!”
การหายใจของร่างกายทำให้ซูเย่มีความรู้สึกยินดีที่อธิบายไม่ถูกไหลเข้ามาในสมองของเขา และไหลผ่านไปที่ทุกตารางนิ้วในร่างกายของชายหนุ่ม
“ความสามารถในการดูดซับที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!”
ซูเย่อุทาน
ทันใดนั้น
พลังปราณที่ถูกดูดซับเข้าไปตามลมหายใจหยุดลงอย่างกะทันหัน แต่ในขณะเดียวกัน ปราณทั้งหมดในร่างกาย ไหลผ่านจากแขน ขา และกระดูก รวมตัวกันเป็นจุดเล็ก ๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดความอบอุ่นราวแสงตะวัน ก่อนขยายขึ้นเรื่อย ๆ
ในที่สุด ซูเย่พลันรู้สึกว่าพลังงานที่รุนแรงมากพุ่งไปยังทุกมุมของร่างกายของเขาเหมือนแผ่นฟิล์มบาง ๆ ที่ปกคลุมทั้งร่างกายอย่างสมบูรณ์
ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างถูกทะลวง ซูเย่สังเกตเห็นชัดเจนว่าในร่างกายของเขามีจุดสว่างแวบขึ้นหลายจุดอย่างลึกลับ
มือ เท้า คิ้ว หน้าอก และหน้าท้อง ทุกตำแหน่งมีจุดเรืองแสงประหลาด
การปรากฏขึ้นจุดเรืองแสงเหล่านี้ราวกับว่าได้ปลดล็อคแม่กุญแจที่มีฝุ่นเกาะมาเป็นเวลานาน ทำให้ซูเย่รู้สึกว่าร่างกายของเขาได้รับการปลดปล่อย
“ร่างกาย?”
“นี่คือการปลดล็อก?”
ซูเย่พลันตกตะลึง เขาเคยประสบกับสถานการณ์นี้มาก่อน และรู้ดีว่าตนเองมีโอกาสมากที่จะได้รับพลังพิเศษจากการฝึกห่าวหราน
พลังเหนือธรรมชาติที่ถูกปลดผนึกออกจากการเลื่อนขึ้นครั้งก่อนคือเนตรสวรรค์และนาสาสวรรค์ ครั้งนี้คือ..ร่างกาย?
ในตอนนี้เอง จิตใจของซูเย่พลันรับรู้ได้ทันที
“ร่างจำแลง!”
นี่คือพลังเหนือธรรมชาติที่สามที่ปรากฏขึ้นหลังจากปลดผนึกสองวิชาก่อนหน้านี้!
ข้อมูลที่ตามมาทำให้ซูเย่เข้าใจหน้าที่ของพลังนี้อย่างชัดเจน สมกับชื่อของมัน ร่างจำแลง
ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของพลังนี้คือมันสามารถปิดกั้นลมหายใจของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ จุดเรืองแสงในร่างกายราวกับกุญแจมือ สามารถใช้พลังเพื่อปิดกั้นกุญแจเหล่านั้น ทำให้กลายเป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าคนที่มีความสามารถแค่ไหน กำลังยืนมองอยู่ก็จะไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์
นอกจากนี้ อีกข้อดีของมันคือคำว่าจำแลง…
ในขณะที่สามารถปิดกั้นพลังปราณของตัวเองได้อย่างอิสระ ยังสามารถแปลงร่างเป็นคนอื่นหรือสิ่งอื่น ๆ เพื่อสร้างความสับสนให้กับคู่ต่อสู้ มีขีดจำกัดอยู่ที่ครึ่งชั่วโมง!
“นี่มันเครื่องมือหลบหนีชั้นยอด!”
ซูเย่อุทานอีกครั้ง
เขาคิดทันทีว่าจะใช้มันในดินแดนภูผามหานที คล้าย ๆ กับตอนที่ชายหนุ่มหลอกมันได้ครั้งก่อน ตอนนี้เขาสามารถจำลองลมหายใจของมอนสเตอร์ และจะได้ไม่ต้องถูกมันโจมตีอีก!
นี่เป็นอาวุธชั้นดีในการฆ่ามอนสเตอร์และล่าสมบัติในดินแดนภูผามหานทีอย่างแน่นอน!
ขณะนี้เองซูเย่พลันสัมผัสได้ทันทีในใจ
“ลำดับต่อไปต้องใช้แต้มคุณธรรมหนึ่งหมื่นแต้ม และแต้มจิตสาธารณะสามแต้ม”
ในที่สุดซูเย่ก็เข้าใจแล้วว่าแต้มจิตสาธารณะมีไว้เพื่ออะไร
“แต้มคุณธรรมหนึ่งหมื่นแต้ม ถ้าบริจาคเงินอย่างน้อยก็หลักร้อยล้านน่ะสิ บ้าจริง!”
เมื่อคำนวณออกมา ซูเย่อดยิ้มขื่นไม่ได้
เมื่อเทียบกับแต้มคุณธรรม ดูเหมือนว่าแต้มจิตสาธารณะที่ต้องการเพียง 3 แต้นนั้นง่ายกว่ามาก เพราะเขามีแต้มจิตสาธารณะ 2 แต้มแล้ว และขาดอีกเพียงแต้มเดียวเท่านั้น
แต่แต้มคุณธรรมนี้ค่อนข้างน่าหนักใจ ซูเย่ส่ายศีรษะ ทิ้งความคิดทั้งหมดไว้ในใจ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ!
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาวิธีจัดการกับคำท้าของจินซานไห่!
“ยังอยู่ขั้นสามระดับสามอยู่”
แม้ว่าวิชาการฝึกฝนของห่าวหรานจะทะลุไปอีกขั้น แต่ระดับความแข็งแกร่งของซูเย่ยังไม่ได้เลื่อนขึ้น เพียงแค่พลังการต่อสู้ของเขาได้รับการพัฒนาเพียงเล็กน้อย
ซูเย่มองดูหยกปราณห้าสิบก้อนที่ได้เป็นรางวัลมา เขาถือไว้ในมือทั้งสองข้างเพื่อดูดซึมพลังปราณอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ความเร็วการดูดซึม 20 เท่า พลังงานในหยกปราณ 50 ก้อนถูกดูดซับอย่างรวดเร็วโดยซูเย่
ตอนนี้เลื่อนขึ้นมาหนึ่งระดับแล้ว!
ขั้นสามระดับสี่!
ซูเย่รู้ดีว่าระดับของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้…
“ระดับในตอนนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาในการต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นสี่ระดับห้า แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะ”
“ไม่.. ต้องหาวิธีที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ หากสามารถเลื่อนเป็นขั้นสามระดับห้าได้ มันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”
เมื่อนึกถึงการพัฒนาความแข็งแกร่ง ซูเย่พลันนึกถึงเครื่องดื่มเลื่อนขั้นได้ทันที
เขาได้เตรียมสมุนไพรปราณทั้งหมดที่ต้องการไว้แล้ว แต่ว่าถ้าใช้มันตอนนี้มันจะไม่สามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้ การที่จะดึงประสิทธิภาพออกมาได้มากที่สุดคือตอนที่ชายหนุ่มถึงขั้นสามระดับหก
“ยังมีเวลาอีกสองวัน ไม่มีเวลามากพอที่จะหาวิธีอื่นแล้ว ทำได้แค่หาหญ้าปราณมาลองดู”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูเย่พลันหันไปมองลึกเข้าไปในป่าทันที
“นาสาสวรรค์”
เปิดใช้มันทันที ซูเย่เริ่มตามหากลิ่นของพลังปราณ และเริ่มเคลื่อนตัวลึกเข้าไปในภูเขา
ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก และพระอาทิตย์ขึ้นอีกรอบ
ซูเย่ปีนข้ามภูเขาสูงหลายลูกติดต่อกัน มาถึงภูเขาลึกแห่งหนึ่งที่แทบไม่มีใครเหยียบย่ำเข้าไป ด้วยความช่วยเหลือของเนตรสวรรค์และนาสาสวรรค์
ในภูเขาที่รกร้างว่างเปล่าเหล่านี้ สองวันต่อมา ในที่สุดซูเย่ก็พบหญ้าปราณสองสามอย่าง
“แม้ว่าจะมีไม่มาก แต่จากวิธีฝึกห่าวหราน ทำให้ดูดซับพลังปราณจำนวนมากสะสมไว้ ประกอบกับหญ้าปราณเหล่านี้ ก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะได้เลื่อนอีกขั้น”
“แต่ว่า… ต้องหาสถานที่ที่มีพลังปราณเข้มข้นเป็นพิเศษ”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในความคิดของซูเย่ พลันปรากฏสถานที่ที่มีพลังปราณแข็งแกร่งขึ้นมาทันที
ทางเข้าดินแดนภูผามหานที!
ใกล้สถานที่นั้น พลังปราณจะหนาแน่นกว่าที่อื่น มันมีประโยชน์มากสำหรับการฝึกฝนและการเลื่อนขั้น
แต่ว่ามันมีคนคอยคุ้มกัน ถ้าเขาไปที่นั่นจริง ๆ อาจจะถูกจับได้… การลงทุนมีความเสี่ยง
“ไปก็ไป!”
แววตาของซูเย่เป็นประกาย
ชายหนุ่มออกเดินทางทันที ไปตามเส้นทางที่จดจำไว้ในใจ ล็อกตำแหน่งทางเข้าทางเข้าดินแดนภูผามหานที แล้วรีบเร่งไปถึงพื้นที่เป้าหมาย
ไม่นานหลังจากนั้น ซูเย่ก็มาถึงสถานที่ที่ห่างจากทางเข้าดินแดนภูผามหานทีประมาณ 500 เมตร
เขาวางค่ายกลรวบรวมปราณอย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้เป็นเวลาค่ำของคืนวันที่สาม เหลือเวลาอีกเพียง 3 ชั่วโมงก่อนการต่อสู้
หวังว่าจะทัน!
ซูเย่นั่งลงและดูดกลืนหญ้าปราณที่พบทันที ดูดซับพลังปราณเร็วขึ้นถึง 20 เท่า
เวลาผ่านไหลผ่านไปอย่างเงียบเชียบ
สองชั่วโมงต่อมา หลังจากรวบรวมพลังปราณจำนวนมาก ในที่สุดซูเย่ก็เลื่อนระดับเป็นขั้นสามระดับห้าอย่างเป็นทางการ เขาไม่หยุดอยู่ที่นั่นอีก หลังจากจัดการลบค่ายกลรวบรวมปราณ ชายหนุ่มก็จากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครจับเขาได้
ระหว่างทาง เขาเดินทางผ่านแม่น้ำสายหนึ่ง ระหว่างที่กำลังรีบรุดมุ่งหน้าไปตามสถานที่นัดหมาย ซูเย่สะบัดมือใส่แม่น้ำ
พลังปราณที่รุนแรงระเบิดออกมาและกระทบกับพื้นผิวแม่น้ำ ผ่ามันออกเป็นทางเดินกว้างสิบเมตร!
“ขั้นสามทุบศิลา ขั้นสี่ตัดสายธารา!”
นี่คือความเข้าใจของคนสมัยโบราณต่อระดับความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์
แต่ขั้นสี่ที่ตัดแม่น้ำได้ เป็นแม่น้ำเล็ก ๆ ที่กว้างห้าเมตรเท่านั้น แต่เขาที่เพิ่งขั้นสามระดับห้า สามารถตัดแม่น้ำได้สิบเมตร!
เมื่อเห็นแม่น้ำที่ถูกผ่าออกอยู่ข้างหน้าเขา ซูเย่บีบกำปั้นของตนด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ จากนั้นจึงหันศีรษะไปทางทิศใต้ที่
มีทะเลสาบซินเยว่ตั้งอยู่!
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ต้องรีบไป”
ฝีเท้าของซูเย่ขยับก้าวออก มุ่นหน้าไปทะเลสาบซินเยว่อย่างรวดเร็ว
……
ทะเลสาบซินเยว่ห่างจากเมืองจี้หยางประมาณสามสิบกิโลเมตร
ในพื้นที่ภูเขาที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เพราะไม่มีการพัฒนาพื้นที่ ทำให้ไม่มีทางเข้าสำหรับรถยนต์ แม้ว่าภูมิประเทศจะดีมากแต่น้อยคนนักที่จะมาเยือน และเนื่องจากทะเลสาบไม่มีการดูแลตลอดทั้งปี หญ้าทุกชนิดจึงเติบโตอย่างแข็งแรง
ทว่าก็ยังมีเนินโล่งกว้างริมทะเลสาบ แตกต่างจากความโดดเดี่ยวในยามปกติ แม้ว่าทะเลสาบซินเยว่ในเวลานี้จะรกร้าง แต่ก็มีชีวิตชีวามาก ที่ริมทะเลสาบเต็มไปด้วยผู้คนที่มาชมการต่อสู้
ทีมสืบสวนทุกคนยืนอยู่ด้วยกัน นำโดยเกาหรงกวง สารวัตรทีมสืบสวนและคนที่ยืนอยู่ข้างเขาคือเซียวจวิ้น ผู้รักษาการหัวหน้าทีมสืบสวนเขตมหาวิทยาลัย และจูอวี้ หลี่เซี่ยงหนาน เหมาเฉียง และคนอื่น ๆ
ซูชือ จินฟาน เฉินเซียนเยว่ และพี่น้องคนอื่น ๆ ของกลุ่มล้วนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า แต่เมื่อดูดี ๆ สมาชิกกลุ่มน้อยไปสองคน สองพี่น้องไป๋ไม่ได้มา
ทางด้านอื่น ๆ
กลุ่มของตระกูลจินยืนขึ้น ผู้ที่ยืนอยู่แถวหน้าคือจินเฉินลูกเศรษฐีที่ถูกซูเย่จัดการไปไม่นานมานี้!
ซูเย่ยังไม่มา จินซานไห่ผู้สวมชุดถังสีขาวที่มีร่างกายบางและผมสีดอกเหลา กำลังยืนรออยู่ในสนาม
เมื่อมองใกล้ ๆ เขากำลังเล่นโทรศัพท์อยู่… ราวกับว่าเขาไม่เห็นการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ในสายตาเลย ราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่ฉากที่สุดท้ายแล้วจะผ่านมาก็ผ่านไป!
“เมื่อไหร่ลูกพี่ซูจะมา”
“นายว่าลูกพี่ซูจะชนะได้ไหม”
“ลืมมันไปเถอะ คิดแค่ว่าลูกพี่ซูจะหลบให้พ้นยังไงก่อน เซียวจวิ้นบอกว่าอีกฝ่ายอยู่ขั้นสี่ระดับห้าเชียวนะ และยังเก่งที่สุดในระดับเดียวกันอีกด้วย ลูกพี่ซูจะเอาชนะได้ยังไง!”
“ตาแก่นี้ไร้ยางอายมาก เขาแข็งแกร่งมาก แต่มาท้าลูกพี่ซูของเรา!”
พี่น้องในกลุ่มส่งเสียงกระซิบกันไปมา
อีกด้านหนึ่ง
“ซูเย่ละ?”
กาหรงกวงเอ่ยถามเซียวจวิ้นที่อยู่ด้านข้าง
“คงจะใกล้มาถึงแล้ว”
เซียวจวิ้นเอ่ยตอบอย่างเคร่งขรึม “ผมได้บอกเวลาและสถานที่ให้เขาแล้ว และอธิบายทุกอย่างที่ควรอธิบาย ซูเย่ไม่มีทางหลบหนีแน่”
“ถ้าเขาหนีก็แปลกแล้ว”
เกาหรงกวงส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ฉันกังวลว่าเจ้าเด็กคนนี้จะทำอะไรที่เป็นอันตรายสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นถึงคนที่กล้าหลอกใช้สัตว์ประหลาดน้ำแข็งเชียวนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในทีมสืบสวนพลันตกตะลึง
ทันใดนั้น พวกเขาก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ พวกเขากังวลเกี่ยวกับซูเย่มาตลอด แต่พวกเขาลืมไปว่า ซูเย่กล้าที่จะฆ่ามอนสเตอร์ระดับห้าในเกม Fantasy Dream!
แล้วเขาจะเต็มใจยอมแพ้ต่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับห้าหรือไม่?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้าของเกาหรงกวงและคนอื่น ๆ พลันดูเคร่งขรึมลง
แต่ไม่ว่ายังไงระดับห้าในโลกเกม ย่อมเทียบไม่ได้กับขั้นห้าในชีวิตจริงอยู่ดี!
ในตอนนี้เอง
“สวบ——”
เสียงทะยานตัวอย่างรวดเร็วดังเข้ามา
เมื่อหันไปมอง พบว่าร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าใกล้ ๆ และกระโดดเข้าสู่สนามรบโดยพลัน ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เขารีบพุ่งเข้าใส่จินซานไห่ที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่
“ฮึ”
จินซานไห่เก็บโทรศัพท์มือถือของเขา พ่นลมหายใจอย่างดูถูก และมองตรงไปยังบุคคลที่มาใหม่ แต่พบว่า คนคนนั้นสวมหน้ากาก แม้จะมองจากด้านหน้าโดยตรงก็มองใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด!