เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 672 ไม่แยแส 2
ตอนที่ 672 ไม่แยแส 2
ฉิงฮัวลดหน้าต่างรถลง “เจ้านาย คุณรอสักครู่ ผมส่งคุณหนูและคุณชายเสร็จจะกลับมา”
หลังจากพูดจบก็สตาร์ทรถออกจากอาคารเป่หมิง
เป่หมิงโม่ไม่ได้เดินเข้าไปในอาคารทันที แต่ยืนดูรถที่พากู้ฮอนและเฉิงเฉิงออกไป
***
เป่หมิงโม่กลับไปออฟฟิศของตัวเอง พลิกดูเอกสารบางอย่าง
แต่ใจของเขาไม่สามารถสงบลงได้ เมื่อนึกถึงการปรากฏตัวของถังเทียนจื๋อ แต่ดูเหมือนว่าเขาได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้ฮอน ถึงขนาดตอนนี้แค่เพียงพูดกับกู้ฮอนว่าให้ระวังถังเทียนจื๋อ เธอก็จะออกอาการ “คุณอิจฉาคนอื่นใช่ไหม”
ไม่เพียงเช่นนี้ ตอนนี้ถังเทียนจื๋อยังรู้จักลูกของตนเองเป็นอย่างดี สิ่งนี้จึงทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อต้องรับมือกับถังเทียนจื๋อ
ผู้ชายคนนี้ได้พบกับการใช้ประโยชน์มากที่สุด ‘เครื่องรางของขลัง’
*
หลังจากฉิงฮัวได้ส่งกู้ฮอนแม่และลูกชาย กลับไปยังบ้านที่พวกเธอพักอาศัยอยู่ จากนั้นก็ขับรถออกไป
กู้ฮอนพาเฉิงเฉิงกลับมาในบ้านของตนเองพร้อมกระเป๋าเดินทาง
“กู้ฮอนและเฉิงเฉิงได้ไปแคมปิ้งไม่นาน ก็กลับมาแล้ว” แอนนิรีบไปรับกระเป๋าในมือของเธอ
ลั่วเฉียวก็อุ้มจิ่วจิ่วมาที่หน้าประตู “ตอนนี้กิจกรรมการตั้งแคมป์ของพ่อแม่และลูกได้หลอกลวงมากเกินไป และคำขวัญก็ดังมาก ถึงตอนนี้ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ในการหาเงิน เพียงแค่หาสถานที่จัดขึ้นมาสักสองสามวันก็เสร็จ
จิ่วจิ่วเห็นแม่กลับมาแล้ว ก็ยื่นมือน้อยๆออกมา “หม่าม้ากอดกอด….”
ตลอดทางที่กู้ฮอนนั่งอยู่ในรถก็รู้สึกหดหู่ใจ ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น ไม่ใช่เพราะเรื่อง “การลอบโจมตี” ของเป่หมิงโม่ในตอนเช้า
แต่เมื่อเธอได้เห็นเด็กน้อย อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมากในทันที และเอื้อมมือไปรับจิ่วจิ่วจากมือของลั่วเฉียว “หม่าม้ากอดกอด เมื่อวานเด็กน้อยเชื่อฟังไหม”
จิ่วจิ่วพยักหน้าอย่างแรง “ฉันเชื่อฟังมาก เมื่อวานฉันยังคุยกับเด็กน้อยในท้องของป้าเฉียวเฉียว”
กู้ฮอนเหลือบไปมองลั่วเฉียว และพูดในใจว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยนะ จากประสบการณ์ของตัวเองแล้ว ลูกสามคนอายุเกือบจะสี่เดือนกว่า
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เธอถามจิ่วจิ่ว “ลูกอยู่ที่นั่นกับป้าเฉียว ได้ยินเด็กน้อยคุยกับลูกว่าอะไรเหรอ”
หลังจากที่จิ่วจิ่วครุ่นคิดอยู่นานก็พูดว่า “จ๊อก…… จ๊อก……แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดว่าอะไร”
ประโยคนี้ทำให้ทั้งสามคนหัวเราะกับท่าทางของเด็กน้อย อาจเป็นเพราะลั่วเฉียวหิวจนท้องร้องนะสิ
ลั่วเฉียวยิ้มและยื่นมือไปลูบผมของจิ่วจิ่ว “เมื่อวานเกือบเที่ยง แอนนิกำลังทำอาหาร จริงๆฉันจะไปช่วยเธอ เธอบอกให้ฉันดูแลเด็ก คอยดูจิ่วจิ่วก็ได้แล้ว จากนั้นฉันก็พาเธอไปดูทีวี ในขณะนั้นบังเอิญมันมีรายการเรื่องแม่ลูกอ่อนพอดี หลังจากเธอได้ดูก็ร้องที่ลูกในท้องของฉันดิ้น”
กู้ฮอนถึงเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ลั่วเฉียวจับมือเฉิงเฉิง “เฉิงเฉิง ไหนบอกป้าเฉียวว่าเมื่อสองวันนี้พวกเราได้ทำอะไรมา”
เมื่อพูดถึงเวลาที่ผ่านมาสองวัน ก็ยังสามารถอธิบายรวมๆได้ว่า “จริงๆแล้วครั้งนี้โรงเรียนได้จัดตั้งแคมป์ขึ้น เช้าวันนั้นผมและแม่ หยางหยางและพ่อก็นั่งรถไปด้วยกัน มาถึงที่หนึ่งที่มีวิวสวยมาก อากาศที่หุบเขาก็สดใส….”
“เดี๋ยวเดี๋ยว!” ลั่วเฉียวขัดจังหวะเฉิงเฉิง จากนั้นได้นำจิ่วจิ่วที่อยู่ในมือของกู้ฮอน ส่งให้ในมือของเฉิงเฉิง “จิ่วจิ่ว หนูไปเล่นกับพี่ชายก่อนนะ ฉันและหม่าม้าของหนูจะพูดคุยกันโอเคไหม”
จากนั้นก็ดึงกู้ฮอนและแอนนิออกมาจากห้องนั่งเล่นมายังห้องอาหาร
ห้องของกู้ฮอนมีพื้นที่จำกัด คุยอะไรกันก็ได้ยินมาถึงห้องอาหาร ก็มีเพียงที่นี่ถึงมั่นใจได้ว่าคำพูดที่ไม่จำเป็นจะไม่ถูกคนอื่นๆได้ยิน
“ลั่วเฉียว คุณมีเรื่องอะไรถึงได้หลบซ่อนขนาดนี้ และยังลากพวกเรามาคุยถึงที่นี่” กู้ฮอนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
***
ลั่วเฉียวมองไปข้างนอก จากนั้นก็มองขึ้นลงซ้ายขวาไปที่กู้ฮอน แล้วพูดเบาๆ “บอกมา ตกลงเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนสกุลเป่หมิงถึงไปด้วย”
“ใช่ กู้ฮอนตกลงเกิดอะไรขึ้น” แอนนิก็ทำหน้าอึ้ง
กู้ฮอนมองไปที่พวกเขาทั้งสอง และถอนหายใจเบา “องค์กรของเฉิงเฉิงไม่ใช่เรียกว่ากิจกรรมของพ่อแม่และลูกเหรอ เฉิงเฉิงพาฉันไป แต่หยางหยางต้องไปก็มีเพียงเป่หมิงโม่ที่เรียกได้ ถึงแม้ว่าเราเป็นในนามพ่อแม่ของเด็ก แต่เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ”
ต่อไปถ้ามีกิจกรรมพวกนี้อีก จะบอกพวกว่าเจอเป่หมิงโม่ได้อย่างไร ทำไมถึงถูกมอบหมายให้ไปอยู่ในเต็นท์ และเจอฝนตกหนักและหนีไปรวมกันได้ อย่างไรในที่สุดตนเองก็เป็นอากาศธาตุที่ไปอาศัยอยู่ที่ตระกูลเป่หมิงหนึ่งวัน เกือบจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเธอทั้งสองฟัง
เพียงแต่ว่าเรื่องเมื่อเช้านี้ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กที่จะได้การกล่าวถึง เธอไม่อยากเปิดเผยเรื่องน่าอายแบบนี้ต่อสาธารณะ
เมื่อลั่วเฉียวได้ยินว่าเธออยู่ในตระกูลเป่หมิงมาทั้งคืน ก็ถามทันที “เธอไม่ได้ถูกตระกูลนั่นแตะต้องเลยใช่ไหม”
“ไม่แน่นอน ที่ฉันไปที่ล้านเขาเป็นเพราะฉันเป็นไข้ จนกระทั่งเช้าตรู่วันนี้ฉันถึงดีขึ้น ถ้าไม่เชื่อเธอก็ถามเฉิงเฉิงดู” กู้ฮอนพูดจบ ก็มีน้ำตาขมขื่นอยู่ในใจ T_T
เห็นได้ชัดว่าตนเองต้องทนทุกข์ทรมานจากหมาหวงก้าง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ หลักการของสวรรค์อยู่ที่ไหน! อ่ะ…..
ลั่วเฉียวมองไปยังกู้ฮอนด้วยความสงสัย ขมวดคิ้ว และลูบคางด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็คิดว่า “นี่มันไม่มีเหตุผลเลยนะ มันยากที่ผู้ชายคนนั้นจะกินมังสวิรัติในช่วงนี้ หรือว่าเขาอาจจะเบี่ยงเบนไปชอบผู้ชายแล้ว……”
เธอพูดมาแบบนี้ ร่างกายก็ค่อยๆสั่น
ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น แม้แต่แอนนิและกู้ฮอนต่างก็ย่นหน้าผาก
*