เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 74 ค้นหาเด็กให้ทั่วเมือง2
ตอนที่ 74 ค้นหาเด็กให้ทั่วเมือง2
พอวางสายแล้ว เขาก็ยึดร่างสูงสง่าขึ้นยืน
ดวงตาเล็กเรียวอย่างวิหคไฟเหลือมายังเธอที่พัก พิงอยู่บนโซฟา ชะงักนิ่งไปเนิ่นนาน จึงพูดขึ้น “ออกไป กับฉันหน่อย”
“หา ทำไมคะ?” เธอตกตะลึง ไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว
เขาตรงไปหยิบชุดสูทมาสวมเข้าบนตัว จัดคอเสื้อ ไปพลาง ขมวดคิ้วพลาง เอ่ยเสียงเรียบออกมาสองคำ-
“หาคน”
*
ณ โรงเรียนเด็กดาวแห่งเมือง A
ขณะเพิ่งจะเลิกเรียน เฉิงเฉิงในชุดนักเรียน สะพายกระเป๋าหนังสือไว้บนหลังเหมือนอย่างเคย เดิน ออกมาจากโรงเรียน
นับตั้งแต่วันนั้นที่ออกมาจากบ้านเป่หมิง เขาก็ เคยชินกับชีวิตที่ต้องเข้าเรียนแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น แบบนี้แล้ว
แถมบทเรียนพวกนั้นที่โรงเรียนสอน ก็เป็นวิชาที่ เขาเคยผ่านมาก่อนตั้งนานแล้ว
แต่เขาก็ยังคงมีความสุขกับการทำตัวเป็นเด็ก
ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
ขณะที่เดินผ่านซอกเล็ก ๆ ทันใดนั้น เงาร่างเล็ก ร่างหนึ่งก็กระโจนเข้ามา
“เป่ยหมิงซิเฉิง นายมันแย่เหลือเกิน!”
เฉิงเฉิงช้อนตาขึ้น เหลือบมองยังหยางหยางที่ กระโจนเข้ามา โกรธจนตาแดงก่ำ
“ทำไมนายถึงพูดเหมือนแม่จัง?”
“เหลวไหล ฉันเป็นลูกของแม่ ไม่เหมือนแม่แล้วจะ ให้เหมือนนายหรือไง?” หยางหยางชายตามองอีกฝ่าย หน้าไม่อายจริง ๆ
เฉิงเฉิงยักคิ้ว แสดงออกว่ายอมรับ
สะพายกระเป๋าหนังสือ รีบเดินถนนกลับไปยังบ้าน
ต่อ
หยางหยางอยู่เคียงข้าง โวยวายอย่างขุ่นเคืองไม่ หยุด: “เมื่อคืนให้ฉันไปอยู่ใต้เตียงไม่ว่า เช้านี้ยังฉวย โอกาสที่ฉันยังไม่ตื่น แอบปลอมเป็นฉันไปเรียน หนังสือเสียอีก! เป้หมิงซิเฉิง เจ้าคนบ้านิสัยไม่ดี นาย คิดจะปลอมตัวเป็นฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน? นายรู้ไหมว่า จะตบตาคุณยายน่ะมันไม่ง่ายนักหรอกนะ….”
“อย่างแรก ฉันเป็นพี่ชายของนาาย ไม่ใช่คนบ้า; อย่างที่สอง นายก็ไม่ต้องกลับไปสิจะได้ไม่ต้องตบตา คุณยายอีก” เฉิงเฉิงกลับพูดออกมาอย่างปกติ
หยางหยางเบิกตาโต “ว่าไงนะ? นายใจร้ายถึงขั้น จะให้ฉันเป็นเด็กข้างถนนเลยหรือไง?”
“เปล่าซะหน่อย นายก็กลับไปบ้านเป่ยหมิง ใช้ชีวิต คุณชายน้อยอย่างสุขสำราญสิ” เฉิงเฉิงสีหน้า นิ่ง
หยางหยางทนอยู่เฉยไม่ได้แล้ว! “อยู่บ้านนายไม่ สนุกเลยสักนิด! จะไปที่ไหนต้องมีคนใช้คอยตามตูด ข้างหลังเป็นฝูง ขนาดไปขี้ในห้องน้ำ ยังมีคนคอยถาม ว่า “มีอะไรให้ช่วยไหมครับคุณชาย?เลย นี่กระทั่งขึ้ นายยังต้องให้คนอื่นมาช่วยเลยเหรอ?”
“กู้หยางหยาง!” เฉิงเฉิงตัดบท “พูดจาให้เพราะ ๆ หน่อย”
“อ้อ ๆ” หยางหยางส่งเสียงออกมาสั้น ๆ “วิธีพูด แบบรากหญ้าของฉันมันก็เป็นอย่างนี้แหละ แต่ถึง อย่างไรทุบฉันให้ตายฉันก็ไม่กลับไปบ้านนายหรอก! ไม่ได้ละ ฉันจะกลับไปคุยกับแม่…”
พูดพลาง หยางหยางก็หันร่างเดิน เร่งฝีเท้ากลับ บ้านให้ถึงก่อนเฉิงเฉิง
“หยางหยาง-” เฉิงเฉิงร้องเรียกเขา “ห้ามบอกแม่
นะ”
“ทำไมล่ะ? ห้ามบอกยายฉันยังพอเข้าใจ แล้ว ทำไมจะบอกแม่ไม่ได้” หยางหยางเกาหัวน้อย ๆ ของ ตัวเอง
ดวงตาดำขลับของเฉิงเฉิงฉายแวววบ “เพราะว่า ตอนนี้พ่อเป็นเจ้านายของแม่น่ะสิ”
“หา?” ใบหน้าน้อยของหยางหยางงงงวย
เฉิงเฉิงเม้มปาก ย่นคิ้วน้อย ๆ นึกถึงเหตุการณ์ครั้ง นั้นที่แม่ออกไปหาหัวหน้ากลางดึก
เขาถอนหายใจออกมา พูดเสียงแผ่วเบา “เห็นได้ ชัดว่า แม่ไม่รู้ว่ามีฉัน ส่วนพ่อก็ไม่รู้ว่ามีนาย แล้วแม่ก็ ไม่รู้ว่าพ่อมีฉันอยู่ พ่อเองก็เหมือนจะไม่รู้ว่าแม่มีนาย นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? บนโลกนี้มีพ่อแม่ที่ไหน ที่ ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ของลูกตัวเองคือใคร?”
หยางหยางเหมือนจะพอเข้าใจบ้างนิดหน่อย จึง ทำเป็นจริงจังขึ้นเล็กน้อย “นั่นสินะ ทำไมกัน? ลืม ฉัน กลับไปถามแม่ดีกว่า….
พูดพลาง ร่างเล็กก็เดินไปยังข้างหน้าต่อ
“กู้หยางหยาง!”เฉิงเฉิงร้องเรียกเขาอีกครั้ง อด เหลือบตามองบนไม่ได้ ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงสื่อสารด้วย ยากอย่างนี้?
ภายในรถหรู
กู้ฮอนนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ขมวดคิ้วมุ่น แอบมอง ยังด้านข้างใบหน้าของเป่ยหมิงโม่เป็นระยะ
ม่านราตรีเคลื่อนคล้อยลงมา ดวงไฟเริ่มส่องสว่าง เธอนั่งอยู่ภายในรถเขามากว่าหลายชั่วโมงแล้ว! นับแต่ที่เขาพูดออกมาว่า “หาคน เมื่อตอนบ่าย ก็ นั่งอยู่บนรถเขา วนไปมาทั่วทั้งเมือง A จนเธอเริ่มเวียน
หัวแล้ว
“เอ่อ….” ในที่สุดเธอก็ทนต่อไปไม่ไหว เอ่ยปาก ขึ้นอย่างสั่น ๆ “ประธานคะ ไปกินข้าวกันก่อนไหม
คะ.
ความจริงเธอหิวจนไส้กิ่วเต็มทีแล้ว
เป่ยหมิงโม่เหลือบมองเธอเล็กน้อย แล้วนิ่งไปอย่าง
เคย
มีโทรศัพท์ดังเข้ามาอีกครั้ง
“หาตัวเจอหรือยัง?” เขาเปิดปากถามขึ้น
“ขอโทษครับคุณชาย เพราะว่าพยายามหาอย่าง เงียบ ๆ มาตลอด ไม่กล้าทำให้ประชาชนแตกตื่น ดัง นั้นตอนนี้เลยยังหาตัวคุณชายน้อยไม่พบเลย….”
“หาต่อไป!”
เขาตัดสายไปอย่างเย็นชา แล้วมองมายังกู้ฮอ นอีกครั้ง “อยากกินอะไร?”
แค่ได้ยินคำว่ากิน ดวงตาของเธอก็สดใสขึ้นมา ทันที เธอกลืนน้ำลาย “ขนมปังอะไรพวกนี้ค่ะ….”
เอาเถอะ ความจริงเธออยากกินอาหารมื้อใหญ่
แต่ขืนเป่ยหมิงโม่ให้เธอเป็นคนจ่าย กินขนมปังน่า จะเป็นสิ่งที่เธอจ่ายไหว
แต่นั่นกลับทำให้เขาเหลือบมองบนอย่างไม่พอใจ “เอ่อ งั้นกิน กินร้านข้างทางก็ได้ค่ะ….”เธอยอม
เข้าเนื้อหน่อยก็ได้
เขาขมวดคิ้วเข้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยต่อ การตัดสินใจของเธอ
“งั้นกินKFCกันไหมคะ?” เอาเถอะ เคเอฟซีสักร้อย หยวน เธอยังพอจ่ายไหว
เขายกมุมปากขึ้น “กินอาหารฉงชิ่งแล้วกัน”
เมื่อเงียบเสียงลงก็ถือเป็นคำขาด
จากนั้น รถก็มุ่งไปยังร้านอาหารฉงชิ่งชื่อดังที่สุด ในเมือง A
เธอหน้าเหี่ยว ใจสลาย ต้องเสียเงินสักกี่พันกัน นี่..
หลังจากเงียบสนิทไปเนิ่นนาน ทันใดนั้น เขาก็พูด ขึ้นมาอีกประโยค-
“ฉันไม่กินไคเฟิงไช่” (อาหารเมืองไคเฟิง)
น้ำเสียงเขาเรียบนิ่ง คล้ายกับต้องการพูดว่าไม่กิน อาหารขยะ
คือ?
เธอชะงักงันไปเสียนาน นานมากที่ไม่ได้แสดง
ปฏิกิริยาใด ๆ
ผู้ชายคนนี้เพิ่งพูดว่า เขาไม่กิน KFC KไคFเฟิงCไซ่
เฮ้อ
ช่างเป็นมุกที่หนาวเหน็บจริง ๆ
*
รถวิ่งไปได้ไม่นานก็มาถึงร้านอาหารฉงชิ่ง