เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 740 การตัดสินใจที่ยากลำบาก
ตอนที่ 740 การตัดสินใจที่ยากลำบาก
ตามเสียง ชายคนนั้นเดินอ้อมโต๊ะ มาหยุดอยู่ตรงตำแหน่งเมื่อครู่ของปี้เหอ
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง สวมเสื้อโค้ชขนสัตว์สีดำ ก้มศีรษะลงเพื่อจัดของในมือตลอด
***
เป่หมิงโม่หรี่สายตาเล็กน้อย ไม่รู้ทำไม เขามักรู้สึกว่าประธานของบริษัทGTที่ร่ำลือกัน ไม่ว่าจะลักษณะท่าทางหรือน้ำเสียง เหมือนคนหนึ่งที่เขาเคยเจอมาก เพียงแต่คนผู้นี้ตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่เมืองซาบาห์ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขารู้สึกว่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียและประธานบริษัทจะไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน
บางทีอาจเป็นเพราะช่วงนี้เขายุ่งจนเบลอก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะมีภาพลวงตาที่สมจริงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
แต่ไม่นาน ก็ได้ยืนยันกับเขาว่า นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นความจริง
หลังจากได้เห็นว่าคนผู้นั้นได้จัดการสิ่งที่อยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น มองเป่หมิงโม่แล้วยิ้มเล็กน้อย: “โม่ เราเจอกันอีกแล้ว”
โม้จิ่งเฉิง!
ทำให้เป่หมิงโม่เหลือเชื่อจริงๆ และยังทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้น
“ทำไม ไม่น่าเชื่อใช่ไหม? ว่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียจะเป็นประธานของบริษัทที่มีชื่อเสียง ความจริงอธิบายไม่ยากหากคุณต้องการฟัง” แขนของโม้จิ่งเฉิงวางไว้บนโต๊ะประชุม แล้วไขว้มือ
เป่หมิงโม่โบกมือเบาๆ : “ประธานโม้ ต้องขออภัยด้วย ผมกลับไม่มีเวลาที่จะมาสนใจฟังประวัติความเป็นมาของคุณ ให้ผมอยู่ที่นี่ต่อ คงไม่ใช่เพียงเพราะต้องการมาให้ผมได้พบกับคุณง่ายๆ หรอกนะ”
“โม่คุณคิดมากไปแล้ว การที่ต้องการเจอคุณสักครั้งต้องมีเหตุผลเหรอ ความจริงที่ผมมาพบคุณก็เพราะแม่ของคุณ…” โม้จิ่งเฉิงต้องการพูดต่อแต่ถูกเป่หมิงโม่ขัดจังหวะ
เป่หมิงโม่ลุกขึ้นแล้วโบกมือ: “คุณไม่ต้องพูดแทนเธอ” พูดแล้วเขาก็ก้มศีรษะมองดูนาฬิกา : “ต้องขออภัยด้วยประธานโม้ ผมยังมีธุระอีกมากมายที่ต้องทำ ไม่อยู่ต่อแล้ว”
พูดเสร็จเขาก็เดินไปที่ประตูห้องประชุมโดยไม่หันกลับมามอง ดึงประตูแล้วเดินออกไป
โม้จิ่งเฉิงมองร่างของเป่หมิงโม่ที่เดินจากไป เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
ขณะนี้ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกอีกครั้ง หวีหรูเจี๋ยเดินเข้ามาจากข้างนอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“จิ่งเฉิง ยังไม่ครบนาที ทำไมโม่ถึงออกไปแล้ว คุณพูดอะไรกับเขา?”
โม้จิ่งเฉิงถอนหายใจยาวๆ เดินอ้อมโต๊ะมาข้างกายเธอ ใบหน้ามีความไม่พอใจเล็กน้อย: “เด็กอกตัญญู ผมแค่พูดถึงคุณ เขาก็หันเดินออกไปแล้ว ไม่ให้ผมได้พูดต่อเลย”
“ช่างเถอะ สถานการณ์เช่นนี้ฉันคิดไว้ก่อนหน้าแล้ว เพื่อที่เราสองแม่ลูกจะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและยังได้ย้ายสำนักงานมาแล้ว ทำไมจิ่งเฉิงต้องทำเช่นนี้อีก” ในแววตาของหวีหรูเจี๋ยแสดงถึงความเสียใจ
อาจเป็นเพราะแก่แล้ว นอกเหนือจากคู่รักแล้ว ก็ต้องการอยู่กับลูกมากขึ้น
ชีวิตคนอยู่ได้กี่สิบปี ที่จริงใช้เวลากับลูกนั้นน้อยมาก โดยเฉพาะยุคสมัยนี้ เพื่ออุดมการณ์และชีวิต เด็กหลายๆ คนก็จากไปไกลในที่สุด
เพราะโม้จิ่งเฉิงได้เห็นหลังจากหวีหรูเจี๋ยออกจากบริษัทเป่หมิงแล้ว ได้เปลี่ยนกลายเป็นคนที่มักตกอยู่ในความทรงจำเพียงลำพัง บางครั้งก็จะหยิบรูปถ่ายเก่าๆ ออกมาดู
เพื่อให้หวีหรูเจี๋ยได้สมปรารถนา โม้จิ่งเฉิงก็ได้วางแผนที่จะพาเธอกลับมาประเทศAนานแล้ว
แต่ คิดนั้นง่าย ทำนั้นค่อนข้างยาก
กังวลว่าเมื่อเธอได้เหยียบพื้นดินที่ประเทศAแล้ว ก็จะเห็นภาพความทรงจำ
โดยเฉพาะอาจจะได้เจอคนๆนั้น คนที่เคยทำร้ายเธอเป่หมิงเจิ้งเทียน
ไม่รู้ว่าหวีหรูเจี๋ยจะสามารถรับมือไหวหรือเปล่า
จนกระทั่งต่อมา เธอได้รู้ว่าเป่หมิงเจิ้งเทียนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โม้จิ่งเฉิงคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการกลับไป
แต่จะกลับไปในสถานะอะไร? นี่ก็เป็นสิ่งที่ยากที่วางอยู่ตรงหน้าเขาอีกเรื่อง
เพราะหากพาหวีหรูเจี๋ยกลับไปโดยไม่คิดอะไร หากกลับไปโดยไม่มีใครรู้จักเธอคงจะไม่กลับไปแน่นอน
หลังจากคิดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สองสามวัน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้จัดการ บริษัทGTด้วยตัวเองเป็นเวลานานแล้ว
***
บริษัทGTเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นลับๆ โดยโม้จิ่งเฉิง จุดมุ่งหมายก็เพื่อต่อไปต้องการใช้ชีวิตอยู่กับหวีหรูเจี๋ยอย่างมั่นคง
เพราะเบื้องหลังของหัวหน้าแก๊งมาเฟียของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะในฐานะประธานของบริษัทGTได้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท
วันนี้ เป็นโอกาสที่จะได้กลับไปเมืองA ในนามของการขยายสำนักงานใหญ่ของบริษัทGT และการย้ายสำนักงานใหญ่
ไม่เพียงแค่นั้น เพื่อให้หวีหรูเจี๋ยและเป่หมิงโม่สองแม่ลูกได้เจอกันเร็วที่สุด นอกจากนี้เขายังคิดว่าในเมื่อได้ย้ายสำนักงานใหญ่แล้ว เช่นนั้นสำนักงานใหญ่ควรมีบริษัทเป่หมิงมาทำ เช่นนี้ถึงจะมีโอกาสมากมายที่จะสามารถทำให้พวกเขาได้เจอกัน
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป่หมิงโม่ไม่ต้องการเจอหวีหรูเจี๋ย แต่ในท้ายที่สุดโม้จิ่งเฉิงกลับคิดว่า เลือดข้นกว่าน้ำ ต้องมีสักวันพวกเขาสองแม่ลูกต้องคลายความสงสัยได้
วันนี้เมื่อได้เห็นเป่หมิงโม่ตอบสนองเช่นนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจเลย
แล้วยิ่งได้มาเห็นท่าทีที่เสียใจของหวีหรูเจี๋ยอีก เขาค่อยๆ โอบกอดเธอ: “ไม่เป็นไร ให้เวลาเขาหน่อย เขาจะค่อยๆ ยอมรับเธอเอง”
*
เป่หมิงโม่ทำหน้ามุ่ยมุ่งออกมาจากลิฟต์ด้วยความโกรธ แล้วเดินตรงไปทางประตูโรงแรม
“เจ้านาย” ฉิงฮัวเห็นว่าเขาออกมาแล้ว และไม่ได้หยุดมาเจอพวกเขาที่ห้องโถง ยิ่งไปกว่านั้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เขาเห็นสีหน้าของเจ้านายดูแย่มาก
หรือมีเรื่องทะเลาะกับประธานของบริษัทGTจึงทำให้ไม่พอใจ?
ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรเยอะมากแล้ว หลังจากฉิงฮัวเรียกเขา ก็รีบตามไปอย่างรวดเร็ว
เป่หมิงยี่เฟิงถือถ้วยกาแฟที่ยังร้อนๆ เดินตามไปอย่างสบายๆ
“เจ้านาย…” ตอนที่ฉิงฮัวรีบตามไปนั้น เป่หมิงโม่ได้ยืนอยู่ข้างประตูรถแล้ว
“เปิดประตู” อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเป่หมิงโม่ยังไม่หายไป
ฉิงฮัวรีบเปิดประตูรถ
เป่หมิงโม่ดึงประตูเปิดออกแล้วนั่งเข้าไป: “กลับบริษัท”
ฉิงฮัวก็รีบนั่งประจำที่คนขับ แล้วขับรถออกไป
ตอนที่เป่หมิงถือกาแฟที่ยังร้อน ค่อยๆ เดินออกมาจากข้างใน เห็นเพียงเงารถคันสีดำของเป่หมิงโม่ หายไปอย่างรวดเร็วในทางจราจร
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มเล็กน้อย ดื่มกาแฟที่เหลือให้หมดรวดเดียว แล้วโยนแก้วลงถังขยะที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเอง จากนั้นก็ขึ้นรถ
*
ระหว่างทางกลับบริษัท ฉิงฮัวมองผ่านกระจกหลัง เห็นเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ข้างหลังยังคงอารมณ์ไม่ดี
เขาเข้าใจอารมณ์ของเป่หมิงโม่เป็นอย่างดี เวลานี้เขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวน
ไม่นาน ฉิงฮัวก็ขับรถมาถึงหน้าบริษัท
“เจ้านาย เราถึงแล้ว” ฉิงฮัวถามอย่างระมัดระวัง
เป่หมิงโม่ไม่ได้ลงจากรถ แต่เอนพิงเบาะ แล้วหลับตาลง
เวลานี้เขาต้องการสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
ผ่านไปไม่กี่นาที รถของเป่หมิงยี่เฟิงก็มาถึง เขาจอดรถไว้ข้างหลังรถของเป่หมิงโม่
หลังจากเขาลงจากรถพบว่ารถของเป่หมิงโม่ยังไม่ได้ดับเครื่อง จึงเดินไปข้างหน้า เอื้อมมือไปเคาะกระจกรถข้างคนขับ
กระจกค่อยๆ เลื่อนลง ฉิงฮัวโผล่หน้าออกมา: “คุณชายเป่หมิง มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
เป่หมิงยี่เฟิงใช้คางชี้ไปยังคนที่อยู่เบาะหลัง: “อาสองยังอยู่ข้างในใช่ไหม?”
ฉิงฮัวเหลือบมองไปข้างหลัง จากนั้นก็พยักหน้า
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มเล็กน้อย เขาโน้มตัวก้มลงไปเอามือวางไว้ที่กระจกหน้าต่าง เหลือบมองเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“อาสองไม่เป็นไรใช่ไหม? ในเมื่อได้เซ็นสัญญาเรื่องธุรกิจแล้ว หากคุณไม่ทำ ผมเต็มใจที่จะช่วยคุณจัดการเรื่องยุ่งๆ นี้”
ผ่านไปสักพัก ก็ได้ยินเป่หมิงโม่พูดเบาๆ จากเบาะหลังว่า: “ฉิงฮัว ออกรถ”
“ครับเจ้านาย ขอโทษนะครับคุณชายเป่หมิง คุณช่วยหลบไปหน่อย”
เมื่อรอให้เป่หมิงยี่เฟิงเอาแขนออกแล้ว หน้าต่างก็เลื่อนขึ้น รถก็หายไปจากสายตาของเป่หมิงยี่เฟิงอีกครั้ง
***
ฉิงฮัวขับรถ แล้วเลี้ยวไปตามทางอย่างอิสระ
หลังจากผ่านไปไม่นาน เขาถึงจะกล้าเอ่ยปากถาม: “เจ้านาย เรากำลังจะไปที่ไหน?”
เป่หมิงยี่เฟิงขยี้ตา พูดอย่างช้าๆ ว่า: “สำนักงานกฎหมายปู้ฝัน”
เมื่อฉิงฮัวได้ยิน นี่เป็นที่ทำงานของคุณผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? เขามองนาฬิกาบนรถ นี่ยังเป็นเวลาทำงานของเธอ
เมื่อเขาเหยียบคันเร่ง รถก็ขับเคลื่อนตัวออกไปทางสำนักงานกฎหมายอย่างรวดเร็ว
มาถึงสำนักงานกฎหมาย ฉิงฮัวจอดรถไว้ริมทางให้เรียบร้อย
เขารู้ว่าเป่หมิงโม่ต้องขึ้นไปหากู้ฮอนที่ชั้นบนแน่นอน เพียงแค่เขาไม่อยากเห็นหยินปู้ฝัน
“เจ้านาย ให้ผมขึ้นไปเชิญคุณผู้หญิงลงมาไหมครับ?”
เป่หมิงโม่พยักหน้า
*
ตอนนี้ใกล้เวลาพักเที่ยงแล้ว หยินปู้ฝันกำลังเดินออกมาจากห้องทำงาน เหมือนเช่นเคย ที่จะชวนกู้ฮอนออกไปทานอาหารเที่ยง
เพียงแต่เวลานี้ ประตูห้องทำงานเปิดออก ฉิงฮัวเดินเข้ามาจากด้านนอก
เขาพยักหน้าให้หยินปู้ฝัน จากนั้นก็เดินไปที่ห้องทำงานของกู้ฮอน
เมื่อเห็นฉิงฮัวยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง กู้ฮอนรู้สึกตกใจและประหลาดใจ: “ฉิงฮัว นายมาที่นี่ทำไม? นานต้องการมาเจอเฉียวเฉียวงั้นเหรอ? ตอนนี้พวกนายดีกันแล้ว ไปหาเธอโดยตรงเลยก็ได้ ทำไมต้องพูดผ่านฉันด้วย?”
“คุณผู้หญิง ไม่ใช่ผมที่มาหาคุณ แต่เป็นเจ้านายที่มาหาคุณ”
เมื่อกู้ฮอนและหยินปู้ฝันได้ยินก็ต้องขมวดคิ้ว เขากินยาลืมเขย่าขวดอีกแล้วเหรอ
หยินปู้ฝันยิ้มเล็กน้อย: “ดูเหมือนว่าเที่ยงวันนี้ผมคงต้องกินข้าวคนเดียวแล้ว”
ความจริงกู้ฮอนก็อยากจะปฏิเสธฉิงฮัว แต่เห็นแก่ฉิงฮัวและลั่วเฉียว จึงไปเจอเขา
“ปู้ฝัน ต้องขอโทษด้วยนะ” กู้ฮอนพูดจบ หยิบกระเป๋าถือของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไป เดินตามฉิงฮัวออกไปจากสำนักงานกฎหมาย
“คุณผู้หญิงเชิญขึ้นรถ” ขณะนี้ฉิงฮัวเปิดประตูเบาะหลัง มือข้างหนึ่งบังขอบบนของหลังคารถไว้
กู้ฮอนเห็นเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ข้างใน แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงเข้าไปนั่ง
ฉิงฮัวเดินอ้อมไปหน้ารถ นั่งประจำที่คนขับ
“เจ้านายเราจะไปที่ไหน?”
เป่หมิงโม่เห็นว่ากู้ฮอนมาแล้ว: “เราจะไปทานข้าว ส่วนที่ไหน คุณกำหนดเอง”
กู้ฮอนคิดสักพัก แล้วชี้ทางให้ฉิงฮัวขับไปที่ร้านปอเปี๊ยะที่เธอเคยไปกินครั้งที่แล้ว
เป่หมิงโม่เปิดประตูลงจากรถ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเป็นร้านที่ไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่ อาหารที่นี่ราคาถูก ราคาอาหารไม่ถึงสิบหยวนขึ้นไป
“ทำไม ไม่ค่อยได้แวะร้านเล็กๆ แบบนี้ใช่ไหม ไม่แปลกใจ ประธานอย่างพวกคุณ มักเคยชินกับการทานหอยเป๋าฮื้อกับโสมวิงพุง อาหารเที่ยงนี้คุณก็ตามนี้แล้วกันนะ” กู้ฮอนพูด แล้วก้าวขึ้นบันไดเดินเข้าไป
“คุณกู้ฮอนวันนี้คุณมาอีกแล้ว กินอะไรดี?” เจ้าของร้านทักทายอย่างอบอุ่น
ขณะนี้เป่หมิงและฉิงฮัวก็เดินเข้ามาด้วยเช่นกัน