เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 750 หญิงสาวในอ้อมแขน
ตอนที่ 750 หญิงสาวในอ้อมแขน
เป่หมิงโม่ลงจากเวทีงานพุ่งตัวออกไปจากสถานที่จัดงานภายใต้สายตาของผู้คนที่มองตามหลังไป
เป่หมิงโม่นั้นมีภาพลักษณ์เคร่งขรึมและเย็นชาในสายตาผู้อื่นมาโดยตลอด ตอนนี้การกระทำของเขาทำให้เหล่านักข่าวตกตะลึง
ในเวลานี้สถานที่จัดงานเหลือเพียงแค่โม้จิ่งเฉิง
เขาก็มีสีหน้าตกตะลึงเพราะคำถามที่นักข่าวเอ่ยถามเมื่อครู่นี้ เกิดเรื่องใหญ่ใกล้ตัวขนาดนี้แต่ตัวเองกลับเป็นคนสุดท้ายที่รู้
เป่หมิงโม่พุ่งตัวออกไปจากสถานที่จัดงาน ถัดมาก็เป็นฉิงฮัวที่ตามออกไป
เป่หมิงโม่มองเห็นร่างบอบบางของกู้ฮอนที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเองนักในคราแรก
อีกทั้งยังหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
เขาเร่งฝีเท้าตามขึ้นไป เงยหน้ามองก็เห็นว่าสถานที่กู้ฮอนหายตัวไปก็คือลิฟต์โดยสาร
“เจ้านาย คุณผู้หญิงหายไปใช่ไหมครับ” ฉิงฮัวในตอนนี้ก็ตามมาทันแล้ว
เป่หมิงโม่มองลิฟต์โดยสาร ตอนนี้หยุดอยู่ที่ชั้นหนึ่ง อธิบายได้ว่ากู้ฮอนไม่ได้โดยสารลิฟต์โดยสารลงไป
เธอน่าจะใช้เส้นทางหนีไฟ ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดประตูหนีไฟแล้วเดินเข้าไป
ภายในเส้นทางหนีไฟว่างเปล่า ไม่มีใครสักคน แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดูเหมือนคนวิ่งลอยมา
จะต้องเป็นกู้ฮอนอย่างแน่นอน
เป่หมิงโม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ จึงสั่งฉิงฮัวว่า “นายลงลิฟต์ไปหยุดเธอ ฉันจะตามเธอไปทางนี้”
เอ่ยแล้วก็วิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว
เขาในตอนนี้สามารถพูดได้ว่าใจร้อนดั่งไฟ
เดิมคิดว่าอาศัยช่วงเวลากลางคืน รีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ก็จะไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องมากเท่าไร แต่ว่าคนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต สุดท้ายก็เปิดเผยออกมาจนได้
สำหรับกู้ฮอนแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นทำร้ายเธอแล้ว ตอนนี้ยังมีคนสาดเกลือลงบนบาดแผลของเธออีก เธอรับไม่ไหวจริงๆ
ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงร้องไห้อันแผ่วเบาลอยขึ้นมาจากบันไดชั้นล่าง และค่อยๆชัดเจนมากยิ่งขึ้น
จะต้องหยุดเธอก่อนที่เธอจะออกจากโรงแรมไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นด้วยสภาพจิตใจแบบนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอได้ง่ายๆ
เป่หมิงโม่คิดถึงตรงนี้ก็เร่งฝีเท้าตัวเองให้เร็วขึ้น
สุดท้ายแล้วเขาก็หยุดกู้ฮอนได้ที่ชั้นห้า
“ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้พูดกันชัดเจนแล้วหรือ คุณโดยใส่ร้าย แล้วจะไปสนใจมันทำไมกัน” เป่หมิงโม่คงน้ำเสียงอ่อนโยนเอาไว้ ในเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะพูดจาเสียงดัง ตะโกนใส่เธอ
กู้ฮอนร้องไห้พลางมองเป่หมิงโม่ สุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหว โผเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ในเวลานี้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดก็คือมีคนคนหนึ่งมาปลอบใจเธอ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันนี้ เป่หมิงโม่ปรากฏตัวขึ้นสองครั้งในเวลาที่เธอหมดหนทางมากที่สุด
แม้ว่าปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่ทำให้เธอรังเกียจมากจริงๆคนหนึ่ง แต่ในเวลานี้กลับสามารถมอบอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นให้กับเธอได้
เป่หมิงโม่กอดกู้ฮอนไว้ในอ้อมแขนแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนมาก “กู้ฮอน ให้เวลาผมสักหน่อย ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
“คุณจะทำอะไร!” กู้ฮอนเอ่ยเสียงตกใจ จากนั้นทั้งร่างของเธอก็ลอยอยู่กลางอากาศ
สิ่งที่เธอสามารถทำได้หลังจากนั้นก็คือโอบคอเป่หมิงโม่แน่นๆ
เป่หมิงโม่ไม่ได้พูดอะไรก็อุ้มเธอขึ้นมาในทันที เดินลงไปด้านล่างทีละก้าวๆ
ฉิงฮัวเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูทางหนีไฟ เดิมยังสามารถได้ยินเสียงสับสนวุ่นวายของการเดินลงมาชั้นล่างลอยมา แต่ว่าไม่นานก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว
ผ่านไปไม่นานก็เห็นเป่หมิงโม่อุ้มกู้ฮอนเดินลงมาข้างล่างจากชั้นบนอย่างมั่นคง
เขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของกู้ฮอน เมื่อเห็นสภาพการณ์แบบนี้แล้วก็โล่งใจขึ้นมา
จากนั้นเป่หมิงโม่ก็อุ้มกู้ฮอนออกมาจากลิฟต์โดยสาร
***
นับตั้งแต่เป่หมิงโม่พุ่งตัวออกไปจากสถานที่จัดงานแล้ว ในงานก็เริ่มสับสนวุ่นวายขึ้นมา
แม้ว่าการปรากฏตัวของประธานบริษัทGTที่เร้นกายมาตลอดจะเป็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง แต่ก็ไม่น่าสนใจเท่ากับข่าวของเป่หมิงโม่ที่อยู่ในเมืองนี้ข่าวหนึ่งได้
นักข่าวจากหลายสื่อลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วก็พากันกรูออกไปจากสถานที่จัดงาน
ในตอนนั้นบนทางเดินไม่มีเงาร่างของเป่หมิงโม่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อโอกาสใดๆในการทำข่าว ล้วนขึ้นลิฟต์โดยสารลงไปที่ชั้นล่าง
พวกเขารู้ว่าภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ เป่หมิงโม่จะต้องยังไปได้ไม่ไกลอย่างแน่นอน
ตอนเป่หมิงโม่ที่อุ้มกู้ฮอนอยู่ปรากฏตัวให้ห้องโถงใหญ่นั้น ที่นี่ก็เต็มไปด้วยเหล่านักข่าวที่มารวมตัวกัน
กลุ่มคนพวกนั้นเห็นเป่หมิงโม่ปรากฏตัวขึ้นมา ทั้งในอ้อมแขนยังมีหญิงสาวคนหนึ่ง
แสงแฟลชก็กระพริบไม่หยุดในทันที
กู้ฮอนโอบรอบคอเป่หมิงโม่แน่น ราวกับสุนัขตัวน้อยที่ซุกตัวเข้าหารังอันอบอุ่นเมื่อถูกพายุฝนจนตัวสั่นตัวหนึ่ง
เพียงแต่ เมื่อเธอเห็นอุปกรณ์ของเหล่านักข่าวพากันเบนมาทางตัวเองในตอนนั้น เธอก็รีบซุกศีรษะเข้าไปในอ้อมแขนของเป่หมิงโม่อย่างรวดเร็ว
เธอไม่อยากถูกผู้คนถ่ายรูปในตอนที่เธอมีสภาพน่าอับอายแบบนี้
เป่หมิงโม่ก็ให้ความร่วมมือเธอโดยการยื่นแขนออกไปข้างหน้า แบบนี้ถึงจะมีที่ว่างมากพอให้เธอแอบซ่อนตัวเอง
ฉิงฮัวก็รีบเดินตามเข้ามาปกป้องพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมและพนักงานของโรงแรมจัดการเส้นทางเพื่อให้พวกเขามีทางเดินออกมาจากกลุ่มนักข่าว
เป่หมิงโม่และฉิงฮัวล้วนอาศัยโอกาสหนีออกจากวงล้อมอันวุ่นวายมาถึงข้างรถของตัวเอง
ฉิงฮัวรีบเปิดประตูรถออก เป่หมิงโม่วางกู้ฮอนในรถเบาๆแล้วตัวเองก็ตามเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตู
ฉิงฮัวกลับไปที่ห้องคนขับ ติดเครื่องยนต์แล้วก็ออกจากโรงแรมแมนดารินไปอย่างรวดเร็ว
เหล่านักข่าวเห็นเป่หมิงโม่ พวกเขาจากไปแล้วก็กลุ้มใจอยู่บ้าง
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นรูปภาพและวิดีโอที่ตัวเองถ่ายเอาไว้ นอกจากเป่หมิงโม่ที่มองเห็นได้ชัดแล้ว ภาพใบหน้าค่าตาของหญิงสาวในอ้อมแขนเขาไม่มีภาพใดที่ชัดเลย
*
โม้จิ่งเฉิงมองสถานที่จัดงานอันว่างเปล่า นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
สาเหตุที่เขาจัดงานแถลงข่าวนี้ก็เสี่ยงอันตรายครั้งใหญ่
นั่นก็เป็นเพราะเบื้องหลังตัวเองที่เป็นกลุ่มอิทธิพลมืด แต่ว่าสาเหตุที่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ หลักๆก็คือเขาคิดว่าอยากจะทำให้หวีหรูเจี๋ยและเป่หมิงโม่ พวกเขาแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้สำเร็จ หมากตานี้จำเป็นต้องเดิน
ให้ทุกคนได้รู้ว่าพวกเขากลายเป็นพันธมิตรกันแล้ว ก็มีโอกาสที่จะได้ติดต่อกับเป่หมิงโม่มากขึ้น เขาไม่เชื่อว่าเป่หมิงโม่จะเป็นคนใจแข็ง จะต้องมีวันใดวันหนึ่งที่เขาสามารถยอมรับคุณแม่ของเขาได้อีกครั้ง
ในจุดนี้ ที่จริงแล้วตอนที่อยู่ที่เมืองซาบาห์นั้นก็มีสัญญาณเล็กน้อย เพียงแต่เป่หมิงโม่ไม่อยากจะแสดงความรู้สึกและความคิดออกมา
“ประธานโม้ นี่คือกระเป๋าของทนายกู้ น่าจะลืมทิ้งไว้ที่นี่ในตอนที่เธอจากไป “ปี้เหอยื่นกระเป๋าใบเล็กติดตัวของกู้ฮอนให้กับโม้จิ่งเฉิง”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าท่านประธานกับทนายกู้ที่เป็นทนายความคนใหม่นี้จะมีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่เขาก็สามารถรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่เหมือนผู้บังคับบัญชาและลูกน้อง
หลังจากที่เธอมาแล้ว เมื่อติดต่อกับท่านประธานก็สามารถมองออก
ในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้รับผิดชอบสำนักงานของบริษัทGTในเมือง A หลังจากที่ท่านประธานมาแล้วก็ยังไม่เคยพบหน้าเขาเลยสักครั้งเดียว
แต่ทนายกู้คนนี้เพิ่งจะเข้ามาที่บริษัทก็สามารถพบกับท่านประธานได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งเวลาที่เธอสนทนากับท่านประธานก็สามารถรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน
โม้จิ่งเฉิงรับกระเป๋าติดกายของกู้ฮอนมา “อืม รอเธอมาครั้งหน้า ผมจะคืนให้เธอ”
“ประธานโม้ งานแถลงข่าวในครั้งนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ผมต้องขออภัยอย่างจริงจังครับ คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องที่นี่ผมจะรับผิดชอบจัดการเอง”
ปี้เหอนั้นละอายใจมากจนเห็นได้ชัด ทั้งยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เพราะตัวเองเป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อเกิดเรื่องก็ต้องแบกรับเอาไว้คนเดียว
***
“จิ่งเฉิง งานแถลงข่าวเป็นอย่างไรบ้างคะ” หวีหรูเจี๋ยที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา เห็นโม้จิ่งเฉิงกลับมาก็กดปุ่มปิดบนรีโมตปิดโทรทัศน์ไป
โม้จิ่งเฉิงในตอนนี้ความรู้สึกซับซ้อนปนเปกันอย่างเห็นได้ชัด เขาถอนหายใจเบาๆ “ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดสั้นๆได้จริงๆ”
จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานแถลงข่าวให้หวีหรูเจี๋ยฟัง หวีหรูเจี๋ยก็ตกตะลึงมาก “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน ถ้าอย่างนั้นฮอนเป็นอย่างไรบ้างคะ”
โม้จิ่งเฉิงส่ายหน้า “ฮอนเธอวิ่งออกไปแล้ว โม่ก็ตามออกไป งานแถลงข่าวก็ถือว่าจบลงตรงนั้น ดูสิ ตอนที่เธอวิ่งออกไป กระทั่งกระเป๋าก็ยังไม่ได้เอาไปด้วย”
โม้จิ่งเฉิงเอ่ยพลางวางกระเป๋าที่อยู่ในมือลงไปบนโต๊ะน้ำชา
แต่ว่าวางไม่ดี กระเป๋าจึงตกลงไปบนพื้น กระเป๋าเป็นแถบแม่เหล็ก เมื่อหล่นลงมาแล้วของในกระเป๋าก็หล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น
“จิ่งเฉิง ทำไมคุณไม่ระวังล่ะคะ รีบเก็บของขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อยเร็วเข้า ถึงเวลาก็ให้คนเอาไปคืนฮอน” หวีหรูเจี๋ยรีบเดินไปหน้ากระเป๋า
โม้จิ่งเฉิงรู้ว่าหวีหรูเจี๋ยไม่สะดวกจะเก็บของพวกนี้ จึงรีบเดินไปเข้าไปใกล้ โค้งตัวลงไปเก็บของทีละชิ้น ทีละชิ้นเข้าไปในกระเป๋า
“เอ๋ ทำไมเธอถึงได้มีรูปใบนี้กัน” โม้จิ่งเฉิงเก็บของส่วนใหญ่เข้าไปในกระเป๋าแล้ว บนพื้นพรมก็มีรูปเคลือบพลาสติกอยู่ใบหนึ่ง
สาเหตุที่เขารู้สึกสงสัยก็เป็นเพราะว่ารูปใบนั้นเป็นรูปที่หวีหรูเจี๋ยถ่ายกับลู่ลู่และเจียงฮุ่ยซินด้วยกันในปีนั้น
รูปใบนี้โม้จิ่งเฉิงก็เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งในบ้านที่เมืองซาบาห์ หวีหรูเจี๋ยก็ตั้งไว้รูปหนึ่ง
“คุณเอามาให้ฉันดูหน่อยค่ะ” หวีหรูเจี๋ยรีบเอ่ย
โม้จิ่งเฉิงลุกขึ้นยืน ยื่นรูปภาพให้กับเธอ
รูปใบนี้ทำให้หวีหรูเจี๋ยตะลึงค้าง เธอรูปว่ารูปใบนี้มีเพียงแค่พวกเธอสามคนเท่านั้นที่มี
กู้ฮอนมีรูปใบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเธอน่าจะมีความสัมพันธ์ทางใดทางหนึ่งกับลู่ลู่ ไม่ก็เจียงฮุ่ยซิน
ภายหลังเจียงฮุ่ยซินแต่งให้กับเป่หมิงเจิ้งเทียน น่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
แต่ลู่ลู่ล่ะ……
เมื่อคิดถึงเธอ ในใจหวีหรูเจี๋ยก็เต็มไปด้วยความรู้สึกละอาย เรื่องราวในอดีตที่ไม่อยากจะนึกถึงก็ปรากฏขึ้นมาในสมองอย่างอดไม่ได้
*
กู้ฮอนนั่งอยู่ในรถ เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยขึ้นมาไม่น้อยในทันที
เธอเหมือนกับกระรอกตัวหนึ่งที่หลุดพ้นจากอันตราย ยื่นศีรษะออกไปจากรถมองไปด้านนอก
ตอนนี้รถของพวกเขาขับผ่านรถที่เคลื่อนที่ไปมาบนถนนในเมือง
เธอคิดขึ้นมาได้ว่าตอนที่ตัวเองรีบร้อนจากมานั้น ได้ทิ้งพ่อบุญธรรมเอาไว้ อีกทั้งเป่หมิงโม่ก็ตามออกมา
“งานแถลงข่าวนั่นถูกฉันทำพังหมดแล้วใช่ไหมคะ” กู้ฮอนไม่กล้ามองเป่หมิงโม่ เอ่ยพูดอย่างขี้ขลาดเล็กน้อย
เป่หมิงโม่หันหน้ากลับมามองกู้ฮอน เธอเหมือนกับเด็กที่ทำผิดคนหนึ่ง นิ้วมือนั้นพันกันไปมามั่วซั่ว
มุมปากเขายกน้อยๆ เลิกคิ้วขึ้น “ใช่แล้ว ล้วนถูกคุณทำพังหมดแล้ว เหตุการณ์นั้นช่าง……เพียงแต่ก็ดี ผมไม่อยากนั่งอยู่ที่นั่นพอดี คุณมอบเหตุผลในการออกจากงานนั้นกับผม”
กู้ฮอนหันหน้ากลับมามองเป่หมิงโม่ “แต่ว่าก็ขอบคุณคุณมากนะ…….”
เอ่ยถึงตรงนี้ เธอก็เริ่มหาของไปทั่ว
“คุณหาอะไรน่ะ” เป่หมิงโม่มองเธอพลางเอ่ยถาม
กู้ฮอนหาอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ เธอหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเอ่ยว่า “แย่แล้ว กระเป๋าของฉันไม่อยู่แล้ว จะต้องลืมไว้ที่สถานที่จัดงานแน่นอน คุณให้ฉันยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหม”
เธอลองมองไปที่เป่หมิงโม่ที่อยู่ด้านข้าง
“เอาไป” เป่หมิงโม่ยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้
“ขอบคุณ” กู้ฮอนรับโทรศัพท์มาก็ต่อสายเบอร์โทรศัพท์หาโม้จิ่งเฉิงในทันที
*
โม้จิ่งเฉิงในตอนนี้เก็บของลงในกระเป๋าของกู้ฮอนเรียบร้อยแล้ว
ตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาก้มหน้ามองก็เห็นว่าเป็นโทรศัพท์จากเป่หมิงโม่ จึงรู้สึกประหลาดใจ
***
โม้จิ่งเฉิงรีบรับโทรศัพท์
เขารู้ว่าตอนนั้นเป่หมิงโม่วิ่งตามกู้ฮอนออกไป เขาก็เป็นห่วงลูกสาวบุญธรรมมากเหมือนกัน
ขณะที่เขากำลังจะถามเป่หมิงโม่ว่าหากู้ฮอนพบไหม ก็ได้ยินเสียงกู้ฮอนดังมาจากอีกฟากของโทรศัพท์