เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 769 แยกตระกูล
ตอนที่ 769 แยกตระกูล
เป่หมิงยี่เฟิงพูดถึงตรงนี้ แล้วหันหน้าหาเป่หมิงโม่ “คุณอาสอง ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นอะไรไหม ฉันจะรับฟัง”
เป่หมิงโม่เอาบุหรี่ออกมา ฉิงฮัวก็ได้รับเอาไฟแช็กไปจุดให้
เป่หมิงโม่สูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดว่า “หากอาศัยความสามารถพิเศษประจำตัวของตัวเองแล้วเข้ามาที่ตระกูลเป่หมิงแล้วล่ะ คงจะเป็นละครน้ำเน่าแน่ ๆ เลยล่ะสิ เดี๋ยวนี้การเก่งมากมายแต่คุณภาพต่ำก็มีเยอะ ฉันจะรู้ว่าพวกเขาจะเป็นแบบไหน”
เป่หมิงโม่ทำให้เป่หมิงเฟยหย่วนหน้าแดงขึ้นมา ไม่คิดว่าลูกชายไส้เดียวกันจะพูดออกมาเช่นนี้ และทำให้อับอายต่อหน้าผู้คน
“อาสอง ความสามารถของพวกเขาคุณคงเข้าใจดีที่สุด ทำไมจะต้องถามอีกเล่า ?” เป่หมิงยี่เฟิงที่พูดกับเป่หมิงโม่ก็รู้สึกทำให้ฟังไม่ได้อีกต่อไป “ฉันเข้าใจได้ไหมว่าคุณกำลังกลัวอยู่ กลัวว่าการปรากฏตัวของพวกเขาจะทำให้สถานะในตระกูลเป่หมิงเกิดการสั่นคลอน อย่างน้อยเป่หมิงเฟยหย่วนเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเป่หมิง”
เป่หมิงโม่มองไปยังเป่หมิงยี่เฟิง สายตาที่เยือกเย็นกลับเต็มไปด้วยไฟรุกรานขึ้นมา เขาได้เอาบุหรี่ไปขยี้ตรงแท่นดับบุหรี่ หลังจากนั้นก็กัดฟันพูดออกมา “พวกคุณอยากจะทำให้สถานะของผมสั่นคลอน คุณสมบัติยังไม่พอหรอก แต่ตระกูลเป่หมิงจะไม่ให้ขยะมาทำงานที่นี่”
เป่หมิงโม่ที่กระทำต่อเป่หมิงยี่เฟิง เป่หมิงเฟยหย่วนก็เริ่มดูไม่ได้แล้ว แต่ยอมรับได้กับการที่ถูกเป่หมิงโม่จาบจ้วง แต่ไม่อาจจะให้ลูกตัวเองถูกเอาเปรียบและด่าว่า
เขาเดินมาถึงด้านหน้าเป่หมิงโม่ ด้วยท่าทีที่พี่ชายคนโต
***
เป่หมิงเฟยหย่วนได้ใช้ท่าทีพี่ชายในการพูดกับเป่หมิงโม่ “เป่หมิงโม่ คนที่อาวุโสกว่าจะต้องทำแบบนี้ไหม คุณไม่ใช่อยากจะดูความสามารถของเราหรือ ? งั้นก็ภายในหนึ่งเดือน หากพวกเรามีความสามารถก็จะอยู่ที่นี่ต่อ หากไม่มีคุณก็ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราจะเก็บเสื้อผ้าไล่ตัวเองออกไปเอง”
เป่หมิงโม่ดูเป่หมิงเฟยหย่วน ไม่คิดว่าจะรีบร้อนถึงขนาดนี้ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ได้เลย คุณพูดเองนะ จำกัดเวลาหนึ่งเดือน ก็เป็นการทดลองงานแล้วกัน ช่วงนี้หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา คุณอย่าหนีก็แล้วกันล่ะ ถึงเวลาก็อย่ามาว่าน้องชายอย่างฉันไม่ไว้หน้าแล้วกันนะ”
เป่หมิงเฟยหย่วนพูดกับเป่หมิงโม่ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “หากผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนคุณจะว่ายังไง ?”
การทะเลาะกันระหว่างครอบครัว ทำให้คนที่นั่งอยู่มีความรู้สึกถึงความตกใจมากมาย
จะเข้าข้างฝั่งไหนก็รู้สึกลำบาก
เป่หมิงยี่เฟิงก็ได้ออกมาพูดว่า “ในเมื่ออาสองพูดเช่นนี้แล้ว ก็แสดงว่าตัดสินใจแล้ว ? งั้นก็ดี ในหนึ่งเดือน ก็ทำตามแผนที่ผมวางไว้แล้วกัน แผนกโครงการและแผนกธุรการแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยส่วนหนึ่งจะมีเป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนเป็นผู้นำ อีกส่วนหนึ่งให้หัวหน้าแผนกเข้ามาดูแล ทุกคนมีเรื่องอะไรจะเสนออีกไหม”
เป่หมิงยี่เฟิงเห็นคนที่นั่งอยู่ พวกเขาได้เข้าสู่ความเงียบขรึมอีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครพูดอะไรเลย
“เอาล่ะ ก็ทำตามนี้ วันนี้ประชุมก็ถึงตรงนี้แล้วกันนะ เลิกประชุม”
เป่หมิงยี่เฟิงที่พูดว่า “เลิกประชุม” ซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นใจ
เป่หมิงโม่ก็ได้มีใบหน้าที่ไม่พอใจกลับไปยังห้องทำงานตัวเอง ฉิงฮัวก็ตามไปด้วย
เขารู้ว่าเจ้านายมีอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก ก็เลยไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องการประชุมในวันนี้
เป่หมิงยี่เฟิงที่หลังเลิกประชุม ก็เริ่มจัดการเกี่ยวกับการจัดการงานของตัวเอง
เขาได้เอาคนที่เป็นลูกน้องของตัวเองให้กับพ่อแม่ไป เพื่ออยู่กับทางบริษัท
และเอาคนที่ไม่ใช่คนที่มีความคิดเดียวกับตัวเอง ไปสร้างแผนกใหม่
ในวันหนึ่งที่สั้น ๆ บริษัทเป่หมิงก็ถูกเป่หมิงยี่เฟิงควบคุมถึงสามแผนก
ตัวเองดูแลแผนกออกแบบ พ่อดูแลแผนกโครงการ รับผิดชอบบริษัทเจียเม้าก็คือพนักงานที่เหลือ และยังมีคุณแม่ที่ดูแลฝ่ายธุรการ
เป่หมิงเฟยหย่วนกับของลูกของเขามีความชัดเจนที่สุด นี่คือการแบ่งตระกูล แสดงถึงการทำสงครามกับเป่หมิงโม่แล้ว
เป่หมิงโม่ยังอยู่สูงกว่าพวกเขา แต่เรื่องหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ก็น่าจะต้องลูบ ๆ คลำ ๆ แล้วล่ะ
กลางคืน เป่หมิงโม่กำลังจะเก็บของออกจากบริษัท ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้ให้ฉิงฮัวส่งเข้ากลับบ้าน
ฉิงฮัวก็ขับรถไปยังสถานที่ที่พักของเขาและลั่วเฉียว
“เป่หมิงโม่กลับมาแล้ว วันนี้ทำไมดูสีหน้าไม่ค่อยจะดีเลยล่ะ บริษัทเกิดเรื่องหรือ? ” เจียงฮุ่ยซินเห็นใบหน้าของเป่หมิงโม่ แต่ในใจรู้ชัดเจนยิ่งนัก แต่เธอก็ยังที่จะเสแสร้งทำเป็นห่วง
เป่หมิงโม่ไม่ได้พูดอะไร เขาก็ไม่ได้ไปกินข้าวที่ห้องอาหารด้วย แต่กลับไปยังห้องหนังสือ
เจียงฮุ่ยซินให้คนใช้เอากับข้าวไปให้ที่ห้องหนังสือ หลังจากนั้นก็พาหยางหยางไปกินข้าว
เป่หมิงยันหลังจากที่ออกมาจากร้านน้ำชา ก็ได้ขับรถมายังบ้านตัวเอง แล้วก็เอาเสื้อผ้าใส่ไปยังกระเป๋าเดินทาง ก็หมายความว่าจะออกจากบ้านตระกูลเป่หมิงแล้ว
เขาไม่ยอมที่จะอยู่ในสถานที่แบบนี้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าทุกคนเปลี่ยนไป เดิมทีเป็นบ้านที่ดียิ่งนัก แต่ตอนนี้เหมือนกับการต่อสู้ที่ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อ
สิ่งที่คุณพ่อทำมามากมายเช่นนี้ก็คงจะกลายเป็นสิ่งของที่ต้องเสียสบะ
ตั้งแต่ที่เป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนได้พาพนักงานใหม่เข้ามาที่ตระกูลเป่หมิง โดยเฉพาะเป่หมิงเฟยหย่วนที่ดูแลแผนกโครงการ
ในหนึ่งเดือนที่การทำงานร่วมมือระหว่างเป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงยี่เฟิงถือว่าไม่เลวเลย
ไม่หนีห่างออกจากกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจการของบริษัทเจียเม้าหรือโครงการอื่น ๆ ก็ผ่านไปโดยดี
นอกจากนี้แล้วยังมีความราบรื่นอีกอย่างหนึ่งก็คือสิ่งที่เป่หมิงโม่กำลังทำกับบริษัทGT
เดิมทีคิดว่าเป่หมิงโม่ไม่ได้ให้ความสนใจกับงานนี้ แต่โม้จิ่งเฉิงกลับไม่คิดว่า เขากลับใช้เวลาที่มากมาย ในการออกแบบงานและตรวจสอบแล้วค่อยทำมันออกมา
โม้จิ่งเฉิงก็ยังเคยเอาเรื่องงานทำเป็นมาชวนเขาออกมากินข้าวดื่มชา และในตอนนี้เขาก็ได้เอารูปของเขาและหวีหรูเจี๋ยออกมาให้ดู
แต่ตอนที่พวกเขาได้พูดเรื่องนอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว เป่หมิงโม่ก็ไม่ได้จะเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็เงียบขรึมอยู่ ทำให้โม้จิ่งเฉิงไม่ได้รับโอกาสหรือช่องโหว่ใด ๆ
จนมีครั้งหนึ่ง โม้จิ่งเฉิงนัดเป่หมิงโม่ที่โรงแรมแมนดารินที่ห้องประชุมมาคุยเรื่องการแก้ไขโครงการ
ขณะที่พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องสำคัญอยู่ โทรศัพท์ของโม้จิ่งเฉิงก็ดังออกมา การพูดคุยกันก็ตัดขาดลง เขาคนก็ทำการขมวดคิ้ว
พวกเขาเกลียดที่สุดก็คือการที่กำลังพูดคุยเรื่องสำคัญ แต่กลับถูกตัดตินไป
โดยเฉพาะเป่หมิงโม่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจในการมองไปยังโม้จิ่งเฉิง
“ขอโทษที” โม้จิ่งเฉิงแกล้งยิ้มแล้วขอโทษ กำลังจะปิดโทรศัพท์
เขาชอบที่จะมองหน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งเห็นหวีหรูเจี๋ยโทรมา ก็เลยรับขึ้นมา โดยมีท่าทีที่อ่อนน้อม “หรูเจี๋ย มีเรื่องอะไรไหม ?”
พอเสียงหวีหรูเจี๋ยที่ดังออกมาจากมือถือ “จิ่งเฉิง ขอโทษทีนะ ร่างกายของฉันไม่ค่อยดีจะพาฉันไป…..ตึก….”
“หรูเจี๋ย หรูเจี๋ย” โม้จิ่งเฉิงได้ฟังเสียงแล้วรู้สึกไม่ค่อยจะดี ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
หากพูดถึงโม้จิ่งเฉิงแล้ว เขาได้ผ่านเรื่องราวมากมายกับหวีหรูเจี๋ย เดินมาถึงตรงนี้ไม่ง่ายเลย เธอก็คือหนึ่งเดียวของเขา
เขาได้รีบวางสายแล้ว “เป่หมิงโม่ เรื่องวันนี้คุยถึงตรงนี้ก่อนนะ หากมีเรื่องอะไรก็ค่อยมาบอกแล้วกัน”
สิ่งที่โม้จิ่งเฉิงได้โทรศัพท์เขาก็ได้ยินเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะได้ยินเสียงชื่อแม่ของเขา และยังเห็นโม้จิ่งเฉิงที่มีใบหน้าที่ค่อนข้างเปลี่ยนไปอย่างมาก และน้ำเสียงเร่งรีบมากมาย
ภาษิตกล่าวว่าแม่ลูกใจเชื่อสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าเขาและแม่ของเขาจะห่างกันไกล แต่หลังจากที่เขาได้เสียพ่อไป ก็ได้รู้ถึงสัจธรรมบางอย่าง
หากคนรักยังอยู่ คุณสามารถเหลียวแลเขาได้ สามารถอยู่กับเขาหรือกระทั่งเกลียดเขาได้
แต่สุดท้ายมีวันหนึ่ง พวกเขาก็จะห่างจากคุณ คุณคงไม่คิดถึงเรื่องที่ไม่ดีของพวกเขา แต่จะคิดถึงเรื่องดีดีของพวกเขา
“คุณคนเดียวได้ไหม ? ไม่งั้นผมจะไปช่วยคุณ ” น้ำเสียงของเป่หมิงโม่ที่มีความเยือกเย็น แต่หากเปรียบกับเมื่อก่อนแล้วยังเปลี่ยนแปลงไปมากมาย
โม้จิ่งเฉิงพยักหน้า “พวกเรารีบไปเถอะ”
สองคนรีบเก็บของตัวเอง แล้วก็รีบออกจากห้องโดยเร็ว
โม้จิ่งเฉิงเปิดประตูออกมา ก็เห็นเจียงฮุ่ยซินหกล้มตรงหน้าประตูที่อยู่ไม่ไหล
“หรูเจี๋ย” โม้จิ่งเฉิงรีบวิ่งไปอุ้มหวีหรูเจี๋ยขึ้นมา แล้วก็เรียกชื่อเธอดัง ๆ
“อย่ารอเวลาเลย รีบไปเธอไปส่งโรงพยาบาลเถอะ รถอยู่ข้างล่าง” เป่หมิงโม่ได้ก้มลงมาแล้วก็อุ้มหวีหรูเจี๋ยขึ้นมา แล้วก็วิ่งไปที่ทางออก
***
พวกเราก็มาถึงรถที่เป่หมิงโม่จอดไว้อย่างรวดเร็ว โม้จิ่งเฉิงก็ได้เอาหวีหรูเจี๋ยมานั่งบนรถ
เป่หมิงโม่ก็ออกรถด้วยความรวดเร็วและออกจากโรงแรมแมนดาริน และตรงไปยังโรงพยาบาล
บนถนน มีการฝ่าไฟแดง ซึ่งเกือบจะถูกชน แต่เป่หมิงโม่ใช้ความสามารถที่ตัวเองมีจากร้ายกลายเป็นดี
“เป่หมิงโม้ ปลอดภัยดีที่สุด ฉันคิดว่าหรูเจี๋ยยังไหวอยู่” โม้จิ่งเฉิงหันกลับไป ซึ่งตอนนี้กำลังดูแลหวีหรูเจี๋ย แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นห่วงเป่หมิงโม่ กลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้น
เป่หมิงโม่ไม่ได้พูดอะไร ก็ยังขับรถที่ไวมาก ๆ อยู่
เขาขับรถ ในใจก็เต็มไปด้วยความรีบร้อน ซึ่งเขาได้ขับรถมาที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
และในเวลานี้ลู่ลู่ที่นั่งอยู่เบนวีลแชร์ สองมือที่กำลังเลื่อนล้อออกจากลิฟต์มา ตอนนี้เธอไม่จำเป็นที่จะต้องให้คนอื่นมาเดินเป็นเพื่อนแล้ว
เธอค่อย ๆ เลื่อนไปข้าง ๆ ซึ่งเห็นว่าตัวเองอยู่ห่างจากประตูโรงพยาบาลไม่ไกล
มีเสียงเบรกของรถคันหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นรถที่มียี่ห้อและหรูหราจอดอยู่ตรงนั้น
ลู่ลู่ถอนหายใจ หากวันนี้สังคมมีคนที่มีเงินขึ้นมานิดหน่อย ก็จะสามารถจอดเช่นนั้นได้ โดยที่ไม่ต้องเห็นความปลอดภัยของคนอื่นเลย
เธอคิดถึงตรงนี้ก็กำลังจะหันหลังกลับไป ก็เห็นในรถคันหนึ่งมีผู้ชายลงมา แล้วก็อุ้มคนหนึ่ง ๆ ออกมา และช้า ๆ เขาก็ยังมีอีกหนึ่งคน
ดูไปแล้ว คนที่ถูกอุ้มคงจะสลบไปแล้ว
หลังจากที่สามคนรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ลู่ลู่ก็เห็นหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน นั่นก็คือเป่หมิงโม่และโม้จิ่งเฉิง
ทำให้เธอรู้สึกตกใจ แต่ไม่ใช่เพียงเท่านี้ เธอยังเห็นเป่หมิงโม่อุ้มสตรีคนหนึ่ง ใบหน้าของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสับสน