เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 773 พบโดยไม่คาดฝัน
ตอนที่ 773 พบโดยไม่คาดฝัน
“อ่อ มาเยี่ยมคุณลู่ลู่สินะคะ พวกคุณไม่รู้หรือคะว่าเธอถูกลูกสาวเธอรับกลับไปแล้วเมื่อเช้านี้”
“อาการป่วยของเธอหายดีแล้วหรือคะ” เจียงฮุ่ยซินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น วันนี้ตอนเช้าเธอพูดว่าไม่อยู่ที่นี่แล้วอะไรสักอย่าง ลูกสาวเธอไม่มีวิธีอื่นแล้วถึงได้ทำเรื่องขอออกจากโรงพยาบาลให้เธอ”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า บนใบหน้าเผยความรู้สึกผิดหวังออกมาเล็กน้อย
“หยางหยาง ในเมื่อคุณยายของเธอไปจากที่นี่แล้ว อย่างนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ” เจียงฮุ่ยซินเอ่ยเรียกหยางหยาง
ตอนที่พวกเขากำลังเดินผ่านห้องโถงของโรงพยาบาล เจียงฮุ่ยซินก็เห็นโม้จิ่งเฉิงเดินไปทางแผนกผู้ป่วยในอย่างเร่งรีบโดยไม่คาดฝัน
***
เจียงฮุ่ยซินรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาที่นี่
“เธอพาหยางหยางไปรอในรถสักพัก ฉันจะไปทำธุระข้างในสักหน่อย”
เจียงฮุ่ยซินจัดการเรื่องของคนรับใช้และหยางหยางแล้ว ตัวเองก็เดินไปทางแผนกผู้ป่วยใน
เนื่องจากเวลาไม่ห่างกันมากนัก เธอจึงสามารถเห็นเงาร่างของโม้จิ่งเฉิงได้อย่างรวดเร็ว
เธอรักษาระยะห่างกับเขาอย่างระมัดระวัง เลี้ยวโค้งไปสองครั้งก็เห็นโม้จิ่งเฉิงเดินเข้าไปในห้อง ICU ห้องหนึ่ง
เจียงฮุ่ยซินเร่งฝีเท้าเดินไปจนถึงหน้าประตู เธอเปิดประตูให้เกิดช่องว่างเล็กๆอย่างเบามือ แล้วแอบมองเข้าไปด้านใน
ดูแล้วอาจจะไม่สลักสำคัญอะไร แต่หัวใจเธอแทบจะหลุดออกมาจากอกในทันที แม้ว่าอายุอานามในตอนนี้ของเธอจะมีดวงตาที่พร่ามัวอยู่บ้าง แต่ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนว่าเตียงผู้ป่วยข้างกายโม้จิ่งเฉิงมีคนนอนอยู่คนหนึ่ง
อีกทั้งไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหวีหรูเจี๋ย
การพบเจอโดยไม่คาดฝันในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจจริงๆ
“เธอตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ได้อีก นี่ฉันเจอผีหรือ” เจียงฮุ่ยซินคิ้วขมวด เอ่ยพูดกับตัวเอง พลางเดินกลับไปที่รถ
“คุณย่า เจอผีอะไรหรือครับ” หยางหยางถามผ่านกระจกรถ
“อ่อ ไม่มีอะไรหรอก” เจียงฮุ่ยซินดึงประตูรถให้เปิดออกแล้วก็เข้าไปนั่ง จากนั้นก็เอ่ยกับคนขับรถว่า “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
หลังกลับไปถึงบ้านแล้ว เจียงฮุ่ยซินก็ตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
เธอไม่ได้ออกจากห้องมาตลอดทั้งบ่าย สำหรับการพบเจออย่างไม่คาดฝันที่โรงพยาบาลในวันนี้นั้น เจียงฮุ่ยซินรู้สึกว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับขึ้นมากะทันหัน
การปรากฏตัวของหวีหรูเจี๋ยทำให้ความรู้สึกอันตรายที่เจียงฮุ่ยซินลบออกไปจากใจได้มาหลายปีกลับเริ่มแตกหน่อขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งยังอยู่ใกล้ชิดกันมากด้วย
ในวันนี้ลูกชายปล่อยมือ ไม่สนใจเรื่องราวของตระกูลเป่หมิงอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ถือได้ว่าเธอสูญเสียผู้ช่วยเหลือไปคนหนึ่ง
อีกทั้งครอบครัวของเป่หมิงเฟยหย่วนก็ยืนได้อย่างมั่นคงในบริษัทเป่หมิง เรื่องอื่นๆในตอนนี้นั้นไม่มีเวลามาสนใจ
เธอมักจะรู้สึกว่าเพราะหวีหรูเจี๋ย โม้จิ่งเฉิงและเป่หมิงโม่ถึงได้สมัครสมานสามัคคีกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงฮุ่ยซินก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหากู้ฮอน “ฮอน วันนี้ตอนค่ำมีธุระอะไรหรือไม่ ป้าอยากจะเชิญเธอมาทานข้าวที่บ้านสักมื้อ”
กู้ฮอนคิดและก็พยักหน้า พลางเอ่ยว่า “คุณป้าซิน ได้ค่ะ หนูจะไป”
*
“ฮอน รีบมาทานข้าวเร็วเข้า” เจียงฮุ่ยซินเอ่ยเรียกกู้ฮอนที่เพิ่งเดินเข้ามา
หลังจากทานมื้อเย็นแล้ว หยางหยางก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง เตรียมบทเรียนที่ต้องเรียนในวันพรุ่งนี้
ผ่านการพักฟื้นภายในบ้านไปช่วงเวลาหนึ่ง ขาของเขาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว พรุ่งนี้ก็สามารถไปเรียนได้แล้ว
เจียงฮุ่ยซินลากกู้ฮอนมาที่ห้องนอนตัวเอง
“ฮอน เธอนั่งสิ” เจียงฮุ่ยซินชี้ไปที่โซฟาใต้บานหน้าต่าง
กู้ฮอนรู้สึกว่าวันนี้เจียงฮุ่ยซินดูแปลกๆเล็กน้อย “คุณป้าซิน วันนี้ที่คุณป้าเรียกหนูมา มีอะไรจะพูดกับหนูหรือคะ”
เจียงฮุ่ยซินนั่งอยู่ข้างกายกู้ฮอน ดึงมือเธอขึ้นมา ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร วันนี้ป้าพาหยางหยางไปเยี่ยมคุณแม่เธอที่โรงพยาบาล คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอแต่ความว่างเปล่า”
“คุณป้าซิน ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ที่จริงแล้วเรื่องนี้หนูก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน วันนี้ตอนที่หนูไปเยี่ยมคุณแม่ ก็พบว่าเธอกำลังเก็บข้าวของของตัวเองอยู่” กู้ฮอนพูด
“ถ้าอย่างนั้นอาการป่วยของคุณแม่เธอยังไม่ดีขึ้นหรือ ทำไมถึงได้ออกจากโรงพยาบาลกันล่ะ” เจียงฮุ่ยซินก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน
“หนูแนะนำคุณแม่หลายครั้งแล้ว แต่เธอยังมีท่าทางยืนกรานอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายก็ไม่มีทางอื่น หนูจึงทำได้เพียงแค่พาเธอออกจากโรงพยาบาล” กู้ฮอนเอ่ยพลางถอนหายใจ
“ฮอน บ้านเธอมีขนาดเล็กไม่ใช่หรือ ทั้งยังมีเฉิงเฉิง พวกเธอสองคนล้วนต้องทำงานตอนกลางวัน ทิ้งคุณแม่เธอไว้ในบ้านไม่ค่อยเหมาะสมนะ”
กู้ฮอนยิ้มบางๆ “คุณป้าซินไม่ต้องเป็นห่วงแล้วค่ะ ตอนนี้หนูอาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อน เธอตั้งครรภ์จึงอยู่บ้าน”
***
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า “แบบนี้ก็ดี อย่างนั้นก็มีคนดูแลเธอทั้งวัน ใช่แล้วฮอน เธอสามารถจัดเวลาให้ป้าได้พบหน้ากับคุณแม่เธอสักหน่อยได้ไหม พวกเราสองคนไม่ได้พบหน้ากันมานานมากแล้ว ฉันคิดถึงเธอมาก ไม่อย่างนั้นให้ป้าไปบ้านเพื่อนเธอก็ได้”
กู้ฮอนคิดแล้วก็เอ่ยว่า “คุณป้าซินคะ ความคิดนี้ของคุณป้าไม่ได้เอ่ยกับหนูเพียงแค่ครั้งเดียวแล้ว ในเมื่อคุณแม่ของหนูออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว หนูจะดูว่าวันสองวันนี้มีเวลาหรือไม่ แล้วจะพาคุณแม่ออกมาสักครั้งค่ะ”
กู้ฮอนเอ่ยพลางก้มหน้ามองนาฬิกา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มให้กับเจียงฮุ่ยซินอย่างขออภัยเล็กน้อย “คุณป้าซินคะ ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว หนูกลับแล้วนะคะ”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า “ได้สิ ป้าก็ไม่ยื้อเอาไว้แล้ว กลับไปก็ฝากทักทายคุณแม่เธอแทนป้าด้วย บอกว่าผ่านสองวันนี้ไปป้าจะไปเยี่ยมเธอ”
*
กู้ฮอนกลับมาถึงบ้านลั่วเฉียว
เพิ่งจะเดินเข้าประตู ลู่ลู่ก็หมุนเก้าอี้รถเข็นด้วยตัวเองมาถึงเบื้องหน้าเธอ “ฮอน ลูกกลับมาแล้ว สุขภาพป้าซินของลูกยังดีอยู่สินะ”
กู้ฮอนพยักหน้า จากนั้นก็เข็นเก้าอี้รถเข็นของคุณแม่ไปทางห้องรับแขกช้าๆ “สุขภาพของคุณป้าซินดีมากค่ะ เดิมวันนี้ช่วงบ่ายเธอพาหยางหยางไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล สุดท้ายก็เจอแต่ความว่างเปล่า เธอยังบอกอีกว่าอีกสองวันจะนัดคุณแม่ออกไป พวกคุณแม่สองคนไม่ได้เจอกันนานต้องพูดคุยกันสักหน่อย”
บนใบหน้าลู่ลู่มีรอยยิ้มบางๆ “ฮ่าๆ ได้สิๆ ฮอน เป็นช่วงไหน ลูกก็จัดการสักหน่อยแล้วกัน”
กู้ฮอนพยักหน้า
ในเวลานี้จิ่วจิ่วถือตุ๊กตาตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา “หม่า…คุณป้าคะ เล่นกับหนูหน่อยได้ไหมคะ”
“อืม ตอนนี้คุณป้าต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณยาย ยังไม่สามารถเล่นเป็นเพื่อนกับหนูได้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณป้าเรียกพี่เฉิงเฉิงมาเล่นด้วยกันกับหนูดีไหมคะ” กู้ฮอนมองจิ่วจิ่วแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“จิ่วจิ่วมานี่ลูก” ลู่ลู่ยิ้มพลางกวักมือเรียกเธอ
จิ่วจิ่วอุ้มตุ๊กตาเดินมาอยู่เบื้องหน้าลู่ลู่อย่างน่ารัก
ลู่ลู่ก้มตัวลงไปอุ้มจิ่วจิ่วขึ้นมาไว้บนขาของตัวเอง
“คุณแม่ คุณแม่วางจิ่วจิ่วลงมาเถอะค่ะ ร่างกายของคุณแม่ยังไม่ฟื้นดี” กู้ฮอนเอ่ยอย่างกังวลเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรๆ แม่กับจิ่วจิ่วอยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งบ่าย พวกเธอล้วนพูดว่าพวกเราเหมือนกับยายหลานแท้ๆอย่างไรอย่างนั้น ฮ่าๆ”
กู้ฮอนเห็นอารมณ์ของคุณแม่ดีขึ้นมากแล้ว ความตึงเครียดในใจของเธอนั้นก็สามารถจางหายไป
*
ถึงช่วงวันหยุดอีกครั้ง กู้ฮอนเข็นลู่ลู่ออกจากบ้านพัก “คุณแม่คะ วันนี้หนูนัดกับคุณป้าซินเรียบร้อยแล้ว หนูจะพาคุณแม่ไปพบเธอ”
“ฮ่าๆ ได้สิๆ นับๆมา แม่กับเธอก็ไม่ได้พบหน้ากันมายี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง” ลู่ลู่หัวเราะฮ่าๆพลางเอ่ย
กู้ฮอนและแอนนิช่วยประคองลู่ลู่เข้าไปนั่งในรถ จากนั้นก็ยกเก้าอี้รถเข็นไปวางไว้ท้ายรถ
ตอนนี้เองที่จิ่วจิ่ววิ่งออกมา “คุณป้า หนูก็อยากออกไปกับพวกคุณป้าด้วยค่ะ”
กู้ฮอนเข้าใจความคิดของจิ่วจิ่ว นับตั้งแต่จิ่วจิ่วกลับมา ก็ไม่ได้พาลูกสาวออกไปเที่ยวเล่นเลย
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ว่าเธออยากพาไปก็สามารถพาไปได้แล้ว ต้องปิดบังเป่หมิงโม่ ไม่สามารถเปิดเผยตรงไปตรงมาได้
ตอนนี้เมื่อดีขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้จิ่วจิ่วเป็นลูกในนามของแอนนิ ต่อหน้าคนภายนอกนั้นเรียกตัวเองว่าคุณป้า
อีกทั้งฉิงฮัวและคุณแม่ก็เชื่อในเรื่องนี้โดยไม่สงสัย
กู้ฮอนย่อตัวลงมา มองไปที่จิ่วจิ่ว “จิ่วจิ่วเชื่อฟังนะคะ วันนี้คุณป้าจะพาคุณยายไปเจอคนคนหนึ่ง รอพวกเรากลับมาแล้วก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนหนูดีหรือไม่คะ”
***
เจียงฮุ่ยซินนัดกู้ฮอนที่โรงน้ำชาเทียนเซียง
ตอนนี้ช่วงวันหยุดเป่หมิงโม่ไม่อยู่บ้านเท่าไร เธอไม่อยากทิ้งหยางหยางไว้ในบ้านคนเดียว
ดังนั้นก่อนหน้านี้หนึ่งวันก็ได้ปรึกษากับโล่ฮานเรียบร้อยแล้วว่าให้เขาอยู่เป็นเพื่อนหยางหยางวันหนึ่ง
รอจนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็นั่งรถมาถึงที่ร้านเทียนเซียงตั้งแต่เช้าแล้ว
*
ในเวลาเดียวกันกู้ฮอนก็โอ๋จิ่วจิ่วเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ขับรถพาคุณแม่ไปที่ร้านเทียนเซียงตามแผนที่
เวลาที่นัดเอาไว้ใกล้เข้ามาทุกขณะ อารมณ์ของเจียงฮุ่ยซินก็เริ่มไม่สงบเล็กน้อย
“สองท่าน ท่านนายเป่หมิงอยู่ในห้องนี้” ผู้จัดการแผนกต้อนรับเดินนำทางอยู่ด้านหน้ามาจนถึงห้องที่เจียงฮุ่ยซินนั่งอยู่
ประตูห้องเปิดออกอย่างช้าๆ เจียงฮุ่ยซินเห็นกู้ฮอนเข็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอายุอานามในวัยเดียวกับเธอเข้ามาคนหนึ่ง
เธอสรุปว่าคนคนนี้จะต้องเป็นลู่ลู่อย่างแน่นอน
20 กว่าปีแล้วที่ไม่ได้เจอลู่ลู่เลย ในสมองของเจียงฮุ่ยซินนั้นมีแต่ท่าทางของเธอในสมัยวัยรุ่นเท่านั้น
ภายใน 20 ปีมานี้ ลู่ลู่นั้นถือว่าประสบพบเจอกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกไป ยังมีการใช้ชีวิตอย่างลำบากบวกกับความทรมานจากโรคภัยในครั้งนี้ ทั้งร่างเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว
“คุณป้าซินคะ คุณแม่หนูมาแล้ว” กู้ฮอนยิ้มน้อยๆพลางเอ่ยทักทายเธอ
ในตอนนั้นลู่ลู่ก็พิจารณาเจียงฮุ่ยซินที่สุภาพและสง่างามที่นั่งอยู่เบื้องหน้าอย่างละเอียด
เจียงฮุ่ยซินรีบลุกขึ้น ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมาก เธอเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงด้านหน้าของลู่ลู่ ยื่นมือที่สั่นระริกออกมาจับมือของเธอ “ลู่ลู่ พวกเราพบกันอีกแล้ว”
ทั้งสองคนที่ได้พบกัน ในใจก็รู้สึกเหมือนกับอยู่ในอีกโลกใบหนึ่ง พวกเธอเคยมีช่วงเวลาที่โด่งดัง แต่หลังจากผ่านไปยี่สิบกว่าปีนั้นก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
ลู่ลู่จับมือของเจียงฮุ่ยซินแน่น นัยน์ตาเอ่ยคลอน้ำตาพลางเอ่ยว่า “หลิงหลิง พวกเราไม่ได้พบหน้ากันนานแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังสวยเหมือนเดิม”
“ลู่ลู่ เธอยังคงชื่นชอบการล้อเล่นเช่นนี้ นี่อายุอานามเท่าไรแล้ว จะไปเทียบกับแต่ก่อนได้อย่างไรกัน” เธอเอ่ยพลางมองลู่ลู่อย่างละเอียด “หลายปีมานี้เธอลำบากแล้ว ฉันก็เคยไปหาเธอมาก่อน แต่ทุกครั้งล้วนไม่ได้พบเธอ ถ้าหากว่าฉันรู้ว่าเธอใช้ชีวิตลำบากแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันจะต้องไม่ยืนมองดูอยู่ข้างๆอย่างแน่นอน”
ลู่ลู่พยักหน้า “ขอบคุณความหวังดีของเธอนะ แต่ว่าก็ยังดี ถือว่าฉันดวงแข็ง ถึงได้ผ่านหลายปีมานี้ได้ อีกทั้งยังหาลูกสาวที่ฉันทำหายไปเจอด้วย”
เธอเอ่ยพลางหันหน้ากลับไปมองกู้ฮอน ใบหน้าเผยรอยยิ้มแห่งความสุข
“เธอน่ะเรียกว่า ‘ต้นร้ายปลายดี’ ตอนนี้นอกจากลูกสาวแล้ว ยังมีหลานอีกสองคน หลังจากนี้เธอก็รอเสพสุขเถอะ” เจียงฮุ่ยซินเอ่ยแล้วเดินมาด้านหลังเก้าอี้รถเข็นของลู่ลู่
“ฮอน ให้ฉันเข็นเธอเถอะ” เธอยื่นมือออกมาจับที่จับมือ ค่อยๆเข็นลู่ลู่ไปที่หน้าโต๊ะอาหาร
ในตอนนี้เองที่ประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง ผู้จัดการแผนกต้อนรับยกอาหารที่เจียงฮุ่ยซินสั่งไว้ล่วงหน้าเข้ามาเสิร์ฟ
บนโต๊ะอาหาร เจียงฮุ่ยซินและลู่ลู่พากันรำลึกความทรงจำในอดีตอันสวยงามยามที่พวกเธอยังเป็นวัยรุ่น
กู้ฮอนนั่งอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ ยิ้มบางๆมองไปที่พวกเธอ สำหรับเรื่องราวในอดีตของพวกเธอนั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องที่คุณแม่เคยเล่าให้เธอฟังแล้ว
“หลิงหลิง ทำไมถึงได้กลายเป็นคุณนายเป่หมิงได้กัน” สำหรับเรื่องนี้แม้ว่าลู่ลู่จะเคยได้ยินลูกสาวเอ่ยถึงแล้ว แต่ว่าเธอก็ยังอยากฟังเจียงฮุ่ยซินเอ่ยเล่ามากอยู่ดี