เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 796 วิธีใช้เงิน
ตอนที่ 796 วิธีใช้เงิน
หวีหรูเจี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณที่เป็นห่วง อาการเจ็บป่วยของฉันใกล้จะหายดีแล้ว ลู่ลู่แล้วอาการป่วยของเธอล่ะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ดีก็ดี ไม่เป็นอะไรแล้ว” ลู่ลู่พูดจบ สายตาของเธอก็มองไปที่บนมือของหวีหรูเจี๋ยอย่างไม่ตั้งใจ
สีหน้าของเธอได้แข็งทื่อขึ้นมาทันที “หรูเจี๋ย มือของเธอ…..”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว” หวีหรูเจี๋ยบอกเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย การแสดงออกของเธอผิดไปจากธรรมชาติเล็กน้อย “บางทีนี่อาจจะเป็นผลกรรมของฉันสินะ” พูดจบ เธอยกแขนขึ้นและแสดงให้ลู่ลู่เห็นแขนเทียมของตัวเอง
ลู่ลู่อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกๆ มือคู่นั้นของหวีหรูเจี๋ยเคยเป็นมือขาวที่เรียวยาว และได้บรรเลงเปียโนอย่างดี อีกทั้งยังได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน
แต่ตอนนี้กลายเป็นอวัยวะเทียมคู่หนึ่งที่เย็นชาไปแล้ว
“แล้วนี่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” ลู่ลู่และหวีหรูเจี๋ยก็ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างพี่น้อง ในใจของเธอไม่อยากจะบอกว่ามันทรมานแค่ไหน
หวีหรูเจี๋ยถอนหายใจ “เรื่องมันเกิดเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว”
“แต่ละคนมักจะมีความยากลำบากของตัวเองจริงๆ ช่างมันเถอะ เรื่องราวก่อนหน้าปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ พวกเราทุกคนต่างอายุก็มากแล้ว ยังมีอะไรจะต้องมาโต้เถียงกันอีก” ลู่ลู่พูดจบ ในที่สุดก็ยิ้มให้กับหวีหรูเจี๋ย
หวีหรูเจี๋ยผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยๆปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
เพื่อนเก่าทั้งสองที่เสียใจมาครึ่งชีวิตก็เพราะลูกของพวกเขาในที่สุดก็ยิ้มและเสียใจออกมา
เมื่อกู้ฮอนและโม้จิ่งเฉิงได้เห็นพวกเธอสองพี่น้องมาเป็นแบบนี้ได้ ต่างก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และในใจของพวกเขาที่ตึงเครียดในที่สุดก็คลายลง
เพื่อนเก่าทั้งสองคนกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง หลังจากที่ดูเหมือนมีความสุขมากและเดินอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานนั้น จากนั้นก็กลับไปถึงที่ห้องผู้ป่วยของตัวเอง
“ดูเหมือนว่า พระเจ้ากำลังจัดเตรียมให้พวกเรากลับมาคืนดีกันอีกครั้ง แม้แต่ห้องผู้ป่วยก็อยู่ด้วยกัน” ลู่ลู่มองไปที่ห้องผู้ป่วยทั้งสองที่อยู่ติดกัน
*
ในตอนบ่าย หลังจากที่หยางหยางกลับมานัด ก็เข้าห้องนอนของตนเองแล้วเอนตัวลงนอนบนเตียง
หลังจากนั้นไม่นานเฉิงเฉิงก็เดินออกมา “หยางหยาง วันนี้พวกนายไปดูหนังเป็นยังไงบ้าง”
“ก็โอเคนะ” เมื่อเทียบอารมณ์ของหยางหยางวันนี้กับเมื่อวานต่างราวฟ้ากับดินจริงๆ
เฉิงเฉิงเดินมาและนั่งลงข้างๆเขา “นายเป็นอะไรเหรอ ดูท่าทางไม่มีความสุข”
หยางหยางลุกขึ้นนั่ง หยิบบัตรเอทีเอ็มที่เป่หมิงโม่ให้เขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และโยนทิ้ง “และก็ไม่ใช่เพราะว่ามันทำให้วุ่นวาย”
เฉิงเฉิงเหลือบไปมองที่บัตร จากนั้นมองไปรอบๆอีกครั้ง ไม่เห็นของอะไรอยู่ในห้องหยางหยางมาใหม่เพิ่ม
“บัตรเอทีเอ็มเป็นอะไรเหรอ”
หยางหยางพูดบ่น “เดิมทีฉันคิดเอาไว้ว่า มีบัตรนี้แล้ว หลังจากที่Rebeccaชวนฉันไปดูหนังได้แล้ว ฉันก็จะได้ชวนเธอออกไปกินแฮมเบอร์เกอร์กัน แต่ตอนที่ฉันเอาบัตรนี้ออกมาใช้ ก็เลยนึกถึงคำพูดของนายขึ้นมา พ่อเอาบัตรนี้มาให้เพื่อทดสอบฉัน ดังนั้นฉันก็เลยไม่กล้าที่จะหยิบออกมาและรูดมัน
“อย่างนั้นพวกนายก็ยังไม่ได้ไปกินอะไรเลยสิ” เฉิงเฉิงยังคงถามต่อ
“ก็ได้กินแล้ว แต่นายก็รู้ ว่าในกระเป๋าตังค์ของฉันยังสะอาดกว่าหน้าฉันอีก เงินที่พวกเราเอาไปกินล้วนเป็นเงินของRebeccaจ่ายทั้งนั้น ตอนที่เธอจ่ายตังค์ ฉันเห็นแคชเชียร์หันหน้ามองด้วยสีหน้าแปลกๆ ราวกับว่าฉันกำลังเกาะผู้หญิงกิน ฉันจะทนกับสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ได้ที่ไหน นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของฉันเลย” หยางหยางพูดจบก็ล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง จากนั้นหยิบหมอนใบหนึ่งมาปิดหน้าของตัวเอง “ฉันไม่มีหน้าจะไปพบใครอีกแล้ว ต่อไปฉันจะไปเจอหน้าRebeccaได้ยังไงเนี่ย”
***
จากหลังที่เฉิงเฉิงได้ฟังคำบ่นของหยางหยาง ก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะอยากสนุก แต่สุดท้ายก็กลั้นเอาไว้
หลังจากที่แยกแยะอารมณ์ได้ก็พูดกับเขาว่า “พ่อคงแค่อยากจะทดสอบว่านายจะใช้เงินตามอำเภอใจรึเปล่า แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้นายใช้จ่ายเงิน เหมือนเรื่องวันนี้ ถ้า Rebeccaเค้าชวนนายไปดูหนังแล้ว นายก็ควรจะชวนเค้ากินอะไรสักหน่อย ใช้จ่ายเงินแบบนี้พ่อก็น่าจะไม่ว่าอะไร
หยางหยางเอาหมอนออกทันที เขาหันหน้าไปมองเฉิงเฉิง “นายหมายความว่า ฉันยังใช้เงินในนั้นได้ใช่ไหม” แววตาของเขามีความตื่นเต้นเล็กน้อย “โอเค พรุ่งนี้ฉันจะชวนเธอออกไปทานอาหารมื้อใหญ่”
“ฉันบอกว่านายชวนเธอไปกินข้าวได้ แต่ไม่ได้ให้นายชวนเธอใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายเข้าใจไหม แค่ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลก็ได้แล้ว” เฉิงเฉิงเริ่มถูกหยางหยางหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้ชอบเอะอะจริงๆ
“ทำไมการเชิญใครสักคนกินข้าวจะต้องอธิบายอะไรเยอะแยะด้วย นายช่วยอธิบายให้ฉันฟังสักครั้งได้ไหม เพื่อที่ฉันจะได้สุขใจหายกังวลสักหน่อย นี่ไม่ได้ทรมานใช่ไหม” หยางหยางกำลังสับสนกับเฉิงเฉิงจริงๆ ในหัวของเขาตอนนี้ยุ่งเหยิงราวราวกับหม้อโจ๊กไปแล้ว
ขณะที่เฉิงเฉิงมองไปที่หยางหยาง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่เกิดมาเป็นฝาแฝด ทำไมความคิดพี่ชายของเขาถึงได้ไม่มีเหตุผลอะไรเลยล่ะ ดูเหมือนว่าตนเองยังต้องใช้เวลาพูดคุยอีกนานถึงจะเข้าใจ
“หยางหยาง ฉันจะยกตัวอย่างให้นายดูนะ ถ้าวันนี้Rebeccaเค้าจะชวนนายดูหนัง ถ้าตั๋วหนังสองใบราคานักเรียนครึ่งราคา ก็คงเป็นหกสิบหรือเจ็บสิบ อย่างนั้นเวลานายจ่ายตังค์ชวนเค้ามาทานข้าว มันก็เกือบจะเท่ากันก็ได้แล้วเข้าใจไหม”
หลังจากที่หยางหยางฟังคำอธิบายแบบนี้ของเฉิงเฉิง ดูเหมือนจะเข้าใจเล็กน้อย เขาพยักหน้าและพูดว่า “โอ้ ถ้าก่อนหน้านี้นายพูดแบบนี้ฉันก็คงเข้าใจแล้วใช่ไหม ยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันยังไม่เข้าใจ ในหัวของฉันเบลอไปหมดแล้ว”
“นายอะ หัวของนายอะก็อยู่ไม่ถูกที่ถูกทางมาแต่ไหนแต่ไรแล้วหนิ เรื่องที่ถูกต้องก็มักเป็นเรื่องที่วุ่นวายของนาย แต่เรื่องเล่นเกม หรืออะไรที่ตลกขบขันบางอย่าง นายก็อยู่สิบอันดับแรกตลอด อย่ามาโทษว่าฉันไม่เตือนนายนะ ตอนนี้นายก็ไปพนันกับจ้าวจิ้งอี๋อีก หากว่าถึงตอนที่สอบปลายภาคของภาคเรียนนี้ แล้วนายเกิดไม่ได้สามอันดับแรกของระดับชั้นขึ้นมา นายก็น่าจะรู้จุดจบดี”
คำพูดตักเตือนของเฉิงเฉิงทำให้หยางหยางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ใช่สิ ฉันจะแพ้เดิมพันนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะต้องกลายเป็นผู้ติดตามของเธอ มันช่างน่าอายจริงๆ” หยางหยางพูดจบแล้วก็ลุกลงจากเตียง หยิบกระเป๋าหนังสือของตัวเอง นำหนังสือทั้งหมดมาเทกองรวมไว้บนโต๊ะหนังสือ
“หยางหยาง แม้ว่านายจะต้องเริ่มทบทวนบทเรียน ก็ต้องมีความเป็นระเบียบหน่อย ถ้าหากว่านายไม่มีใจจดจ่อ มันก็จะมีผลสำหรับการทบทวน ก็มีแต่จะทำให้นายรู้สึกวุ่นวายเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็เป็นการสิ้นเปลืองไม่มีผลดีอะไรทั้งนั้น”
หยางหยางเริ่มรู้สึกตึงเครียด เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขาจริงจังแบบนี้เพื่อการเดิมพัน
“นายบอกมาสิว่าฉันควรทำอย่างไร” หยางหยางพูดจบก็เหมือนมีประกายแสงจากดวงตาของเขา
สีหน้าของเขาที่ซึมอยู่เล็กน้อยเริ่มผ่อนคลายในทันที เขาดีดนิ้ว จากนั้นก็เริ่มมองไปยังเฉิงเฉิงอย่างรวดเร็ว
เฉิงเฉิงรู้สึกอึดอัดที่ถูกหยางหยางมอง และเขาก็มองออกว่าหยางหยางดูเหมือนจะคิดอะไรแผงๆอีกแล้ว
“หยางหยาง ฉันจะบอกนายให้นะ ถ้านายคิดจะให้ฉันไปสอบแทนนายละก็ ฉันคิดว่านายควรจะหยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้”
***
หยางหยางถูกเฉิงเฉิงพูดกระทบมาแบบนั้น เพียงครู่ก็รู้สึกท้อแท้ “นายไม่พูดเรื่องการสอบของฉัน ฉันจะไปทำอะไรได้ แม้ว่าตอนนี้ผลการเรียนของฉันจะสูงขึ้นมาบ้าง แต่ฉันก็ยังทำได้อันดับสูงในชั้นเรียน หากจะให้มาอยู่ในอันดับต้นของระดับชั้น นั่นก็หมายความว่าฉันจำเป็นจะต้องได้ที่หนึ่งในชั้นเรียนอย่างนั้นเหรอ ฮึ เฉิงเฉิง นายสนิทกับพ่อมากกว่าฉัน ไม่อย่างนั้นนายพูดกับเขาให้หน่อยสิ ว่าข้อตกลงระหว่างฉันกับเขาเมื่อวานนี้เป็นอันยกเลิกได้ไหม”
หลังจากเฉิงเฉิงได้ยินคำพูดของหยางหยาง ก็แทบอยากจะต่อยเขาสักหมัด เขาตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยมีมาก่อน “ตอนแรกที่นายตอบรับคำสัญญากับพ่อ ทำไมถึงไม่คิดให้รอบคอบดีก่อน ตอนนี้ยังคิดอยากจะให้ฉันพูดดีๆต่อหน้าพ่อแทนนาย ฉันได้แต่บอกกับนายว่า ไม่มีทาง! ตอนแรกพ่อพูดว่ายังไง ลูกผู้ชายต้องทำให้ได้อย่างที่พูด จึงมีความน่าเชื่อถือ หากว่านายทำได้ตามที่ตกลงกันไว้ หากว่าพ่อและจ้าวจิ้งอี๋ ผิดสัญญาบ้างล่ะ นายจะคิดยังไง ฉันคิดว่าตอนนี้นายไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่น มันไม่มีประโยชน์ ตอนนี้สิ่งที่ควรจะทำคือไปทบทวนบทเรียนให้ดี ทุ่มเทให้มีผลการสอบที่ดี แบบนี้ทุกคนก็ดีใจ พ่อก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ จะไม่ยุ่งกับนายเมื่อถึงเวลานั้น เขาเป็นคนที่ทำตามคำพูดนะ”
เฉิงเฉิงพูดไปด้วย มองดูหยางหยางไปด้วย เขาดูเหมือนจะสิ้นหวังไร้ชีวิตชีวา
เขาตบไหล่ของหยางหยาง น้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นอีกครั้ง “หยางหยาง พวกเราเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน สิ่งที่ฉันทำได้ ฉันก็คิดว่านายต้องทำได้เหมือนกัน ตอนนี้ที่ยังทำไม่ได้ก็เป็นเพราะนายยังไม่เต็มใจจะทำนายลองคิดดู เพียงแค่นายทำได้ เต็มใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ มีใครจะไม่ประสบความสำเร็จล่ะ ดูตอนที่เล่นเกมกับพ่อปู้ฝันสิ ช่วงแรกเราก็เล่นแพ้เขา แต่ต่อมา ฉันเห็นว่านายจริงจังขึ้นมา นายก็เอาชนะเขาได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ตอนนั้นฉันเองก็ยังแพ้นายเลยใช่ไหม ตราบใดที่นายมีพลังในการเล่นเกมได้ หากนายเอามันไปใช้กับการเรียนบ้างรับรองว่าได้ผลการเรียนที่ดีแน่นอน”
หลังจากเฉิงเฉิงพูดจบ ทำให้หยางหยางฟังแล้วรู้สึกว่ามีจิตใจที่สดชื่นขึ้น “ใช่ ที่นายพูดไม่ผิด มันเป็นสิ่งที่ฉันสนใจจริงๆ ฉันจะใช้ความคิดให้มากขึ้น สำหรับเรื่องที่ไม่น่าสนใจฉันก็ขี้เกียจจะไปใส่ใจ ครูโล่ก็เคยพูดกับฉันเกี่ยวกับปัญหานี้ ฉันก็พยายามจะแก้ไข แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่”
เฉิงเฉิงส่ายหัว “ถ้านายคิดตั้งแต่แรก การเรียนของนายก็จะถอยหลังลง ตอนนี้ล่ะ นายอยู่ในกลุ่มที่จัดว่าดีที่สุดแล้ว เพียงแต่นายไม่เคยตระหนักถึงมันเลย หรือจะบอกว่านายไม่เคยจริงจังกับเรื่องนี้มาก่อน ฉันเห็นได้จากผลการเรียนของนายที่ก้าวกระโดด ครูโล่ก็ช่วยนายไว้มาก ทีหลังนายต้องเรียนรู้จากเขาให้มากๆ ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องมีคุณภาพมากขึ้นแน่นอน”
เฉิงเฉิงพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาก็ดูมีชีวิตชีวา แววตาก็เต็มไปด้วยความปรารถนา “หยางหยาง ฉันหวังว่าวันหนึ่ง พวกเราสองคนจะต้องเป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ พวกเราจะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเหมือนกับพ่อ”
หยางหยางดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากคำพูดของเฉิงเฉิง การแสดงออกของเขาก็กลับมาสดใสอีกครั้ง “เฉิงเฉิง นายพูดไม่ผิด พวกเราเป็นแฝดกัน นายสามารถทำได้ฉันก็สามารถทำได้ วันนั้นที่นายรอคอยจะมาถึง แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ฉันจะขอร้องนายเรื่องหนึ่ง”
***
เฉิงเฉิงพยักหน้า “พูดมาสิ หากว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ฉันก็จะรับปากนาย”
หยางหยางเกาหัว พูดด้วยความลำบากใจ “จริงๆก็ไม่ได้มีอะไร ก็แค่อยากให้ในเวลาปกติของนาย หากมีอะไรที่ฉันทำไม่ได้ก็ให้นายช่วยสอนฉัน”
เฉิงเฉิงพยักหน้า “นี่เป็นวิธีที่ดี ขอเพียงแค่นายเต็มใจถามฉันฉันก็จะบอกทุกอย่างที่ฉันรู้ให้ เพราะพวกเราเป็นพี่น้องกันหนิ”
หยางหยางมองไปที่เฉิงเฉิง รู้สึกซาบซึ้งใจและยังรู้สึกว่าเฉิงเฉิงอาจจะหัวเราะเยาะตัวเอง ประชดประชันตัวเอง
แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับมาเป็นแบบนี้ หยางหยางคิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย