เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 807 ความรับผิดชอบที่หนักหน่วง
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 807 ความรับผิดชอบที่หนักหน่วง
ตอนที่ 807 ความรับผิดชอบที่หนักหน่วง
คราวนี้กู้ฮอนถูกจับได้ เธออยู่ตรงนี้ทั้งวัน แต่ ‘ตัวอยู่ที่นี่แต่ใจกลับอยู่อีกที’ จะสามารถดูแลงานของตัวเองได้อย่างแท้จริงได้อย่างไรกัน
“ฉัน…” ทันใดนั้นก็สะอึก เธอไม่รู้ควรจะอธิบายถึงสาเหตุของตัวเองตอบเป่หมิงโม่ได้อย่างไร
เพราะเธอก็สังเกตได้ว่าตัวเองทำเกินไป เวลาทำงานไม่ควรคิดเรื่องส่วนตัว
กู้ฮอนก้มศีรษะลง เธอสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นชาประดุจมีดที่แหลมคมจ้องตัวเองอย่างไม่ลดละ
ขณะเดียวกันเธอก็รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นที่มาปกคลุมทั่วร่างกายของตัวเองไว้
ทุกวินาทีของการเคลื่อนไหวของเข็มนาฬิกา เธอมักรู้สึกช่างยาวนานเหลือเกิน
เมื่อเป่หมิงโม่เห็นว่ากู้ฮอนไม่พูดอะไร ความจริงในตอนนี้ในใจของเขาก็กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด
สุดท้าย เขาก็ละสายตามองไปที่ฉิงฮัว: “นายพูดสิ่งที่นายต้องรับผิดชอบให้เธอฟังคร่าวๆ”
ฉิงฮัวนั้นพูดถึงโครงการของบริษัทGTได้อย่างชัดเจนคล่องแคล่วมากและไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย
หลังจากรอให้เขาพูดจบ เป่หมิงโม่ก็พยักหน้า: “นายยุ่งอย่างอื่นไปก่อน”
จากนั้นก็หันมา แล้วหยิบรายงานสรุปที่ปริ๊นเรียบร้อยแล้วขึ้นมา แล้วพลิกดูสองสามหน้า จากนั้นก็โยนเบาๆ ไปตรงหน้าของกู้ฮอน
“คุณเอากลับไปดูให้ละเอียดหลายๆ รอบ เรื่องของวันนี้ฉันไม่อยากติดตามแล้ว แต่ผมหวังว่าคุณจะนำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน หากคุณยังทำงานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างนั้นนอกจากเป็นความรับผิดชอบของผมแล้ว ความรับผิดชอบของคุณนั้นมากที่สุด ชะตากรรมของพนักงานทั้งบริษัทก็ขึ้นอยู่กับกระดาษแผ่นบางๆ นี้แล้ว”
***
เป่หมิงโม่ไม่ได้ใช้คำพูดที่ชัดเจนในการตัดสินใจการกระทำของกู้ฮอน
แม้แต่น้ำเสียงก็ดูสงบ
แต่ว่า เมื่อกู้ฮอนได้ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดใจมากกว่าคำพูดที่รุนแรงเหล่านั้น
เธอรู้สึกว่า หากเป่หมิงโม่สามารถใช้คำพูดที่รุนแรงกับเธอได้นั้น บางทีเธอยังรู้สึกดีมากกว่านี้
นี่อาจเรียกได้ว่า “มีดอ่อนเฉือนคน” มันเป็นกระบวนการทรมานอย่างหนึ่ง
อันที่จริง เรื่องนี้หากเป็นไปตามที่เป่หมิงโม่ได้สมมุติขึ้นมา ต้องเป็นหายนะอย่างแน่นอน
จะขอโทษเป่หมิงโม่อย่างไรไม่ว่า คุณท่านเป่หมิงเป็นคนก่อตั้งบริษัทเป่หมิงขึ้นมาเองกับมือ กล่าวได้ว่าเขาได้ใช้เวลาครึ่งค่อยชีวิต
ในตอนที่เขาจากไปกะทันหัน สำหรับการเปลี่ยนในเรื่องของความประทับใจ กู้ฮอนค่อนข้างรู้สึกผิดต่อเขา
เธอยื่นมือไปหยิบข้อมูลการสรุปที่เดิมทีคิดว่าสามารถหลอกได้ ในที่สุดก็กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเป่หมิงโม่
“ขอโทษ เป็นเพราะฉันไม่จริงจังกับการทำงานมากพอ คุณโปรดอภัยให้ฉันด้วย ครั้งหน้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบเดิมขึ้นอีก” ตอนที่กู้ฮอนมองเป่หมิงโม่ ใบหน้าสวยที่เคร่งขรึม อารมณ์เปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้นมาก
เป่หมิงโม่พยักหน้า: “ผมก็หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย จำคำที่คุณให้สัญญาไว้ อย่าทำให้ผมผิดหวัง จำไว้ ภาระของคุณในตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่เป็นทนายแล้ว ที่ไม่ได้รับผิดชอบแค่คนเดียว หรือคนในครอบครัว คุณในตอนนี้รับผิดชอบคนนับร้อยคนทั่วทั้งบริษัทเป่หมิง”
กู้ฮอนกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ แม้ว่าปากของเธอจะยอมรับความผิดของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นในใจของเธอก็ยอมรับด้วยเช่นกัน
แต่เธอรู้สึกว่าสาเหตุที่เป่หมิงโม่ส่งเธอให้มาจับตามองครอบครัวของเป่หมิงยี่เฟิง ชัดเจนได้เพราะเขาไม่ไว้วางใจพวกเป่หมิงเฟยหย่วน ดังนั้นสาเหตุที่พวกเขาสามารถอยู่ที่บริษัทเป่หมิงต่อได้ นั่นเป็นเพราะความสัมพันธ์พิเศษบางอย่าง
เธอดูไม่ออกเพราะว่าทำไมเป่หมิงโม่ต้องคอยต่อต้านพวกเขา เธอคิดว่ายังพวกเขาก็เป็นคนตระกูลเดียวกัน พวกเป่หมิงเฟยหย่วนคงไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของบริษัทเป่หมิง
เพราะเป่หมิงยี่เฟิงเป็นหลานชายแท้ๆ ที่เป่หมิงเจิ้งเทียนชื่นชม
*
ในมื้อกลางวัน กู้ฮอนนั่งอยู่ในโรงอาหารของบริษัทอยู่เพียงลำพัง
โต๊ะที่ว่างเปล่า ที่นั่งทั้งสามที่นั้นว่าง
โต๊ะที่อยู่บริเวณรอบตัวเธอ ถูกคนอื่นๆ จับจองไว้หมดแล้ว แต่ยังมีไม่กี่คนที่กำลังมองหาที่นั่งที่ยังว่าง
แต่เหมือนว่าพวกเขาเหมือนจะมองไม่เห็นว่าที่นี่ยังมีที่ว่าง แม้แต่เดินผ่านก็ไม่ก้มลงมองเลยสักนิด
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากตำนานของเธอได้แพร่กระจายไปทั่วบริษัท
นอกจากนี้ แม้แต่ ‘เจ้าหน้าที่ระดับเจ็ด’ อย่างหัวหน้าหน่วยต่างๆ ยังต้องถอยให้เธอ
“ผมนั่งตรงนี้ได้ไหม?” ขณะที่กู้ฮอนกำลังก้มศีรษะกินข้าวอยู่ เสียงนุ่มนวลที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
ไม่ต้องมองก็รู้ คนที่มาก็คือเป่หมิงยี่เฟิง
“นายนั่งเถอะ สามที่นั่งนี้ไม่มีใครจอง”
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มเล็กน้อยแล้ววางจานในมือลงบนโต๊ะ
“เวลานี้ หาที่นั่งว่างเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ดูแล้วฉันคงต้องหาวิธีขยายโรงอาหารที่นี่แล้ว”
กู้ฮอนไม่ได้คิดอะไรมากกับสิ่งที่เป่หมิงยี่เฟิงพูด
เธอเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็ถาม: “ทำไมคุณเป่หมิงและคุณนายเป่หมิงไม่มาทานข้าวที่นี่?”
ไม่โทษที่กู้ฮอนถามเช่นนี้
เมื่อก่อน เมื่อถึงเวลานี้ ครอบครัวตระกูลเป่หมิงต้องมานั่งร่วมกันรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน แต่วันนี้กลับไม่เห็นพวกเขาสองคน
***
เป่หมิงยี่เฟิงวางกับข้างของตัวเองไว้อีกด้านของโต๊ะ มองกู้ฮอนแล้วยิ้มเล็กน้อย: “พวกเขาออกไปทานอาหารร่วมกับลูกค้าแล้ว ดังนั้นวันนี้จึงเหลือแค่ฉันอยู่ที่นี่”
กู้ฮอนพยักหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ
คู่รักที่เคยรักกันในมหาวิทยาลัย ในวันนี้ได้มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะ มันทำให้รู้สึกเคอะเขิน
หลังจากเป่หมิงยี่เฟิงทานได้สองคำ ในที่สุดก็พูดขึ้นมาว่า: “ช่วงนี้งานของเธอยังยุ่งอยู่ไหม? อาการของแม่เธอเป็นยังไงบ้าง?”
กู้ฮอนหยุดช้อนในมือ: “งานของฉันไม่ถือว่ายุ่งมาก ตอนนี้อาการป่วยของแม่ฉันดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“ได้ยินมาว่าคุณย่ากับแม่ของเธอเคยเป็นพี่น้องที่ดีมาก บนโลกนี้เล็กเกินไป ไว้พาฉันไปเจอแม่ของเธอสิ”
เป่หมิงยี่เฟิงพูดคำนี้ออกมากะทันหัน ทำให้ช้อนที่อยู่ในมือของกู้ฮอนสั่นเล็กน้อย
เป่หมิงยี่เฟิงพูดว่จะไปเจอแม่ของฉัน มันหมายความว่าอย่างไรเหรอ? ไปพบเพราะเห็นแก่คุณป้าซิน หรือเพราะชื่อเสียงอย่างอื่น?
ตอนนี้ระหว่างเธอและเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานกันก็เท่านั้น
เป่หมิงยี่เฟิงดูออกถึงความกังวลของกู้ฮอน เขายิ้มเล็กน้อย: “ฮอน อย่าเครียดไป อันที่จริงฉันต้องการไปพบแม่ของเธอไม่มีจุดประสงค์อย่างอื่น เพียงเพราะความเป็นห่วงจากเพื่อนคนหนึ่ง หากเธอรู้สึกว่ายังไม่เหมาะในตอนนี้ ฉันก็ไม่บังคับอะไร”
หลังจากเป่หมิงยี่เฟิงพูดจบ ก็ก้มหน้าทานข้าวต่อ
แต่ตอนนี้กู้ฮอนไม่มีอารมณ์ที่จะกินแล้ว
เวลานี้ มือถือของเธอดังขึ้น
เธอหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าดู เป็นสายจากโม้จิ่งเฉิง
“ขอตัวก่อน” หลังจากกู้ฮอนพูดสั้นๆ จึงหมุนตัวเดินออกไปจากโรงอาหารอย่างเร่งรีบ
จนออกมาถึงข้างนอกเธอถึงจะรับสาย: “พ่อบุญธรรม มีธุระอะไรโทรหาฉันเหรอ?”
พูดจบ ก็ไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย
“พ่อบุญธรรม?”
กู้ฮอนถามไปอีกครั้ง
เวลานี้โม้จิ่งเฉิงจึงตอบกลับมาว่า
อาการเงียบของเขาเมื่อครู่คือกำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะพูดกับกู้ฮอนอย่างไรดี
“ฮอน แม่ของเธอถูกรับตัวไปแล้ว”
กู้ฮอนขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นไปได้อย่างไร คุณแม่อยู่กับคุณป้าหรูเจี๋ยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นฉิงฮัวยังจัดบอดี้การ์ดคอยแอบเฝ้าพวกเขาไว้
แต่เธอรู้ว่าพ่อบุญธรรมไม่มีทางโกหกเธอแน่นอน ในนี้ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็รีบถาม: “พ่อบุญธรรม ตกลงเกิดอะไรขึ้น?”
“ฮอนเอ๋ย เรื่องนี้เวลานี้ยากที่จะพูดให้เธอเข้าใจ เธอมาที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่า”
กู้ฮอนพยักหน้า: “ได้ ฉันกำลังไปโรงพยาบาล”
พูดจบ เธอก็เก็บมือถือเข้าในกระเป๋า จากนั้นก็รีบวิ่งลงไปลานจอดรถใต้ดิน
หลังจากเธอสตาร์จรถ ก็ได้โทรหาเป่หมิงโม่: “ตอนนี้ฉันกำลังจะไปโรงพยาบาล หลังเที่ยงไม่เข้างานแล้ว”
เป่หมิงโม่ฟังออกว่าน้ำเสียงของกู้ฮอนนั้นดูกังวล คาดว่าน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ได้ คุณไปก่อน หากมีอะไรให้ผมช่วย ก็โทรหาผม”
กู้ฮอนวางสาย แล้วขับรถไปทางโรงพยาบาล
*
เมื่อถึงโรงพยาบาล กู้ฮอนวิ่งเหยาะๆ มาถึงห้องผู้ป่วยที่หวีหรูเจี๋ยอยู่ ผลักประตูวิ่งเข้าไป
“พ่อบุญธรรม แม่ของฉันถูกคนรับตัวไปได้อย่างไร คนที่รับตัวเธอไปเป็นคนอะไร?”
หลังจากเธอเข้าในห้อง แวบแรกได้เห็นโม้จิ่งเฉิงที่ยืนรออย่างเป็นกังวล
***
เมื่อโม้จิ่งเฉิงเห็นว่ากู้ฮอนมาแล้ว ทันใดนั้นก็ถอนหายใจออกมา เขายกมือกวักให้กู้ฮอนนั่งลง
หวีหรูเจี๋ยที่สุขภาพยังไม่หายดี นั่งอยู่บนเตียง
“ฮอน เช้าวันนี้ฉันกับหวีหนูเจี๋ยไปเยี่ยมแม่ของเธอ สุดท้ายหลังจากที่เราผลักประตูเข้าไป พบว่าแม่ของเธอไม่ได้อยู่ในห้อง ตอนแรกเราคิดว่าแม่ของเธอออกไปเดินเล่นแต่เช้า แต่เราเห็นจดหมายหนึ่งฉบับวางไว้บนเตียง”
โม้จิ่งเฉิงพูด ก็หยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าส่งให้กู้ฮอน
กู้ฮอนรีบรับมันมา จากนั้นก็รีบเปิดออกมาดู เนื้อหาบนนั้นเขียนไว้อย่างง่ายๆ : “ฉันพาลู่ลู่ออกไปพูดคุยเดินเล่น เดี๋ยวจะส่งเธอกลับมา อย่าคิดถึง เชิน”
หลังจากที่เธอได้เห็นลายเซ็น ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่รับแม่ไปคือใคร หลี่เชิน!
บอกว่าไม่อยากเจอเธอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมาหาแม่หลังจากที่เขาหายไปสักพัก
แน่นอน เธอเชื่อว่าหลี่เชินไม่ทำอะไรแม่ของเธอแน่นอน แต่สิ่งที่เธอกังวลคือหลังจากที่แม่ของเธอได้เจอกับเขา จะสามารถยืนหยัดกับสิ่งนี้ได้หรือเปล่า
แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าหลี่เชินจะพาแม่ของเธอไปที่ไหน ทำให้คนเป็นห่วงจริงๆ
“ฮอน เธอใจเย็นๆ หลี่เชินคนนี้ผมเคยพูดคุยกับเขา ดูแล้วเขาไม่ใช่คนเลวอะไร ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเขามีความสัมพันธ์กับแม่ของเธอ ลู่ลู่จะไม่เป็นอะไร”
หวีหรูเจี๋ยมองใบหน้าที่เคร่งเครียดของกู้ฮอน ที่จริงในใจเธอก็รู้สึกกังวลมากเช่นกัน
เนื่องจากไม่ได้เจอกับหลี่เชินเป็นเวลานาน เมื่อก่อนเป็นยังไงเธอรู้ชัดเจนดี แต่ตอนนี้เป็นยังไงเธอเองก็บอกไม่ได้
เหตุผลที่เธอพูดสิ่งเหล่านี้ ก็แค่ต้องการปลอบกู้ฮอนเท่านั้น
กู้ฮอนพยักหน้า เธอก็เข้าใจว่าคุณป้าหวีหรูเจี๋ยหวังดี จึงฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ก็ช่วงเวลาสั้นๆ รอยยิ้มก็หายไป
เวลานี้ ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา เขาน่าจะรู้เบาะแสของคุณแม่
เมื่อคิดถึงเช่นนี้เธอก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก: “พ่อบุญธรรม คุณป้าหวีหรูเจี๋ย ฉันออกไปโทรสาย เดี๋ยวกลับมา”
หลังจากเธอเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย แล้วเดินตรงไปจนถึงระหว่างทางเดินของบันไดฉุกเฉินและลิฟต์