เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 812 ความขัดแย้งของสองพี่น้อง
ตอนที่ 812 ความขัดแย้งของสองพี่น้อง
อารมณ์ความรู้สึกพุ่งสูงขึ้นมาในชั่ววินาที ใบหน้ามีรอยยิ้มของผู้ชนะปรากฏขึ้น
จ้าวจิ้งอี๋เห็นลำดับรายชื่อแล้วในใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเต้น ‘ตึกตัก’ ไปชั่วขณะ
คิดไม่ถึงเลยว่าแบบนี้จะทำให้เขาสามารถพลิกกลับมาโจมตีได้สำเร็จ
เพียงแต่ด้วยความที่เป็นใบหน้าของเด็กสาว สีหน้าของเธอแดงเป็นริ้ว จากนั้นก็เถียงอย่างข้างๆคูๆว่า “มีอะไรวิเศษกัน ลำดับของนายยังอยู่ล่างฉันไม่ใช่หรือ”
หยางหยางพยักหน้าหัวเราะอิอิ “ไม่ผิด ลำดับของฉันอยู่ต่ำกว่าเธอ แต่ตอนแรกที่พวกเราพนันกันก็คือฉันต้องอยู่ในสามลำดับแรก ไม่ใช่บอกว่าต้องชนะเธอ ดังนั้น ตอนนี้ฉันชนะเธอแล้ว เมื่อครู่นี้เธอปฏิบัติกับฉันอย่างไร ตอนนี้ฉันก็จะถามเธอประโยคหนึ่งว่า คนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้”
จ้าวจิ้งอี๋มองไปทางหยางหยางด้วยใบหน้าที่แดงไปด้วยความอับอาย จากนั้นก็หันไปมองเฉิงเฉิง
การพนันในครั้งนี้นั้นถ้าหากว่าเธอแพ้แล้วก็ต้องเป็นผู้ติดตามของเฉิงเฉิง เชื่อฟังคำสั่งของเขา
เฉิงเฉิงในตอนนี้ก็รู้ถึงจุดนี้ เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
“หยางหยาง ฉันว่าช่างมันเถอะนะ ล้วนทำเพื่อยกระดับคะแนนให้สูงขึ้น การพนันแบบนี้นั้นชนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย เรื่องอื่นก็ไม่ต้องไปคิดเล็กคิดน้อยแล้ว ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว ควรจะกลับบ้านไปกินข้าวได้แล้ว” เขาเอ่ยพลางยื่นมือออกไป ต้องการจะลากเฉิงเฉิงให้เดินไปทางประตูโรงเรียน
หยางหยางหลบมือของเขา เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาเป็นถึงผู้ชนะ จะยอมปล่อยโอกาสในการแก้แค้นที่ถูกดูถูกเมื่อครู่ไปได้อย่างไร “เฉิงเฉิง ฉันพยายามขนาดนี้เพื่อใครกัน ก็ไม่ใช่เพื่อหาผู้ติดตามให้กับนายหรอกหรือ ตอนนี้นายกลับทำตัวเป็นคนดีเสียอย่างนั้น”
“พอแล้ว พวกนายไม่ต้องเถียงกันแล้ว ฉันยอมรับแล้วยังไม่พอหรือไง อย่างไรก็ไม่ได้เรียกนาย” จ้าวจิ้งอี๋ก็ไม่ใช่เด็กสาวที่ไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ประเภทนั้น
เธอหมุนตัวกลับไปเรียกเฉิงเฉิงเสียงเบาประโยคหนึ่ง “ลูกพี่ใหญ่”
หยางหยางเห็นท่าทางของเธอแล้วก็รู้สึกว่าสนุกขึ้นมาชั่วขณะ เขาแสร้งยื่นคอ เอามือวางไว้ข้างใบหู พลางเอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้เธอเรียกว่าอะไรนะ ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเลย”
เฉิงเฉิงถลึงตาใส่หยางหยาง “ผู้อื่นเป็นเด็กผู้หญิง เรียกครั้งเดียวก็พอแล้ว นายยังไม่พอใจอีก”
“เฮ้ พวกนายได้ยินหรือไม่” หยางหยางหันกลับไปเอ่ยถามหวูเสี่ยวเอ๋อและRebeccaที่อยู่ข้างกายเขา
“ฉัน…..” แม้ว่าหวูเสี่ยวเอ๋อจะไม่รู้ว่าหยางหยางมีเรื่องอะไรกับจ้าวจิ้งอี๋ แต่เขาก็เข้าใจว่าหยางหยางชนะแล้ว เธอต้องยอมรับเฉิงเฉิงเป็นลูกพี่ใหญ่
นี่ถึงเป็นเรื่องที่พวกเขาสองคนพนันกันเอาไว้จริงๆ จะลากตัวเองเข้าไปยุ่งด้วยเพื่ออะไร
เขารู้สึกเสียใจในภายหลังว่าเมื่อครู่จะวิ่งเข้ามาทำไม
แต่เรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว ตัวเองก็จำเป็นต้องแสดงท่าที
การที่หยางหยางบีบบังคับจ้าวจิ้งอี๋นี้ทำให้เขารู้สึกว่าเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่สามารถที่จะล่วงเกินผู้อื่นได้ ผู้อื่นเป็นถึงเด็กผู้หญิง แข่งกับผู้ชายก็ไม่ไหว อย่างไรก็ต้องไว้หน้าบ้าง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาเอ่ยพูดอึกๆอักๆออกมาว่า “ฉัน ฉันได้ยินแล้ว”
หยางหยางมองเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะก้าวออกมาช่วยเหลือเธอ
หยางหยางไม่สนใจเขา หันไปมองRebecca
“Rebecca เธอได้ยินไหม”
Rebeccaไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เธอส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้ยิน”
***
หยางหยางส่งสายตาชมเชยให้กับเธอ ดูท่าRebeccaจะยืนอยู่ฝ่ายตัวเอง
“หวูเสี่ยวเอ๋อไม่รู้เรื่องระหว่างพวกเรา ดังนั้นไม่อาจฟังคำพูดของเขาได้ ตอนนั้นมีเพียงแค่พวกเราสี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นคำพูดของRebeccaถึงจะนำมาเป็นหลักฐานได้ ก็แค่เรียกเฉิงเฉิงคำหนึ่ง เนื้อชิ้นหนึ่งของเธอไม่หล่นลงมาหรอก”
จ้าวจิ้งอี๋โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ถลึงตาใส่หยางหยางอย่างโกรธเคืองไปครั้งหนึ่งแล้วก็หันกลับไปเรียกเฉิงเฉิงอย่างเสียงดังอีกครั้งว่า “ลูกพี่ใหญ่”
ตอนที่สิ้นเสียงนั้นก็ร้องไห้จนมีหยาดน้ำตารินไหลออกมาแล้ว
เธอก้มหน้า วิ่งไปทางประตูใหญ่ของโรงเรียนอย่างไม่สนใจใคร
เฉิงเฉิงเห็นเงาร่างของจ้าวจิ้งอี๋วิ่งจากไปอย่างช้าๆ ทั้งยังยกมือปาดน้ำตา ในใจก็รู้สึกขอโทษเธอ
ตอนนี้ดูท่าว่าต้องรอหลังจากนี้ค่อยปลอบเธอดีๆ
“หยางหยาง นายทำเกินไปหน่อยหรือไม่ เธอเป็นเด็กผู้หญิงนะ” เฉิงเฉิงในตอนนี้ก็เริ่มตำหนิหยางหยางขึ้นมา
หยางหยางสอดมือเข้าไปในกระเป๋า เต็มไปด้วยท่าทางไม่สนใจ “เฉิงเฉิง ทำแบบนี้ก็เพื่อนายนะ ทำไมถึงทำเหมือนกับว่าฉันไม่ใช่คนทั้งภายในและภายนอกอย่างนั้นล่ะ เป็นคนดีนั้นยากจริงๆนะ”
เขาเอ่ยพลางหันหน้าไปมองRebecca “ไป ฉันจะเลี้ยงไอศกรีมเธอ”
จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงมือของเธอเดินไปทางหน้าประตูโรงเรียน
หวูเสี่ยวเอ๋อรู้ว่าหยางหยางกำลังโกรธตัวเองอยู่ ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้จงใจ แต่เขารู้สึกว่าหยางหยางไม่จำเป็นต้องจริงจังอะไรกับเด็กผู้หญิงขนาดนั้น
เพียงแต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหยางหยางกับจ้าวจิ้งอี๋มีเรื่องขัดแย้งกันมากขนาดไหน
เฉิงเฉิงก็มองหวูเสี่ยวเอ๋ออย่างเห็นอกเห็นใจ “นายไม่ต้องไปสนใจเขา เขาก็มีนิสัยแบบนี้แหละ”
*
หยางหยางเพิ่งจะพาRebeccaออกมาถึงหน้าประตูโรงเรียนก็ได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก
เขายังนึกว่าเป็นคนขับรถที่ไปรับมาส่งพวกเขาตลอดคนนั้น เพิ่งจะคิดว่าให้เขาไปส่งเป่หมิงซีเฉิงกลับไปก่อน
แต่เมื่อมองไปตามเสียงแล้วก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในรถนั้นเป็นคุณพ่อ
คงไม่ใช่ว่าคุณพ่อมารับพวกเขาหรอกนะ
หยางหยางมองไปที่Rebecca ถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ดูท่าวันนี้ฉันไม่สามารถเลี้ยงเธอได้แล้ว คุณพ่อมารับฉันแล้วล่ะ”
Rebeccaยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร อย่างนั้นก็รอครั้งหน้าก็แล้วกัน” เธอเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินไปอีกทิศทางหนึ่ง
หยางหยางมองเงาร่างของเธอ แล้วเดินไปทางรถของเป่หมิงโม่อย่างหดหู่เล็กน้อย
หลังจากเขาขึ้นรถแล้วก็เรียกคำหนึ่งว่า “คุณพ่อ”
“อย่างไร พ่อมาทำลายนัดของลูกหรือ” เป่หมิงโม่น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีท่าทีตำหนิหรือว่าโกรธแม้แต่น้อย
ตอนนี้เฉิงเฉิงก็เดินออกมาจากโรงเรียน เป่หมิงโม่เรียกเฉิงเฉิงขึ้นรถอย่างเคย
เพียงแต่หลังจากที่เฉิงเฉิงขึ้นรถมาแล้ว หยางหยางกลับเขยิบร่างเล็กๆของตัวเองไปทางฝั่งประตูอีกด้าน
การกระทำเล็กๆนี้ถูกเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ด้านหน้ามองเห็นผ่านทางกระจกหลัง
มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขัดแย้งอะไรขึ้นระหว่างลูกชายทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง
เด็กๆก็เป็นเช่นนี้ บางทีก็ใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไรถึงได้เริ่มที่จะไม่สนใจกันและกัน จากนั้นก็กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง
“พวกลูกสองคนสอบเป็นอย่างไรกันบ้าง” เป่หมิงโม่พูด ติดเครื่องยนต์ แล้วขับรถมุ่งไปทางบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องสอบ หยางหยางก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที “คุณพ่อ ผมคิดว่าคุณพ่อควรจะให้รางวัลผมตามสัญญา การสอบในครั้งนี้ผมสอบได้ 295 คะแนน ลำดับที่สามของทั้งชั้นปี”
เป่หมิงโม่เลิกคิ้ว “อ่อ เป็นความจริงหรือ”
“นี่เป็นเรื่องโกหกได้ด้วยหรือครับ”
***
เป่หมิงโม่มองไปที่หยางหยางครั้งหนึ่ง คิ้วกระตุกเล็กน้อย รู้ว่าหยางหยางไม่กล้านำเรื่องนี้มาล้อเล่น ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากการสอบจบลง เขาก็ได้รับข้อความเกี่ยวกับคะแนนสอบและลำดับรายชื่อของหยางหยางแล้ว
“คะแนนไม่ใช่เรื่องหลอกลวง แต่ว่าทำข้อสอบจนแขนเปื้อนไปหมดแล้ว” เฉิงเฉิงยังคงรู้สึกโกรธเรื่องที่หยางหยางกับจ้าวจิ้งอี๋พนันกันเมื่อครู่นี้อยู่ จึงเอ่ยไปหนึ่งประโยค
ประโยคนี้สำหรับหยางหยางแล้วก็เหมือนสาดน้ำเย็นลงในใจเขาที่ร้อนระอุอยู่ถังหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
นี่ไม่ใช่ว่ารายงานเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองต่อหน้าคุณพ่อหรอกหรือ เพียงแต่เขารู้สึกเสียใจในภายหลังอยู่บ้างที่ตัวเองไม่ได้ทำลาย ‘หลักฐานความผิด’ ทิ้งตั้งแต่ที่การสอบเสร็จสิ้น
แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ลอกข้อสอบ แต่สิ่งเหล่านี้นั้นยังคงสามารถทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
เขาหดมือเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ
เป่หมิงโม่ก็ฟังออกถึงความหมายในคำพูดของเฉิงเฉิง
มองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นสีหน้าตึงเครียดของหยางหยางและการกระทำเล็กน้อยที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว
เขาจอดรถที่ข้างทาง เดิมน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้นมา “ยื่นมือออกมาให้พ่อดู”
“คุณพ่อ มือมีอะไรน่าดูกัน” หยางหยางหัวเราะแห้งๆอยากจะเอาตัวรอดให้ผ่านไป
เพียงแต่เขาคิดผิดแล้ว เป่หมิงโม่ถูกคนหลอกลวงได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน
ร่างของเขาแผ่นกลิ่นอายอันเย็นยะเยียบออกมาอีกครั้ง เขาใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมพูดประโยคเดิมอีกครั้ง “ยื่นมือออกมา”
น้ำเสียงแฝงไปด้วยเป้าหมายที่ไม่อนุญาตให้ต่อต้าน กระทั่งเฉิงเฉิงก็ยังรู้สึกว่าคุณพ่อโมโหแล้ว
เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตัวเองพูดประโยคนี้ เดิมแค่อยากจะขู่เขาต่อหน้าคุณพ่อเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคุณพ่อจะจริงจังขึ้นมา
เฉิงเฉิงหันไปมองหยางหยาง แววตาแฝงไปด้วยความรู้สึกขอโทษ
หยางหยางก็มองเขาในเวลาเดียวกัน ในใจก็เอ่ยว่า เรื่องจะเลวร้ายก็เลวร้ายในมือนายนี่แหละ
คำพูดของคุณพ่อไม่อาจไม่เชื่อฟัง เขายื่นแขนทั้งคู่ออกมาด้านหน้าอย่างลังเลเล็กน้อย
เป่หมิงโม่ก้มหน้ามอง เดิมบนมือเล็กนั้นขาวสะอาดกลับเต็มไปด้วยตัวหนังสือที่เขียนติดกันเป็นพรืด
เขาเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วก็ขบฟันแน่น กล้ามเนื้อบนใบหน้ามีเส้นเลือดปูดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมากสำหรับเรื่องนี้
คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า ลูกของเขา เป่หมิงโม่ เพื่อการสอบแล้วกลับทำเรื่องที่น่าไม่อายอย่างการโกงข้อสอบ
เห็นคุณพ่อเงียบขรึมไม่พูดไม่จาแล้ว เด็กทั้งสองคนก็ไม่กล้าส่งเสียงสักแอะเดียว
เป่หมิงโม่มองถนนที่อยู่ด้านหน้า คิ้วขมวดเล็กน้อย สุดท้ายแล้วเขาก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ขับเคลื่อนรถยนต์มุ่งหน้าไปยังทิศทางบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงต่อไป
ในเวลานี้เองที่โทรศัพท์มือถือของเฉิงเฉิงดังขึ้นมา ทำลายความเงียบสงบภายในรถทันที
เขาแอบมองคุณพ่อที่ขับรถอยู่ครั้งหนึ่ง เห็นเพียงแค่เขามีสีหน้าบึ้งตึงเย็นชา
จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู เป็นคุณแม่ที่โทรศัพท์มา
“คุณแม่ ผมคือเฉิงเฉิงครับ คุณแม่มีเรื่องอะไรหรือครับ”
หยางหยางเมื่อได้ยินว่าคุณแม่โทรศัพท์มา ความรู้สึกหงอยเมื่อครู่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
กระทั่งเป่หมิงโม่ สีหน้าของเขาก็เป็นปกติเล็กน้อยเช่นกัน
เฉิงเฉิงถือโทรศัพท์ไว้ “อืม พวกเราจะถึงบ้านในอีกชั่วครู่แล้ว คุณแม่ก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยนะครับ” เอ่ยจบก็วางโทรศัพท์ แล้วก็เอ่ยกับเป่หมิงโม่เสียงเบาว่า “คุณพ่อ คุณแม่บอกว่าอีกครู่จะไปเยี่ยมพวกเราที่บ้านคุณย่าครับ”
“อืม พ่อรู้แล้ว” เป่หมิงโม่รับคำ
หยางหยางที่ได้ยินว่าคุณแม่จะมาแล้ว อย่างนั้นวิกฤตในครั้งนี้ของตัวเองก็น่าจะไม่มีแล้วล่ะมั้ง”
***
เมื่อเป่หมิงโม่จอดรถในลานบ้านเรียบร้อยแล้ว ประตูรถเปิดออกแล้ว
ตอนที่เขาพาลูกทั้งสองคนลงจากรถเตรียมเดินเข้าไปในบ้านนั้นก็ได้ยินเสียงรถยนต์ลอยมาจากหน้าประตูใหญ่
จากนั้นก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาในลานบ้านจนเกือบจะเรียกได้ว่าตามพวกเขามาติดๆ
เฉิงเฉิงหันหน้ากลับไปมอง คุณแม่ขับรถมาพอดี เขาหยุดฝีเท้า พูดกับเป่หมิงโม่ว่า “คุณพ่อ คุณแม่มาแล้วครับ”
เป่หมิงโม่หันกลับไปมอง เมื่อประตูรถเปิดออก ขาขาวเรียวยาวคู่หนึ่งยื่นออกมาจากรถ รองเท้าส้นสูงสีดำเหยียบลงบนพื้นอย่างมั่นคง
จากนั้นร่างของกู้ฮอนก็ลงมาจากรถ วันนี้เธอสวมชุดสูทสีดำที่เหมาะสมเป็นอย่างมากชุดหนึ่ง ด้านในยังมีเสื้อเชิ้ตสีขาวลูกไม้ตัวหนึ่ง กระโปรงสั้นสีดำที่เลยหัวเข่ามาเล็กน้อย เหมือนกันกับสาวออฟฟิศในสำนักงาน
เป่หมิงโม่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วน้อยๆ ในความทรงจำของเขา ทั้งร่างในตอนนี้ เธอไม่เคยสวมชุดแบบนี้ในเวลาทำงาน