เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 816 วิธีการสอนลูก
ตอนที่ 816 วิธีการสอนลูก
หยางหยางก้มหน้า ปล่อยมือคุณแม่แล้วค่อยๆเดินไปถึงข้างกายเป่หมิงโม่
“คุณพ่อ สำหรับเรื่องการสอบในวันนี้ ผมขอโทษคุณพ่อด้วยครับ ผมไม่ควรจะเขียนสิ่งที่เกี่ยวกับข้อสอบลงบนฝ่ามือ ผมได้รับบทเรียนนี้แล้ว หลังจากนี้ไม่กล้าแล้วครับ แต่ว่าผมก็สามารถรับประกันกับคุณพ่อได้ว่า ตอนที่สอบนั้นผมไม่ได้ดูสิ่งที่เขียนอยู่บนมือเลยจริงๆ ไม่ได้โกง คะแนนสอบในครั้งนี้ก็เป็นของจริงครับ”
หยางหยางแอบมือเล็กไว้ที่ด้านหลัง ทั้งร่างเครียดเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
ตอนที่เขาพูดนั้นเสียงเบามาก เบาจนถูกเสียงโทรทัศน์กลบเสียงของเขา
หยางหยางพูดเสร็จแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยอย่างระมัดระวังเป็นอยากมาก มองเป่หมิงโม่ด้วยสีหน้าตึงเครียด
ห้านาทีหลังจากนั้น เป่หมิงโม่ก็กดปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมต
อุณหภูมิในห้องโถงตอนนี้เริ่มลดลงอีกแล้ว กระทั่งกู้ฮอนและเฉิงเฉิงที่ยืนอยู่ด้านหลังหยางหยางก็มองไปยังใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเป่หมิงโม่ และเริ่มรู้สึกเป็นกังวลแทนเขาขึ้นมา
สุดท้ายกู้ฮอนก็อดไม่ไหว เอ่ยกับเป่หมิงโม่เสียงเบาว่า “ตอนนี้ลูกก็กลับมาแล้ว เขาก็ยอมรับผิดกับคุณแล้ว คุณก็พูดสักประโยคสิ คุณทำท่าทางแบบนี้ในตอนนี้ ไม่กลัวว่าลูกจะตกใจกลัวหรือ”
ตอนนี้เฉิงเฉิงก็จับมือของคุณแม่แน่น เริ่มเป็นห่วงหยางหยางขึ้นมาบ้างแล้ว
***
เป่หมิงโม่ในตอนนี้หันหน้าไปมองหยางหยาง นัยน์ตาของเขาไม่ได้มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกอีกแล้ว
“ลูกมาตรงนี้” เป่หมิงโม่กวักมือเรียกหยางหยางแล้วชี้ไปที่ข้างกายตัวเอง
หยางหยางมองท่าทางของคุณพ่อ ในใจก็กลัวเล็กน้อย เขาไม่กล้าเดินเข้าไปอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าคุณพ่อเรียกตัวเองไปแล้วจะฟาดแรงๆสักรอบหนึ่งหรือไม่
กู้ฮอนนั้นมองความคิดของลูกออก เธอเดินไปถึงข้างกายหยางหยางแล้วตบไหล่เล็กเบาๆ “ลูกรัก ไม่ต้องกลัว พ่อลูกให้ลูกเข้าไปหา ลูกก็ไปเถอะ”
คำพูดของกู้ฮอนนั้นเหมือนว่าให้ยาที่เสริมความมั่นใจให้กับเขาเม็ดหนึ่ง เขาเดินซอยเท้าทีละนิดๆไปหาเป่หมิงโม่
รอจนหยางหยางเดินมาถึงด้านหน้าแล้ว เป่หมิงโม่ก็ยื่นมือใหญ่ออกมาคว้าแขนของหยางหยางจับเอาไว้
ร่างกายของหยางหยางตอบสนองด้วยการสั่นเทา เท้าก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่ามือของเป่หมิงโม่เหมือนกับคีมขนาดใหญ่ หยางหยางนั้นหนีไม่พ้นอุ้งมือเขาแล้ว
ไม่รู้ว่าเป่หมิงโม่จะทำอะไร กู้ฮอนกับเฉิงเฉิงที่อยู่อีกด้านก็เริ่มเป็นกังวลแทนหยางหยางขึ้นมา
เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นสถานการณ์ที่เป่หมิงโม่จับหยางหยางมาตีโดยไม่ยอมรับข้อแก้ตัวแบบนี้
“หยาง พ่อดีใจมากที่ลูกมายอมรับความผิดนี้กับพ่อ สำหรับการขอโทษของลูก พ่อรับเอาไว้แล้ว ช่วงที่ลูกจากไป พ่อก็คิดเช่นกันว่าพ่อกำหนดมาตรฐานให้กับลูกสูงเกินไปหรือไม่ ถึงได้ทำให้ลูกมีความคิดที่จะโกงเพื่อมารับรองว่าสามารถอยู่ในลำดับชื่อในครั้งนี้ได้ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ล่ะก็ พ่อยอมที่จะให้คะแนนลูกไม่ค่อยดี แต่ไม่ยินยอมที่จะเห็นลูกนอกลู่นอกทาง ถ้าหากพูดว่าครั้งนี้ลูกโกงจริงๆ แล้วพวกเราไม่รู้ล่ะก็ เช่นนั้นก็อยากที่จะรับประกันว่าครั้งหน้าลูกยังคิดที่จะโกงอีกหรือไม่ ทั้งยังไม่ตั้งใจเรียนด้วย เรื่องวันนี้แม้ว่าลูกจะทำผิด แต่กลับทำให้พ่อรู้สึกดีใจมาก เพราะว่าลูกเป็นเด็กที่กล้ายอมรับความผิด ทั้งลูกยังใช้ความสามารถมาแสดงให้เห็นแล้วว่า ที่จริงแล้วลูกก็สามารถเก่งได้เหมือนกับเฉิงเฉิง”
คำพูดของเป่หมิงโม่นั้นทำให้กู้ฮอนและเฉิงเฉิงล้วนรู้สึกตกตะลึง โดยเฉพาะเฉิงเฉิง ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยได้ยินคุณพ่อพูดอะไรกับตัวเองด้วยท่าทางอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน
ตัวเองทำเรื่องผิดพลาด นอกจากถูกคุณพ่อให้บทเรียนแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
หรือว่าคุณพ่อจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
หยางหยางเงยหน้า เบิกตาโตอย่างไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองเล็กน้อย “คุณพ่อ ความหมายของคุณพ่อก็คือคุณพ่อให้อภัยในเรื่องที่ผมทำผิดแล้วหรือครับ”
เป่หมิงโม่มองไปที่หยางหยาง พยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็พูดต่อว่า “เรื่องการสอบ พ่อสามารถให้อภัยลูกได้ แต่เรื่องเมื่อครู่ตอนทานข้าวนั้น พ่อกลับไม่สามารถให้อภัยลูกได้”
เดิมใจของหยางหยางที่สงบแล้วก็ไม่สงบขึ้นมาในทันที
“แม้ว่าเรื่องการสอบวันนี้ ตอนนั้นลูกอาจจะได้รับความไม่เป็นธรรมไม่น้อยเลย แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ลูกจะหนีออกจากบ้านเข้าใจไหม ครั้งหนึ่ง คุณปู่ของลูกได้มอบธุรกิจครอบครัวของตระกูลเป่หมิงทั้งหมดให้กับพ่อ ลูกในฐานะที่เป็นลูกหลานของตระกูลเป่หมิงนั้น ลูกกับเฉิงเฉิงก็จะต้องเข้ามาดูแลควบคุมธุรกิจครอบครัวนี้เหมือนพ่อในอนาคต เส้นทางหลังจากนี้ ลูกจะต้องเผชิญหน้ากับความอัปยศหรือความเข้าใจผิด เป็นต้น ล้วนเป็นเรื่องที่หนักหนายิ่งกว่าเรื่องในวันนี้หลายเท่า หลายสิบเท่า กระทั่งหลายร้อยเท่า หรือว่า ถึงเวลานั้นลูกจะเหมือนกับวันนี้ ทิ้งคนในครอบครัวแล้วจากไปอย่างนั้นหรือ หยางหยาง นี่ไม่ใช่การกระทำของลูกผู้ชาย ลูกเข้าใจไหม ครั้งหนึ่งตอนพ่อยังเด็ก คุณปู่ของพ่อมอบประโยคหนึ่งให้กับพ่อ ‘ยามที่สวรรค์ต้องการมอบภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้กับคนๆหนึ่ง คนผู้นั้นจะต้องผ่านความทุกข์ใจตนเองอย่างแสนสาหัสมาก่อน เหนื่อยล้าจนถึงเอ็นกระดูก หิวโซผอมแห้ง ยากจนไม่มีจะกิน จะกระทำการใดก็ไม่ราบรื่นสมใจปอง แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว จิตใจก็จะเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็ง และเพิ่มพูนความสามารถในส่วนที่เราขาดไป’ ตอนนี้พ่อจะมอบประโยคนี้ให้กับลูกและเฉิงเฉิง”
***
คำพูดของเป่หมิงโม่ทำให้กู้ฮอนเริ่มรู้สึกเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเขาใหม่ คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเขาจะพูดแบบนี้กับหยางหยางได้
อีกทั้งคำพูดนี้สำหรับเขาแล้ว ในอดีตนั้นไม่มีทางที่จะพูดออกมาได้
เฉิงเฉิงในตอนนี้ก็เดินจากข้างกายกู้ฮอนไปยังข้างกายเป่หมิงโม่ ยื่นมือออกไปจับมือเล็กของหยางหยาง อีกมือหนึ่งก็จับมือใหญ่ของเป่หมิงโม่อย่างระมัดระวัง
“คุณพ่อ การอบรมสั่งสอนของคุณพ่อ ผมกับหยางหยางจะจำเอาไว้ในใจครับ พวกเราสองคนจะตั้งใจเรียน จะไม่ทำให้ธุรกิจที่คุณปู่สร้างขึ้นพังทลายในมือของพวกเราครับ”
เขาพูดแล้วหันหน้าไปส่งสัญญาณให้หยางหยาง
หยางหยางเข้าใจความหมายของเขา ก็ยื่นมือเล็กๆอีกข้างของตัวเองออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วจับมืออีกข้างของคุณพ่อเอาไว้ “คุณพ่อ คุณพ่อวางใจเถอะครับ หลังจากนี้ผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ผมจะตั้งใจเรียน”
เป่หมิงโม่นั่งอยู่บนโซฟา มองไปที่สองพี่น้องที่อยู่ด้านหน้า พลางพยักหน้า “เวลาก็ไม่เช้าแล้ว หยาง ลูกยังไม่ได้ทานข้าวใช่หรือไม่ พ่อจะให้พวกเขาเตรียมให้ลูกชุดหนึ่ง”
หยางหยางส่ายหน้า “คุณพ่อ ผมทานข้าวมาจากข้างนอกแล้ว เฉิงเฉิงเลี้ยงผมเอง นี่ถือว่าเป็นการทำความดีชดเชยความผิดของเขาครับ”
เป่หมิงโม่มองหยางหยาง คิ้วเลิกขึ้น ‘ทำความดีชดเชยความผิด’ สรุปแล้วใครทำความดี ใครทำความผิดกันแน่ ดูเหมือนว่าจะกลับกันแล้วนะ
หยางหยางเจ้าเด็กนี่ ความสามารถในการบิดเบือนข้อเท็จจริงนี่ลึกเข้าไปถึงในกระดูกเลยสินะ
“เอาเถอะ ในเมื่อกินแล้ว อย่างนั้นก็รีบไปพักผ่อนเสียเถอะ” เป่หมิงโม่ปล่อยมือเด็กๆ ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยกับเฉิงเฉิงว่า “พรุ่งนี้ยังต้องสอบอีก วันนี้ก็อย่าทบทวนบทเรียนดึกเกินไปล่ะ”
เฉิงเฉิงและหยางหยางพยักหน้า “คุณพ่อ อย่างนั้นพวกเราขึ้นไปแล้วนะครับ”
กู้ฮอนกับเป่หมิงโม่ยืนอยู่ในห้องโถงสองคน มองส่งลูกทั้งสองคนขึ้นไปด้านบนแล้ว
จนกระทั่งที่ชั้นบนไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว กู้ฮอนถึงได้หันหน้ากลับมามองเป่หมิงโม่ “คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า วันนี้คุณจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้ ถ้าหากว่าไม่ได้เจอคุณล่ะก็ ฉันคงจะนึกว่ามีอีกคนหนึ่งกำลังพูดกับหยางหยางอยู่”
สีหน้าของเป่หมิงโม่ผ่อนคลายลงไม่น้อย เขามองไปที่กู้ฮอน “อ่อ หรือว่าผมจะให้ภาพลักษณ์คุณพ่อผู้เข้มงวดจริงจังกับคุณกัน”
กู้ฮอนเลียนแบบน้ำเสียงของหยางหยาง ส่ายหน้าเบาๆพลางเอ่ยว่า “NO NO NO……คุณไม่ใช่คุณพ่อผู้เข้มงวดจริงจรัง แต่เป็นจักรพรรดิผู้เหี้ยมโหด”
เป่หมิงโม่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรกับการให้ความเห็นของเธอที่มีต่อตัวเอง บางทีคำว่า จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม คำนี้นั้นเขาคงจะได้ยินมานานแล้ว
เป่หมิงโม่พยักหน้า หมุนตัวเดินไปยังชั้นวางไวน์ที่อยู่บริเวณกำแพงอีกด้านของห้องโถง หยิบไวน์แดงออกมาขวดหนึ่ง จากนั้นก็หยิบจอกไวน์สีเขียวออกมาจากกล่องไม้สีแดงสองใบ
วางพวกมันลงบนโต๊ะน้ำชาหน้าโซฟา
“อย่ามัวแต่ยืนสิ มานั่งคุยกัน” เป่หมิงโม่พูด ส่งสัญญาณให้กู้ฮอนนั่งแล้ว ตัวเองก็นั่งลง
เขาใช้ที่เปิดขวดดึงจุกก๊อกไม้ออกมาจากขวดไวน์อย่างชำนาญ เทไวน์แดงใส่จอกสองใบ
จากนั้นก็ผลักจอกใบหนึ่งเบาๆมาถึงด้านหน้ากู้ฮอน “เชิญคุณดื่มจอกหนึ่ง”
กู้ฮอนหลุบตามองไวน์ที่อยู่เบื้องหน้าตัวเอง เพียงแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาเธอไม่ใช่ไวน์ในจอก แต่เป็นจอกที่ใช้
ไม่เหมือนกับจอกไวน์ธรรมดา จอกใบนี้มองแล้วเล็กกว่าเล็กน้อย
ตัวจอกราวกับแกะสลักมาจากหยกอย่างไรอย่างนั้น บนสีเขียวหยกของตัวจอกนั้นมีลวดลายสีเขียวเข้ม ภายในแฝงไปด้วยกลิ่นอายโบราณ
สีแดงเข้มของไวน์ที่อยู่ด้านในนั้นเข้มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีกลิ่นเฉพาะตัวขององุ่นอ่อนๆลอยออกมาจากแก้ว
***
กู้ฮอนยกจอกไวน์ขึ้นมาอย่างสนใจ “นี่คือจอกอะไรกัน ดูท่าทางโบราณเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนคร่ำครึด้วย”
เป่หมิงโม่ถือจอกขึ้นมาจิบเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยว่า “คุณเคยได้ยินกลอนนี้หรือไม่ องุ่นเหล้ารสเลิศล้ำในจอกหยก อุปกรณ์ที่เหมาะกับการดื่มไวน์องุ่นมากที่สุดก็คือจอกหยกนี่แหละ”
“ความหมายของคุณก็คือ นี่คือจอกหยกในตำนานหรอกหรือ มองไม่ออกเลยว่าจะมีลักษณะแบบนี้ได้” กู้ฮอนถือจอกขึ้นมาพลิกไปพลิกมาดูอีกครั้ง
ภายในความทรงจำของเธอ จอกหยกนี้เป็นแค่ของมีค่าที่ถูกเอ่ยในประโยคกลอนเท่านั้น ในความจริงนั้นไม่มีทางได้เห็น
เพียงตอนนี้ดูเหมือนว่าตัวเองจะได้เปิดโลกแล้ว ที่แท้ที่เป่หมิงเอ้อก็มีอยู่คู่หนึ่ง
“เฮ้ จอกหยกคู่นี้ของคุณเป็นของแท้หรือว่าของปลอมกัน อย่าเป็นของราคาถูกที่ซื้อจากเถาเป่า จากนั้นก็แสร้งห่อด้วยกล่องที่สูงค่ากล่องหนึ่ง พวกคุณเหล่าคนมีเงินคงไม่ทำแบบนี้หรอกใช่ไหม แม้ว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลระดับสูงแล้วพกของก๊อบเกรด A ไปก็ไม่ต้องกังวลไป ขอเพียงแค่สงบนิ่งเยือกเย็น ทำตัวเย่อหยิ่งแล้วเดินไปมาสักหลายรอบ ภายในสายตาผู้อื่นของก๊อบเกรด A ก็เป็นของจริงได้เช่นกัน”
เป่หมิงโม่มองกู้ฮอนขึ้นๆลงๆอย่างพิจารณาชั่วครู่
กู้ฮอนถูกเขามองจนรู้สึกขนลุกในใจ “เฮ้ๆ คุณมองอะไรของคุณ อย่าใช้สายตาแบบนี้มองฉันนะ เหมือนกับว่ามีเจตนาไม่ดีอย่างไรอย่างนั้นเลย”
“ผมรู้สึกว่าคุณเหมาะกับการเป็นพ่อค้าหน้าเลือดมาก ให้คุณเป็นทนายความหรือผู้ช่วยพิเศษนั้นแสดงความสามารถได้ไม่เต็มที่”
กู้ฮอนได้ยินแล้วก็มองไปที่เป่หมิงโม่อย่างดุร้ายในทันที “เฮ้ๆ ทำไมฉันฟังประโยคนี้ของคุณแล้วเหมือนกับว่ากำลังด่าฉันอยู่ อะไรคือฉันเหมาะกับการเป็นพ่อค้าหน้าเลือดกัน ฉันเป็นพลเมืองผู้เคารพกฎหมายมาตลอดนะ อย่าได้คิดเพ้อเจ้อเหมารวมฉันไปเป็นพวกเดียวกับคุณ”
เป่หมิงโม่จิบไวน์อีกคำหนึ่ง “ไม่ใช่พ่อค้าหน้าเลือดหรอกหรือ อย่างไรผมก็คิดไม่ถึงว่าจะซื้อของปลอมที่ใส่ในกล่องไม้หรูหราจากเถาเป่า อย่างไรผมก็คิดไม่ถึงว่าเมื่อไปงานเลี้ยงค็อกเทลแล้วต้องพกของก๊อบเกรด A สิ่งเหล่านี้ไม่มากพอที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงศักยภาพของคุณหรอกหรือ”
คำพูดของเขาทำให้กู้ฮอนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรถึงจะดี สีหน้าของเธอเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว “คุณ คุณ นี่คือการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น สาเหตุที่ฉันรู้เรื่องพวกนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันดูละครโทรศัพท์ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินชีวิตของผู้ร่ำรวยอย่างพวกคุณมาเยอะมากก็เท่านั้นเอง”