เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 818 เนื้อเข้าปากเสือ
ตอนที่ 818 เนื้อเข้าปากเสือ
ในไม่ช้าเธอก็วิ่งมาถึงประตูหลังของรถคันนั้น
ตอนนี้เองที่เธอเพิ่งจะเห็นชัดๆว่านี่เป็นรถแท็กซี่คันหนึ่ง เมื่อสักครู่เนื่องจากความเร็วของรถนั้นเร็วมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่ได้หยุดลง
“แกร๊ก” ตามด้วยเสียงสลักล็อคประตูรถดังขึ้น กู้ฮอนก็เปิดประตูหลังแล้วสอดตัวเข้าไปนั่ง
รอจนนั่งบนรถแล้ว กู้ฮอนถึงได้โล่งใจ “คุณคนขับคะ ขอบคุณคุณมากจริงๆค่ะ ถ้าหากว่าไม่ได้พบกับคุณแล้วล่ะก็ คาดว่าคืนวันนี้ฉันคงจะไม่สามารถกลับบ้านได้แล้ว รบกวนคุณช่วยไปส่งฉันที่ ‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’ หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
คนขับรถไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่ได้ยินกู้ฮอนพูดถึงจุดหมายแล้ว เขาก็ติดออกตัวเคลื่อนรถไปตามทางหลวงอีกครั้งหนึ่ง
***
เป่หมิงโม่เห็นกู้ฮอนจากไปแล้ว แรกเริ่มเข้าไม่ได้เคลื่อนไหว เพราะเขารู้อย่างแน่ชัดว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่มีรถอะไรผ่านมา
แม้ว่ากู้ฮอนจะเดินออกไปแล้ว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอก็จะยอมแพ้แล้วเดินกลับมาที่นี่ใหม่
แต่เขากลับคำนวณพลาด นับตั้งแต่กู้ฮอนออกไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
ขณะที่เขาเตรียมตัวจะไปหาเธอนั้นก็เห็นว่ามีรถแท็กซี่ผ่านหน้าประตูไปคันหนึ่ง
คิ้วของเป่หมิงโม่กระตุกเล็กน้อย ดูท่าว่าคนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต กู้ฮอนจะต้องขึ้นรถคันนี้จากไปอย่างแน่นอน
เป็นเช่นนั้นจริงๆ การอนุมานของเป่หมิงโม่นั้นค่อนข้างแม่นยำ หลังจากกู้ฮอนอยู่ห่างจากที่นี่ในระยะทางหนึ่งกิโลเมตรก็หยุดรถคันนี้เอาไว้แล้วโดยสารรถคันนี้มุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของลั่วเฉียว
ฤทธิ์เหล้าองุ่นของเป่หมิงโม่นั้นสูงมากจริงๆ ตอนที่ดื่มเข้าไปนั้นไม่มีความรู้สึกอะไรมากมายนัก
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน บวกกับการที่เธอวิ่งนั้นทำให้แอลกอฮอล์ซึมเข้าสู่กระแสเลือดของเธอ
กู้ฮอนรู้สึกศีรษะวิงเวียนขึ้นมาชั่วขณะ “คุณคนขับคะ รอจนถึงที่หมายแล้ว รบกวนคุณแจ้งฉันหน่อยนะคะ ฉันจะพักผ่อนสักหน่อยค่ะ”
เธอพูดจบแล้วก็เงยหน้าพิงเข้ากับเบาะเก้าอี้ ชั่วครู่หนึ่งก็หลับไป
คนขับขับรถไปพลาง หันหน้ากลับมาเล็กน้อย มองกู้ฮอนที่อยู่ที่เบาะด้านหลังผ่านทางกระจกมองหลังในรถ
เขาสวมหมวกเบสบอลปีกยาวสีเทาใบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังหลับไปแล้ว มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย
รถเพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย มุ่งหน้าไปทางด้านหน้า
*
การนอนในครั้งนี้ กู้ฮอนก็ไม่รู้ว่าหลับไปจนถึงเมื่อไร เธอลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ตอนนี้ศีรษะของเธอปวดเล็กน้อย
เธอนั่งตัวตรง ปิดเปลือกตาลงเล็กน้อย ยื่นมือทั้งสองข้างนวดไปบริเวณขมับของตัวเอง “คุณคนขับคะ นี่ถึงไหนแล้วหรือคะ”
“……..”
เธอไม่ได้รับคำตอบใดๆ
รอจนกระทั่งศีรษะคลายความปวดลงเล็กน้อยแล้ว เธอก็ลืมตาขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง แต่ก็พูดไม่ออกว่าแปลกตรงไหน
หันหน้าไปสังเกตมองนอกหน้าต่างรถ เธอประหลาดใจเมื่อพบว่ารถยังคงขับอยู่ชัดๆ แต่รอบด้านกลับไม่มีแม้แต่แสงสว่างใดๆเลย
แม้ว่าจะมองไปยังหน้ารถ นอกจากที่ที่แสงไฟของรถส่องแล้ว ด้านหน้าก็มีเพียงแต่ความมืดมิด
ทั้งรถราวกลับว่าทั้งคันรถอยู่ท่ามกลางหมอกมืด
สภาพการณ์หมอกพิษในเมือง A นั้นคนทั้งประเทศล้วนรู้ แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นนี้นะ
อีกอย่าง เธอยังรู้สึกว่าภายในรถคันนี้เงียบอย่างน่าประหลาด กระทั่งด้านนอกรถก็ไม่มีเสียงใดๆ
จู่ๆกู้ฮอนก็มีความรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาประเภทหนึ่งขึ้นมา ตอนนี้รถคันนี้จะต้องไม่ได้อยู่ในตัวเมืองอย่างแน่นอน เพราะแม้ว่าจะดึกดื่นอย่างไรเมือง A ก็จะเหมือนกับเมืองที่ไม่มีเวลาค่ำคืนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อค้นพบแล้วก็ทำให้กู้ฮอนมีสติขึ้นมาในทันที
หรือว่าตัวเองจะเจอเข้ากับรถรับจ้างที่ไม่ถูกกฎหมายให้แล้ว ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คนขับรถคนนี้จะพาตัวเองไปสถานที่ใดกันนะ
“ฟืด…..” กู้ฮอนในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึก ระยะนี้แม้ว่าจะเป็นบนอินเทอร์เน็ตหรือว่าในโทรทัศน์ล้วนรายงานข่าวเกี่ยวกับสาวโสดที่ถูกล่วงเกิน จากนั้นก็เสียชีวิตไป
ตัวเองคงจะไม่บังเอิญพบหรอกนะ……
เธอรู้สึกเสียใจในภายหลังที่ไม่นานก่อนหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดีที่หยุดรถคันนี้เอาไว้แล้วขึ้นมานั่ง
ตอนนี้เนื้อเข้าปากเสือแล้ว
เพียงแต่แม้ว่าในใจของเธอจะเคร่งเครียดอย่างไร บนใบหน้าของเธอก็ยังแฝงไปด้วยความสงบนิ่ง
เธอเริ่มที่จะคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนีจากปากเสือได้อย่างไร
“คุณคนขับคะ รบกวนคุณช่วยจอดรถที่ข้างทางสักหน่อย เมื่อครู่นี้ฉันดื่มมากไปหน่อย อยากจะลงจากรถไปอาเจียนสักนิด คุณคิดว่าจะได้ไหมคะ”
***
กู้ฮอนพูดแล้วเธอก็ยื่นมือไปจับสลักล็อคที่อยู่เหนือที่วางแขนของประตูรถ
เธอเตรียมตัวรอตอนที่รถหยุดลง เธอจะรีบเปิดประตูรถออก จากนั้นก็หาสถานที่หลบหนี หรือไม่ก็หาสถานที่ซ่อนตัวเอาไว้
คนคนนี้คงไม่ทิ้งรถเอาไว้กลางถนนเพียงเพื่อติดตามเธอหรอก
ความคิดของเธอนั้นดีมาก แต่เธอกลับคาดเดาถึงสติปัญญาของอีกฝ่ายผิดไป
ในตอนที่เธอยังไม่ได้แตะสลักล็อคของประตูรถ
เสียง “แกร๊ก” ก็ดังขึ้น ประตูรถก็ถูกล็อคไปแล้ว อีกทั้งการล็อคประตูในครั้งนี้อาจจะทำให้ปุ่มล็อคนิรภัยกันเด็กเปิดประตูทำงานแล้วด้วย ดังนั้นไม่ว่าเธอจะขยับเคลื่อนไหวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
คนขับรถหันมามองกู้ฮอนครู่หนึ่ง มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “คุณไม่ต้องเปลืองแรงแล้ว ประตูบานนี้คุณเปิดไม่ได้หรอก!”
สิ่งที่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกตกตะลึงก็คือคนขับรถคนนี้คือผู้หญิงคนหนึ่ง อีกทั้งเสียงยังคุ้นหูเป็นอย่างมาก เพียงแต่ตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์วิกฤตจึงคิดไม่ออกว่านี่คือเสียงของใคร
แต่ตอนนี้เธอก็รู้สึกใจสงบขึ้นมาเล็กน้อยที่อย่างน้อยคนขับรถคนนี้เป็นผู้หญิง ดูท่าว่าตอนนี้คงจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีกับตัวเอง
เธอรู้สึกว่าในเมื่อเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อย่างนั้นตัวเองก็สามารถลองตีสนิทดูว่าสามารถจะมีหนทางอื่นในการหลบหนีได้หรือไม่
เธอไม่ออกแรงเปิดประตูอีกแล้ว แต่กลับมานั่งอยู่บนที่นั่งดีๆ ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมา “สวัสดีค่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะเรียกคุณว่าพี่สาวหรือว่าน้องสาวดี ฉันเลือกเป็นพี่สาวจะเรียกคุณว่าน้องสาวก็แล้วกันนะคะ”
กู้ฮอนพูดพลางแอบมองคนขับรถหญิงที่ขับรถอยู่ด้านหน้าผ่านกระจกมองหลัง
เพียงแต่ว่า ปีกหมวกของเธอนั้นปิดบังใบหน้าของเธอไปครึ่งหนึ่งแล้ว
มีเพียงแค่ครึ่งล่างของจมูก ปากและคางที่เธอสามารถเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน
หลังจากเธอสังเกตพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น แต่เมื่อเธอเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของคนที่อยู่ด้านหน้าคนนั้นแล้ว ชื่อของคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในสมองทันที
“คุณ คุณคือคุณเฟยเอ๋อหรือคะ” เพียงแต่ ตอนนี้เธอยังไม่มั่นใจว่าเป็นเธอจริงๆหรือไม่
คำพูดของกู้ฮอนเพิ่งจะจบลงก็เห็นว่ามุมปากของหญิงสาวที่ขับรถอยู่นั้นยกขึ้นเล็กน้อย ศีรษะของเธอก็ค่อยๆเงยขึ้นมา
เธอยื่นมือดันปีกหมวกขึ้นไปด้านบนเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า คุณกู้จะมีความทรงจำเกี่ยวกับฉันลึกมาก ไม่ต้องเห็นทั้งใบหน้าของฉัน ก็สามารถเดาออกว่าเป็นใคร” สุดท้ายแล้วเฟยเอ๋อก็แสดงตัวตนออกมา
กู้ฮอนรู้ว่านับตั้งแต่คดีความครั้งที่แล้วสิ้นสุดลง เฟยเอ๋อก็เหมือนกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เฟยเอ๋อขับรถไปพลางยิ้มให้กับกู้ฮอนแล้วเอ่ยว่า “คุณรู้สึกประหลาดใจใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงสินะ โม่สั่งให้ฉิงฮัวส่งคนตามหาร่องรอยของฉันไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฉันจะแอบซ่อนอยู่ใกล้พวกเขามาตลอด นี่เป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดแต่ก็เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดเช่นกัน”
“คุณเฟยเอ๋อ วันนี้คุณจับฉันมานั้นมีเป้าหมายอะไรกันแน่คะ” ตอนนี้กู้ฮอนนั้นเหมือนกับว่ารู้ถึงเป้าหมายการกระทำของเธอในครั้งนี้แล้ว
เฟยเอ๋อมองกู้ฮอนที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง “ไม่ใช่จับคุณ แต่คุณเป็นฝ่ายส่งตัวเองมาเข้าใจไหม ที่จริงแล้วฉันอยู่แถวละแวกบ้านใหญ่ก็ไม่มีเรื่องอะไร เพียงแต่รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณวิ่งออกมาจากด้านใน ฉันเพียงแค่เกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นจึงตามมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เดิมคิดว่าโม่ เขาจะตามออกมาจากข้างในบ้านใหญ่ในไม่ช้า แต่เขาก็ทำให้ฉันผิดหวังเล็กน้อย ให้คุณที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งต้องเดินบนถนนที่ไม่มีแม้แต่รถผ่านมาสักครึ่งคันถึงหนึ่งกิโลเมตรกว่า เช่นเดียวกันในฐานะของผู้หญิง ฉันก็เห็นอกเห็นใจคุณอยู่บ้าง ดังนั้น จึงตัดสินใจจะไปส่งคุณสักหน่อย”
***
“คุณเฟยเอ๋อ ในเมื่อคุณคิดจะไปส่งฉัน อย่างนั้นทำไมถึงได้พาฉันมาที่สถานที่แห่งนี้กัน ที่นี่คือที่ไหนคะ”
กู้ฮอนมองเฟยเอ๋อที่ขับรถอยู่ ตอนนี้นอกจากพูดคุยกับเธอ ช่วงชิงโอกาสให้ตัวเองสามารถหลุดพ้นจากอันตรายนี้แล้ว ก็ไม่มีหนทางใดอีก
เฟยเอ๋อยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ “ตอนที่ฉันเห็นคุณหลับอยู่ที่ด้านหลัง ความคิดของฉันก็สั่นคลอน ฉันตัดสินใจที่จะไม่ไปส่งคุณในสถานที่ที่คุณต้องการไปแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะอะไรคะ”
“เหตุผลนั้นง่ายดายมาก สถานที่ที่คุณต้องการจะไปชื่อว่า ‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’ ใช่ไหม นั้นเป็นสถานที่ที่ตระกูลเป่หมิงพัฒนา ส่วนชื่อ ‘ปิ่นฮอน’ นี้ก็ทำให้ฉันค้นพบว่าเขาจดจำคุณไว้ในใจมาโดยตลอด บวกกับตอนที่อยู่ที่บ้านพักตากอากาศก่อนหน้านี้ อย่านึกว่าฉันไม่รู้เรื่องระหว่างคุณกับเขา เพียงแต่ในตอนนั้น ฉันยังคงมีฐานะเป็นคู่หมั้นของเขา ขอเพียงแค่ฉันลืมตาข้างหนึ่ง ปิดตาข้างหนึ่ง เรื่องนี้ก็จะผ่านไป เพียงแต่ว่าในภายหลัง ฉันพบว่าทั้งหมดนี้ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้แล้ว นับตั้งแต่ฉันจากตระกูลเป่หมิงไป เดิมนึกว่าคุณช่วยเหลือศัตรูคู่อาฆาตของโม่แล้ว เขาจะออกห่างจากคุณ แต่ระหว่างพวกคุณสองคนกลับดูเหมือนว่าจะเข้าใกล้กันอีกไม่น้อย กระทั่งยังอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่บ้างในบางครั้ง นี่จะทำให้ฉันทนมองต่อไปได้อย่างไรกัน!”
เฟยเอ๋อเพิ่งจะเอ่ยจบ กู้ฮอนก็รีบอธิบายว่า “คุณเฟยเอ๋อ ฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ที่จริงแล้วระหว่างฉันกับเป่หมิงโม่มันก็เป็นเพียงแค่ข้อตกลงข้อหนึ่ง ฉันอยู่ข้างกายเขาก็เพื่อลูกชาย สำหรับเรื่องที่อาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่บางโอกาสในภายหลังนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าขาของหยางหยางได้รับบาดเจ็บ เป่หมิงโม่เขาออกไปแต่เช้าทั้งวัน กลับมาก็ดึกแล้ว หยางหยางจึงไม่ได้รับการดูแลที่ดี ดังนั้นฉันถึงได้ทำแบบนั้น ในภายหลังฉันก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นอีกแล้ว”
เฟยเอ๋อหัวเราะเสียงเบา “เป็นการเข้าใจผิดอย่างนั้นสินะ ถ้าหากว่าแค่ครั้งสองครั้งล่ะก็ ฉันก็สามารถคิดแบบนั้นได้ แต่ระหว่างพวกคุณไม่ได้เป็นเช่นนี้ ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะสนทนาปัญหานี้กับคุณอีกแล้ว”
“คุณเฟยเอ๋อ ฉันหวังว่าคุณจะปล่อยฉัน ฉันอยู่ในมือคุณก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันรับประกันว่าจะไม่บอกเรื่องที่พบคุณให้เป่หมิงโม่ฟัง” กู้ฮอนพยายามที่จะช่วงชิงโอกาสหลบหนีให้ตัวเองอย่างสุดความสามารถ
“กู้ฮอน กรุณาอย่ากล่อมฉันเหมือนกับว่าเป็นเด็กคนหนึ่ง เดิมฉันยังคงนึกว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ใสซื่อบริสุทธิ์มากคนหนึ่ง แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมามากขนาดนี้แล้ว ฉันเพิ่งจะพบว่าคุณนั้นร้ายกาจเช่นนี้เอง ร้ายกาจจนโม่ เขาไม่แต่งงานกับฉันอีกแล้ว ฉันกับโม่นั้นจบแล้วจริงๆ ทำไมเขาต้องส่งคนมากมายมาตามหาฉันขนาดนี้ ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นแทนคุณพ่อของเขาหรือ ฉันกับเขามีความรู้สึกต่อกันมากหลายปีขนาดนี้แล้ว กลับเทียบกับไอ้ห่านั่นที่เพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่กี่วันไม่ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่กลัวที่จะบอกกับคุณว่า ตอนแรกที่ท่านปู่เป่หมิงกับทนายความเปลี่ยนพินัยกรรมนั้น ฉันก็แอบฟังอยู่อีกห้องหนึ่งตลอด ฉันไม่มีข้อโต้แย้งที่เขาอาศัยทรัพย์สินส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้ฉันแต่งงานกับโม่ แต่เขากลับไม่ห้ามที่เธอกับโม่จะแต่งงานกัน นี่ทำให้ฉันรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เหตุผลก็คือก่อนหน้านี้ฉันกับคุณถูกจัดอยู่ในรายชื่อต้องห้ามเหมือนกัน ไม่รู้จริงๆว่าคุณใช้มารยาอะไรมาทำให้คุณท่านสับสนได้ นับตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็เริ่มเกลียดคุณ ทั้งยังเกลียดคุณท่านเป่หมิง ดังนั้นฉันตัดสินใจหาหนทางเตะอุปสรรคนี้ออกไป”
เรื่องนี้นั้นกู้ฮอนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนจริงๆ ตอนนั้นเฟยเอ๋อเริ่มที่จะหาโอกาสฆ่าคุณท่านเป่หมิงแล้ว เพียงแต่ว่าเธอกำลังหาโอกาส