เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 841 แสร้งเล่นละครตบตา
ตอนที่ 841 แสร้งเล่นละครตบตา
“ไม่มีอะไรครับ ก่อนหน้านี้ผมก็รู้สึกได้แล้วว่าคุณชายยี่เฟิงกำลังแอบซื้อตัวเหล่าผู้รับผิดชอบแผนกต่างๆเป็นจำนวนไม่น้อยอย่างเงียบๆ วันนี้ดูท่าสิ่งที่ผมคาดเดาเอาไว้จะถูกต้องทั้งหมด ตอนนี้ผมเป็นกังวลเล็กน้อยว่า ถ้าหากคุณชายยี่เฟิงยังก่อเรื่องเช่นนี้ต่อไปแล้วล่ะก็ น่าเป็นห่วงจริงๆ ตอนที่คุณชายไม่อยู่ พวกเขาก็จะกระทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสานมากกว่าเดิม บริษัทเป่หมิงนั้นกำลังเข้าสู่ช่วงสภาพวิกฤตแล้วครับ”
คำพูดของฉิงฮัวเป็นการเตือนกู้ฮอนให้เตรียมหามาตรการว่าจะรับมือเป่หมิงยี่เฟิงอย่างไรดีแต่เนิ่นๆ
แต่สำหรับเธอแล้ว ตัวเองจะสามารถทำอะไรได้กัน นอกเหนือจากตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงในนามที่เธอเป็นอยู่แล้ว อะไรก็ไม่สามารถทำได้ ไม่มีเกียรติคุณ ยิ่งไม่มีผู้ประจบสอพลอใดๆ
เป่หมิงโม่ ไอ้หมอนี่ ตอนจากไปก็ยังโยนปัญหาที่ยากและใหญ่หลวงทิ้งไว้ให้ตัวเองอย่างหนึ่งอีก
*
“ฮอน คืนนี้เธอมาที่บ้านใหญ่สักรอบหนึ่งได้ไหม ป้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับเธอสักหน่อย” ระหว่างทางกลับบ้านลั่วเฉียว กู้ฮอนก็ได้รับโทรศัพท์จากเจียงฮุ่ยซินที่โทรมาหาเธอ
“ได้ค่ะคุณป้าซิน หนูจะไปเดี๋ยวนี้เลย” กู้ฮอนเอ่ยจบก็หักเลี้ยวพวงมาลัยขับรถมุ่งหน้าไปยังทิศทางบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
***
เจียงฮุ่ยซินกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก เฉิงเฉิงและหยางหยางก็อยู่ในห้องของตัวเองทำเรื่องของแต่ละคนไป
ตั้งแต่เธอได้พบกับเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว ตลอดทางกลับมาเธอก็รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย
สาเหตุที่เป่หมิงโม่มอบตำแหน่งประธานบริษัทให้กับกู้ฮอน ก็เพราะไม่ต้องการให้อำนาจตกอยู่ในมือของเขาไม่ใช่หรือ
พูดชื่อให้น่าฟังหน่อยก็เรียกว่าอะไร ‘ตัวแทนประธานบริษัทชั่วคราวคนหนึ่ง’
แต่ชั่วคราวที่ว่านี่เป็นระยะเวลานานเท่าไรกันล่ะ
หนึ่งเดือน ครึ่งปี หรือว่าจะนานยิ่งกว่านี้กัน
หรือต้องรอให้เฉิงเฉิงหรือว่าหยางหยางเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก่อนกัน
ถ้าหากว่าตอนนี้ยังมีการออกว่าราชการหลังม่านอยู่อีกล่ะก็ อย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าเป่หมิงโม่จะให้กู้ฮอนทำอย่างนั้นหรือไม่
เพราะว่าท่ามกลางผู้คนมากมายในตระกูลเป่หมิงนั้นมีเพียงแค่เฉิงเฉิงและหยางหยางเท่านั้นที่เป็นคนที่สนิทใกล้ชิดเขามากที่สุด และเฉิงเฉิงก็เป็นคนที่ได้ใจเป่หมิงโม่ไปมากที่สุด
ยิ่งกว่านั้นตอนที่เขายังเด็กอยู่ เป่หมิงโม่ก็เริ่มบ่มเพาะความสามารถให้กับเขาแล้ว
แม้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างในวันนี้ แต่เป่หมิงโม่ก็จะมอบทุกอย่างของบริษัทเป่หมิงให้กับเขาหลังจากที่เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอยู่ดี
เพียงแต่สามารถแก้ไขวิกฤตไปได้เรื่องหนึ่งชั่วคราว เมื่อเขาถูกจับเข้าคุกก็ไม่สามารถพาหวีหรูเจี๋ยกลับมายังบ้านตระกูลเป่หมิงได้แล้ว
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถนั่งงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรได้ จำเป็นจะต้องหาวิธีรับมือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตแต่เนิ่นๆ
ตอนนี้เองที่เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังมาจากด้านนอก คนรับใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ท่านนายเป่หมิงคะ คุณกู้ถึงแล้วค่ะ”
เจียงฮุ่ยซินรีบแสร้งทำท่าทางทุกข์ใจออกมาในทันที เธอลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยกับคนรับใช้คนนั้นว่า “ตามฉันออกไปด้วยกัน”
พวกเธอเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตูก็เห็นว่ากู้ฮอนเดินเข้ามาแล้ว
“คุณป้าซิน” กู้ฮอนเพิ่งจะเดินเข้าประตูมาก็เห็นเจียงฮุ่ยซินที่อยู่ภายใต้การประคองของคนรับใช้คนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงข้ามกับตัวเองด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าอยู่บ้าง
เจียงฮุ่ยซินเดินขึ้นหน้ามาสองก้าว พลางยื่นมือออกไปจับแขนของกู้ฮอน “ฮอน เธอมาแล้ว ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว”
กู้ฮอนรีบประคองเธอเดินเข้าไปในห้องโถง
“คุณป้าซิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะ” เธอเอ่ยพลางประคองเจียงฮุ่ยซินไปถึงหน้าโซฟา ทั้งสองคนนั่งลง
เจียงฮุ่ยซินถอนหายใจ “เฮ้อ ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก นั่นเป็นเพราะโม่ ฉันได้ยินข่าวมาว่า วันนี้โม่ถูกตำรวจนำตัวไปในการประชุมช่วงเช้าวันนี้ เกิดเรื่องนี้ขึ้นจริงๆหรือไม่”
เดิมกู้ฮอนคิดจะปิดบังคนในตระกูลเป่หมิงเอาไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไรกระดาษก็ห่อไฟไม่มิด
เธอทำได้เพียงแค่พยักหน้า “มีเรื่องนี้จริงๆค่ะ”
ริมฝีปากเจียงฮุ่ยซินเริ่มสั่นระริกเล็กน้อย เธอหันหน้าไปมองรูปถ่ายของเป่หมิงเจิ้งเทียนที่แขวนอยู่บนผนัง “คุณท่านคะ ตระกูลเป่หมิงของพวกเราเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมถึงได้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นตามมาไม่หยุดหย่อนกัน”
เธอเอ่ยถึงตรงนี้ก็หันหน้ากลับมาถามกู้ฮอน “ฮอน เธอรู้ไหมว่าโม่เขาทำความผิดเรื่องอะไรกันแน่ โม่นั้นประพฤติตัวดี เคารพกฎหมายบ้านเมืองมาตลอดนะ”
กู้ฮอนไม่รู้ว่าจะพูดกับเจียงฮุ่ยซินอย่างไรไปชั่วครู่ “คุณป้าซินคะ ในเมื่อคุณป้าเข้าใจเป่หมิงโม่มากขนาดนี้ อย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกค่ะ”
“ฮอน ป้าไม่เป็นกังวลได้หรือ เขาเป็นถึงเสาหลักของตระกูลเป่หมิงเลยนะ และก็เป็นประธานบริษัทเป่หมิงด้วย เขาไม่มีเรื่องอะไรก็ช่างมันเถอะ ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วล่ะก็ ตระกูลเป่หมิงจะทำอย่างไรกัน บริษัทเป่หมิงที่คุณท่านสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากจะทำอย่างไร……”
เจียงฮุ่ยซินแสร้งเล่นละครแบบนี้ต่อหน้ากู้ฮอน ก็เพื่อให้เธอเผยบางเรื่องที่เป่หมิงยี่เฟิงไม่ได้บอกกับเธอออกมา
***
“คุณป้าซิน คุณป้าวางใจเถอะนะคะ ตอนที่เขาจะไปก็ให้ฉันเป็นประธานบริษัทเป่หมิงแทนเขา เพียงแต่ว่าฉันยังขาดความรู้ความสามารถและประสบการณ์เป็นอย่างมาก ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ตอบตกลง แต่ว่าก็ยังถูกบังคับให้เป็นประธานบริษัทชั่วคราวอยู่ดี รอจนคดีความของเขาตัดสินเรียบร้อยแล้ว ฉันค่อยเรียกประชุมอีกครั้งหนึ่งเพื่อเลือกตั้งคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานบริษัทมากกว่าฉันมาคนหนึ่ง จะต้องไม่ทำให้บริษัทที่คุณท่านเป่หมิงสร้างขึ้นมานั้นสั่นคลอนแม้แต่น้อยค่ะ”
เจียงฮุ่ยซินได้ยินคำพูดของกู้ฮอนแล้วก็พยักหน้า “ฮอน ในเมื่อเธอพูดขนาดนี้ ทั้งยังมาช่วยแบกรับบริษัทเป่หมิงในช่วงวิกฤตนี้เอาไว้ด้วย ป้าก็วางใจได้เยอะเลย เพียงแต่ป้าก็ยังเป็นกังวลเรื่องคดีความของโม่ สรุปว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่”
สีหน้าของกู้ฮอนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอก้มหน้านิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “คดีความของเป่หมิงโม่ก็คือโทษฐานฆ่าคนตายค่ะ”
“ฆ่าคนหรือ” สีหน้าเจียงฮุ่ยซินแข็งค้าง “นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน แม้ว่าปกติโม่จะมีนิสัยขี้หงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับขนาดต้องทำความผิดร้ายแรงแบบนี้หรอกนะ อย่างนั้นผู้เสียหายคือใครกัน”
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ในใจของกู้ฮอนทรมานมากเพียงใด แต่เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็ไม่สามารถที่จะไม่พูดได้ “ผู้เสียหายคือ…..คุณแม่ของฉันค่ะ”
เจียงฮุ่ยซินนัยน์ตาเบิกกว้างขึ้นมาในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ “เธอพูดว่าลู่ลู่เสียชีวิตแล้ว! นี่เป็นไปไม่ได้ ลู่ลู่ช่างเป็นคนที่มีชะตากรรมลำบากคนหนึ่งจริงๆ ไม่ง่ายเลยที่จะหาเธอพบ ตอนนี้พวกเธอสองแม่ลูกก็ต้องแยกจากกันคนละภพแล้ว”
เธอเอ่ยถึงตรงนี้ก็ก้มหน้าหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับหน่วยตาของตัวเองเบาๆ มีท่าทีทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
ถัดมาก็กระทำบางสิ่งที่ทำให้กู้ฮอนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เห็นเพียงเธอลุกขึ้นยืน “ฮอน ป้าต้องขอโทษแทนโม่เรื่องการเสียชีวิตของคุณแม่เธอด้วย” เอ่ยจบแล้วก็คุกเข่าให้กับกู้ฮอน
กู้ฮอนจะมองหญิงชราที่มีอายุเท่ากับคุณแม่คุกเข่าให้ตัวเองได้อย่างไรกัน
“คุณป้าซิน คุณป้าทำอะไรคะ” เธอเอ่ยแล้วก็โค้งตัวประคองเจียงฮุ่ยซินเอาไว้
“ฮอน ให้ป้าได้ขอโทษเธอกับคุณแม่เธอเถอะ เป็นป้าที่สอนลูกไม่ดีถึงได้ไปก่อเรื่องทำร้ายเธอและคุณแม่ของเธอเจ็บปวดมากขนาดนี้ ลู่ลู่ ทำไมชะตากรรมชีวิตของเธอถึงได้ทุกข์เข็ญขนาดนี้กันนะ…..”
ในตอนนี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งลงบันไดจากด้านบนมาอย่างเร่งรีบลอยมา
เป็นเฉิงเฉิงและหยางหยางที่ลงมา
ตอนที่เฉิงเฉิงดูคลิปวิดีโออยู่ในห้องนอนของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากในสวน
เขานึกว่าคุณพ่อกลับมาแล้วจึงเดินไปที่ขอบหน้าต่างแล้วมองลงไป เป็นคุณแม่ที่มา
เขารีบออกจากห้องของตัวเองแล้วเดินเข้าไปในห้องของหยางหยาง เรียกหยางหยางออกมา “คุณแม่มา”
เพียงแต่ว่าตอนที่สองพี่น้องวิ่งลงมาจากด้านบนอย่างยินดีนั้นกลับได้ยินเสียงร้องไห้ของคุณย่าดังลอยมาจากชั้นล่าง นอกจากนี้แล้วยังได้ยินเรื่องการเสียชีวิตของคุณยายแว่วๆด้วย
“คุณแม่ครับ ที่พวกคุณแม่พูดล้วนเป็นความจริงหรือครับ คุณยายเสียชีวิตแล้วหรือ”
กู้ฮอนเห็นว่าตอนนี้ปิดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้า
“สุขภาพร่างกายของคุณยายยังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือครับ ทำไมถึงได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน” หยางหยางคิ้วขมวดเป็นปม เขารู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้า
“เรื่องการเสียชีวิตของคุณยายนั้นยืนยันแน่ชัดแล้วหรือครับว่าเกี่ยวข้องกับคุณพ่อ” สุดท้ายเฉิงเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
กู้ฮอนดึงเด็กทั้งสองคนมาข้างกายของตัวเอง มองไปที่เฉิงเฉิงและก็มองไปที่หยางหยาง
“เรื่องนี้ พวกลูกที่ยังเป็นเด็กไม่ต้องสนใจ เรื่องพวกนี้ให้แม่จัดการเองได้ไหม”
เฉิงเฉิงอยากจะช่วยคุณแม่เป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อเธอพูดแบบนี้แล้ว ก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
***
“คุณแม่ ผมอยากกลับไปแล้วอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ครับ คุณยายเสียชีวิตไปแล้ว ในใจของคุณแม่จะต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน” เฉิงเฉิงเห็นนัยน์ตาของกู้ฮอนรื้นไปด้วยน้ำตา
“ผมก็อยากอยู่กับคุณแม่ด้วย ผมไม่ได้อยู่กับคุณแม่นานมากแล้วเหมือนกัน” หยางหยางก็ไม่ยอมน้อยหน้า
เจียงฮุ่ยซินใช้ผ้าเช็ดหน้าซับคราบน้ำตาบริเวณหางตา “ฮอน เธอพาเด็กสองคนนี้กลับไปด้วยเถอะ วันนี้โม่ก็ไม่อยู่บ้าน ฉันก็แก่มากแล้ว ถึงอยากจะช่วยแต่ก็ไม่มีแรงเหลือแล้ว”
“คุณป้าซิน อย่างนั้นคุณป้าจะทำอย่างไรคะ” ในที่สุดกู้ฮอนก็ยังทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เจียงฮุ่ยซินอยู่ในบ้านใหญ่นี้ตัวคนเดียว
เป่หมิงโม่ไม่อยู่บ้านแล้ว ตอนนี้ก็เหลือหญิงชราอย่างเธอเพียงคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ยากที่จะเลี่ยงถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวและเงียบเหงาได้
แม้ว่าปกติเป่หมิงโม่จะออกจากบ้านแต่เช้าและกลับมาในตอนดึก แต่ก็ยังสามารถดูแลได้บ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ยังมีเด็กๆอยู่ในบ้านด้วย
เจียงฮุ่ยซินโบกมือไปมา “ฮอน เธอไม่ต้องเป็นห่วงป้าหรอก ในบ้านนี้มีคนรับใช้มากมายอยู่เป็นเพื่อนป้า อีกทั้งยันยันก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ เขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนป้าเอง”
*
กู้ฮอนขับรถออกมาจากบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
เฉิงเฉิงและหยางหยางนั่งอยู่ในรถ
เฉิงเฉิงก้มหน้า ใบหน้าเล็กๆนั้นหม่นหมองเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังจมอยู่ในม่านหมอกแห่งความทุกข์ที่คุณพ่อถูกจับตัวไป และคุณยายเสียชีวิต
ส่วนสภาพจิตใจของหยางหยางนั้นกลับแตกต่างกับเฉิงเฉิงโดยสิ้นเชิง
ในที่สุดเขาก็ได้ออกมาจากกรงขังขนาดมหึมาอย่างบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงแล้ว
เพียงแต่หลังจากที่เขามองไปรอบด้านอย่างตื่นเต้นแล้ว อารมณ์ก็ค่อยๆหม่นหมองลงมา
สาเหตุนั้นก็เหมือนกับเฉิงเฉิง คือคิดถึงการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของคุณยาย
รอจนรถจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าประตูบ้านของลั่วเฉียว ประตูรถก็ถูกเปิดออก
กู้ฮอนและเด็กๆสองคนลงมาจากรถ
“ฮอน เธอกลับมาแล้ว ทำไมเฉิงเฉิงกับหยางหยางกลับมาด้วยล่ะ พวกเขาไม่อาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงแล้วหรือ” แอนนิเดินออกมาจากด้านในตัวบ้าน
เธอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นว่าเฉิงเฉิงและหยางหยางก็มาด้วย
“คุณพ่อถูกจับไปแล้ว จะยังอยู่กับคุณย่าบุญธรรมที่นั่นต่อไปทำไมกัน ทุกวันที่ต้องเจอเธอ อารมณ์ของผมล้วนไม่ดี” หยางหยางนั้นปากตรงกับใจ คิดอย่างไรก็พูดแบบนั้น
“หยางหยาง ลูกพูดอะไรน่ะ ทำไมพูดไม่ดีลับหลังถึงคุณย่าแบบนี้กัน” กู้ฮอนหน้าตึง ถลึงตาใส่หยางหยาง
หยางหยางหดคอ รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว เพียงแต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ในใจของเขาก็ยังคงคิดแบบนั้นอยู่ดี เขาไม่ยอมอยู่ในบ้านหลังเดียวกับคุณย่าอีกต่อไปแล้ว
แอนนิมองกู้ฮอน “ที่หยางหยางพูดมาเป็นความจริงหรือ เป่หมิงโม่ เขาถูกจับไปแล้วหรือ”
กู้ฮอนพยักหน้า “เป็นเรื่องเช้าวันนี้เอง แอนนิ ช่วยฉันถือกระเป๋าสัมภาระหน่อย ตอนนี้สมองของฉันสับสนวุ่นวายมาก อยากจะพักผ่อนสักหน่อย”
เธอเอ่ยแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านคนเดียว
หยางหยางก็อยากตามคุณแม่เข้าไปในบ้านด้วย แต่ถูกเฉิงเฉิงดึงเอาไว้
จากนั้นเขาก็พูดกับแอนนิว่า “คุณป้าแอนนิ พวกเราจะช่วยคุณป้าถือกระเป๋าเองครับ