เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 848 อารมณ์และเหตุผล
ตอนที่ 848 อารมณ์และเหตุผล
ตอนที่กู้ฮอนเห็นพวกเขาบุกเข้ามานั้นก็รู้สึกว่าพวกเขามาเพราะเรื่องของคุณแม่เสียแปดส่วน
คลื่นลูกหนึ่งยังไม่ทันสงบ คลื่นอีกลูกก็ม้วนมาอีกระลอกแล้วเสียอย่างนั้น ตัวเองยังกลัดกลุ้มปัญหาของบริษัทเจียเม้าอยู่เลย พวกเขาก็มาแล้ว
แต่ในเมื่อคนก็มาแล้วจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดประตูไม่รับแขก
ฉิงฮัวได้ยินคำพูดของกู้ฮอนแล้วก็จำใจต้องขยับกายไปด้านข้าง เปิดทางให้กับพวกเขาออกมาเส้นหนึ่ง
“ฉิงฮัว คุณนำเอกสารพวกนี้ออกไปจัดการให้เรียบร้อยสักหน่อย ฉันจะพูดคุยธุระกับพวกเขาเล็กน้อย”
“คุณผู้หญิง…..” ฉิงฮัวยังอยากจะพูดอะไร แต่ก็เห็นว่ากู้ฮอนยื่นเอกสารกองหนึ่งมาทางเขาแล้ว
เขาจึงจำใจรับเอกสารมา “คุณผู้หญิง ผมอยู่ด้านนอกประตู หากมีเรื่องอะไรจะมอบให้ผมไปทำแล้วล่ะก็ สามารถเรียกผมได้ตลอดเวลาครับ”
ด้านหนึ่งเขาก็พูดให้กับกู้ฮอนที่อยู่ตรงข้ามฟัง บอกเธอว่า ตัวเองอยู่ข้างนอก มีอะไรผิดปกติสามารถเรียกตัวเองได้เลย
อีกด้านหนึ่งก็พูดให้พวกหลี่เชินฟัง บอกพวกเขาว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้ว
***
ฉิงฮัวเดินออกมาจากห้องทำงานแล้วก็ปิดประตูห้องทำงานจากด้านนอกอย่างเคารพนบนอบ
กู้ฮอนมองพวกเขาแล้วชี้ไปยังโซฟาที่ใช้รับแขกที่อยู่ไม่ไกลนัก “ทั้งสองท่านเชิญนั่งค่ะ พวกคุณมีเรื่องอะไรถึงได้มาหาฉันคะ”
คราวนี้หลี่เชินจะนั่งได้อย่างไรกัน เขาเอ่ยว่า “คุณแม่ของลูกเสียชีวิตไปแล้วใช่หรือไม่”
เป็นอย่างที่คิดจริงๆเลยว่ามาเพื่อเรื่องนี้ เธอพยักหน้านิ่งๆ “ใช่ค่ะ คุณแม่เสียชีวิตอย่างกะทันหันไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน”
“อย่างนั้นทำไมลูกถึงไม่บอกพ่อให้เร็วกว่านี้ เธอไม่เพียงแต่เป็นคุณแม่ของลูก ยังเป็น…..” หลี่เชินเอ่ยถึงตรงนี้แล้วจู่ๆคำพูดของเขาก็หยุดลง
กู้ฮอนมองเขาอย่างเย็นชา “คุณเป็นอะไรของเธอคะ สามีหรือว่าคนรัก หลังจากที่คุณจากเธอไปในปีนั้น คุณก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณแม่ของฉันอีกแล้วค่ะ หลายวันมานี้ อย่าคิดว่าฉันปฏิบัติต่อคุณดีเล็กน้อยแล้วฉันจะยอมรับคุณนะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วค่ะ ฉันจะบอกคุณให้นะคะว่าที่ฉันทำแบบนั้นก็เพียงแค่อยากให้คุณแม่รู้สึกดีบ้างเท่านั้นเอง ฉันไม่อยากให้เธอเห็นความแตกแยกระหว่างพวกเรา วันนี้จบแล้ว คุณแม่จากไปแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว
คำพูดของกู้ฮอนนั้นเหมือนกับปลายดาบเล่มหนึ่งแทงลึกเข้ามาในหัวใจของหลี่เชิน
หลี่เชินกัดฟันแน่น คิ้วขมวด เขาพบว่าตัวเองไม่มีอะไรจะโต้กลับไปได้แล้ว
ถังเทียนจื๋อที่เห็นท่าทางเจ็บปวดของอาจารย์ในตอนนี้นั้นก็คิดว่าดูเหมือนคราวนี้กู้ฮอนจะทำเกินไปหน่อยแล้ว
“ฮอน ถึงอย่างไรอาจารย์ก็อายุมากแล้ว คุณก็อย่าใช้คำพูดพวกนั้นมาทำให้เขาสะเทือนใจได้หรือไม่ เป้าหมายที่พวกเรามาในครั้งนี้ก็เพียงแค่ต้องการถามว่าการเสียชีวิตของคุณแม่คุณเกี่ยวข้องกับเป่หมิงโม่หรือไม่ เป็นเป่หมิงโม่ที่ทำให้คุณแม่คุณเสียชีวิตใช่หรือไม่ ถ้าหากว่าใช่แล้วล่ะก็ ผมจะให้คนทั้งหมดในตระกูลเป่หมิงต้องชดใช้ชีวิตให้กับเธอ”
ถังเทียนจื๋อพูดไปพูดมาก็เริ่มเอ่ยถึงการกระทำอันโหดร้ายขึ้นมา
ประโยคนี้ทำให้กู้ฮอนตะลึงไม่น้อย เพียงแต่เธอก็สงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เธอยิ้มอย่างเย็นชา มองไปที่ถังเทียนจื๋อ “ให้คนทั้งหมดในตระกูลเป่หมิงต้องชดใช้ชีวิตให้กับคุณแม่ของฉันหรือ อย่างนั้นเฉิงเฉิง หยางหยาง ยังมี……” ชื่อของจิ่วจิ่วยังไม่ทันถึงริมฝีปากเธอก็ถูกกลืนลงไปทั้งอย่างนั้น จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “พวกเขาก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตให้กับคุณแม่ของฉันเช่นกันใช่หรือไม่”
ถังเทียนจื๋อที่ได้ยิน บนหน้าผากก็ผุดเม็ดเหงื่อเย็นๆออกมา เขาโบกมือไปมา “ฮอน คุณเข้าใจความหมายของผมผิดไปแล้ว แม้ว่าเฉิงเฉิงและหยางหยางจะเป็นลูกของเป่หมิงโม่ แต่ก็เป็นลูกของคุณนะ อีกทั้งยังเป็นหลานแท้ๆของอาจารย์ด้วย ผมจะทำอะไรที่ไม่ดีต่อพวกเขาได้อย่างไร ผมก็เพียงแค่…..”
“พอได้แล้ว!” กู้ฮอนไม่รอให้ถังเทียนจื๋อเอ่ยพูดจนจบก็เอ่ยปากตะคอกใส่เขา
“เป่หมิงโม่ถูกจับไปนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก การเสียชีวิตของคุณแม่ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ถึงทางตำรวจจะมีหลักฐานที่สงสัยว่าเป่หมิงโม่เป็นผู้ก่อคดี แต่ก่อนที่ทางตำรวจจะสรุปคดีนั้นล้วนไม่สามารถยืนยันได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเป่หมิงโม่”
กู้ฮอนยังคงพยายามรักษาความสงบเยือกเย็นของตัวเองเอาไว้หลังจากที่ได้รับความสะเทือนใจจากการเสียชีวิตของคุณแม่
หลี่เชินหลับตา ส่ายศีรษะเบาๆ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นในเสี้ยววินาที นัยน์ตาดุร้ายราวกับนกอินทรีถลึงมองกู้ฮอน “คำพูดที่ว่า เมื่อบุตรสาวโตขึ้นแล้วก็ต้องออกเรือน ประโยคนี้ไม่ผิดจากคิดไว้เลย เป่หมิงโม่ทำกับแม่ของลูกถึงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ลูกยังจะพูดแทนเขาอีก ลูกทำแบบนี้ ไม่กลัวว่าคุณแม่ที่อยู่บนสรวงสวรรค์จะผิดหวังเจ็บปวดหรือ เหอะๆ……”
หลี่เชินโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง พลางไอออกมาไม่หยุด
***
ถังเทียนจื๋อรีบยื่นมือเข้าไปประคองร่างของหลี่เชิน “อาจารย์ ระวังสุขภาพด้วยครับ”
หลี่เชินอยากจะออกแรงสะบัดมือของถังเทียนจื๋อที่ประคองตัวเองเอาไว้ แต่ตอนนี้เขาโกรธจนไม่เหลือแรงอะไรอีกแล้ว
“ฮอน ไม่ว่าลูกจะยอมหรือไม่ยอมรับพ่อ ล้วนไม่สำคัญ พ่อก็ไม่เคยหวังอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าลูกอย่าลืมเสียล่ะว่าใครที่ทำให้คุณแม่ของลูกต้องตาย! พ่อจะบอกให้ลูกฟังเอาไว้ว่า พ่อจะไม่ยอมรามือกับเรื่องนี้ ทางที่ดีก่อนที่พ่อจะลงมือเคลื่อนไหวอะไร ลูกเลือกให้เรียบร้อยว่าจะยืนอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ ถ้าหากว่าลูกเลือกผิดฝ่ายแล้วล่ะก็ พ่อก็ไม่สนหรอกนะว่าลูกจะเป็นลูกสาวของพ่อ ขอเพียงแค่สามารถแก้แค้นให้กับลู่ลู่ได้ พ่อจำเป็นต้องทำ”
หลี่เชินเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินกลับไปทางประตู
ถังเทียนจื๋อหันหน้ากลับไปมองกู้ฮอน คิ้วขมวดเล็กน้อย พลางถอนหายใจเสียงเบา แล้วเดินตามหลี่เชินออกไปจากห้องทำงาน
พวกเขาเพิ่งจะออกไป ฉิงฮัวก็เดินเข้ามา
เขาเห็นสีหน้าท่าทางโกรธเป็นอย่างมากของหลี่เชิน อีกอย่างเขายืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูตลอดเวลา ทำให้ได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขามาไม่มากก็น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อแทนกู้ฮอน
เขาไม่รู้ว่าหลี่เชินจะใช้วิธีการอะไร แต่กลับรู้ว่าวิธีการของถังเทียนจื๋อนั้นต่ำช้ามากเพียงใด
เขามองมาที่กู้ฮอนอย่างตึงเครียด “คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
สีหน้ากู้ฮอนนั้นจริงจังอยู่บ้าง คำพูดที่หลี่เชินทิ้งรอยลึกเอาไว้ในใจของเธอ
เธอมองไปที่ฉิงฮัวแล้วส่ายศีรษะเบาๆ “ฉันไม่เป็นอะไร”
*
หลี่เชินเดินนำถังเทียนจื๋อออกมาจากอาคารเป่หมิง
ถังเทียนจื๋อขับรถได้นิ่งมาก เขาเหลือบมองกระจกหลังอย่างระมัดระวังก็เห็นว่าสีหน้าของหลี่เชินนั้นไม่น่าดูเป็นอย่างมาก
“อาจารย์ พวกเราจะทำอย่างไรให้ก้าวต่อไปครับ จะลงมือดำเนินการอะไรกับบริษัทเป่หมิงหรือไม่ ตอนนี้จะดึงเงินทุนที่พวกเราเสนอให้กับเป่หมิงยี่เฟิงกลับมาหรือไม่ครับ”
หลี่เชินคิดอยู่ชั่วครู่แล้วก็เอ่ยว่า “เธออายัดเงินทุนที่ให้เป่หมิงยี่เฟิงเอาไว้แล้วรอดูการตัดสินใจของฮอนก่อน นี่เป็นโอกาสที่ฉันจะให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย”
ตอนกลางวัน กู้ฮอนจัดการงานในมือเรียบร้อยหมดแล้ว เธอลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าฉิงฮัว “คุณมีธุระอะไรในช่วงบ่ายหรือไม่”
ฉิงฮัวส่ายหน้า “ไม่มีครับ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีเรื่องอะไรต้องการให้ผมไปจัดการหรือครับ”
กู้ฮอนพยักหน้า “ฉันคิดว่าพวกเราควรจะไปโรงพยาบาลสักรอบ”
“ไปโรงพยาบาลหรือครับ”
“ใช่ เป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงยี่เฟิงบอกว่าป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลไม่ใช่หรือ พวกเราก็ไปเยี่ยมพวกเขากันเถอะ”
ฉิงฮัวพยักหน้า “ได้ครับ พวกเราจะไปกันเมื่อไร”
“หลังจากทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วกัน”
*
บ้านพักของเป่หมิงเฟยหย่วน
ในตอนนั้นเอง เป่หมิงเฟยหย่วนและลูกชาย เป่หมิงยี่เฟิงกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ
หลันเนี่ยนนั้นเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะแล้ว
นับตั้งแต่พวกเขาสองพ่อลูกต้องพักผ่อนเพราะอาการป่วย หลันเนี่ยนก็เลยอาศัยเรื่องที่ต้องดูแลพวกเขาเพื่อขอลาหยุดด้วย
โชคดีที่เรื่องในแผนกบัญชีล้วนเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ระยะนี้ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องให้เธอลงมือจัดการเอง
“ยี่เฟิง พวกเราลาหยุดมากี่วันแล้วนะ พวกเราควรจะกลับไปดูสักหน่อยแล้วใช่หรือไม่” เป่หมิงเฟยหย่วนถามลูกชายของตัวเองด้วยจิตใจที่สับสนวุ่นวาย
เป่หมิงยี่เฟิงนั้นมีท่าทางสงบนิ่งใจเย็น “คุณพ่ออดทนรอดูลาดเลาไปก่อน คาดว่าช่วงสองสามวันนี้ที่บริษัทเป่หมิงน่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ผมอยากจะดูว่าประธานบริษัทคนใหม่ของพวกเราจะรับมืออย่างไร”
“ยี่เฟิง แต่ก่อนความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับกู้ฮอนไม่เหมือนในตอนนี้นินา” หลันเนี่ยนเอ่ย
***
เดิมเป่หมิงยี่เฟิงที่อารมณ์ไม่ดีก็อ่อนลงในทันที
จริงๆแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู้ฮอนนั้นไม่เลวเลย
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้พวกเขากลับยืนคนละฝั่งกับฝ่ายตรงข้าม
“คุณแม่ครับ มีหลายเรื่องที่คุณแม่ไม่รู้ ตอนนี้ฮอนเธอเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่เธอคนก่อนแล้ว ตอนนี้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับอารอง คนละฝั่งกับผมแล้วครับ”
“ยี่เฟิง แม่ได้พบหน้ากับกู้ฮอนมาหลายครั้ง จากที่แม่ได้พูดคุยและสัมผัสกับเธอแล้ว ก็รู้สึกว่าคนที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ฮอนแต่เป็นลูก”
เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของคุณแม่ เพียงแต่เขาก็ยังพยักหน้า “คุณแม่ บางทีผมกับกู้ฮอนล้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพียงแต่การเปลี่ยนไปของผมเป็นอารองที่บีบบังคับออกมา ในฐานะคนของตระกูลเป่หมิง เขาทำมากเกินไปอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แย่งชิงสิทธิ์ผู้ถือหุ้นของคุณพ่อ กระทั่งบีบบังคับไล่เขาออกจากตระกูลเป่หมิง ถ้าหากว่าคุณพ่อยังอยู่ที่บ้านละก็ คาดว่าคุณปู่คงไม่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหรอกครับ”
เป่หมิงเฟยหย่วนได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วในใจก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา “ยี่เฟิง เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องไปพูดถึงมันอีก”
“ทำไมถึงพูดไม่ได้ เรื่องพวกนี้ล้วนเกิดจากน้ำมือของอารอง ถ้าหากว่าเขาไม่คิดจะกำจัดพวกเราให้สิ้นซากล่ะก็ ผมก็จะไม่ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเอาสิทธิ์ผู้ถือหุ้นของคุณพ่อไป แต่ไม่ได้ไล่พวกเราออกจากบ้านเป่หมิงแล้วล่ะก็ ผมก็จะไม่ปฏิบัติดต่อเขาเช่นนี้หรอก”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ โทรศัพท์มือถือของเป่หมิงยี่เฟิงก็ดังขึ้นมากะทันหัน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นของจากบริษัทเป่หมิงโทรมาหาเขา
นับตั้งแต่ตัวเองอ้างว่าป่วยไม่ทำงานแล้ว ก็ส่งสายสืบไปอยู่รอบกายกู้ฮอนเพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของเธอในบริษัทเป่หมิงทุกวัน
คงไม่ใช่ว่ากู้ฮอนมีการเคลื่อนไหวอะไรใหม่ๆหรอกนะ สายสืบถึงได้โทรศัพท์มาหาเขาในตอนนี้
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรหรือ”
“รายงานคุณชายเป่หมิงครับ หลังจากท่านประธานพบกับบุคคลสองคนในห้องทำงานเมื่อครู่แล้ว ตอนกลางวันเธอก็ออกไปกับฉิงฮัวแล้ว ผมแอบได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขามา ดูเหมือนว่าหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วพวกเขาจะไปโรงพยาบาลกันครับ”
“ไปโรงพยาบาลหรือ นายมั่นใจแน่นะ”
“อืม ผมได้ยินมาอย่างชัดเจนครับ”
“โอเค ฉันรู้แล้ว” เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ยจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยกับเป่หมิงเฟยหย่วนว่า “คุณพ่อครับ พวกเราต้องรีบไปที่โรงพยาบาลสักรอบแล้ว”
เป่หมิงเฟยหย่วนมองลูกชายอย่างไม่เข้าใจเหตุผล เขาเห็นเพียงแค่สีหน้าตึงเครียดของลูกชาย
“กู้ฮอนพาฉิงฮัวไปที่โรงพยาบาลแล้วครับ ถ้าหากว่าผมคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาเตรียมตัวไปเยี่ยมพวกเรา ตอนนี้พวกเราต้องรีบไปที่โรงพยาบาล” เป่หมิงยี่เฟิงพูดพลางสวมเสื้อโค้ทของตัวเอง
สีหน้าเป่หมิงเฟยหย่วนก็ตึงเครียดขึ้นมาแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“พวกคุณสองคนไม่อยู่ทานอาหารที่บ้านแล้วหรือคะ” หลันเนี่ยนเอ่ยถาม
“ไม่ครับ คุณแม่ คุณแม่ก็ต้องรีบไปกลับพวกเราด้วย ถ้าหากว่าสายล่ะก็ จะถูกเปิดโปงแล้ว”
*
กู้ฮอนและฉิงฮัวทานอะไรง่ายๆ จากนั้นก็นั่งรถของฉิงฮัวมุ่งไปยังโรงพยาบาล
พวกเขาล้วนไม่ได้พูดคุยอะไรกันตลอดทาง
กู้ฮอนนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่ที่ด้านข้าง