เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 849 เยาะเย้ย
ตอนที่ 849 เยาะเย้ย
ตอนนี้ในใจของกู้ฮอนสับสนวุ่นวายเล็กน้อย เธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเป่หมิงยี่เฟิงอย่างไร เธอแทบจะรู้สึกถึงคำพูดที่เป่หมิงยี่เฟิงนำมาใช้เยาะเย้ยเธอว่าไร้ความสามารถ
หลังจากที่เธอรับช่วงบริษัทเป่หมิงได้ไม่กี่วันก็เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมา ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ลางที่ดีเท่าไรนัก
แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังคงไปพบกับเขา ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อบริษัทเป่หมิง เพื่อความไว้วางใจที่เป่หมิงโม่มีให้เธอ อย่างนั้นในระยะเวลาที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่ง บริษัทเป่หมิงจะต้องสงบสุขไม่มีเรื่องอะไร
***
ฉิงฮัวจอดรถอยู่ที่ลานหน้าประตูของโรงพยาบาล
ประตูรถเปิดออก กู้ฮอนลงมาจากด้านใน
เธอเดินเข้าไปยังห้องโถงของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ผ่านไปชั่วครู่ฉิงฮัวก็เดินถือกระเช้าผลไม้เข้ามาสองใบอย่างเร่งรีบ
พวกเขาหาห้องพักผู้ป่วยของสองพ่อลูกเป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงยี่เฟิงจนพบโดยอิงจากที่อยู่
เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตู กู้ฮอนก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
“คุณผู้หญิง พวกเราจะเข้าไปจริงๆหรือครับ” ฉิงฮัวก็เป็นกังวลเหมือนกันกับกู้ฮอน
กู้ฮอนยื่นมือออกไปจับลูกบิดประตูเบาๆอย่างไม่สนใจอะไร สุดท้ายแล้วเมื่อเกิดเรื่องก็ต้องเผชิญหน้า
ข้อมือของเธอออกแรงเล็กน้อย ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก
เห็นด้านในห้องพักมีเตียงนอนผู้ป่วยจัดวางอยู่สองหลัง
เป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงยี่เฟิงกำลังนอนอยู่บนนั้น
“ฮอนมาแล้ว” ยังไม่รอให้กู้ฮอนเอ่ยพูด เป่หมิงเฟยหย่วนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อน
กู้ฮอนเดินเข้าไป ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่งแต้มบางๆ “คุณดูฉันสิคะ หลายวันมานี้มัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการจัดการงานให้เรียบร้อยจนไม่รู้ว่าพวกคุณป่วย วันนี้จึงตั้งใจมาเยี่ยมพวกคุณโดยเฉพาะ หวังว่าพวกคุณจะไม่ถือโทษโกรธเคืองนะคะ”
ฉิงฮัววางกระเช้าผลไม้ทั้งสองใบไว้บนตู้เหนือหัวเตียง
“ฮอน เธอมาเยี่ยมพวกเราก็มีน้ำใจมากพอแล้ว ทำไมถึงได้สิ้นเปลืองเงินเพื่อพวกเราอีก”
“เฮ้อ คุณเป่หมิง อย่างไรคุณก็เป็นผู้อาวุโสของฉัน ผู้เยาว์จะมาเยี่ยมผู้อาวุโสด้วยมือเปล่าได้อย่างไรกันคะ คุณกับเป่หมิงยี่เฟิงนั้นทำงานลำบากเพื่อบริษัทเป่หมิงจนล้มป่วย ฉันมาเยี่ยมพวกคุณก็เป็นเรื่องที่สมควรมากแล้ว เพียงแค่มาอย่างรีบร้อน จึงไม่ได้เตรียมอะไรมากมายนัก ขอให้พวกคุณให้อภัยด้วยค่ะ”
กู้ฮอนพูดพลางเหลือบมองเป่หมิงยี่เฟิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอีกหลังหนึ่ง
เห็นว่าหลังของเขาพิงเข้าหาผนัง ดวงตาปิดลงเล็กน้อย ไม่เอ่ยพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
กู้ฮอนรู้ว่าบางทีเป่หมิงยี่เฟิงยังโกรธตัวเองอยู่ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ปัญหามาถึงตัวแล้ว ก็ปล่อยเขาไปแล้วกัน
เธอเดินไปถึงหน้าเตียงผู้ป่วยของเป่หมิงเฟยหย่วน ฉิงฮัวรีบยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาวางไว้ที่ด้านข้าง
“คุณเป่หมิง อาการป่วยของคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ”
ใบหน้าของเป่หมิงเฟยหย่วนนั้นมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ “ก็ดีๆ ก็แค่สองสามวันก่อนหน้านี้ ฉันกับยี่เฟิงนั้นยุ่งวุ่นวายกับเรื่องในบริษัทเล็กน้อย ต้องโทษที่พละกำลังของพวกเรานั้นจำกัด สุดท้ายแล้วถึงได้ป่วยจนต้องมาอยู่ที่นี่ เป็นอย่างไรบ้าง สองสามวันนี้บริษัทเป่หมิงเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหรือไม่”
ประโยคคำถามนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “คุณเป่หมิง ดูคุณพูดเข้าสิ ราวกับว่าฉันรอให้บริษัทเป่หมิงเกิดปัญหาแล้วถึงจะมาหาพวกคุณอย่างไรอย่างนั้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ แต่ก่อน เพื่อที่จะให้งานของพวกเราคืบหน้าทุกวัน พวกคุณก็มาเยือนที่แผนกของพวกเราไม่น้อยเลย แต่ช่วงนี้ พวกเราพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวันแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาเยี่ยมพวกเรากัน ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะพบกับเรื่องอะไรเข้า คุณจะทำแบบนี้หรือไม่ พูดมาเถอะว่า บริษัทเป่หมิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แม้ว่าผมกับคุณจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ผมก็ไม่ใช่คนใจแคบประเภทนั้น ถ้าหากว่าสามารถช่วยคุณได้ล่ะก็ ผมก็จะช่วย”
ในตอนนี้เองที่เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ยพูดขึ้นมากะทันหัน
“ยี่เฟิง ดูนิสัยของลูกสิ ทำไมถึงพูดกับฮอนแบบนี้กัน”
ตอนนี้หลันเนี่ยนก็ยกกล่องอาหารสองสามกล่องเดินเข้ามา
กู้ฮอนรีบลุกขึ้นยืน พยักหน้าพลางยิ้มบางๆให้กับเธอ
คราวนี้เป่หมิงเฟยหย่วนก็เสริมต่อว่า “ใช่แล้ว ฮอน บริษัทเป่หมิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
“นี่…..” กู้ฮอนเห็นว่าพูดมาจนถึงตอนนี้แล้ว อย่างนั้นตัวเองก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องกลัวว่าใครจะรู้แล้วต้องปิดบังอีก
เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับบริษัทเจียเม้าในสองสามวันนี้ให้พวกเขาฟังอย่างง่ายๆ
***
เมื่อฟังกู้ฮอนเล่าจบแล้ว เป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงยี่เฟิงผู้เป็นลูกชายก็สบตากันเล็กน้อย
ที่จริงแล้วเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทเจียเม้าเรื่องนี้ พวกเขารู้ก่อนกู้ฮอนจะรู้เรื่องนี้นานแล้ว
อีกทั้งการแกล้งป่วยของพวกเขาในครั้งนี้ก็ต้องการทำให้เธอไม่สามารถหาทางลงได้ และให้เธอเข้าใจว่า ถ้าหากบริษัทเป่หมิงไม่มีพวกเขาพ่อลูกแล้วอาศัยเธอคนเดียวก็ไม่อาจจัดการเรื่องใดๆให้เรียบร้อยได้
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่าครั้งนี้กู้ฮอนมาหาพวกเขาเพื่อปรึกษาแผนการที่จะใช้รับมือ
“เฟยหย่วน ยี่เฟิง ดูสิฮอนมาหาพวกคุณเพื่อปรึกษาแผนการที่จะใช้รับมือแล้ว พวกคุณก็แสดงความเห็นสักหน่อยสิคะ”
เธอรู้เพียงแค่ว่าความขัดแย้งระหว่างลูกชายของตัวเองและกู้ฮอนนั้นนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในเมื่อบริษัทเป่หมิงเกิดเรื่องขึ้น เธอก็ยังรู้สึกใจอ่อนเล็กน้อย อยากจะแนะนำให้พวกเขาดูว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยให้กู้ฮอนผ่านเรื่องยากลำบากนี้ไปได้
เป่หมิงยี่เฟิงแสร้งทำท่าทางลำบากใจ “คุณแม่ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยเหลือเธอ แค่คุณแม่ก็เห็นว่าตอนนี้ผมและคุณพ่อนอนอยู่ที่โรงพยาบาล อีกอย่างเรื่องนี้ก็ถูกเปิดโปงออกมาตอนที่พวกเราป่วย พวกเรามีใจอยากทำมากแต่ว่าไม่มีแรงกายนิครับ และก่อนที่อารองจะจากไปก็ฝากฝังบริษัทเป่หมิงไว้ให้กับฮอนแล้ว นั่นก็อธิบายได้อย่างชัดเจนว่าเธอมีความสามารถมากพอที่จะเป็นประธานบริษัท ถ้าหากว่าอารองอยู่แล้วเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ล่ะก็ เขาจะต้องสามารถหาวิธีแก้ไขได้อย่างแน่นอน ผมคิดว่าฮอน เธอก็มีวิธีแบบนี้เช่นกัน”
กู้ฮอนถูกคำพูดเหล่านี้ของเป่หมิงยี่เฟิงดักเอาไว้ ใบหน้าจึงเดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง อย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่า ตัวเองมาหาเขาเพื่อแก้ไขปัญหา เขากลับจงใจทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดน่าขายหน้าในเวลานี้เสียอย่างนั้น
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการประชดประชันและเยาะเย้ยตัวเอง โดยมีความหมายแฝงเอาไว้ด้วยว่า ถ้าหากเรื่องนี้ยังแก้ไขได้ไม่ดีล่ะก็ ยังจะมีคุณสมบัติอะไรมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอีก
นอกจากกู้ฮอนที่ฟังคำพูดของเป่หมิงยี่เฟิงแล้วรู้สึกไม่รื่นหู ก็ยังมีอีกคนหนึ่งก็คือฉิงฮัว
“คุณชายยี่เฟิง ไม่อาจจะพูดอย่างนี้ได้นะครับ โครงการก่อสร้างของบริษัทเจียเม้า ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนสุดท้ายก็ล้วนมีคุณเป็นผู้รับผิดชอบดูแล ตอนนี้นอกจากคุณจะขว้างงูไม่พ้นคอแล้ว ในฐานะที่คุณผู้หญิงเป็นประธานของบริษัทเป่หมิง เธอต้องจัดการดูแลทั้งบริษัทก็เป็นเรื่องปกติ ไม่เหมือนกับผู้รับเหมาที่ต้องเดินตามก้นของวิศวกรทุกคน ถ้าหากว่าเธอทำแบบนั้นแล้ว อย่างนั้นจะมีผู้รับผิดชอบแผนกอย่างพวกคุณไว้ทำไมกัน”
“เหอะๆ ผู้ช่วยพิเศษฉิง อารมณ์โมโหของคุณนั้นไม่น้อยเลย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่อารองยังอยู่ก็ไม่เคยเห็นคุณโกรธหนักขนาดนี้ ตอนนี้อารองไม่อยู่แล้ว คุณก็กระโดดออกมาเสียอย่างนั้น ผมจะบอกคุณให้นะว่า บริษัทเป่หมิงเป็นของพวกเราตระกูลเป่หมิง คุณก็เป็นเพียงแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเพียงเท่านั้นเอง สำหรับเรื่องภายในพวกนี้ ผมจะขอแนะนำคุณสักประโยคในฐานะของผู้ถือหุ้นลำดับสองของบริษัทเป่หมิง “เข้ามายุ่งเรื่องราวภายในเหล่านี้ให้น้อยๆหน่อย ระวังไฟจะไหม้ตัวเองเอาได้”
เป่หมิงยี่เฟิงถลึงตามองฉิงฮัวอย่างดุร้าย ตอนนี้เป่หมิงโม่ไม่อยู่สนับสนุนเขา ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว
“ผม ฉิงฮัว หลายปีมานี้ ผ่านคลื่นพายุกับเจ้านายมามากมาย ผมสามารถแยกได้ชัดเจนว่าใครถูกใครผิด ขอพูดประโยคหนึ่งที่ไม่สมควรพูดนะครับ คุณชายยี่เฟิง คำพูดที่คุณพูดในวันนี้ผมไม่ชอบฟัง ในฐานะที่คุณเป็นคนของตระกูลเป่หมิง จนถึงตอนนี้ก็ไม่คิดที่จะรับใช้บริษัทเป่หมิง กลับมาคิดหาเรื่องโค่นล้มตำแหน่งที่นี่ คุณคิดว่าการกระทำแบบนี้ของคุณจะไม่ทำให้เจ้านายและคุณท่านเป่หมิงที่อยู่บนสรวงสวรรค์ต้องผิดหวังหรือครับ”
เมื่อเอ่ยถึงส่วนนี้ ฉิงฮัวก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เอ่ยถึงเรื่องนี้ เป่หมิงยี่เฟิงก็เลือกที่จะแตกหักกันไปข้างหนึ่งตรงๆเลย “ฉิงฮัว คุณอย่าคิดว่าตัวเองติดตามอารองมาหลายปีแล้วจะสามารถมีอำนาจสูงกลบนายได้ ยิ่งไม่ต้องคิดจะใช้คุณปู่มากดผม ตอนนี้ผมจะบอกกับคุณให้ชัดเจนเลยว่า เรื่องบริษัทเจียเม้านั้นผมไม่สนใจแล้ว!”
***
คำพูดของเป่หมิงยี่เฟิงทำให้เป่หมิงเฟยหย่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในตอนนี้ อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้
แม้ว่าเป่หมิงยี่เฟิงและกู้ฮอนจะสนิทกันมาก แต่อย่างไรในตอนนี้เธอก็ไม่ใช่แฟนสาวของลูกชายในปีนั้นแล้ว
เธอในตอนนี้เป็นประธานบริษัทเป่หมิง ทั้งยังเป็นตัวแทนของเป่หมิงโม่ในทางใดทางหนึ่งด้วย
บวกกับฉิงฮัวก็อยู่ที่นี่
“ยี่เฟิง ลูกพูดอะไรน่ะ!” เป่หมิงเฟยหย่วนอดไม่ได้ที่จะตวาดใส่เขา
จากนั้นเขาก็หันใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มไปหากู้ฮอนและฉิงฮัว พลางเอ่ยว่า “ฮอน ฉิงฮัว สองวันมานี้ร่างกายของยี่เฟิงไม่ค่อยสบายนัก เมื่อวานยังมีไข้เล็กน้อย ที่เขาพูดจาแบบนี้ออกมาคาดว่าน่าจะเป็นการเพ้อเพราะพิษไข้แล้ว ฉันจะรีบเรียกคุณหมอมาดูอาการเขา พวกคุณวางใจได้ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นถึงคนของตระกูลเป่หมิง ไม่สามารถมองดูบริษัทเป่หมิงมีปัญหาเฉยๆได้หรอก”
เมื่อแรกเริ่มที่กู้ฮอนได้ฟังคำพูดของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นในใจก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะยืนมองอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร
ในตอนแรกเขาใช้ความคิดความสามารถไปไม่น้อยเลยจริงๆเพื่อโครงการนี้ เพราะว่าความพยายามของเขาถึงได้สามารถยืนได้อย่างมั่นคงในบริษัทเป่หมิงได้แบบนี้
วันนี้เขากลับแตกต่างจากเดิมราวกับเป็นคนละคน
ตอนที่เธอกำลังจะกล่าวโทษเขานั้น คำพูดของเป่หมิงเฟยหย่วนก็ทำให้เธอพูดอะไรได้ยากแล้ว
ในตอนนี้ยังคงเป็นเป่หมิงเฟยหย่วนที่เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่า อาศัยจุดเล็กๆจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเป่หมิงโม่หรือเป่หมิงเฟยหย่วน เป่หมิงยี่เฟิงล้วนยังห่างชั้นอยู่ดี
“คุณเป่หมิง เมื่อครู่ได้ยินคำพูดของคุณแล้ว ฉันซาบซึ้งใจมาก นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่เสียทีที่คุณเป็นคนในตระกูลเป่หมิง มีใจหวังดีต่อบริษัทเป่หมิง”
กู้ฮอนเอ่ยพูด ยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา “ทางฉันยังมีเรื่องต้องไปจัดการอีกเล็กน้อย คงจะไม่อยู่นานไปกว่านี้แล้ว คุณพูดได้ถูกต้องค่ะว่าควรจะตรวจสมองให้กับยี่เฟิงดีๆสักรอบจริงๆ”
เธอเอ่ยจบแล้วก็หันไปส่งสัญญาณให้กับฉิงฮัว จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปที่ประตูห้องพักผู้ป่วย เปิดประตูแล้วเดินออกไป
แม้ว่าฉิงฮัวจะมีอะไรที่ไม่พอใจเป่หมิงยี่เฟิงอยู่ แต่อย่างไรก็ยังเห็นแก่ที่เขาเป็นคนของตระกูลเป่หมิง จึงยากที่จะพูดอะไรได้อีก
เขารีบเดินตามกู้ฮอนออกไป
*
เป่หมิงยี่เฟิงขมวดคิ้ว มองพวกเขาเดินออกไปทั้งอย่างนี้
“คุณพ่อ ทำไมคุณพ่อต้องพูดเรื่องพวกนี้กับพวกเขาด้วยครับ คุณพ่อยังมองไม่ออกถึงสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่หรือครับ ก็คือมาเชิญพวกเรา ตอนนี้เป็นช่วงที่พวกเราถือครองอำนาจที่เหนือกว่า คุณพ่อไปให้คำสัญญากับพวกเขาทำไมครับ”
“ยี่เฟิง ลูกยังจะพูดออกมาได้อีก เดิมเรื่องโครงการก่อสร้างของบริษัทเจียเม้าก็เป็นเรื่องของพวกเราภายใน ตอนนี้แม้ว่าลูกจะปัดความรับผิดชอบนี้ออกไปแล้ว ลูกเชื่อหรือว่าพวกฮอนจะหาวิธีแก้ไขไม่ได้ ยี่เฟิง สาเหตุที่บริษัทเป่หมิงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ไม่ได้อาศัยวีรบุรุษเพียงคนเดียว แต่เป็นผลลัพธ์จากการที่ทุกคนในบริษัทเป่หมิงตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงพนักงานพยายามไปด้วยกัน ลูกสามารถปล่อยมือไม่สนใจได้ แต่พ่อจะบอกลูกให้นะว่า แบบนี้จะเป็นการผลักตัวลูกให้ไปอยู่คนละฝ่ายกับบริษัทเป่หมิง ทำให้ชื่อเสียงและความไว้วางใจที่ลูกสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากนั้นถูกบดขยี้จนเป็นเถ้าธุลี บางทีอาจทำให้สถานะของฮอนในบริษัทเป่หมิงมั่นคงมากยิ่งขึ้น ลูกฉลาดมาตลอดนินา ทำไมในตอนนี้กลับทำงานโดยใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้เสียล่ะ”
เป่หมิงเฟยหย่วนมองเป่หมิงยี่เฟิงอย่างเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้
เมื่อถูกคำพูดตีแสกหน้าก็ทำให้เป่หมิงยี่เฟิงสงบลง ก็เหมือนกับที่คุณพ่อพูดเอาไว้ว่าตัวเองเกือบจะทำให้แผนการทั้งหมดที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้พังหมด
“คุณพ่อ คุณพ่อพูดได้ถูกต้อง ต้องโทษผมที่เกือบจะทำให้การใหญ่เสียหาย”