เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1018 อาสามรับโทรศัพท์
บทที่ 1018 อาสามรับโทรศัพท์
หยางหยางยังคงเป็นคนนั้นแม้ว่าจะโดนเปิดโปงแต่เขาก็ยังคงปากแข็ง “ถ้างั้นคุณลองอธิบายมาซิว่ารอบที่แล้วที่แอบออกไปกับแม่ ไปทำอะไรกัน พวกคุณบอกว่าไม่อยากให้พวกเราอยู่กลางคืนคนเดียวแต่ก็ไม่อยู่กับพวกเราหลายวัน เรื่องนี้มันมีความไม่ชอบมาพากล แถมวันนี้คุณยังตั้งใจมาหาแม่โดยเฉพาะ เวลาพูดก็ยังมีการลับลมคมใน พวกคุณต้องแอบทำอะไรลับหลังพวกเราแน่ๆ”
หยินปู้ฝันขมวดคิ้วมุ่น เด็กพวกนี้โตขึ้นแล้วจริงๆ ถึงขนาดที่สามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆได้แล้ว
แต่คิดคิดดูแล้วเขากับเฉิงเฉิงเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นขนาดเขายังสามารถรับรู้เรื่องได้มากขนาดนี้ เฉิงเฉิงก็ต้องรู้มากกว่า
ไม่ได้แล้วต้องให้พวกเขาขจัดความคิดนี้ออกจากหัว ไม่ว่าจะยังไง ขู่พวกเขาไปก่อนก็ยังดี
“ฉันอยากจะชี้แจงสักหน่อย ฉันกับแม่ของพวกคุณไม่ได้ทำอะไรที่ผิดศีลธรรม ถ้าเรื่องนี้แม่ของพวกเธอได้ยินล่ะก็เกมของพวกเธอต้องพังแน่ๆ”
คำพูดนี้ทำให้หยางหยางรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาเปลี่ยนสีหน้าและยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับหยินปู้ฝัน “พ่อปู้ฝันไม่ใช่ว่าพ่อตัดใจจากแม่ของพวกเราไม่ได้หรอกนะ ก็เลยถือโอกาสตอนที่พ่อพวกเราไปทำธุรกิจแย่งแม่ของพวกเราไป”
“เห้อ…”
นี่เป็นสัญญาณที่ผิดพลาดสำหรับหยินปู้ฝัน ที่แท้เด็กคนนี้คิดอย่างนี้เองหรอ ถ้าคิดแค่นี้ล่ะก็เขาจัดการได้ง่ายมาก
เขาแกล้งทำเป็นโมโห “ตอนแรกก็ว่าจะปิดบังพวกลูกนะ รอให้เรื่องเป็นจริงก่อนค่อยพูด แต่คิดไม่ถึงว่าจะโดนจับได้ซะก่อน คิดว่าจะมีแค่เฉิงเฉิงคนเดียวซะอีกที่สังเกตุเห็น”
หยางหยางขมวดคิ้ว ทำท่าเหมือนไม่พอใจขึ้นมา “ทำไมพอโดนผมจับได้แล้วมันรู้สึกขายหน้ามากหรอ ถึงปกติผมจะเป็นอย่างนั้น แต่นั่นก็เป็นกลยุทธ์ของผม เรียกว่าคมในฝักน่ะ คุณเข้าใจไหม ผู้ใหญ่นี่ชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย คิดว่าผมอายุน้อยจนไม่รู้อะไรเลยอย่างนั้นหรอ ที่จริงแล้วน่ะนะ พวกเราน่ะรู้ทุกอย่าง ก็เหมือนกับที่พวกคุณไม่อยากบอกเรานั่นแหละ พวกเราก็ไม่อยากแสดงให้พวกคุณรู้เหมือนกัน”
***
เนื่องจากเป็นการแสดงเขาจึงต้องตีบทให้แตก อย่างนี้ถึงจะเป็นนักแสดงที่สมบทบาท และมืออาชีพ
หยินปู้ฝันไม่อยากให้หยางหยางเดาอะไรอีก จึงแกล้งบอกความจริงออกไป แน่นอนว่าเป้าหมายก็คือเขาต้องการปกป้องหัวใจของเด็กๆ
สุดท้ายก็หยางหยางก็เข้าใจว่าหยินปู้ฝันตัดใจจากแม่ของเขาไม่ได้จริงๆ
หยินปู้ฝันแกล้งทำเป็นตกใจ “ดูไม่ออกจริงๆ อย่าบอกนะว่าลูกเรียนการแสดงนี้มาจากคุณอาสามที่เป็นดารา”
หยางหยางรู้สึกภูมิใจและพูดออกมา “แน่นอนคุณอาสามไม่ใช่นักแสดงธรรมดา แต่เป็นไอดอล และนักแสดงที่เก่งมาก พูดถึงอาสามแล้วผมก็คิดถึงเขาขึ้นมา พ่อปู้ฝันผมยืมใช้โทรศัพท์หน่อย”
“ทำไม” หยินปู้ฝันพูด พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตนเองจากกระเป๋าส่งให้หยางหยาง
หยางหยางรับมาไว้ในมือแล้วแล้วดู “ว้าว นี่มันไอโฟนหกพลัส พ่อนี่รวยจริงๆเลย แต่ผมชอบโนเกียลูเมียร์มากกว่า รอบที่แล้วที่งาน315เขาได้พูดเกี่ยวกับโทรศัพท์ลูเมียร์ แถมยังแสดงให้ดูในงานด้วย สุดท้ายแล้วผมก็คลั่งไคล้เลยล่ะ แค่กดโทรศัพท์ก็สามารถรับข้อความ และโทรศัพท์ได้ พ่อว่าเจ๋งมั้ยล่ะ”
“นี่ได้ยินใครพูดมาเนี่ย” หยินปู้ฝันคิดไม่ถึงจริงๆว่า เด็กแค่นี้จะมีความเห็นแบบนี้ด้วย สำหรับในวัยนี้แล้วแทบจะไม่มีใครให้ความสำคัญในด้านนี้เลย
“จากเฉิงเฉิงน่ะสิ เขาก็มีโนเกียเครื่องนึงซึ่งเป็นรุ่นท็อปเหมือนกัน หน้าจอก็ใหญ่ประมาณนี้แหละ” หยางหยางพูด พร้อมกับกดเข้าไปหาเบอร์ของเป่หมิงยัน
ผ่านไปไม่นานปลายสายก็รับสาย “ฮัลโหล สวัสดีครับนั่นคือใคร”
หยางหยางไม่ได้รีบตอบกลับไป เขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆใส่โทรศัพท์เท่านั้น
เป่หมิงยันขมวดคิ้วแล้วพูด “ใครครับ ถ้าไม่พูดจะวางสายแล้วนะ”
“เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งวางคุณอาสาม หยางหยางเอง นี่เป็นโทรศัพท์ของพ่อปู้ฝัน”
ช่วงนี้เป่หมิงยันรู้สึกเบื่อเล็กน้อย หลังจากเจียงฮุ่ยซินถูกคุมตัว เขาก็ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก แม้แต่คำเชิญเข้าร่วมแสดงภาพยนตร์ เขายังให้ผู้จัดการปฏิเสธไปหมด
สิ่งที่เขาทำทุกวันก็คือไปเยี่ยมแม่บ่อยๆ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในตระกูลเป่หมิง เขาได้ยินแค่ว่ากู้ฮอนกลายเป็นประธานบริษัท และเป่หมิงโม่ก็วางมือแล้ว
สิ่งนี้ทำให้เขา และเจียงฮุ่ยซินประหลาดใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงฮุ่ยซิน เธอไม่คิดว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างนี้ แต่อย่างไรก็ตามเธอยังมีความเชื่ออยู่ในใจว่า เป่หมิงยี่เฟิงจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
เช้าตรู่ในขณะที่เป่หมิงยันกำลังจะไปเยี่ยมแม่อยู่นั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหยางหยาง
“ทำไมวันนี้ไม่ไปโรงเรียนหรอ”
“ไปครับ ตอนนี้พ่อปู้ฝันกำลังส่งพวกเราไปโรงเรียน”
“เฉิงเฉิงล่ะ”
“เขาอยู่บนรถของแม่ กำลังขับไปข้างหน้าพวกเรา พวกเราคิดถึงคุณมาก ทำไมคุณไม่มาหาพวกเราบ้างเลย” หยางหยางบ่นออกมา
เป่หมิงยัน และหยางหยางเป็นอาหลานที่มีลักษณะนิสัยเหมือนกัน เมื่อได้ยินอย่างนี้ เขาก็แสดงความหยิ่งออกมา “ทำไมอาต้องไปหาพวกเธอด้วยล่ะ คุณครูของพวกเธอไม่สอนหรอว่าผู้เยาว์ต้องมาเยี่ยมผู้อาวุโส ยังไงอาก็เป็นอาแท้ๆของพวกเธอนะ”
***
หยางหยางฟังแล้วก็รู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย “โถ่ คุณอาสาม ไม่มีใครคิดมากเท่าคุณอาอีกแล้ว จากความสัมพันธ์ของพวกเราต้องคิดมากขนาดนั้นเลยหรือไง อานี่มันจริงๆเลยตอนนี้คุณอาเหมือนกับคนแก่ที่โดดเดี่ยวไม่มีผิด ไม่งั้นผมจะโทรหาอาหรอ”
คนแก่ที่โดดเดี่ยว…
เมื่อเป่หมิงยันได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากของหยางหยาง บรรยากาศโดยรอบก็มืดมนขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองอายุมากขึ้นไม่น้อย
“อะแฮ่ม” เขากระแอมออกมาเบาๆสองครั้ง หลังจากนั้นก็พูดออกมา “อาเป็นคนแก่ที่โดดเดี่ยวที่ไหนกัน พวกหลานไม่รู้ซะมากกว่าแฟนคลับของอามีแต่สาวๆนะ”
วันนี้หยางหยางอยากจะลับฝีปากกับคนอื่น ขนาดหยินปู้ฝันยังทำถึงขนาดนั้น แล้วกับเป่หมิงยันเขายิ่งไม่ยั้งอารมณ์อีกต่อไป “ถ้างั้นทำไมคุณอาไม่พาสาวๆพวกนั้นกลับบ้านล่ะ ไหนจะพวกที่จีบคุณอาอีกที่ไม่ใช่บนรูปน่ะ”
“เป่หมิงซีหยาง ถ้าหลานกล้าพูดคำนั้นออกมาอาจะไม่พาหลานไปที่สตูดิโออีก ไม่ว่าจะเป็นหลิงอะไร หรือว่าปิงอะไร หลานก็จะเจอเขาแค่ในทีวีเท่านั้น”
“อาสามอย่าสิ ผมเป็นหลานคนโปรดของอานะ คุณอาอย่าทำอย่างนี้กับผม…” แม้ว่าหยางหยางจะยังเด็กเขาก็เป็นแฟนดาราเหมือนกัน แต่เขาจะแตกต่างจากคนอื่นนั่นก็คือ ไม่ว่าเขาจะเจอใครเขาก็จะชอบคนนั้นไปหมด ขอแค่มีเงื่อนไขเดียวคือสวย
เป่หมิงยันที่อยู่อีกฝั่งของสายโทรศัพท์รู้สึกดีใจขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ควบคุมหยางหยางไว้ได้ แต่เขาก็ยังแกล้งทำเป็นส่งเสียงดังเมื่อพูด “ถ้าอย่างนั้นหลานก็น่าจะรู้นะว่าตอนนี้ควรจะทำอะไร”
“รู้แล้วครับ รู้แล้ว รอปิดเธอมก่อนแล้วผมจะไปหาดีมั้ย….”
“ดี นี่ก็อีกไม่นานแล้ว ก่อนจะมาก็บอกด้วยแล้วกัน อาจะได้ดูตารางก่อนว่ามีนัดมั้ย” และจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่วายที่จะแสดงถึงความดังของตนเอง
ประเด็นก็คือ ในช่วงนี้เขาไม่สามารถไปแสดงตัวที่ไหนได้ ดังนั้นเขาจึงมีความสุขกับหลานชายคนนี้
“ผมจะถึงโรงเรียนแล้ว ไม่คุยกับอาแล้ว” หยางหยางพูดจบก็วางสายไป
*
เมื่อส่งเด็กๆแล้วหยินปู้ฝันกับกู้ฮอนก็ขับรถไปศาล
พวกเขามาเช้ามาก ยังเหลือเวลาก่อนพิพากษาอีกหลายชั่วโมง การพิพากษาในวันนี้ไม่เปิดให้บุคคลสาธารณะเข้าไปได้ ดังนั้นก็ยังดีที่จะไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย
พวกเขาขับรถเข้าไปอย่างราบรื่น
ภายในห้องพักผ่อน หยินปู้ฝันเห็นว่ากู้ฮอนยังมีความกังวล เขาจึงยื่นมือออกไปจับมือเธอไว้ “ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่สักหน่อย”
กู้ฮอนไม่ได้รู้สึกผิดปกติกับการกระทำของเขา แถมเธอยังหัวเราะเยาะตัวเองออกมา “ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วจริงๆ ฉันเคยมาที่นี่เป็นทั้งโจทย์ จำเลย และเป็นทนายความ คาดว่าคงมีไม่กี่คนที่มานี่แล้วได้เป็นหลายบทบาทขนาดนี้”
หยินปู้ฝันยิ้ม “จริง ตั้งแต่ผมอยู่สายทนายมา ก็มีแต่คุณนี่แหละที่ผมเจอเป็นคนแรก”
“ไม่รู้ทำไมเพียงแค่ฉันมาถึงที่นี่ ฉันก็คิดถึงหลายๆเรื่องเกี่ยวกับที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันชอบมาที่สุด ฉันสามารถพูดได้ว่าฉันเกลียดการมาที่นี่มาก เพราะไม่ว่าอยู่ที่นี่ฉันจะแพ้หรือชนะ ยังไงก็ต้องเกิดการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ฉันสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างจากที่นี่มากมาย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่มีความสุขสำหรับฉัน แต่ที่นี่เป็นที่ที่เป็นฝันร้ายสำหรับฉัน เป็นฝันร้ายที่ฉันอยากจะกำจัดมันออกไปที่สุด”
***
หยินปู้ฝันมองไปที่กู้ฮอนอย่างเห็นอกเห็นใจ สำหรับสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด ไม่ว่าจะประสบมันด้วยตัวเอง หรือว่าไม่เคยประสบกับมันเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี
เขายังคงเข้าใจความรู้สึกของเธอในขณะนี้ สำหรับผู้หญิงอย่างเธอเผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยากมาก
“ไม่ว่าจะยังไงวันนี้เขาก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากคุณ แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าต้องกับจุดจบก็ตาม” หยินปู้ฝันในตอนนี้ทำได้แค่บอกกับเธออย่างนี้เท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ที่ศาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง
“ทนายหยินปู้ฝัน ผู้พิพากษาหลิวเชิญให้คุณเข้าไป เขาต้องการคุยกับคุณหน่อย”
หยินปู้ฝันพยักหน้า “อ้อ ใช่แล้ว คุณรู้มั้ยว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร”ใจเขาเต้นขึ้นมา ในเวลานี้ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ
เจ้าหน้าที่ยักไหล่ และแสดงท่าทางอย่างช่วยไม่ได้ “ทนายหยิน ผมขอโทษจริงๆสำหรับเรื่องนี้ผมไม่รู้อะไรเลย ผมเป็นแค่คนที่มาบอกต่อเท่านั้น ถ้าคุณไม่มีเรื่องอื่นแล้ว งั้นก็ไปกับผมเถอะ”
“โอเค ขอบคุณมากเดี๋ยวผมตามไป” หยินปู้ฝันพูดพร้อมยกมือให้พนักงาน
หลังจากที่เขาไปแล้ว หยินปู้ฝันก็พูดกับกู้ฮอน “ผมเดาว่าเรื่องที่ผู้พิพากษาเชิญผมไปต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่”
กู้ฮอนในตอนนี้รู้สึกกังวลมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางอย่างนี้ ยิ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด