เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1019 คำพูดไม่มีน้ำหนัก
บทที่ 1019 คำพูดไม่มีน้ำหนัก
“คุณไปเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย”
*
หยินปู้ฝันเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานของผู้พิพากษา เขาจัดระเบียบเสื้อสูท และขยับเนคไทค์เล็กน้อย
ไม่ว่ายังไงในศาลก็มีแค่ผู้พิพากษาเท่านั้นที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นการเคารพ และการมีมารยาทจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญ หลังจากที่เขาเตรียมตัวเสร็จแล้ว เขาก็หายใจเข้าลึกๆ และยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆสามครั้ง
แล้วก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาจากข้างในอย่างรวดเร็ว “เข้ามา”
ประตูไม่ได้ล็อค เมื่อเขาจับลูกบิดประตูก็สามารถหมุนเข้าไปได้ทันที “แกร้ก” ประตูเปิดออก
เมื่อประตูเปิดออก หยินปู้ฝันก็มองเข้าไปทางด้านขวา ก่อนจะเห็นว่ามีผู้ชายวัยประมาณ 50 ปีนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา
เขาสวมเครื่องแบบผู้พิพากษา พร้อมกับสวมแว่นตาขอบเงิน และกำลังอ่านเอกสารในมืออยู่
หยินปู้ฝันไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา เขาเดินเข้าไปเงียบๆ และหันไปปิดประตูเบาๆ จากนั้นเขาก็ยืนอย่างสงบที่โต๊ะของผู้พิพากษา
หลังจากผ่านไป 5 นาที ผู้พิพากษาหลิวก็ปิดเอกสารในมือของเขา และเงยหน้าขึ้นมองชายที่ยืนรอเขามาสักพักแล้ว
เขายกมือขยับแว่นที่กำลังจะหลุด
“คุณหยินปู้ฝัน ทนายความของจำเลยในคดีนี้ใช่หรือไม่”
“ใช่ผมหยินปู้ฝัน ไม่ทราบว่าผู้พิพากษาหลิวให้ผมมาหาในตอนนี้มีคำแนะนำอะไรหรือไม่”
“ผมเคยได้ยินชื่อของคุณมานาน และรู้ว่าคุณเก่งที่สุดในบรรดาทนายความรุ่นใหม่ เมื่อผมได้รับคดีนี้ผมจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับทนายความของจำเลย แต่เมื่อผมเห็นว่าเป็นคุณผมก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย”
หยินปู้ฝันยิ้มเบาๆ “ผมถือว่านี่เป็นคำชมได้ไหมครับ”
***
ผู้พิพากษาหลิวก็ยิ้มอ่อนๆกลับมาเช่นกัน “ได้อยู่แล้ว หลังจากผมได้อ่านเนื้อหาในคดีนี้แล้วผมก็พอจะเข้าใจข้อมูลมา บ้างฝั่งนึงก็เป็นคนของหน่วยงานรัฐ ส่วนอีกคนก็เป็นมหาเศรษฐีไม่ว่าผมจะพิพากษาไปฝั่งไหนก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆทั้งนั้น”
“ผู้พิพากษาหลิว ผมก็ได้ยินมาว่าคุณเป็นผู้พิพากษาที่มีชื่อเสียงในวงการนี้เช่นกัน เมื่อคุณได้รับคดีนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด” หยินปู้ฝันแสดงท่าทีผ่อนคลายลง และชมเขากลับไปเช่นกัน
“ทนายหยินเมื่อกี๊ผมจะถือว่าคุณยกย่องผมได้ไหม”
“ชมซึ่งกันและกันนะครับ”
ผู้พิพากษาหลิวผายมือเชิญให้เขานั่งลง “ทนายหยินเชิญนั่ง”
หยินปู้ฝันยืนอยู่สักพักแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกเหนื่อย แต่ว่าไหนๆก็ได้รับคำเชิญแล้วจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป ไม่งั้นก็จะถือว่าเขาดูปลอมจนเกินไป เขานั่งลงบนโซฟาสีดำข้างๆเขา “ผู้พิพากษาหลิว ที่คุณเชิญผมมาวันนี้คงไม่ใช่เพื่อเรียกผมมาชมใช่หรือไม่”
“หึๆๆๆๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ ผมแค่ไม่เข้าใจนิดหน่อยเท่านั้น เห็นๆกันอยู่ว่าจำเลยเป็นคนผิดแล้วทำไมคุณถึงยังพร้อมจะสู้คดีเพื่อเขา หรือว่าเป็นเพราะว่าเขาเป็นเป่หมิงโม่ หรือว่าเพราะว่าคุณขาดเงินกัน”
ผู้พิพากษาหลิวถามอย่างตรงไปตรงมา
หยินปู้ฝันส่ายหัว “ผู้พิพากษาหลิวสำหรับเรื่องนี้ผมไม่สามารถตอบคำถามทั้งหมดได้ แต่ผมสามารถยืนยันกับคุณอย่างนึงว่ามันเป็นเพราะเป่หมิงโม่จริงๆ”
“คุณไม่กลัวฝั่งรัฐบาลหรอ จากที่ผมรู้มา ในคดีนี้ไม่มีใครสามารถปกป้องเขาได้ คุณเป็นคนฉลาด การยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลไม่ใช่สิ่งที่เป็นผลดี แถมในคดีนี้ก็แทบจะเดาเหตุการณ์ออกอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงยังสวนกระแส ผมในฐานะผู้อาวุโสในวิชาชีพทางกฎหมาย ผมไม่อยากให้ทนายที่มีอนาคตก้าวไกลอย่างคุณ ต้องดับลงเพราะคดีนี้” คำพูดของผู้พิพากษาหลิวพูดออกมาด้วยความจริงใจ
แต่หลังจากที่หยินปู้ฝันฟังจบแล้ว เขากลับไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจกับมัน “ผู้พิพากษาหลิวหลังจากที่ผมได้ฟังคุณพูดจบแล้ว ผมก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ผมรู้สึกว่าคุณได้ไปยืนอยู่อีกฝั่งนึงแล้ว หรือไม่คุณอาจจะเป็นคนของรัฐบาลไปแล้วก็ได้ ผมขอโทษจริงๆที่ผมมีความคิดอย่างนี้ ตอนที่ผมเรียนกฎหมาย ผมมีประโยคหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเสมอนั่นก็คือ เมื่อความจริงทุกอย่างยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาทุกคนก็มีสิทธิ์เป็นได้ทั้งคนผิด และเป็นได้ทั้งผู้บริสุทธิ์ และผมก็เลือกที่จะเป็นอย่างหลัง”
หยินปู้ฝันแสดงถึงจุดยืนของตัวเองอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ผู้พิพากษารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณจะแสดงจุดยืนได้มั่นคงขนาดนี้ งั้นผมก็หวังว่าสิ่งที่คุณยืนยันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
เขาพูดแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “นี่ก็สายมากแล้ว คุณกลับไปเตรียมตัวเถอะอีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มพิพากษาแล้ว”
คำพูดที่ไม่ตรงกัน ทำให้ผู้พิพากษา และทนายความยืนกันคนละฝั่ง
เมื่อกลับมาถึงห้องรับรอง กู้ฮอนก็มองไปที่หยินปู้ฝันอย่างใส่ใจ “ผู้พิพากษาเรียกคุณไปทำไม เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีไหม”
หยินปู้ฝันลากเก้าอี้มานั่งข้างๆกู้ฮอนแล้วเปิดปากพูด “ดูเหมือนว่าคดีนี้จะต้องวุ่นวายมากหลังจากเข้าไปในห้องพิพากษา”
***
กู้ฮอนได้ยินแล้วจิตใจของเธอก็ดิ่งลงทันที “พูดอย่างนี้ก็หมายความว่าตอนนี้แม้แต่ผู้พิพากษาก็อยู่ฝั่งผู้อำนวยการโกวเหมือนกันงั้นเหรอ”
หยินปู้ฝันขมวดคิ้ว “สำหรับเรื่องนี้ผมก็ไม่สามารถยืนยันทั้งหมดได้ แต่เขาเตือนผมว่า คดีนี้มันยากสำหรับพวกเรามากแค่ไหน”
“อ๋อ ถ้าเป็นเช่นนี้ฉันก็ยังพอรับได้บ้าง” กู้ฮอนถอนหายใจออกมายาวๆ ดูเหมือนว่าคดีนี้จะไม่ได้แย่สำหรับพวกเธอเท่าไหร่
หยินปู้ฝันมองเธอและคิดอยู่ในใจ เขาหวังว่าเขาจะสามารถฉีดวัคซีนให้ตัวเองได้อีกครั้ง และไม่มีอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้น
*
ครั้งนี้กู้ฮอน และหยินปู้ฝันไม่ได้เจอเป่หมิงโม่ก่อนเข้าไปในศาล
จนกระทั่งถึงเวลาพิพากษา
ทางฝั่งจำเลย แน่นอนว่าหยินปู้ฝันเป็นทนาย และกู้ฮอนก็เป็นพยานเพียงหนึ่งเดียวให้กับเป่หมิงโม่
และฝั่งโจทก์นั้นน่าแปลกใจมากที่ ผู้อำนวยการโกวมาด้วยตัวเอง และข้างๆของเขาก็มีทนายนั่งอยู่ด้วย
และผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พิจารณาคดีคือผู้พิพากษาหลิว คนที่เพิ่งคุยกับหยินปู้ฝันเมื่อไม่นานมานี้ และข้างๆกันก็มีเสมียนต่างๆ
“ตอนนี้เริ่มพิพากษาได้”
หลังจากที่ค้อนได้ทุบลง ก็ถือว่าเป็นการได้เริ่มพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการ
“นำตัวจำเลยเข้ามา”
หลังจากพูดจบ ประตูที่จอดรถก็เปิดออกตามด้วยตำรวจสองนาย จากนั้นก็เป็นเป่หมิงโม่ แล้วสุดท้ายก็ยังตามด้วยตำรวจมาอีกสองนาย
พวกเขาพาเป่หมิงโม่ไปนั่งประจำที่ และถอยหลังเพื่อควบคุมสถานการณ์
เมื่อผู้พิพากษาหลิวเห็นว่าทุกคนอยู่ประจำที่แล้วจึงได้ให้เจ้าหน้าที่แถลงสรุปคดี
“เป่หมิงโม่ผู้ชายสัญชาติจีน เกิดในวันที่xปีx ตอนเย็นขับรถผ่านจุดตรวจโดยไม่สนใจทหารยาม ที่ประตูทางเข้า เขาได้ขับเข้าไปในสำนักงานของรัฐบาล และไม่เท่านั้นยังได้ทำร้ายผู้อำนวยการโกว และเจ้าหน้าที่ จนทำให้ผู้อำนวยการโกวไม่สามารถทำงานได้ จากการสอบสวนกับตำรวจ และการรวบรวมหลักฐานในพื้นที่ ทำให้ทราบว่าเป่หมิงโม่เมาก่อนถึงจุดตรวจ และขับรถรถขณะเมามาย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกับบุคลากร และกรมของเราเป็นอย่างมาก จบคำให้การ”
หลังจากที่ทุกคนฟังจบ ผู้พิพากษาหลิวก็มองไปทางทนายของฝั่งจำเลย “ ไม่ทราบว่าทางฝั่งของคุณมีอะไรที่จะอธิบายหรือไม่”
หยินปู้ฝันยืนขึ้น “ศาลที่เคารพ ผมเป็นทนายของฝั่งจำเลย ชื่อหยินปู้ฝัน หลังจากที่ได้ยินคำให้การของคดีนี้แล้ว พูดกันตามตรง ถ้าไม่ได้รู้จักบุคคลในคดีมาก่อน พวกเขาก็ต้องคิดว่าลูกความของผมทำผิดจริง แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือเรื่องทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาเสมอไป นั่นหมายความว่าสิ่งที่ตาเห็นไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป หรือทุกคนในที่นี้ไม่มีใครคิดเลยหรือว่า ทำไมลูกความของผมถึงต้องฝ่าฝืนกฎโดยไม่นึกถึงอุปสรรค”
ในตอนนั้นทนายความที่นั่งอยู่ข้างๆผู้อำนวยการโกวก็เอียงศีรษะมองดูการแถลงของหยินปู้ฝัน ด้วยท่าทางดูถูกก่อนจะหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ก็เพราะว่าเขาดื่มจนเมาแล้วไงล่ะ เรื่องนี้ตำรวจได้ตรวจสอบแล้ว”
หยินปู้ฝันรู้สึกรังเกียจมาก เมื่อมีคนมาพูดขัดจังหวะเมื่อเขาพูด แต่เขาก็ไม่สนใจ
เขาพูดต่อ “เหตุผลหลักของเรื่องนี้ก็คือเพราะว่าในขณะที่โจทก์อยู่ในสำนักงาน โจทก์เตรียมจะกระทำการหยาบคายกับสุภาพสตรี ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้เป็นใคร ใครก็คงไม่อาจทนทำตามกฎได้ การช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีที่เร็วสุดนั่นก็คือการฝ่าด่าน”
***
ทนายของผู้อำนวยการโกว เมื่อได้ยินแล้วก็ยิ้มเย็นออกมา “เพื่อที่จะช่วยผู้หญิงหนึ่งคน จำเป็นต้องกินเหล้าก่อนฝ่าด่านด้วยหรือ ทนายหยินคุณไม่รู้สึกว่าคำให้การนี้มันไม่มีน้ำหนักไปหน่อยหรือ ช่างตลกจริงๆ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ผู้อำนวยการโกวที่นั่งอยู่ข้างๆก็หัวเราะเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นเป่หมิงมู่ถูกควบคุมตัวเขาก็ยิ่งพอใจ
“แปะแปะ”
“ทนายความฝั่งโจทก์ โปรดหยุดส่งเสียงในศาล” หลังจากผู้พิพากษาพูดจบ เขาก็หันไปพูดกับหยินปู้ฝัน
“ทนายความฝั่งจำเลย สามารถให้การต่อได้”
พฤติกรรมของผู้พิพากษาหลิว ทำให้หยินปู้ฝันรู้สึกว่าเขาแตกต่างไปจากผู้พิพากษาหลิวเมื่อสิบนาทีที่แล้ว
แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกดีใจ แต่ก็ยังแอบคิดในใจไม่ได้ว่านี่เขาต้องการช่วยตน หรือว่าเขาแค่ต้องการควบคุมตัวเองให้สงบลงหน่อยแค่นั้น
หลังจากนั้นเขาก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นต่อ
และสุดท้ายเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ “ผู้พิพากษาที่เคารพนี่คือสิ่งที่จำเลยได้ทำ แม้ว่ามันจะดูบ้าบิ่นไปบ้าง แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ชอบธรรม ที่จะปฏิบัติกับผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อในวันนั้น เธอสามารถเป็นพยานให้กับลูกความของผมได้”
จากนั้นเขาก็ดึงกู้ฮอนขึ้นมา “เธอเป็นเหยื่อของคดีนี้ คุณกู้ฮอน เธอยินดีที่จะเป็นพยานให้กับลูกความของผม”
หลังการผู้พิพากษาฟังจบ เขาก็คิดไม่ถึงว่าหยินปู้ฝันจะพาพยานมาด้วยจริงๆ
“เชิญคุณกู้ฮอน ยืนตำแหน่งพยานด้วย”
กู้ฮอนเดินตามเจ้าหน้าที่ไปที่ตรงข้ามกับเป่หมิงมู่
เธอยืนอยู่ข้างใน และมองไปที่เป่หมิงมู่ แม้ว่าช่วงนี้พวกเขาจะได้เจอกันบ่อยๆ แต่เธอก็ยังมีความรู้สึกแปลกๆอยู่ในใจ
หยินปู้ฝันพูดคำถามขึ้นมาก่อนว่า “คุณกู้ฮอนขอถามหน่อยครับ วันนั้นเกิดอะไรขึ้น คุณสามารถอธิบายอย่างละเอียดให้ผู้พิพากษาฟังได้หรือไม่”
“คือ…” กู้ฮอนเกิดความรู้สึกอายขึ้นมากะทันหันเพราะว่าเรื่องนี้ทำให้ตัวเองต้องรู้สึกอับอาย
“คุณกู้ฮอนไม่ต้องกังวล ที่นี่คือศาลหน้าที่ของคุณคือต้องพูดให้ทุกคนได้รู้ความจริง” หยินปู้ฝันรู้ถึงสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ดี