เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1020 ต่อสู้ในโค้งสุดท้าย
บทที่ 1020 ต่อสู้ในโค้งสุดท้าย
เธอมีประสบการณ์ในการเป็นทนายความ และเคยมีประสบการณ์ในการเป็นโจทก์ และจำเลยมาก่อน แต่เธอไม่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการมาเป็นพยาน เธอจำเป็นจะต้องเรียนรู้เรื่องนี้เพิ่มเติม
เมื่อเธอได้ยินหยินปู้ฝันให้กำลังใจตัวเอง และมองไปที่เป่หมิงโม่อีกครั้ง
เขาแสดงออกอย่างนิ่งสงบ แต่สายตาของเขาให้กำลังใจอยู่
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น
ในระหว่างที่เธอกำลังเล่าถึงลำดับเหตุการณ์อยู่นั้น ทั้งผู้พิพากษาหลิว และโจทก์อย่างผู้อำนวยการโกวก็ต่างมีความรู้สึกไม่สบายใจ
สิ่งที่ผู้พิพากษาหลิวไม่สบายใจก็คือ เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของรัฐบาล จะทำสิ่งนั้นจริงๆ มันทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องอับอาย
และสำหรับสิ่งที่ทำให้ผู้อำนวยการโกวไม่สบายใจก็คือ เขาเป็นคนเลว ตอนนี้เรื่องของเขาถูกเปิดเผย ดังนั้นจึงรู้สึกไม่สบายใจ
แต่ในตอนนั้นทนายฝั่งเขาก็ได้ยื่นมือมาจับมือเขาไว้ เพื่อบอกเป็นนัยๆว่าให้เขานิ่งไว้ ถ้าเขาแสดงออกอย่างกังวลมากเกินไป ก็จะสามารถทำให้คนที่มองอยู่รู้ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
แม้สถานการณ์ในตอนนี้จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถควบคุมได้
ต่อไปก็ถึงเวลาที่ทนายความของโจทก์จะต้องดำเนินการแถลง เขาอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างได้ หรืออาจจะได้เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย
***
ทนายฝั่งโจทก์ก็เป็นทนายที่อยู่ในแวดวงกฎหมายที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนของผู้อำนวยการโกว แต่เขายังเป็นตัวแทนของภาครัฐด้วย
สำหรับเขาแล้ว ความกดดันที่เขาเผชิญอยู่นั้นยิ่งใหญ่มาก หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ความรับผิดชอบที่เขาต้องยอมรับก็คืออนาคตในการเป็นทนายความของเขา ซึ่งมันจะไม่สามารถคาดเดาได้ ยิ่งกว่าอนาคตของหยินปู้ฝันเสียอีก
หลังจากฟังคำให้การของฝั่งจำเลยแล้ว เขาก็ยืนขึ้นอย่างใจเย็น
ในความคิดของเขา ดูเหมือนว่าชัยชนะกำลังจะอยู่ในกำมือแล้ว
“พยาน ทีนี้ถึงตาฝั่งของผมต้องถามบ้างแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็คือตอบตามความเป็นจริง”
ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับหยินปู้ฝัน เธอยังคงมีจุดมุ่งหมายในใจ ทำให้เธอสามารถเล่าเรื่องนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แต่พอตอนนี้เธอต้องเผชิญหน้ากับฝั่งโจทก์ ในฐานะทนายอย่างเธอย่อมรู้ดีว่า ถ้าอยากจะเอาชนะในศาล วิธีที่ง่าย และได้ผลคือ ไม่ต้องสนใจว่าพยานจะให้การต่อหน้าศาลเป็นความจริงว่าอย่างไร แต่ต้องรีบหาสิ่งที่ทำให้พยานอับอาย หรือเปิดเผยข้อบกพร่อง
ทนายก็มีทั้งดี และไม่ดี ในฐานะเธอที่เป็นทนาย เธอรู้ดี คนที่หวังชื่อเสียงและโชคลาภ พวกเขามักจะมีเล่ห์กลอุบายที่ร้ายกาจ ไม่หมดไม่สิ้น พวกเขามักจะทำให้พยานของอีกฝ่ายไม่สามารถให้การได้ และสุดท้ายแม้ว่าคำให้การของพยานจะถูกต้องขนาดไหน ก็สามารถทำให้มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือลดลงได้
กู้ฮอนปรับอารมณ์ของเธอให้สงบ และเตรียมพร้อมกับการไต่สวนของอีกฝ่าย
“ขอถามพยาน คุณชื่ออะไร”
“กู้ฮอน”
“ตอนนี้คุณทำงานอะไร และทำงานอยู่ที่ไหน”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยเป็นประธานบริษัทเป่หมิง”
“ก่อนหน้านี้หรอ งั้นแสดงว่าตอนนี้คุณไม่ใช่แล้ว”
กู้ฮอนพยักหน้า “ใช่” แม้ว่าเธอจะแสดงออกมาอย่างนิ่งสงบ แต่ว่าในใจของเธอยังรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกได้ว่าทนายความของฝั่งตรงข้ามกำลังค่อยๆเชือดเธออยู่
ผู้อำนวยการโกวยังคงนั่งอยู่กับที่ และฟังเขาทั้งคู่ถามตอบกันอย่างราบเรียบ แต่ในใจกลับรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เขาสงสัยว่าทำไมทนายของเขาต้องทำท่าทางดีๆกับพยานด้วย
ตอนที่ถังเทียนจื๋อแนะนำเขาให้กับตน เขาบอกว่า เขาจะช่วยว่าความอย่างดี แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงเปลี่ยนไปเป็นอย่างนี้
เขากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทนายของเขาควรจะเปิดประเด็นได้แล้ว
ทนายของเขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ผู้อำนวยการโกวรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ขออนุญาตถามพยานเหตุผลที่คุณลาออกคือ”
“มัน…” พอพูดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย จริงๆแล้วเธอไม่อยากพูดถึงปัญหานี้ในนี้
เมื่อหยิงปู้ฝันเห็นว่าเธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เขาจึงรีบยืนขึ้น และมองไปที่ผู้พิพากษาหลิว “ผู้พิพากษาหลิวทนายฝั่งจำเลย ถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี”
“ผู้พิพากษาสิ่งที่ผมถามอยู่ มีความเกี่ยวข้องกับคดีอย่างแน่นอน ได้โปรดให้ผมถามคำถามจนจบด้วย”
ผู้พิพากษาหลิวขมวดคิ้ว และคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า และกล่าวว่า “แต่คุณต้องถามคำถามให้รัดกุมกว่านี้ อย่าประวิงเวลาอีก”
ฝั่งโจทก์ยิ้ม และส่งสายตาไปให้หยินปู้ฝันราวกับว่ากำลังยิ้มเยาะเขา หลังจากนั้นก็หันไปมองกู้ฮอนด้วยสายตาเฉียบคม “ พยานจะตอบว่าอย่างไร”
หลังจากที่ทนายความของทั้งสองฝ่ายได้เชือดเฉียนกัน กู้ฮอนก็รู้ในใจว่า
ตอนนี้เป็นเวลาที่เกมส์จะเริ่มอย่างจริงจังแล้ว ตอนนี้เธอต้องตอบคำถามของทนายอีกฝ่าย
กู้ฮอนมองไปที่หยินปู้ฝัน จากนั้นก็มองไปที่เป่หมิงโม่ที่อยู่ตรงข้าม
หยินปู้ฝันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เป่หมิงโม่ยังคงดูสงบ เมื่อเธอมองไปที่เขากู้ฮอนก็รู้สึกสงบลงเช่นกัน
“เหตุผลที่ฉันออกจากตำแหน่งประธานก็คือ ตระกูลเป่หมิงเกี่ยวข้องกับคดีนี้เช่นกัน หลังจากที่เป่หมิงโม่ช่วยฉันออกมาแล้ว ฉันก็พึ่งจะรู้ว่าผู้อำนวยการโกวเป็นคนที่ให้คนมาทำเรื่องเลวร้าย หลังจากนั้นโครงการ Modern city ของฉันก็ถูกบริษัทเป่หมิงประกาศถอนออกไป และเรื่องนี้ก็ทำให้พนักงานทั้งระดับบน และล่างของบริษัทเป่หมิงรู้สึกไม่พอใจ”
“จากนั้นมันก็กระทบไปถึงตำแหน่งประธานบริษัทของคุณ” ทนายความฝั่งโจทก์พูดต่อคำพูดของเธอให้จบ
กู้ฮอนพยักหน้า “ใช่”
คิดไม่ถึงว่าทนายความของฝั่งนั้นจะยังไม่หยุดแค่นั้น เขายังกล่าวต่อไปว่า “ผมก็ได้ศึกษาเรื่องภายในบริษัทเป่หมิงมาบ้าง คุณถูกถอนออกจากตำแหน่งเมื่อวาน ขณะกำลังประชุมผู้ถือหุ้นอยู่ และผมก็ยังรู้อีกว่าที่พวกเขาทำอย่างนี้ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย เพราะว่าหลังจากที่คุณได้รับตำแหน่ง คุณก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับบริษัทเป่หมิงเลย และผมก็เชื่อว่าคุณไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะได้ดำรงตำแหน่งนี้ ดังนั้นที่คุณได้รับตำแหน่งนี้ก็เพราะว่าคุณมีความสัมพันธ์กับจำเลย และที่คุณยอมเป็นพยานให้จำเลย ก็เพราะว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณนั้นไม่ธรรมดา”
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมาก็ทำให้หยินปู้ฝันรู้สึกกังวลเล็กน้อย ทนายฝั่งโจทก์ได้ซักถามกู้ฮอนต่อหน้าสาธารณชน อย่างมีจุดมุ่งหมายทำให้เขาต้องรีบลุกขึ้น “ศาลที่เคารพ เรื่องความสัมพันธ์ของพยาน และลูกความของผมเป็นเรื่องส่วนตัว และเรื่องนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เรื่องที่ความสามารถของพยานไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานบริษัทได้ตามที่ฝั่งโจทก์ได้พูดมานั้น ผมก็อยากจะถามว่าตำแหน่งประธานบริษัทจำเป็นต้องทำเป็นทุกอย่างเลยหรือ เธอได้รับดำรงตำแหน่งหลังจากที่ลูกความของผมได้ประสบปัญหา นั่นก็หมายความว่าลูกความของผมเห็นว่าพยานมีความสามารถพอที่จะดำรงตำแหน่ง ผมอยากถามสักหน่อยว่าคนที่มีความสามารถในการไตร่ตรองโดยเฉพาะคนที่เคยดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงอย่างจำเลยของผม จะทิ้งภาระอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ให้กับคนทั่วไปได้ยังไง นอกซะจากว่าเขาจะเป็นสมควรแล้วว่าคนคนนั้นเหมาะสม”
ทนายฝั่งโจทก์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะเสียงเย็น “ดยุคแห่งวินด์เซอร์ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร จักรพรรดิชุ่นจื้อ จักรพรรดิเชียวเหวินต่างก็หลงไหลในหญิงงาม แล้วนับประสาอะไรกับจำเลยทำเรื่องเช่นนี้ มันก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย แถมพวกเขายังมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว”
หยินปู้ฝันก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขายิ้ม “ขอบคุณสำหรับทนายฝั่งตรงข้ามที่ให้ข้อมูลสำคัญก็ผม ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเพราะลูกสามคน ลูกความของผมยิ่งไม่มีทางคิดอะไรตื้นๆ” เขาพูดถึงตรงนี้ ก็เว้นระยะไปช่วงหนึ่ง “ตอนนี้พวกเราอย่ามาพูดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีกว่า เพราะเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีแล้ว ผมขอบอกแทนพยานก็แล้วกัน ว่าทำไมถึงต้องทิ้งการประมูลไป นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรู้ว่าถ้าเธอพาบริษัทเป่หมิงเข้าร่วม เธอจะถูกกำจัด”
“เรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไง นี่เป็นงานของรัฐที่โจ่งแจ้ง และเปิดเผย คุณพูดแบบนี้ดูจะเกินไปหน่อยนะ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณจะอธิบายให้ผมฟังได้หรือไม่ ทำไมเป่หมิงยี่เฟิงที่อยู่ตระกูลเป่หมิงเหมือนกัน ถึงสัญญามาอย่างง่ายดาย” หยินปู้ฝันพูดตัดจบในประโยคเดียว
ทนายของฝั่งตรงข้ามผ่านสนามรบมาไม่น้อย เขาคิดอยู่สองวิก็ตอบกลับมา “เรื่องนี้เป็นเรื่องการประมูล และที่สำคัญเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีคดีนี้ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับคดีนี้”
***
เมื่อหยินปู้ฝันเห็นฝั่งตรงข้ามกำลังมีท่าทีสั่นคลอน เขาก็รีบพูดขึ้นมาอีก เพื่อจะเอาชนะ “ไม่ใช่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างที่สุด เป่หมิงยี่เฟิงเป็นคนของตระกูลเป่หมิง เขาควรจะประมูลด้วยความสามารถของตัวเอง แต่เขากลับเลือกใช้วิธีอื่น เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า เขาต้องการเล่นงานบริษัทเป่หมิง และเล่นงานกู้ฮอนได้ไม่ใช่หรือ”
“เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทนายของฝั่งตรงข้ามก็กังวลขึ้นมา สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขา เขาจำเป็นต้องทำให้เรื่องนี้ผ่านไป “ศาลที่เคารพ ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ สิ่งที่ผมต้องการจะพูดก็คือ จำเลยและพยานมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกัน ซึ่งมันเลยเส้นของคำว่าคนทั่วไป เธอสามารถนับได้ว่าเป็นญาติหรือคู่สมรสของจำเลยได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีอำนาจในทางกฎหมายที่จะมาเป็นพยาน”
เมื่อสักครู่หยินปู้ฝันเพิ่งจะได้คะแนนนิยมกลับมา แต่พอฝั่งตรงข้ามพูดประโยคนี้ออกมา ก็เหมือนทำลายทุกลายที่เขาปูมาในทันที
ตอนแรกที่เธอให้กู้ฮอนมาเป็นพยาน เขาก็ได้คิดถึงเรื่องนี้มาแล้ว แต่เพราะเขาต้องการที่จะช่วยเป่หมิงโม่จริงๆ เขาจึงเลือกที่จะเสี่ยงดู เพราะยังไงความสัมพันธ์นี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แม้จะมีลูกด้วยกันสามคน แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้
แน่นอน ว่าตอนที่เขาจะเลือกใช้วิธีเสี่ยงนี้ เขาก็ได้พูดกับกู้ฮอนมาก่อนแล้ว และเธอก็เห็นด้วยว่าควรจะเสี่ยง เพราะมันอาจจะมีทางให้เดินไปได้บ้าง
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเสียเปรียบเกินไป
กลัวอะไร มักเจอสิ่งนั้น เมื่อทนายฝั่งตรงข้ามเห็นว่า หยินปู้ฝันได้เปรียบ เขาก็ปล่อยไพ่ตายออกมาทันที
ตอนนี้ผู้พิพากษากำลังอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ทางวาจาระหว่างทนายความของทั้งสองฝ่าย เขาต้องการที่จะขัดจังหวะ แต่เมื่อฟังดูแล้ว ความคิดเห็นของทั้งคู่นั้นก็มีเหตุผล
จนในที่สุด ทนายความฝั่งโจทก์ก็ยกจุดที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในศาลขึ้นมา นั่นก็คือ การยกเว้นไม่ให้คู่สมรส พ่อแม่ และลูกของจำเลย ปรากฎตัวในศาล เพื่อให้การเป็นพยาน
ในที่สุดสงครามในครั้งนี้ก็ได้ยุติลง
แต่หยินปู้ฝันก็ไม่ได้เห็นด้วย “ศาลที่เคารพ ลูกความของผมไม่มีความสัมพันธ์อื่นใดนอกจากเรื่องมีลูกด้วยกันสามคน แล้วพวกเขาจะถูกระบุว่าเป็นญาติสนิทกันได้อย่างไร”