เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1044 เชิญ
บทที่ 1044 เชิญ
ในขณะที่พวกเขาเปิดประตูเพื่อขึ้นรถนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นสองครั้ง
“เย่…พ่อมารับพวกเราแล้ว”
หยางหยางพูดพร้อมกับหันไปโบกมือให้กับรถยนต์สีดำของเป่หมิงโม่ที่ขับมา
ในเวลาเดียวกัน เหมือนกับเป็นการสะท้อน ไฟหน้ารถก็กระพริบด้วยเช่นกัน
“ทำไมวันนี้คุณถึงมาอีกล่ะคะ?” กู้ฮอนเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วก้มตัวถาม
“ทำไมล่ะ วันนี้ผมไม่ได้รับอนุญาตให้มารับพวกคุณงั้นเหรอ? คุณกำลังดูอะไรน่ะ?” เป่หมิงโม่พูดแล้วมองดูกู้ฮอนที่หันไปมองหลังรถ
“แน่นอนว่าฉันต้องดูว่าลูกพี่ลูกน้องคนดีคนนั้นของคุณมาด้วยหรือเปล่าน่ะสิ ทำไมล่ะ วันนี้พวกคุณไม่ได้สมรู้ร่วมคิดอะไรกันแล้วเหรอ?” มีการประชดอยู่ในคำพูดของกู้ฮอน
เป่หมิงโม่มองไปที่เธอแล้วยิ้ม คิดไม่ถึงเลยว่าถึงวันนี้เธอยังคงบ่นกับตนเองเรื่องเมื่อวานนี้ : “แน่นอนว่าเรื่องของเขา เขาต้องแก้ไขเอง ถ้าผมจะต้องช่วยเขา คนอื่นจะโกรธผมเอาได้”
“ถ้าฉันจะโกรธคุณก็เป็นเพราะว่าพวกคุณทำไม่ถูก”
“โอเค งั้นถือว่าพวกเราทำไม่ถูกก็แล้วกัน อากาศหนาวขนาดนี้ ถึงคุณจะไม่ขึ้นรถก็ตาม แต่ก็ให้เด็กๆมาอบอุ่นร่างกายสักหน่อยเถอะ” ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่มีความรู้สึกโกรธกับคุณหนูกู้ เลยจริงๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีหิมะ แต่ตอนนี้คือฤดูหนาว อีกไม่นานน้ำของหิมะที่ละลายจะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ในเวลาเช่นนี้จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มีทักษะที่ดีในการในการขับขี่ยานพาหนะ ไม่อย่างนั้นแล้วในวันที่หิมะตกเช่นนี้ผลที่ตามมาก็จะหนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก
ก่อนหน้าที่เป่หมิงโม่จะมา เธอยังกังวลกับตัวเองว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้หรือไม่
บางทีอาจเพียงแค่ใส่เกียร์ต่ำ ยอมใช้เวลามากขึ้นดีกว่า
คิดไม่ถึงเลยว่าเป่หมิงโม่จะขับรถมาในเวลานี้
พวกเด็กๆรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไป ทำไมยังไม่ขึ้นรถ?”
“แล้วแอนนิจะทำยังไงคะ? งานที่ร้านอาหารไม่มีเธอไม่ได้ ไม่ยังงั้นคุณพาเด็กไปก่อน พวกเราจะนั่งแทกซี่ไปด้วยกัน”
“เรื่องนี้ผมคิดมาให้คุณแล้ว” เป่หมิงโม่พูดพร้อมกับหันหน้าไปคุยกับเด็กทั้งสามคน : “พวกลูกสามคนนั่งบีบเข้ามาอีกหน่อยให้ป้าแอนนิขึ้นมาได้”
ตัวของพวกเด็กยังค่อนข้างเล็ก ถึงแม้จะสวมเสื้อขนเป็ดที่หนา แต่ก็ไม่มีคนตัวใหญ่ครอบครองพื้นที่มาก จึงมีตำแหน่งว่างเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
***
“คุณเป่หมิง ขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่ทำให้คุณต้องมาส่งพวกเรา” แอนนิเข้าไปนั่งในรถแล้ว ละกู้ฮอนก็นั่งตรงตำแหน่งข้างคนขับ
“เธอไม่ต้องเกรงใจเขามากขนาดนี้หรอก”
*
“คุณพ่อ คุณแม่ ป้าแอนนิ พวกเราไปเรียนแล้วนะครับ/ค่ะ” เด็กทั้งสามคนยืนอยู่หลังประตูโรงเรียนแล้วโบกมือให้พวกเขา
ส่งพวกเด็กๆแล้ว เป่หมิงโม่ก็พาพวกเธอไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทGT
สำหรับกู้ฮอนแล้วถนนเส้นนี้เดินทางยากเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอได้พบเห็นเหตุการณ์ที่ทำให้ตื่นตระหนกตกใจหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีอีกครั้งที่รถสามสี่คันที่เกือบจะชนกับตนเอง
แต่โชคดีที่ทักษะการขับรถของเป่หมิงโม่นั้นยอดเยี่ยม เขาหลบหลีกได้อย่างชำนาญ
“เอาล่ะค่ะ พวกเรามาถึงที่หมายแล้ว ขอบคุณคุณมากที่วันนี้มาส่งพวกเรา”
กู้ฮอนและแอนนิยืนอยู่นอกรถ หลังจากที่พูดจบแล้วก็เตรียมจะปิดประตูและออกไป
“กู้ฮอน ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
แอนนิมองไปที่พวกเขาทั้งสองคนแล้วยิ้ม เธอตบไหล่ของกู้ฮอน : “ฉันจะไปที่ร้านอาหารก่อน เธอไม่ต้องรีบกลับก็ได้นะ”
“ขึ้นรถเถอะ”
กู้ฮอนกลับมานั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับอีกครั้ง
“มีเรื่องอะไรก็พูดเถอะค่ะ”
เป่หมิงโม่ดับเครื่องรถ : “ผมได้รับจดหมายเชิญ หวังว่าคุณจะไปเป็นเพื่อนผมได้”
กู้ฮฮนมองไปที่เป่หมิงโม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “หรือว่านี่คือเรื่องที่คุณอยากจะพูดกับฉันงั้นเหรอคะ”
เป่หมิงโม่จับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้างแล้วพยักหน้า : “ใช่แล้ว เรื่องนี้แหละ” พูดพร้อมกับหันไปเปิดฝาที่ปิดไว้ตรงที่พักแขนด้านขวา แล้วดึงการ์ดเชิญสีแดงออกจากด้านใน : “ บริษัทเป่หมิงส่งมาให้ผม พวกเขาเชิญให้ผมเข้าร่วมงานปาร์ตี้ค็อกเทลในวันคริสมาสต์อีฟ”
“เพราะฉะนั้นคุณเลยนึกถึงฉัน อยากจะให้ฉันไปกับคุณ?”
“ใช้แล้ว ผมคิดว่าผมกับคุณเหมาะสมที่สุดที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเขา”
กู้ฮอนก้มหน้าลงแล้วจมดิ่งในความคิดชั่วขณะ
พูดตามตรง บริษัทเป่หมิงสำหรับเธอเป็นเรื่องที่จบไปแล้ว จะเข้าร่วมหรือไม่ย่อมไม่มีผลอะไร เพียงแต่ว่า…
เธอขอโทษและพูดกับเป่หมิงโม่ : “ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ร้านอาหารของแอนนิจะเริ่มเปิดทำการในวันคริสมาสต์อีฟ ดังนั้นฉันคิดว่าฉันไม่สามารถเผื่อเวลาไปเข้าร่วมได้ คุณหาคนอื่นเถอะค่ะ”
“นี่มันไม่เป็นไรเลย งานเลี้ยงจัดก่อนวันคริสมาสต์อีฟ ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อพวกคุณหรอก ว่ายังไงล่ะ ไปกับผมได้แล้วใช่ไหม?”
เห็นสายตาคาดหวังของเป่หมิงโม่มองมาที่ตัวเองแล้ว ดูเหมือนว่ากู้ฮอนไม่สามารถหาสิ่งใดมาปฏิเสธเขาได้
สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าเบาๆ
และเห็นเป่หมิงโม่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ : “เอาล่ะ เพราะว่าคุณตกลงแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดเตรียมทุกอย่างเอง”
*
“เมื่อกี้นี้เป่หมิงโม่คุยอะไรกับเธองั้นเหรอ? เป็นไปได้ไหมว่า…” แอนนิที่กำลังจัดเก็บข้าวของในครัวด้านหลัง ถามพร้อมยิ้มเริงร่า
กู้ฮอนวางการ์ดเชิญลงบนโต๊ะอย่างสบายๆ : “นี่เป็นการ์ดเชิญจากบริษัทเป่หมิง เขาอยากจะพาฉันไปด้วย”
“นี่มันคือเรื่องดีเลยนะ เธอตกลงหรือเปล่า?”
กู้ฮอนพยักหน้า แต่ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดีกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเธอถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ นี่มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับพวกเธอสองคนนะ”
“โอกาสอะไร?” กู้ฮอนมองไปที่เธออย่างมึนงง
แอนนิมองเธอพร้อมรอยยิ้มที่มีเลศนัย : “แกล้งโง่ใส่ฉันใช่ไหม จะเป็นโอกาสอะไรได้อีก อันที่จริงฉันคิดมาตลอดว่าพวกเธอสองคนเหมาะสมกันมาก น่าจะใช้โอกาสนี้ใกล้เข้าไปอีกก้าว เธอคงไม่อยากให้ลูกๆทั้งสามคนเป็นแบบนี้ต่อหรอกนะ ถ้าหากมีไม่มีพ่อแล้วมีแต่แม่ หรือว่ามีแต่พ่อไม่มีแม่ นี่มันจะแย่มากต่อการเติบโตของพวกเขานะ”
*
เวลาเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก บางครั้งก็เร็วบางครั้งก็ช้า แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเพราะว่าคนเราได้ใส่ความรู้สึกนึกคิดของตนเองลงไปเท่านั้นเอง
ในความเป็นจริงแล้วไม่มีว่าใครก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายมันได้ มันก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่ตลอดกาล ยุติธรรมสำหรับทุกคนอย่างยิ่ง
ในไม่ช้าวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่จะไปตามที่นัดหมายไว้กับเป่หมิงโม่แล้ว กู้ฮอนรู้สึกว่าสัปดาห์นี้เร็วมากและเร็วเกินไปจริงๆ
เกือบจะเป็นนับตั้งแต่ที่เธอตกปากรับคำเป่หมิงโม่ที่รถ พอกลับมาก็ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบอีกครั้งเลย และไม่มีโอกาสนี้อีกแล้วด้วย
ตอนกลางวัน กู้ฮอนและแอนนิเพิ่งจะทำความสะอาดห้องครัวด้านหลังอย่างหมดจด ตอนที่เดินออกมาจากด้านใน ก็มองเห็นเป่หมิงโม่ยืนอยู่ที่ปากประตู
“หัวหน้าเป่หมิงมารับเธอแล้ว รีบเข้าไปหาเร็วเข้า” แอนนิหัวเราะคิกแล้วตบไปที่ก้นของกู้ฮอน
กู้ฮอนหันกลับไปมองเธอด้วยใบหน้าที่ไม่มีความสุข : “คอยดูแล้วกันว่าฉันจะจัดการยังไงตอนที่ฉันกลับไปน่ะ” พูดพร้อมกับใช้มือแสดงท่าทาง จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู
นี่เป็นนัดของเธอกับเป่หมิงโม่ เพราะพรุ่งนี้คือวันเข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลแล้ว ในช่วงบ่ายจึงต้องไปเลือกชุดที่เหมาะสม
อันที่จริงกู้ฮอนมีอยู่แล้วหนึ่งชุด เดิมเธอคิดว่าสวมชุดนั้นไปร่วมงานก็ใช้ได้แล้ว แต่เป่หมิงโม่ยืนกรานที่จะลากเธอไปซื้ออีกชุด
หลังจากที่เป่หมิงโม่เห็นพวกเธอแล้วก็พยักหน้าเบาๆพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อกู้ฮอนออกมาแล้วจึงพูดกับแอนนิว่า : “ไปกินข้าวกับพวกเรานะ”
“พวกเธอไปกินเถอะ ฉันอายที่จะไปรบกวนโลกของพวกเธอสองคนนะ เดี๋ยวฉันไปหากินอะไรง่ายๆก็ได้” แอนนิยิ้มและส่ายหัว
*
หนึ่งชั่วโมงได้ผันผ่านไป เป่หมิงโม่และกู้ฮอนก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านขายเสื้อผ้าชื่อว่า “ฮอนเย้น”
นี่คือร้านขายเสื้อผ้าที่มีทั้งหมดห้าชั้น
“ฮอนเย้น…ชื่อนี้น่าสนใจมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้สังเกตมาก่อนเลยค่ะ” กู้ฮอนยิ้มจางๆ
เป่หมิงโม่ไม่ว่าอะไร เพียงแค่เดินไปด้านหน้า แล้วใช้มือทั้งสองข้างผลักประตูใหญ่ที่สูงสามเมตรและมีสีบรอนซ์สวยงามให้เปิดออก
“สวัสดีตอนบ่ายค่ะ คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ต้องการเลือกชุดที่นี่ใช่หรือไม่คะ” แต่พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ตรงปากประตูกล่าวต้อนรับพวกเขา หลังจากที่ได้ฟังเสียงแล้ว ทำให้รู้สึกสบายใจ
เป่หมิงโม่พยักหน้าทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ : “พวกเรามาที่นี่เพื่อเลือกชุด”
“ทางเรามีความยินดีต้อนรับท่านเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าขออนุญาตสอบถาม ทั้งสองท่านได้ทำการนัดหมายล่วงหน้าไว้แล้วหรือไม่?”
สิ่งนี้ทำให้กู้ฮอนประหลาดใจหลังจากที่ได้ฟัง คิดไม่ถึงว่าการซื้อเสื้อที่นี่จะต้องทำการนัดหมายด้วย ร้านนี้เป็นร้านแบบไหนกันนะ
“พวกเราได้นัดไว้แล้ว ผมชื่อเป่หมิงโม่” เป่หมิงโม่พูดพร้อมกับหยิบนามบัตรของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้
เมื่อมองเห็นนามบัตร พนักงานก็เกิดความประหลาดใจ เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองคือเป่หมิงโม่ผู้กุมอำนาจของเมืองA
เธอรีบคืนนามบัตรให้กับเขา : “ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะคุณเป่หมิง ทั้งสองทานสามารถเข้าไปเลือกได้เลยค่ะ ได้โปรดตามฉันมา”
พนักงานใช้มือแสดงท่าทาง จากนั้นจึงนำพวกเขาเข้าไปยังประตูบานที่สอง
“เสื้อผ้าของร้านคุณต้องทำการนัดล่วงหน้าด้วยเหรอคะ?” กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
พนักงานร้านอธิบายว่า : “คืออย่างนี้ค่ะคุณนายเป่หมิง ร้านค้าของเราเป็นร้านที่มีเครือข่ายทั่วโลก สินค้าทั้งหมดเป็นผลงานของนักออกแบบที่มีชื่อเสียงในระดับสากล เพราะว่าเสื้อผ้ารวมถึงสินค้าเพิ่มเติมล้วนแต่สามารถกล่าวได้ว่าไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อให้ลูกค้ามีสภาพแวดล้อมในการช้อปปิ้งที่หรูหราและสะดวกสบาย ดังนั้นทางเราจึงใช้วิธีนัดหมาย หวังว่าท่านทั้งสองคนจะช้อปปิ้งในวันนี้อย่างมีความสุขนะคะ”
*
เกี่ยวกับสิ่งที่พนักงานได้อธิบายสำหรับเธอแล้วสามารถพูดได้ว่าฟังแล้วเข้าใจได้เพียงผิวเผิน แต่คำว่า “คุณนายเป่หมิง” ทำให้หน้าของเธอแดงก่ำไปแล้ว
เธอรีบลดศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังความรู้สึกของตัวเธอ
ไม่ได้เป็นเพราะเธอชอบให้คนอื่นเรียกเธอแบบนั้น แต่เป็นเพราะเธอกลัวว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะเมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเป่หมิงโม่จะพอใจกับชื่อเรียกนี้มากและอารมณ์ของเขาดีมาก มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
เขายื่นมือออกมา แล้วจับมือที่เย็นเยียบของกู้ฮอนไว้แน่น
อย่ามองว่าปกติเป่หมิงโม่ที่มักจะมีท่าทางเฉยเมยและหยิ่งยโส แม้กระทั่งทำให้รอบข้างรู้สึกเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่าในขณะนี้ มือของเขากลับอบอุ่นหาใดเปรียบ แม้จะจับมือของเธอเอาไว้ แต่ร่างกายของเธอก็พลอยอุ่นขึ้นมาทั้งตัวด้วยเช่นกัน
หัวใจของกู้ฮอนสั่นสะท้านเล็กน้อย
“พวกเราเข้าไปดูด้านในกันเถอะ” เสียงที่นุ่มนวลของเป่หมิงโม่ทำให้เธอยากที่จะยอมรับได้
ผู้ชายคนนี้กินยาผิดตอนที่ออกจากบ้านมาหรือเปล่า?
ถึงแม้ว่าในใจของกู้ฮอนจะคิดเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่าร่างกายจะไม่ยอมฟังคำสั่ง ถูกเขาดึงเข้าไปในร้านอย่างเชื่อฟัง
พนักงานของร้านที่ทำหน้าที่รับผิดชอบรีบตามไปติดๆ
“คุณเป่หมิง และคุณนายเป่หมิงคะ ทางด้านนี้คือผลงานของนักออกแบบชื่อดัง Vera Wang เธอได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งชุดแต่งงานค่ะ…”
แนะนำเสร็จแล้ว เห็นได้ทั้งสองท่านเพียงแค่ชำเลืองมองเท่านั้น จากนั้นหันกลับมาแล้วเดินไป
พนักงานทำได้เพียงแค่ก้าวตามพวกเขาไปข้างหน้าต่อไป