เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1082 คลื่นใต้น้ำที่ปะทุแรงขึ้น
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1082 คลื่นใต้น้ำที่ปะทุแรงขึ้น
บทที่ 1082 คลื่นใต้น้ำที่ปะทุแรงขึ้น
“คือเป็นแบบนี้ หนังสือการถือหุ้นหนึ่งฉบับจะเป็นของเป่หมิงเฟยหย่วน อีกฉบับหนึ่งเป็นของโม้จิ่งเฉิงส่งให้เขา สองฉบับรวมกันก็ถึงแม้มูลค่าจะไม่เท่าเมื่อก่อน แต่ก็มากกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นฉัน……” ความจริงแล้วในใจของถังเทียนจื๋อมีความรู้สึกนึกคิดของความกลัว
แต่เขาไม่ได้รู้สึกกังวลในเป่หมิงโม่
คนอย่างพวกเขา ในที่สุดก็เข้าใจสิ่ง ๆ หนึ่ง ก็คือแพ้คือแพ้ชนะคือชนะ ถึงแม้จะมีส่วนที่ไม่อาจจะยอมรับ แต่นั่นก็คือความคิดนอกกรอบจากที่อื่นแทรกแซงเข้ามา ก็ไม่ได้ไปจมปลักกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมากเกินไป
สิ่งที่เขาเป็นห่วงก็คือกู้ฮอน เขาได้เพียงแต่มองเป่หมิงโม่พากู้ฮอนออกไป หลังจากนั้นก็ขึ้นรถกู้ภัย
เขารู้สึกว่าทำผิดต่อกู้ฮอน ต่อให้เธอยืนอยู่ข้างเป่หมิงโม่ ต่อให้เขาไม่ใช่ลูกของอาจารย์ ตัวเองก็ไม่อาจจะทำได้ลงคอ
***
หลี่เชินหลับตาลง เมื่อได้ยินว่าลูกสาวตัวเองถูกทำร้ายจนเจ็บ แน่นอนว่าใจเจ็บปวดที่สุด แต่อาการเจ็บใจแบบนี้ก็เพียงแค่ช่วงระยะเวลานี้เท่านั้นเอง
“อาจารย์ ลงโทษผมเถอะ กู้ฮอนตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง หากว่าเธอ……ผมก็คงไม่มีหน้ามาพบอาจารย์อีกแล้ว”
ถังเทียนจื๋อเป็นคนที่พูดความในใจตัวเองนับครั้งได้เลย แต่ต่อกับหลี่เชินและกู้ฮอนแล้ว ทุกคำที่พูดออกมาเป็นเรื่องจริงจากใจ
แน่นอน ต่อกับเป่หมิงโม่ก็เป็นความจริงของใจ แต่สิ่งนั้นคือความเคียดแค้นแทน
“คุณไม่ต้องมาโทษตัวเองหรอก เธออยู่ดีดีก็ออกมา แล้วถูกคุณทำร้ายก็สมน้ำหน้าแล้วล่ะ สมน้ำหน้าที่ไปปกป้องคนแซ่เป่หมิง หากจะคิดบัญชีหนี้ครั้งนี้ ก็ต้องคิดกับคนแซ่เป่หมิงคนนั้น พวกเขาแม่ลูก หนึ่งคนทำร้ายเมียฉันให้จากโลกนี้ไป ตอนนี้ลูกชายของเธอก็ยังทำให้ลูกชายฉันบาดเจ็บหนักอีก ฉันอยากจะทำมัน…….”
พอพูดถึงตรงนี้ ก็ถูกกลิ่นบุหรี่ให้สำลักและไอออกมา
ถังเทียนจื๋อได้ไปลูบหลังของอาจารย์สองสามที หลังจากนั้นก็ได้เอาน้ำชามาให้หลี่เชิน
หลังจากดื่มชา หลี่เชินก็ได้สบายตัวขึ้นมา
“อาจารย์ วางใจเถอะ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาลับ ๆ ล่อ ๆ แล้ว ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาอยู่ที่โรงพยายาล ก็จัดการปัญหาคาใจของท่านเลย”
“ไม่ต้องรีบ โอกาสที่จะต้องจัดการก็มีเยอะแยะมากมาย และยังมีคนแซ่โม้อยู่ข้าง ๆ อีก ยังคงทำอะไรไม่ได้ ทางที่ดีก็คิดวิธีไว้ก่อนละกัน ไม่อาจจะเปิดเผยอะไรได้แม้แต่นิดเดียว และถ้าหากเกิดผิดพลาดขึ้นมา ลูกสาวเจ็บฉันไม่เจ็บใจหรอก แต่หากคุณเกิดอะไรขึ้น ฉันจะลำบากมากกว่านี้ คุณก็รู้ ฉันมองคุณเป็นลูกชายแท้ ๆ คนหนึ่ง”
*
เป่หมิงโม่และกู้ฮอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เป่หมิงยี่เฟิงดูแลงานแทนเป่หมิงโม่ชั่วคราว โดยมีฉิงฮัวด้วย เมื่อก่อนทำงานคนละทาง แต่ตอนนี้ต้องทำงานเดียวกัน
ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่คนละฝั่ง แต่ก็มีความรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก และในการทำงานก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เมื่อผ่านระยะเวลาการรักษาและหายดีของเป่หมิงโม่ คนในตระกูลเป่หมิงก็ได้เริ่มให้ความสำคัญกับเป่หมิงเจิ้งเทียนในการสืบทอดกิจการ
แน่นอน สำหรับเป่หมิงโม่ที่นำตระกูลเป่หมิงกลับมาโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ ก็รู้สึกถึงการยอมรับไปอีก
ความสามารถเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็จะมีได้
เรื่องราวที่ผันผ่าน พวกเขาก็ได้ยอมรับให้เป่หมิงโม่เป็นประธานของบริษัทเป่หมิง
แต่สำหรับสิ่งเหล่านี้ เป่หมิงโม่ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ไม่ค่อยชัดเจน การจัดการตระกูลเป่หมิง ในใจของเขาก็ยังมีความคิดอีกหนึ่งอย่าง
ในช่วงนี้ฉิงฮัวก็ได้ติดต่อสื่อสารกับเป่หมิงโม่ตลอดเวลา
ถังเทียนจื๋อที่ออกจากตระกูลเป่หมิงอย่างเหนือความคาดหมาย สำหรับหุ้นที่เขามีอยู่ในมือ เขาก็ได้ขายออกไปหมดแล้ว
หากถูกกับเขาแล้ว หุ้นเท่านี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก จะดีกว่าถ้าได้เป็นเงิน เขาก็จะสามารถใช้เงินส่วนนี้ในการก่อกวนตระกูลเป่หมิง
ความจริงมูลเหตุนี้ก็ง่ายมาก ก็คือไม่ได้คิดถึงเรื่องของเวลา
อาการบาดเจ็บของเขามันน้อยนัก และร่างกายของเขายังแข็งแรงอยู่ ต่อให้ได้รับการโจมตีแบบกู้ฮอน ร่างกายของเขาก็ยังสามารถที่จะแบกรับไว้ได้
***
สิ่งที่กู้ฮอนได้รับ ถึงแม้จะเป็นแรงที่รุนแรงมาก แต่ตอนนั้นถังเทียนจื๋อก็ได้ผ่อนแรงไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
เป่หมิงโม่ไม่กี่วันก็สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ อาการบาดเจ็บไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรแล้ว
แต่อาการของกู้ฮอนหากเปรียบกับเขาแล้วจะหนักกว่ามาก
หลังจากที่ตรวจเสร็จ ไหล่ของเธอหัก
และตอนที่เธอโดยโจมตี หัวของเธอก็ได้รับการกระทบอย่างรุนแรง ดังนั้นหลายวันมานี้เธอก็มีอาการสะลึมสะลือ
ซึ่งส่วนนี้ทำให้เป่หมิงโม่เป็นห่วง
มองเธอที่หลับตาอยู่ และเครื่องที่มีเสียง ๆ เดียว “ตี๊ด ๆ ๆ ”
ถ้าหากนำความเจ็บปวดของเธอมาเปลี่ยนเป็นตัวเองได้ก็นับว่าดีมากมายเลย
หลายปีที่ผ่านมาเธอก็ได้รับความเจ็บปวดมามากพอแล้ว
จะไม่พูดต่ออย่างอื่น ตอนที่อยู่กับตัวเอง ก็ไม่อาจจะนับได้แล้วล่ะ
ซึ่งเป็นปีสุดท้าย วันสุดท้าย ชั่วโมงสุดท้ายแล้วล่ะ
ท้องฟ้าราตรีนอกหน้าต่าง สามารถเห็นพลุแสงสีที่ไกลออกไปได้
เขาอยู่ข้าง ๆ เตียงของเธอ มือใหญ่ ๆ ได้จับมืออันเล็ก ๆ ของเธอ เพื่อให้เธอรับรู้ถึงความอบอุ่น
“กู้ฮอน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะปีใหม่แล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าจะมาผ่านปีใหม่ในที่ที่แห่งนี้ ฉันเคยวางแผนไว้ว่าจะพาคุณ ลูก ๆ และพ่อแม่เราไปเที่ยวทะเล อยู่ที่นั่น พวกเราก็จะได้รับแสงอรุณจากพระอาทิตย์……หากเป็นเมื่อก่อน คุณจะต้องมองตาขาวใส่ฉันแน่ ๆ หลังจากนั้นก็จะพูดว่า คิดสวยนักนะ
ใบหน้าของเป่หมิงโม่มีรอยยิ้ม แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกถึงความเจ็บช้ำใจ เขาได้ปล่อยมือของเธอ หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นไปจัดการกับเผ้าผมของเธอให้เรียบร้อย”
ตอนนี้เขารู้สึกถึงความโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดถึง เขาในเมื่อก่อนก็คือโดดเดี่ยวมาเช่นนี้อยู่แล้ว และไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติเลย
เดินมายังหน้าต่าง อยากจะเปิดหน้าต่าง ให้สายลมเย็นพัดมาหาตัวเอง แล้วก็ให้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บและเจ็บปวด
ตอนนี้เขากลับไม่สามารถทำมันได้
ตอนนี้ ประตูห้องผู้ป่วยก็ได้เปิดออกมา เงาของคนร่างกายเล็ก ๆ วิ่งเข้ามา
เสียงของเขาพวกนั้นเบาเหลือเกิน แต่เป่หมิงโม่ได้ยินแล้ว เขาได้หันกลับไปอย่างรวดเร็ว เห็นลูกตัวเองยืนอยู่ด้านหน้าก็เลยตกใจเป็นอย่างมาก
“ลูก ๆ มากันได้ไง ?”
“พวกเราคิดว่าพ่อและแม่เกิดเรื่องขึ้น เพราะอะไรไม่บอกพวกเรา ?” เฉิงเฉิงเงยหน้ามองเป่หมิงโม่ สายตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
หยางหยางและจิ่วจิ่วก็ได้แต่ก้มหน้า มือไม่ได้ยกขึ้นมา เพราะว่ากำลังเช็ดน้ำตาอยู่
เห็นลูก ๆ สามคน เป่หมิงโม่ก็ยิ่งเจ็บช้ำใจไปอีก
เขาก็ได้มองจากที่สูงลงมายังที่ล่างโดยตลอด แต่ครั้งนี้เขากลับนั่งยอง ๆ ลงมา แล้วก็มองด้วยสายตาที่เท่ากัน “ไม่ใช่ฉันอยากจะบอกเรื่องนี้กับพวกเรา เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าพวกเราไม่ควรที่จะนำปัญหาพวกนี้เก็บใส่ใจ ตอนเด็ก ๆ ฉันก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่มากมาย ฉันไม่อยากให้พวกเราเป็นแบบนี้ ความจริงอีกไม่กี่วัน ฉันกับแม่พวกเราก็จะหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ”
“อย่ามาหลอกกันเลย สภาพคุณแม่เป็นแบบนี้ ยังจะบอกว่าอีกไม่กี่วันจะออกจากโรงพยาบาลหรือ ฉันดูแล้วอย่างน้อยก็น่าจะหลายเดือน หรือว่าในหลายเดือนจะให้พวกคุณแสร้งทำเป็นกลับมาจากข้างนอกหรอกหรือ ?? ” หยางหยางเช็ดน้ำตา แล้วก็มองเป่หมิงโม่อย่างโมโห
***
หากบอกว่าเฉิงเฉิงนั้นเหมือนกับเป่หมิงโม่ ถ้าเช่นนั้นเวลาหยางหยางโมโหก็จะยิ่งเหมือนเสียมากกว่า
มองสายตาที่เยือกเย็นของเขา ก็เหมือนกับได้มองไปยังตัวเองตอนเด็ก ๆ
สำหรับคำถามของลูกชาย เป่หมิงโม่ไม่มีคำตอบใดใดเลย
“คุณพ่อ……ทำไมคุณแม่ไม่ตื่นขึ้นมาล่ะ ?” น้ำตาของจิ่วจิ่วก็ไหลรินอยู่ที่แก้มทั้งสองใบของเธอ
มือของเธอก็ได้ใช้แรงจับไปยังมือของเป่หมิงโม่แล้วส่ายอย่างรุนแรง
เธอกำลังขอร้อง ขอร้องให้คุณแม่เห็นพวกเขา อย่างน้อยนิดหนึ่งก็ยังดี
ความรู้สึกที่ไม่มีแม่อยู่ข้าง ๆ ทำให้พวกเขาสามคนรู้สึกมีความกลัวในอนาคต ซึ่งความน่ากลัวแบบนี้เป่หมิงโม่ก็เคยรู้สึกมาแล้ว
เพียงแต่สิ่งที่เขารู้สึกไม่ได้ลึกขนาดนั้น แต่กลับโกรธแค้นคุณแม่มากกว่า
“โม่ ลูก ๆ คิดถึงแม่จริง ๆ ดังนั้นพวกเราก็……” โม้จิ่งเฉิงได้ยืนอยู่ด้านหลังเด็ก ๆ
ข้าง ๆ เขาเธอคือหวีหรูเจี๋ย ตาของเธอแดงก่ำ
เป่หมิงโม่มองไปยังด้านหลังของพวกเขา หยินปู้ฝานอยู่กับแอนนิ ฉิงฮัวได้พาลั่วเฉียวและลูกน้อย และคนในตระกูลของเป่หมิง……
พวกเขามาเยี่ยมตัวเองและเธอ
ตอนนี้ เขาไม่ได้ตำหนิอะไร เพราะว่าพวกเขาเป็นห่วงตัวเองและกู้ฮอนอย่างจริงใจ
ความอบอุ่นของครอบครัว
สำหรับเรื่องอาการบาดเจ็บของกู้ฮอน คนอื่นก็จะรู้เพียงคร่าว ๆ แต่ไม่ได้รู้ว่าจะบาดเจ็บมากขนาดนี้
ลูกสามคนอยู่ล้อมรอบข้าง ๆ คุณแม่ ก็ยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก
ตอนนี้ เป่หมิงโม่ก็ได้เพียงแต่ปลอบลูก ๆ ไม่ให้ร้องไห้มีเสียงออกมา พวกเขาเป็นคนที่เก่งมากมาย สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดครั้งนี้ได้ เพียงแต่ยืนมองคุณแม่แล้วก็เช็ดน้ำตา
ชั่วโมง นาที วินาที สุดท้ายเวลาก็เดินทางมาวันเวลาของปีใหม่
หลังจากนี้ไป ก็เป็นปีใหม่แล้ว
ในคืนนี้ ทุกคนล้วนไม่อยากจะออกไปจากโรงพยาบาล ดังนั้น ทางโรงพยาบาลก็ได้จัดการห้องสำหรับให้พวกเขาพักผ่อน
เป่หมิงโม่ก็ได้อยู่ข้าง ๆ กู้ฮอน
ช่วงเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ จากท้องฟ้าที่มืดมนค่อย ๆ กลายเป็นสีขาว
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั่วฟ้าก็ค่อย ๆ สว่างขึ้นมา
เป่หมิงโม่ที่นั่งข้าง ๆ กู้ฮอน ก็ได้ลากผ้าม่านออก “กู้ฮอน คุณรีบลุกขึ้นมาดูสิ นี่คือแสงอาทิตย์แรกของปีใหม่เลยนะ ถึงแม้จะสามารถได้เห็น แต่แสงแรกของปีใหม่ไม่ใช่จะได้เห็นง่าย ๆ เลยนะ เมื่อคืนทุกคนล้วนมาข้ามปีกับคุณนะ ฉันรู้ว่าถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถขยับได้ แต่ในใจนั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไร รู้สึกซาบซึ้งในตัวพวกเขาใช่ไหม ครั้งก่อน ที่ฉันบอกว่าจะดูแลคุณและลูก ๆ แต่ตอนนั้นคุณกลับปฏิเสธผมไป ฉันจะบอกกับคุณก็คือ ฉันเป่หมิงโม่ไม่ใช่เพราะว่าคุณปฏิเสธแล้วจะทำใจเย็นชาใส่ ก็จะมีโอกาสหนึ่งที่ทำให้คุณไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย ตอนนี้ดูมาแล้ว โอกาสที่ฉันรอก็มาถึงแล้ว ฉันหวังว่าจะได้ดูแลคุณและลูก ๆ ฉันรับรองว่าในอนาคตพวกคุณจะมีความสุขมากถึงมากที่สุด คุณยินยอมไหม ?