เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1132 ใกล้ถึงวันเกิดแล้ว
บทที่ 1132 ใกล้ถึงวันเกิดแล้ว
ในตอนนี้เองที่เป่หมิงโม่เริ่มสังเกตทุกคน ดูว่าพวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรต่อการอำพรางบนกำแพงที่ตัวเองทำหรือไม่
เพียงแต่ว่าสองวันมานี้ ล้วนไม่มีใครไปสังเกตที่นั่นเลย แม้ว่าจะเป็นตอนที่ดูโทรทัศน์ในเวลากลางคืนก็ตาม
สรุปได้ว่า นี่ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกพึงพอใจมาก
ในเวลาเดียวกันนั้น งานอื่นๆก็ล้วนเตรียมตัวดำเนินการทำต่อไปตามลำดับแล้ว
ทั้งหมดล้วนดำเนินการทำอย่างเงียบเชียบ
รอจนถึงวันดีวันหนึ่งมาถึง
*
“ฮอน ใกล้จะถึงวันเกิดของเธอแล้ว อยากให้พวกเรามอบของขวัญแบบไหนให้เธอกัน”
ขณะนั้นแอนนิกำลังนั่งอยู่บนขาของหยินปู้ฝัน ใบหน้าเธอแนบเข้ากับโทรศัพท์ พลางยิ้มน้อยๆ
ตอนนี้กู้ฮอนก็กำลังเก็บเสื้อผ้าของเด็กๆอยู่ในห้องนอน พับแต่ละตัว แต่ละตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
กู้ฮอนหนีบโทรศัพท์ไว้ที่ไหล่ “ทำให้เธอเปลืองความคิดแล้วจริงๆ ก็แค่วันเกิดวันเดียวมีอะไรให้ฉลองกัน”
เธอก็ไม่ได้คุ้นเคยกับการฉลองในวันเกิด โดยเฉพาะหลังจากที่เป็นแม่คนแล้ว ความคิดล้วนทุ่มเทให้กับลูกๆ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ต้องให้ตัวเองดูแลอะไรแล้ว
มีเรื่องมากมายที่พ่อของพวกเขาตั้งใจทำให้ยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก
“ฉันว่านะฮอน เธอจะให้ความสำคัญกับตัวเองสักหน่อยได้ไหม หลายปีมานี้ เธอเลี้ยงเด็กทั้งสามคนให้กับตระกูลเป่หมิงของพวกเขาก็น่าจะพอแล้ว ตอนนี้ควรจะผ่อนคลายตัวเองสักหน่อย” แอนนิพูดพลางคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ฉันว่าถามเธอไปก็เปล่าประโยชน์ เรื่องนี้ฉันกับลั่วเฉียวสองคนจะช่วยเธอจัดการรับรองเอง มีทั้งสถานที่และผู้คน รับรองได้เลยว่างานวันเกิดของเธอจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
“ขอล่ะ ฉันไม่ต้องการให้พวกเธอจัดงานพวกนี้ เธอมีร้านต้องดูแล ลั่วเฉียวก็มีลูกที่ต้องดูแล วันเกิดของฉันก็ไม่ใช่วันยิ่งใหญ่อะไร ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าหากว่าพวกเธออยากช่วยฉันจัดจริงๆ อย่างนั้นก็อย่าโทษว่าฉันไม่เห็นแก่หน้าพวกเธอ ฉันจะไม่ไปร่วมอย่างแน่นอน รู้หรือไม่”
กู้ฮอนพูดให้ชัดเจนแจ่มแจ้งตั้งแต่ตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าเธอเกรงใจอะไร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาจริงๆ เธอไม่อยากให้เพื่อนๆต้องล่าช้าในเรื่องอื่นๆเพราะตัวเอง
แอนนิได้ยินเธอพูดเด็ดขาดขนาดนี้แล้วก็ทำได้เพียงแค่ยกเลิกไป เธอถอนหายใจ “ฮอน เป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเธออย่างไรดีแล้ว แต่ก่อนหาข้ออ้างมาบอกว่าลูกยังเล็กอยู่ จำเป็นต้องดูแล แต่ตอนนี้เด็กทั้งสามคนนั้นล้วนเติบโตขึ้นแล้ว ทั้งยังมีพ่อของพวกเขาดูแลด้วย ความจริงแล้วไม่มีอะไรให้เธอต้องเป็นกังวลอีก แต่เธอกลับยกพวกเรามาอ้างแทน เมื่อไรเธอถึงจะสามารถคิดเพื่อตัวเองได้บ้างกันนะ”
กู้ฮอนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้สึกปลาบปลื้มใจที่เพื่อนครุ่นคิดเพื่อตัวเอง และก็เพราะเป็นเช่นนี้ ตัวเองจึงไม่สามารถให้พวกเธอเบนความสนใจมาเพื่อตัวเองอีก แต่ละบ้านล้วนมีเรื่องราวมากมายที่ต้องทำ
“ขอบคุณเธอนะแอนนิ น้ำเสียงที่เธอพูดทำให้ฉันคิดถึงคุณแม่ ฮ่าๆ เพียงแต่ว่ามีเรื่องราวมากมายที่ต้องรอให้เธอเป็นแม่คนแล้ว ถึงจะรู้สึกได้ รู้หรือไม่ ฉันเป็นคนที่ผ่านมาแล้ว แน่นอนว่ามีหน้าที่เตือนพวกเธอสักหน่อยเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ สรุปว่า ฉันขอบคุณพวกเธอสำหรับความหวังดีที่นี่ ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้วล่ะก็ ฉันยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องไปทำอีก คงไม่คุยกับเธอต่อแล้ว”
เมื่อวางโทรศัพท์แล้ว หยินปู้ฝันก็มองออกว่าสีหน้าของภรรยาไม่ดีเท่าไร
แอนนินั้นรู้สึกโกรธอยู่บ้างจริงๆ “ฮอนก็จริงๆเลย ไม่ห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อย” พูดแล้วก็หันไปมองหยินปู้ฝัน “จะถึงวันเกิดเธอแล้ว ขนาดคลอดลูกให้กับตระกูลเป่หมิงของพวกเขาตั้งสามคน ก็ไม่เห็นจะได้ยินเป่หมิงโม่ เจ้าหมอนั่นแสดงท่าทางอะไรเลย เฮ้ พวกคุณคนในตระกูลเป่หมิงล้วนเป็นพวกเลือดเย็นใช่หรือไม่”
“ฮัดชิ้ว…..”
เป่หมิงโม่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องหนังสือก็จามออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
เขาปลุกสติเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ในตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
เวลานั้นผ่านไปรวดเร็วจริงๆ วันหนึ่งก็ผ่านไปเช่นนี้
อีกสองวันก็จะวันเกิดของเธอแล้ว
***
เป่หมิงโม่หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ เรียกดูบันทึกที่อยู่ด้านใน
ตอนนี้เหมือนจะสำเร็จไปได้ 90% แล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องเร่งรีบขนาดนั้น
สรุปว่า ทั้งหมดล้วนดำเนินการปกติไปตามแผน
*
ก่อนหน้าจะถึงวันเกิดกู้ฮอนวันหนึ่ง
เป่หมิงโม่ทานอาหารเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว เขามองลูกทั้งสามคนที่กำลังทานอาหารอย่างเอื่อยเฉื่อย
“วันนี้ผมจะส่งพวกเขาไปโรงเรียน”
กู้ฮอนที่ได้ยินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย วันนี้เจ้าหมอนี่เป็นอะไรไป ยากที่จะอาสาทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ในเมื่อเขาพูดขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องคัดค้านอะไร
เพียงแต่ตอนที่ก้มหน้าทานข้าวนั้นก็ยังเอ่ยออกมาเสียงเบาประโยคหนึ่ง “นี่ถึงเป็นท่าทางของคนที่เป็นพ่อ”
เป่หมิงโม่ก็ได้ยินเช่นกัน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมา กลับหมุนตัวเดินออกไปจากห้องอาหาร
เด็กน้อยทั้งสามคนได้ยินว่าคุณพ่อจะไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน ก็ไม่กล้าชักช้า
แนวคิดเรื่องเวลาของคุณพ่อพวกเขานั้นเด็ดขาดยิ่งกว่าคุณแม่มากนัก เกรงว่าถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไรเล็กน้อยแล้วก็จะก่อให้เกิดเรื่องยุ่งยากที่ไม่จำเป็นขึ้นมาได้
โชคดีที่เด็กน้อยทั้งสามคนรีบทานอาหารอย่างรวดเร็ว ภายใต้ขอบเขตความอดทนในใจที่เป่หมิงโม่ยอมรับได้
“คุณแม่ พวกเราไปแล้วนะ” จากนั้นแต่ละคนก็เช็ดปาก หยิบกระเป๋าหนังสือที่แขวนอยู่ที่พนักพิงด้านหลังขึ้นมา แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“หลานรัก พวกหลานช้าๆกันหน่อย” หวีหรูเจี๋ยตะโกนไล่หลังพวกเขาไป
เมื่อเห็นพวกเขาหายลับไปนอกประตูห้องอาหารแล้ว ถัดมาไม่นานก็ได้ยินเสียงติดเครื่องยนต์ รวมไปถึงเสียงที่ค่อยๆห่างไปไกลเรื่อยๆ
ตอนนี้เธอถึงได้ส่ายหน้า ยิ้มบางๆ “พ่อลูกไม่กี่คนวันนี้เป็นอะไรไปแล้ว ถึงได้เร่งรีบขนาดนี้”
กู้ฮอนทานอาหารเจ้าเป็นเพื่อนผู้ชราทั้งสองคนอย่างลวกๆ “ใครจะไปรู้กันคะ เขาที่เป็นคุณพ่อเอ่ยปากว่าจะส่งเด็กๆไปโรงเรียน นั่นต้องรอถึงพันปีถึงจะมีสักครั้ง ไม่ต้องสนใจเขาหรอกค่ะ พวกเราก็ทานของพวกเราดีกว่า”
*
บนรถยนต์ที่มุ่งหน้าไปยังโรงเรียน เป่หมิงโม่ไม่ได้ขับรถเร็วเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว กลับรู้สึกได้ว่าเชื่องช้าเป็นอย่างมาก
ในจุดนี้ เด็กทั้งสามคนล้วนรู้สึกได้ เพียงแต่ว่าไม่มีสักคนที่กล้าเอ่ยปากถาม
ผ่านไปครู่หนึ่ง เป่หมิงโม่ก็เอ่ยขึ้นว่า “พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดคุณแม่ของพวกลูกแล้ว วันนี้จะต้องดำเนินการตามแผนของพวกเราแล้ว ดังนั้น วันนี้รอพวกลูกเลิกเรียนกลับมาบ้าน ก็จะต้องเริ่มเตรียมตัวแล้วรู้หรือไม่”
“OK ครับพ่อ พ่อวางใจเถอะ เรื่องนี้จะต้องทำออกมาได้งดงามอย่างแน่นอน” หยางหยางนั้นเรื่องสำคัญไม่สนใจ แต่เรื่องไร้สาระนี่ตั้งใจมาก
“หยาง ลูกอย่าพูดจาน่าฟังขนาดนั้น ถึงเวลาต้องทำขึ้นมานั้นใจปรารถนาแต่ไร้แรงกาย”
“คุณพ่อครับ คุณพ่อวางใจเถอะ” เฉิงเฉิงพูด
ตั้งแต่ที่ได้ยินคุณพ่อพูดว่า จะลงมือปฏิบัติแผนการแล้ว ในใจเขาก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นี่เป็นเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ และแน่นอนว่าก็เป็นเรื่องของตัวเองด้วย
อีกอย่าง เพื่อวันนี้ เขาเองก็รอมาหลายปีแล้วเช่นกัน
สำหรับจิ่วจิ่วนั้น เป่หมิงโม่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยกำชับอะไรเป็นพิเศษ ขอเพียงแค่เธอปิดปากเงียบในเรื่องนี้กับคุณแม่ก็ใช้ได้แล้ว
สรุปว่า ตลอดทางนั้นเป่หมิงโม่ได้กำชับเรื่องต่างๆที่ต้องระวังมากมายให้กับเด็กๆ
นี่ก็เป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเขาล้วนต้องทำตัวเหมือนปกติ ไม่สามารถให้กู้ฮอนทราบเบาะแสร่องรอยใดๆได้
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเซอร์ไพร์สครั้งใหญ่ที่จะมอบให้กับเธอในวันพรุ่งนี้
แน่นอนว่า นี่ควรจะเป็นเซอร์ไพร์สอย่างหนึ่ง และก็เป็นเรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่ของคนทั้งครอบครัว
เด็กทั้งสามคน ก็เป็นอย่างที่พวกเขาสามารถรับประกันเอาไว้ได้ ปิดปากเงียบได้จริงๆ
แน่นอนว่า นั่นก็เป็นตอนที่เผชิญหน้ากับกู้ฮอน
เมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น ก็เหมือนกับในทุกๆวัน เล่าเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นตอนอยู่โรงเรียนให้กับคุณแม่ฟัง
กู้ฮอนก็เหมือนกับปกติที่ฟังเรื่องสนุกสนานในโรงเรียนของพวกเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ นี่เป็นเวลาส่วนตัวของพวกเขา
เป่หมิงโม่ก็ทำเหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว ก็หายเข้าไปอยู่ในห้องหนังสือ
และก็มีเพียงที่นี่เท่านั้น เขาถึงจะสามารถตรวจสอบการจัดการทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ได้เป็นความลับมากที่สุด
*
“เฮ้ ฉันว่านะเป่หมิงเอ้อ นายอย่ารบกวนผู้อื่นจะได้ไหม ในวันหนึ่งโทรศัพท์มาถึงแปดสาย” เสียงบ่นของชูหยุนเฟิงลอยออกมาจากในโทรศัพท์
“ทำไม นายหงุดหงิดหรือ ถ้าหากว่านายไม่ยอมช่วยฉันล่ะก็ พูดมาแต่เนิ่นๆสิ จะได้เลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ หน้าของฉันและนายคงไม่น่าดูเท่าไรนัก” สีหน้าของเป่หมิงโม่ขรึมลงในทันที
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ชูหยุนเฟิงก็เครียดขึ้นมาทันที “นี่มันเรียกว่าบ่นที่ไหนกัน ฉันก็แค่บอกว่านายไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นมากเกินไป นายพูดมาสิว่า พวกเราไม่กี่คนก็รู้จักกันมาเป็นระยะเวลาไม่น้อยแล้วนะ มีเรื่องไหนบ้างที่นายมอบหมายมาแล้วล่าช้า ผ่อนคลายหน่อย การแต่งงานครั้งหนึ่งในชีวิตของนาย รับประกันได้เลยว่าจะไม่ทำให้นายผิดหวัง ฮ่าๆ”
เป่หมิงโม่ก็แค่เครียดมากเกินไปเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อระยะเวลาล่วงเข้าใกล้มาเรื่อยๆ
เขาไม่เคยรู้สึกเคร่งเครียดแบบนี้กับเรื่องอื่นๆมาก่อน
แน่นอนว่า นี่ก็ไม่สามารถโทษเขาได้ทั้งหมด
ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยส่วนประกอบที่ไม่แน่นอนมากมาย
องค์ประกอบที่ไม่แน่นอนที่สุดก็คือกู้ฮอน
ทำเรื่องแบบนี้ลับหลังเธอออกมาเรื่องหนึ่ง พรุ่งนี้จะต้องทำให้เธอรู้สึกตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้างแน่นอน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบไหนกันนะ
ตอบรับอย่างยินดี หรือว่าหมุนตัวจากไปกัน
นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่แม้กระทั่งเป่หมิงโม่ก็ไม่สามารถควบคุมได้
แต่เขาก็รู้สึกว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้ว เขาจำเป็นจะต้องให้คำอธิบายกับเธออย่างหนึ่ง แน่นอนว่าก็เป็นการให้คำอธิบายกับผู้อาวุโสและรุ่นหลังของตัวเองด้วยเช่นกัน
นี่ก็เป็นวิธีการที่ผู้ชายคนหนึ่งจะแสดงความรับผิดชอบในครอบครัวและให้คำสัญญาได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง
*
“โม่ ทำไมลูกถึงยังไม่พักผ่อนอีก”
ในตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว กู้ฮอนและเด็กๆล้วนพักผ่อนกันแล้ว
ตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องหนังสือนั้นก็เห็นหวีหรูเจี๋ยและโม้จิ่งเฉิงนั่งอยู่บนโซฟา
ตอนนั้นโทรทัศน์ไม่ได้เปิด พวกเขามีท่าทางคล้ายกับว่ากำลังรอตัวเองอยู่
เขาพยักหน้า “พวกคุณแม่ก็ยังไม่ได้พักนิครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ตอนนี้คนที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงนั้นล้วนไปพักผ่อนแล้ว การพูดคุยระหว่างพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆขนาดนั้นอีกแล้ว
“โม่ ลูกตัดสินใจจะบอกเรื่องนี้กับเธอเมื่อไร ลูกไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ แม่กังวลว่าถึงตอนนั้นเอ่ยพูดกับฮอนกะทันหัน เกรงว่าเธอจะรับไม่ไหวในตอนแรก”
โม้จิ่งเฉิงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็พยักหน้าเห็นด้วย “ลุงก็คิดแบบนั้นเช่นกัน คล้ายกับว่าจำเป็นจะต้องให้เวลาเธอเล็กน้อยถึงจะดี”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าความคิดของผู้อาวุโสจะไม่เป็นไปในทางเดียวกันกับความคิดของตัวเอง”