เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 922 ผู้ชายคนนั้น
บทที่ 922 ผู้ชายคนนั้น
หัวหน้ากลุ่มโจรที่มีตัวประกันอยู่ในมือไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขของเป่หมิงโม่ง่าย ๆ เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อคุณเดินอยู่ข้างบนทั้งเส้นทางสีขาวและสีดำ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องรู้กฎของเส้นทางสีดำดีแล้วสินะ พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อทำเงิน แล้วเมื่อกี้นี้คุณก็เพิ่งทำลายธุรกิจของผม แบบนั้นแล้วคุณจะอธิบายอะไรหน่อยไหม นอกจากถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่เอาเงินก็ได้ พี่น้องของผมยังมีครอบครัวให้ต้องเลี้ยงดู…”
…
หัวหน้ากลุ่มโจรแสดงให้เห็นว่านอกจากตัวประกันในมือแล้ว เขามีคนอีกมากมาย ถ้าเกิดต้องต่อสู้กันแบบหนึ่งต่อหก เป่หมิงโม่ก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เป่หมิงโม่เองก็รู้ดีว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และหากเขาลงมือก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คุณแม่และเด็ก ๆ จะได้รับบาดเจ็บ
มาถึงตอนนี้เป่หมิงโม่พี่ไม่เคยกลัวสิ่งใดมาตลอดจำเป็นต้องนำแนวทาง “ยอมโอนอ่อนเพื่อพิทักษ์แผ่นดิน” มาใช้
คำพูดของเขาเองก็เบาลงเล็กน้อย “ที่พวกแกพูดมาก็มีเหตุผล เอาอย่างนี้ไหม แกบอกตัวเลขมา ถ้าฉันรับได้ฉันจะเซ็นเช็คให้แกทันที คิดว่าไง”
“ยอดเยี่ยม!” หัวหน้ากลุ่มโจรแอบดีใจ ไม่คิดเลยว่าเขาขู่นิด ๆ หน่อย ๆ ผู้ชายตรงหน้าก็ยอมอ่อนข้อให้แล้ว ดูท่าแล้วหมอนี่คงเป็นพวกที่ชอบวางท่าใหญ่โตไปอย่างนั้นเอง
ในตอนนี้เอง หนึ่งในสมาชิกกลุ่มโจรก็เดินเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบข้างหูลูกพี่ใหญ่สองสามประโยคด้วยเสียงเบา
หัวหน้ากลุ่มโจรตกตะลึงก่อน จากนั้นเขาก็หันไปมองเป่หมิงโม่ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ แล้วพูดกับคนคนนั้นด้วยเสียงเบา “แกแน่ใจนะว่าดูไม่ผิด”
ชายคนนั้นพยักหน้าด้วยสีหน้ามั่นใจ “ไม่ผิดแน่นอน ถ้าผมบอกผิดลูกพี่ให้ไอ้เด็กที่อยู่ในมือมาแทงผมได้เลย” เขาลงเดิมพันหนักแน่น
รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มโจร ยังรู้สึกปลาบปลื้มใจหลังจากถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง คนที่ ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนอีกต่อไป แต่เป็นลอตเตอรี่รางวัลใหญ่
เป่หมิงโม่มองคนสองคนที่กำลังกระซิบกระซาบกันเสียงเบา ทั้งยังหันมองมาที่เขาเป็นระยะ ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังเริ่มพิจารณา
หัวหน้ากลุ่มโจรเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเป่หมิงโม่ “ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณก็น่าจะเป็นท่านประธานเป่หมิงโม่ของบริษัทเป่หมิงสินะ”
ตอนที่ถูกเรียกชื่อของตัวเอง เป่หมิงก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพของเขาเองก็เพิ่งจะปรากฏขึ้นทางทีวีเมื่อยี่สิบสี่ชั่วโมงที่แล้ว
ถ้าหัวหน้ากลุ่มโจรพวกนี้ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครอีก ก็ประหลาดมากแล้วจริง ๆ
“แกพูดถูก เป็นฉันเอง แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่ใช่ประธานอีกต่อไปแล้ว” เป่หมิงโม่ตอบกลับไปอย่างสบาย ๆ
หัวหน้ากลุ่มโจรส่ายหน้าและหัวเราะแห้งๆไปสองที “ท่านประธานเป่หมิงล้อกันเล่นแล้ว คุณอย่ามาทำเป็นร้องไห้ต่อหน้าคนจนๆนักเลย บริษัทเป่หมิงมีเงินมากมายจนใช้ไม่หมดไปจนชั่วอายุคน เงินพวกนั้นใช้กี่ชาติก็ใช้ไม่หมด พุ่งเข้ามาแบบนี้ มีใครมาบอกว่าไม่ต้องการก็ไม่ต้องการแล้ว มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ ”
“เมื่อวานพวกแกไม่ได้ดูข่าวหรือไง ฉันพูดชัดเจนแล้ว”
หัวหน้ากลุ่มโจรหันไปมองลูกน้องที่เพิ่งมากระซิบกับเขายังไม่อยากจะเชื่อ ชายคนนั้นพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
เส้นสีดำสองสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของเขาทันที เดิมทีคิดว่าการปรากฏตัวของเป่หมิงโม่ จะทำให้พวกเขานับว่าสามารถจับปลาตัวใหญ่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยกการซื้อขายนี้ให้คนอื่น
พระเจ้า นี่มันจะเล่นตลกกับเขามากเกินไปแล้ว
ไม่ได้ โบราณว่า “คิดจะขโมยแล้วจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้” ในเมื่อเขาไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว งั้นก็เอาของที่อยู่กับตัวเขาไปแล้วกัน
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว หัวหน้ากลุ่มโจรก็ยิ้มอย่างใจเย็น จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งไปทางเป่หมิงโม่ “ท่านประธานเป่หมิงช่างเป็นลูกผู้ชายดีจริง ๆ วงศ์ตระกูลที่มีมูลค่านับร้อยล้านบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาได้แล้ว แต่ว่านะ มีประโยคที่พูดกันว่า ‘อู่ผอม ๆ ที่ตายแล้วยังตัวใหญ่กว่าม้า’ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังคงมีชื่อของตระกูลเป่หมิงอยู่ แม้ว่าจะไม่มี บริษัทเป่หมิงแล้ว ยังไงคุณก็ยังเป็นคนที่ร่ำรวยอยู่ดี ดังนั้นแล้วในเมื่อทุกคนต่างก็มีชะตากรรมเช่นนั้น คุณยอมกัดฟันสักหน่อย ก็พอให้พวกพี่น้องได้สนุกกับมันอย่างเต็มที่ ”
***
เป่หมิงโม่ยิ้มเล็ก ๆ “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ขอแค่พวกแกบอกตัวเลขมา ฉันจะเช็คให้” พูดพลางหยิบสมุดเช็คกับปากกาออกมาจากกระเพ่อเสื้อตัวนอก
พอได้เห็นสมุดเช็คพวกโจรก็ค่อนข้างที่จะตื่นเต้น พากันเช็ดไม้เช็ดมือ ราวกับเห็นหม้อต้มเนื้อร้อน ๆ วางอยู่ตรงหน้าตัวเอง เพียงแค่พวกเขายื่นมือออกไปก็จะสามารถกินจนริมฝีปากเต็มไปด้วยน้ำมันได้ทันที
คนที่ยังพอจะใจเย็นได้ก็คงมีแค่หัวหน้ากลุ่มโจร กวาดตามองพวกลูกน้องของตัวเอง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ดูท่าทางพวกนั้นของพวกแกสิ ท่าทางน่าเอือมระอาเหมือนไม่เคยเห็นเงินมาก่อน ไม่ใช่ว่าเมื่อ 2 วันก่อนฉันเพิ่งจ่ายเงินจะให้พวกแกไปหรือไง”
พอถูกลูกพี่ใหญ่ว่าแบบนี้แล้ว ทันใดนั้นก็พากันเงียบไปสองสามคน แน่นอนว่ายังมีคนบ่นออกมาได้เสียงเบาอย่างไม่พอใจ “แบบนั้นเรียกว่าเงินเดือนได้เหรอ กลับบ้านไปซื้อข้าวสารหนึ่งกระสอบกับน้ำมันหนึ่งถังก็หมดแล้ว…”
ทว่ายังพูดได้ไม่ทันจบ ก็ถูกสายตาของหัวหน้ากลุ่มโจรจนต้องกลืนคำพูดที่เหลือกลับไป
หัวหน้ากลุ่มโจรยกยิ้ม “พูดเรื่องจำนวนเงินน่ะมันง่าย พวกเราเองก็ไม่ใช่คนโลภอะไรขนาดนั้น สองคนนี้เป็นพ่อแม่ของคุณนะ” พูดพลางชี้ไปที่หวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิง
ตั้งแต่ที่โม่เป่หมิงปรากฏตัวหวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิงก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยังไงก็ล้วนเป็นคนที่รักลูก โดยเฉพาะหวีหรูเจี๋ย เธอไม่อยากให้ลูกต้องพลาดพลั้งเพราะตัวเองอีก
เมื่อกี้นี้โม้จิ่งเฉิงก็พูดว่าให้ตัวเขาเป็นตัวประกัน แล้วให้เธอกับเด็ก ๆ อีกสามคนรีบหนีไป
“โม้ ลูกไม่ต้องกังวลว่าพวกเราที่นี่จะไม่ปลอดภัย รีบไป พวกเรามีจิ่งเฉิงคอยช่วยเหลืออยู่ ”
“ยายแก่ผู้นี้ คุณพูดแบบนี้ไม่ถูกนา คุณชายเป่หมิงเต็มใจจ่ายเงินเพื่อช่วยพวกคุณสองคน ได้มาเป็นลูกกตัญญู พวกคุณจะไม่ให้โอกาสเขาแสดงความกตัญญูหน่อยเหรอ” หัวหน้ากลุ่มโจรพูดจบก็มองไปที่เด็ก ๆ ทั้งสามคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายื่นมือออกไปและบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของหยางหยาง “ดูเด็กทั้งสามคนนี่สิ น่ารักและเชื่อฟังมากขนาดไหน โอ้ ฉันเพิ่งจะเห็นว่ายังมีฝาแฝดอีกคู่หนึ่ง ท่านประธานเป่หมิง คุณนี่มีความสุขจริง ๆ เลยนะ”
ฟังหัวหน้ากลุ่มโจรเอาแต่พูดโน่นพูดนี่ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ยอมพูดถึงจำนวนเงินค่าไถ่สักที
เป่หมิงโม่รู้ดีว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะแอบ ‘ขึ้นราคา’ สามารถแปลความออกมาได้ว่า นี่เป็นญาติของคุณ คุณก็คิดหาวิธีเอา
“โอเค อ้อมค้อมกันได้แล้ว ฉันเสนอให้แกก่อนจำนวนหนึ่ง” เป่หมิงโม่พูดพลางเปิดสมุดเช็ค แล้วเขียนจำนวนตัวเลขลงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็ใช้สองนิ้วหนีบเอาไว้ แล้วเขย่ามันต่อหน้าหัวหน้ากลุ่มโจร “จะปล่อยคนก่อน แล้วฉันจะส่งมันให้แก”
“ฮ่า ๆ ประธานเป่หมิง นี่มันสุดยอดไปเลย ไม่ว่าคุณจะให้ราคาเท่าไหร่ผมก็ยอมรับทั้งนั้น นี่ก็ถือได้ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่ผมยังปล่อยครอบครัวของคุณไปไม่ได้ เกรงว่าผมไม่สามารถที่จะทำตามเงื่อนไขของคุณได้” ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มโจรยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เฮ้ย คิดจะหลอกกันหรือไง พ่อของฉันก็ให้เก็บเงินแกแล้วนี่ พวกแกไม่รีบปล่อยเราไปอีก” หยางหยางสอดปากขึ้นมาอย่างโมโห
เด็กชายเกลียดหัวหน้ากลุ่มโจรคนนี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกี้นี้อีกฝ่ายดึงหูของเขาจนเจ็บไปหมด
หัวหน้ากลุ่มโจรหัวเราะ “ไอ้หนู ฉันไม่ได้หลอกอะไรสักหน่อย ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อพวกพี่น้อง ข้างนอกมีคนล้อมอยู่เยอะขนาดนั้น ถ้าปล่อยพวกแกออกไป ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็คงถูกคนจับได้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะได้เงินมา แต่กลับไม่มีที่ให้ใช้ ดังนั้นพวกเราต้องรบกวนพวกแกสักเล็กน้อย ให้อยู่กับเราไปสักพัก รอพวกเราปลอดภัยเมื่อไหร่ก็จะปล่อยพวกแกไป วางใจได้ พวกเราเป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชน น่าเชื่อถือมากกว่าพ่อค้าหน้าเลือดพวกนั้น”
***
หยางหยางมองหัวหน้ากลุ่มโจรอย่างระแวงสงสัย และชี้ไปที่หูที่ถูกดึงของเขาอย่างกระตือรือร้น ผู้ชายคนนี้เชื่อถือได้จริง ๆ เหรอ
หัวหน้าจอหันหน้ากลับมา “คุณชายเป่หมิง ผมพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว นับว่าคุณก็ควรที่จะสบายใจได้แล้ว” พูดภาษาเขาก็ขยับเข้าไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว แล้วยื่นมือไปหยิบให้มาจากมือของเป่หมิงโม่
แต่ก่อนที่มือของเขาจะจับลงบนเช็ค เป่หมิงโม่ก็ดึงมันกลับไป
หัวหน้ากลุ่มโจรมีสีหน้าขมขื่น “คุณชายเป่หมิง คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือว่าคุณไม่เชื่อพวกเราอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ในเมื่อฉันเขียนเช็คแล้ว ก็หมายความว่าฉันอนุมัติแล้ว แกก็รู้ว่าฉันเป็นคนในวงการธุรกิจ ในฐานะของนักธุรกิจแล้ว ถ้าไม่ได้เห็นประโยชน์ที่พอจะเป็นไปได้จริง ๆ ก็ไม่มีทางที่จะลงทุน ประโยชน์ที่ฉันต้องการก็คือการได้เห็นครอบครัวของฉันออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย ”
“นี่…คุณชายเป่หมิง ความต้องการนี้ของคุณสำหรับพวกเราแล้วมันเป็นไปได้ยากมากจริง ๆ ” หน้ากลุ่มโจรดูเหมือนจะอายเล็กน้อย ในแง่หนึ่งเขากระตือรือร้นที่จะได้รับเงิน แต่ในทางกลับกันเขาไม่ได้โง่ ออกไปจากที่นี่โดยการอาศัยของที่ตัวเองเอามาไม่กี่ชิ้นกับพรรคพวกประเชิญหน้ากับคนหลายสิบคนข้างนอก…เขายังไม่รู้อีกว่าข้างล่างตึกจะมีคนอยู่อีกกี่คน ถ้าพวกเขาอยากหนีออกไปอย่างปลอดภัยก็ต้องมีแต้มต่ออยู่ในมือ
“ได้ ฉันรู้ว่าพวกแกกำลังคิดอะไรอยู่ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะเสนอเงื่อนไขอีกข้อ เหลือฉันไว้เป็นตัวประกัน แล้วปล่อยคนอื่นไป”
“โม่ ให้แม่อยู่บนตัวประกัน แล้วแกพาพวกเด็ก ๆ หนีออกไป” หวีหรูเจี๋ยรักถนอมลูกชายมาก นอกจากนี้การอยู่ที่นี่ในฐานะตัวประกันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ฉันต้องแบกรับความเสี่ยงอีกมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนสุดท้าย เพื่อให้พวกมันจะหลบหนีแล้ว อาจจะถูกพวกโจรฆ่าหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันอื่น ๆ ก็เป็นได้
“หรูเจี๋ย คุณจะเป็นตัวประกันได้ยังไง สภาพของคุณในตอนนี้ต้องการคนดูแล คุณยังมีโม่กับเด็ก ๆ อีกสามคน ผมจะเป็นตัวประกันเอง” โม้จิ่งเฉิงรักหวีหรูเจี๋ยเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาต้องยอมรับสายด้วยตัวเอง
หัวหน้ากลุ่มโจรทุกสถานการณ์ตรงหน้าทำให้เวียนหัวไปหมด เขาไม่เคยเห็นใครแย่งกันเป็นตัวประกันมาก่อน
ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเป่หมิงโม่ที่ยุติข้อพิพาทเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ “พวกคุณเลิกเถียงกันได้แล้ว ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะเป็นตัวประกันเอง พวกคุณไม่แก่ก็เด็ก ไม่ว่าใครที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีทางทนไหว”
พูดพลางก็หันไปมองหัวหน้ากลุ่มโจร “ตอนนี้ไม่ว่าคนหรือเงินก็อยู่ในมือของพวกแก แบบนี้น่าจะวางใจได้แล้วใช่ไหม”
“ฮ่า ๆ วางใจแล้ว วางใจแล้ว มีท่านประธานเป่หมิงโม่ยอมเป็นตัวประกันด้วยตัวเอง ก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับพวกเราแล้ว นอกจากนี้ยังทำให้เห็นหัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญูของคุณ ทุกวันนี้ในกลุ่มของพวกคนรวย ๆ มีลูกชายที่กตัญญูอย่างคุณน้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นลูกเศรษฐีจอมสุรุ่ยสุร่าย เพื่อที่จะแย่งชิงสมบัติในบ้านแล้วต่างก็เผชิญหน้ากันอย่างไร้ความรู้สึก…” มีเป่หมิงโม่หัวหน้ากลุ่มโจรก็ดีใจนิดหน่อย ปากเริ่มที่จะปิดไม่อยู่
ทว่าในใจของเขาชัดเจนแจ่มแจ้งดี มีคนอย่างเป่หมิงโม่อยู่ในมือมันดียิ่งกว่าส่วนชุดเกราะที่ฟันแทงไม่เข้าเสียอีก คุณสมบัตินี้มีความหมายยิ่งกว่าการลักพาตัวVictor Li Tzar KuoiของCheung Tze-keungในฮ่องกงด้วยซ้ำ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า มันเหมือนกับการลักพาตัวเหลย์ก๊าเส่งบนจีนแผ่นดินใหญ่
เมื่อถึงตรงนี้ ร่างกายของหัวหน้ากลุ่มโจรก็เริ่มสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น แม้แต่มุมปากของเขาก็กระตุกเล็ก ๆ เรียกก็ไม่ได้ยิน
“ลุงคงไม่ได้เป็นโรคลมชักหรอกใช่ไหม โรคนี้รอช้าไม่ได้นะต้องรีบรักษาด่วน”