เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 923 เอาใจเขามาใส่ใจเรา
บทที่ 923 เอาใจเขามาใส่ใจเรา
เฉิงเฉิงกัดฟัน เขาอดที่จะยื่นมือออกไปหยิกเอวของหยางหยางไม่ได้ นี่มันเวลาไหนกันแล้วเจ้าเด็กคนนี้นี่ ยังพูดจาปากไม่มีหูรูดอยู่ได้
คุณพ่อยอมเสียสละตัวเองเป็นตัวประกัน เพื่อแลกกับความปลอดภัยของคุณปู่โม้ คุณย่าหวี และลูก ๆ อีกสามคน
ถ้าเจ้าหมอนี่ยังทำตัวปากไม่มีหูรูด แล้วทำให้หัวหน้ากลุ่มโจรโกรธขึ้นมาอีก ที่คุณพ่ออุตส่าห์พยายามมาทั้งหมดจะไม่เสียเปล่าเอาเหรอ
“โอ๊ย! นายหยิกฉันทำไมเนี่ย” หยางหยางหันไปมองเฉิงเฉิงอย่างไม่พอใจ
ยังดีที่ว่าหัวหน้ากลุ่มโจรที่ยังคงตื่นเต้นเกินไปไม่ได้ยินคำพูดเมื่อกี้นี้ของหยางหยาง แต่ถึงอย่างไรพวกโจรคนอื่นก็ยังได้ยิน พวกเขามองไปที่ท่าทางของลูกพี่ใหญ่อีกครั้ง เป็นอย่างที่เด็กนั่นพูดจริง ๆ พวกเขาเม้มริมฝีปากแน่นไม่กล้าที่จะหัวเราะออกมา
หลังจากตื่นเต้นไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดหัวหน้ากลุ่มโจรก็กลับมาเป็นปกติ เขาหันไปแล้วโบกมือให้ลูกน้อง “รีบปล่อยคนไป”
เมื่อลูกพี่สั่งแล้วพวกลูกน้องก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ทยอยพากันหลบทางให้
เมื่อสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย โม้จิ่งเฉิงก็ช่วยประคองหวีหรูเจี๋ยที่ค่อนข้างจะอ่อนแรงเดินออกไปข้างนอก แล้วยังหันมาพูดเป็นระยะ “เด็ก ๆ ตามมาเร็วเข้า”
ตอนที่พวกเขาเดินผ่านเป่หมิงโม่ หวีหรูเจี๋ยมองไปที่ลูกชาย ทำราวกับว่าต้องตายจากกันอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาแดงก่ำ หยดน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย “โม่ อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
เป่หมิงโม่มองผู้เป็นแม่ ในใจของเขาปรากฏความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ติดตัวไว้ออกมาให้หวีหรูเจี๋ยเช็ดน้ำตา “คุณแม่ วางใจเถอะ ผมจะต้องกลับไปอย่างปลอดภัย ก่อนที่ผมจะกลับมา ก็ฝากคุณแม่ดูแลพวกเด็ก ๆ แทนผมด้วย”
“ได้ ได้…” หวีหรูเจี๋ยพยักหน้ารัว เธอได้ยินลูกชายเรียกตัวเองว่า ‘แม่’ อีกครั้งแล้ว ตอนที่อยู่บนเรือก่อนหน้านี้เขาพูดมันออกมาโดยไม่ทันระวัง แต่ครั้งนี้เธอฟังออกว่าลูกชายเรียกมันออกมาจากใจจริง
โม้จิ่งเฉิงตบไหล่เป่หมิงโม่ “โม่ แกวางใจเถอะ ฉันจะดูแลแม่กับลูก ๆ ของแกให้เอง รีบกลับมาล่ะ หลังจากนี้พวกเขายังต้องคาดหวังในตัวแก”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “วางใจเถอะ ตลอดมาผมยังไม่เคยขอบคุณคุณเลย ขอบคุณที่หลายปีนี้คอยดูแลแม่ของผม…”
“โม่ หมายความว่ายังไง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดอะไรแบบนี้นะ” โม้จิ่งเฉิงพูดจบก็หันไปถลึงตาใส่หัวหน้ากลุ่มโจรอย่างแค้นเคือง
โม้จิ่งเฉิงเองก็เป็นคนที่มาจากเส้นทางสีดำ ออร่าของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเป่หมิงโม่ บางทีอาจจะเหนือกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ กลุ่มอิทธิพลมืดที่เขาจัดการดูแลในตอนนั้น แม้แต่ในยุโรปและอเมริกาก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ถ้าหากเขาเอาจริงขึ้นมา จะไปเทียบกับหัวหน้ากลุ่มโจรกระจอก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ยังไง
หัวหน้ากลุ่มโจรถูกสายตาของเขาจ้องจนสะดุ้ง แม้ว่าในหัวใจของเขาจะรับรู้ได้ถึงความโหดร้ายของชายชราคนนี้ แต่ในฐานะลูกพี่ใหญ่เขาไม่สามารถที่จะเผยความกลัวออกมาต่อหน้าลูกน้องได้
“ฉันเตือนแกไว้เลยนะ ได้เงินแล้วก็รีบหนีไป ไม่อย่างนั้นแก๊งสามจู๋จะจัดการแก” พูดจบก็ประคองหวีหรูเจี๋ยเดินออกไป
เมื่อเห็นพวกคนแก่เดินออกไปแล้ว หัวหน้ากลุ่มโจรก็หันไปหัวเราะกับพวกลูกน้องอย่างจองหอง “แก๊งสามจู๋ ฉันก็เป็นแก๊งหลีปาละวะ ไม่เคยได้ยินโว้ย”
แต่คนในกลุ่มโจรที่จำเป่หมิงโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินชื่อ ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง
“คุณพ่อจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะครับ”
“พ่อต้องช่วยแก้แค้นให้ผมนะ เมื่อกี้หมอนั่นมันดึงหูผมอยู่เจ็บอยู่เลย…โอ๊ย เฉิงเฉิงนายหยิกฉันทำไมเนี่ย” หยางหยางขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ยแล้วมองเฉิงเฉิงอย่างโมโห
***
สองพี่น้องข้างหน้าพูดจบแล้ว สุดท้ายก็ถึงตาจิ่วจิ่ว เธอเงยหน้ามองเป่หมิงโม่ที่หล่อเหลามากอย่างเขินอาย
นี่อาจเป็นเพราะบางทีเธอกำลังจ้องมองคุณพ่ออย่างละเอียดมากจริงๆ
ในหัวเล็ก ๆ ของเธอเกิดคำถามน่าสงสัยขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ทำไมหม่ามี๊ถึงเอาแต่เรียก พ่อ ว่าปีศาจล่ะ วันนี้เขากำลังช่วยพวกเธออยู่นะ
เห็นลูกสาวตัวน้อยยังคงมีสีหน้ากลัว ๆ แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เป่หมิงโม่ก็ยิ้มน้อย ๆ “ลูกไปกับคุณย่าและพวกพี่ ๆ ก่อน ตอนเย็นกลับไปแล้วพ่อจะเอาของขวัญไปให้”
จิ่วจิ่วพยักหน้า สุดท้ายเธอก็พูดออกมาว่า “ต้องกลับมานะคะ”
“แน่นอน”
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นบทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างเขากับลูกสาว แต่เป่หมิงโม่กลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก นี่ก็หมายความว่าลูกสาวจะไม่หลบหน้าหรือไม่พูดคุยกับเขาแล้ว
ระหว่างที่กำลังมีความสุขอยู่นั่นเอง เขาก็หันกลับไปมองแม่ของตัวเองที่อยู่ข้างกายโม้จิ่งเฉิง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็ไม่เคยพูดอะไรกับเธอเลย
คิดว่าแม่ก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเขานัก
ไม่ได้เลี้ยงลูก จึงไม่รู้บุญคุณพ่อแม่ ประโยคนี้ทิ้งรอยลึกไว้ในใจของเป่หมิงโม่
เขาใช้สายตามองส่งโม้จิ่งเฉิง หวีหรูเจี๋ย และเด็ก ๆ อีกสามคนไปจนถึงที่ปลอดภัย และถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุ้มครองลงไปข้างล่าง
ตอนนี้ข้างในก็เหลือแค่เป่หมิงโม่กับโจรอีกหกคน
“ฮ่า ๆ คุณชายเป่หมิง คุณเห็นหรือยังว่าพวกเราน่าเชื่อถือมากขนาดไหน ผมทำตามความต้องการของคุณแล้ว ตอนนี้พวกเราควรจะจบการทำธุรกิจกันได้แล้วใช่ไหม”
หัวหน้ากลุ่มโจรคำนวณเอาไว้แล้ว ขอแค่เช็คของเป่หมิงโม่มาอยู่ในมือของเขา ในทางหนึ่งสามารถใช้อีกฝ่ายเป็นเกราะคุ้มกันให้พวกเขาหลบหนีออกไปอย่างปลอดภัย ส่วนอีกทางหนึ่ง…
ตอนนี้พวกโจรต่างโลภกันขึ้นมาแล้ว เริ่มที่จะไม่รู้จักพอ เขาคิดอะไรดี ๆ เอาไว้แล้ว หลังจากที่พวกเขาหนีไปได้ก็ไม่มีทางที่จะยอมปล่อยเป่หมิงโม่ นี่มันต้นไม้เงินชัด ๆ จะปล่อยง่าย ๆ ได้ยังไง
ถึงเวลานั้นเขาจะเรียกเงินสิบยี่สิบล้านจากตระกูลเป่หมิง หรือต่อให้มากกว่านี้ก็ยังได้ อย่างที่เขาบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ ตระกูลเป่หมิงร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมือง A ว่ากันว่ามีเงินใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด
ตอนที่ข่าวเรื่องโจรปล้นสวนสนุกเพิ่งจะออกมา มันก็ถูกกระจายไปทั่วแล้ว
พวกตำรวจรีบเข้ามาจัดการอย่างรวดเร็ว พวกเขามาถึงตั้งแต่ที่คนกลุ่มแรกหนีออกไปได้แล้ว แต่จำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจมีไม่มากนัก การจัดวางกำลังคนได้ถูกคนที่ได้รับความช่วยเหลือพวกนั้นใช้ไปจนหมด ดังนั้นหน้าทางเข้าของห้องโถงชมวิว จึงเหลือเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสวนสนุก
นอกจากตำรวจแล้ว พวกผู้สื่อข่าวก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน วันๆของผู้สื่อข่าวพวกนี้ก็ไม่ได้ดีอะไร พวกเขามาเพื่อหาข่าว
แม้กระทั่งเรื่องที่เด็กประถมกำลังช่วยพยุงคุณยายแก่ ๆ ข้ามถนนก็ยังเอามาขึ้นจอ เรื่องโจรปล้นสวนสนุกนี้ก็เหมือนกับเศษขนมปังกรอบที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
พวกเขาแทบจะมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นก็เริ่มสัมภาษณ์ผู้ที่มีออกมาได้ ทำกระทั่งถ่ายทอดสดตามจุดต่าง ๆ
ในขณะนั้นเอง แอนนิกับลั่วเฉียวก็เพิ่งป้อนเด็กทารกจนอิ่ม และพยามกล่อมเขาให้หลับ
“โอ้ ๆ ในที่สุดท่านบรรพบุรุษตัวน้อยก็หลับจนได้ ถ้ารู้ว่าเลี้ยงเด็กมันยากขนาดนี้ ตอนนั้นไม่ว่าจะพูดยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้เขาเกิดมา เธอเห็นไหม ตั้งแต่ที่เขาเกิดมาพวกเรามีใครได้นอนหลับดี ๆ สักครั้งบ้าง เหนื่อยจนจะสภาพเหมือนหมาแล้ว”
“หงิง…” เบลล่าที่นอนหมอบอยู่หน้าประตูห้องนอนราวกับได้ยินเสียงตำหนิของลั่วเฉียว หูของมันยกตั้งแล้วเงยหน้าส่งเสียงครางเบา ๆ ไปยังลั่วเฉียว แสดงความไม่พอใจกับการเปรียบเทียบของเขา
***
ลั่วเฉียวนั่งลงบนเตียง เหลือบมองไปที่เบลล่า พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการขอโทษอย่างตั้งใจ “ขอโทษทีที่ดึงแกเข้ามาด้วย ฉันรับรองเลยว่าคำพูดเมื่อกี้นี้ไม่ได้ด่าแกอย่างแน่นอน ให้อภัยฉันด้วยนะ รอพวกเด็ก ๆ กลับมาแล้ว ฉันจะช่วยแกพูดกับพวกเขาเพราะ ๆ สักสองสามประโยค แล้วก็จะปรับมาตรฐานอาหารของแกให้ดีขึ้น แกคิดว่าไง”
‘เบลล่า’ พอใจกับการขอโทษอย่างจริงใจแบบนี้ของเธอเป็นอย่างมาก มันนอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างขี้เกียจต่อไป
“อยู่บ้านทั้งวันน่าเบื่อจะตาย แอนนิพวกเราดูทีวีกันเถอะ” ลั่วเฉียวอดอยากดูทีวีไม่ได้
“เขาเพิ่งหลับไปเองนะ ทำแบบนี้จะไม่เป็นการปลุกเขาเหรอ” แอนนิชินกับคำบ่นประเภทนี้ของลั่วเฉียวมีมาแทบทุกวันแล้ว
“ไม่เป็นไร เบาเสียงลงหน่อยก็ได้ มา ส่งรีโมทมาให้ฉัน”
ลั่วเฉียวหยิบรีโมทมา แล้วเอาแต่เปลี่ยนช่องไม่หยุด เปลี่ยนอยู่สองสามครั้งก็เปิดไปที่ช่องข่าวท้องถิ่น
“ลั่วเฉียวอย่าเพิ่งเปลี่ยนก่อน ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เอ๊ะ นั่นไม่ใช่สวนสนุกแถวหรอกนี้เหรอ” แอนนิยังคงตาดี
หลังจากที่แอนนิพูดขึ้น ลั่วเฉียวก็ตั้งใจดู “ใช่แล้ว เป็นสวนสนุกนั่นจริง ๆ แอนนิ วันนี้เป่หมิงโม่พาเด็ก ๆ ไปสวนสนุกใช่ไหม พวกเขาคงไม่ได้…”
แอนนิขมวดคิ้วน้อย ๆ “คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง ดูสิ ในข่าวบอกว่าพวกโจรควบคุมศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเอาไว้ พวกเป่หมิงโม่น่าจะกำลังเล่นเครื่องเล่นอื่นอยู่ ลั่วเฉียวเธออย่าเพิ่งตกใจ”
ในทีวียังคงมีการรายงานเหตุการณ์การโจรกรรมอย่างต่อเนื่อง
มีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งเข้าไปขวางคนที่กำลังวิ่งออกมาจากด้านใน จากนั้นก็สอบถามว่ายังมีคนอยู่ข้างในอีกไหม
คนคนนั้นตกใจมากแล้วพูดว่า “ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนนัก ดูเหมือนว่าพวกโจรจะจับคนแก่สองคนกับเด็กอีกสามคนเป็นตัวประกัน”
“ลั่วเฉียวดูนั่น คนแก่สองคนเด็กสามคน เป่หมิงโม่พาเด็ก ๆ ไปสามคน แต่เขาไม่น่าจะถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนแก่นะ เป่หมิงโม่เกาะหนึบเสียยิ่งกว่าลิง ไม่มีทางที่จะถูกจับเป็นตัวประกันแน่ นอกจากนี้ จากนิสัยของเขาแล้ว แม้ว่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ก็คงไม่ไปรวมตัวกันอยู่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หรอก”
“แอนนิ บอกฉันทีสิว่าพวกโจรที่เข้าไปปล้นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวพวกนี้นี่โง่หรือเปล่า ถ้าอยากได้เงินก็ไปธนาคารสิ ไปสวนสนุกจะได้สักเท่าไหร่ นอกจากนี้ตั๋วของที่นี่ก็ยังเป็นแบบเหมารอบด้วย” ลั่วเฉียวพูดวิจารณ์
“ลั่วเฉียว ช่างเถอะเลิกดูได้แล้ว” แอนนิเองก็ไม่ได้อยากดูรายงานข่าวที่ทำให้คุณรู้สึกกลัวได้ง่าย ๆ นี้แล้ว
“ไม่เอา ฉันละอยากจะรอดูว่าพวกโจรหน้าโง่พวกนี้จะถูกจับยังไง ไอคิวแค่นี้จะหนีไปไหนได้ ” ลั่วเฉียวชอบยื่นเท้าเข้าไปร่วมสนุกกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองเอามาก ๆ ได้พบเรื่องแบบนี้แล้วไม่เข้าไปมีส่วนร่วมก็คงไม่ได้
การรายงานข่าวทางทีวียังคงดำเนินต่อไป ทว่าจากนั้นไม่นานหลังจากที่ตำรวจจัดการคนที่หนีออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็เริ่มปิดทางเข้าออกศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าเจรจาต่อไป
ผู้สื่อข่าวที่มาถึงหน้าประตูศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกล่าวว่า “จากที่พวกเราทราบถึงสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ ด้านในห้องโถงชมวิวที่อยู่ชั้นบน มีกลุ่มโจรที่มีอาวุธครบมือจำนวนหกคน ในมือของพวกเขามีคนแก่สองคนและเด็กสามคน นอกจากนี้พวกเรายังได้ยินข่าวที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก ตอนที่กลุ่มโจรพวกนั้นเข้าไปข้างในห้องโถงชมวิว พวกเขาก็สามารถควบคุมคนทั้งหมดเอาไว้ได้แล้ว จนกระทั่งหลังจากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่ทันได้คาดคิด เขาสามารถดึงดูดความสนใจของพวกโจรได้สำเร็จ ทำให้คนอื่น ๆ สามารถหนีออกมาได้ ความจริงแล้วคนคนนั้นเป็นใครกันแน่ ใครกันที่กล้าเผชิญหน้ากับกลุ่มอาชญากรชั่วร้ายพวกนั้นเช่นนี้ เชิญทุกท่านติดตามการรายงานของพวกเราต่อไป
***
ลั่วเฉียวนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง โดยมีรีโมทอยู่ในมือ
ในตอนนั้นเองสถานีโทรทัศน์ “ตรงเวลามาก” ก็เริ่มแทรกการออกอากาศโฆษณา