เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 932 คนสองประเภท
บทที่ 932 คนสองประเภท
เป่หมิงยี่เฟิงรินเต็มแก้วให้ตัวเองอีกครั้ง แล้วก็จิบไปนิดหน่อย เขามองไปที่เป่หมิงโม่และยิ้มเล็กน้อย “อาสองช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆเลย ประโยคนี้ตรงกับที่ผมอยากจะพูดกับอาเลย หลายปีมานี้ ผมไม่เคยชินกับการกระทำที่เอาแต่ใจของอาเลย และฉันก็อดทนกับอามานานมากแล้ว จนกระทั่งสองวันมานี้ ฉันก็ไม่ได้เกลียดอาขนาดนั้นแล้ว”
หลังจากที่เป่หมิงโม่ได้ฟังประโยคนี้แล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เป็นเรื่องปกติที่บางคนจะไม่คุ้นเคยกับการกระทำก่อนหน้านี้ของเขา เขาลุกจากที่นั่งและเดินช้า ๆ ไปที่ขอบดาดฟ้า
หันหน้ารับลมและมือทั้งสองก็จับไปที่รั้ว ใต้เท้าเป็นเมืองที่พลุกพล่านคึกคักและมีชีวิตชีวา ตรงหน้าเป็นท้องฟ้าสีคราม บางทีอารมณ์ของตัวเองควรจะกว้างเหมือนท้องฟ้าผืนนี้หน่อย หรือว่าต้องรีบร้อน ลุกลนเหมือนใต้เท้าถึงจะรู้สึกถึงความสบายหรอ?
“ฉันสนใจอยากจะฟังเหตุผล ว่าอะไรที่ทำให้นายไม่ได้เกลียดฉันมากขนาดนั้น”
***
เป่หมิงยี่เฟิงคิดว่าคำพูดของเขาอาจทำให้เป่หมิงโม่หงุดหงิด แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปราว 180 องศาของเขา
เขาหันหน้าไปมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คนที่ยืนอยู่ริมรั้ว ทำให้ตัวเองรู้สึกเกลียดจนต้องกัดฟันกรามเล็กน้อย แต่ตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรเป่หมิงโม่ได้
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยที่เมื่อกี้เขาดื่มไวน์แทนกู้ฮอนต่อหน้าเป่หมิงโม่
นี่ไม่ได้เป็นเพราะว่าเขามีความเกรงกลัวอาสองของเขาที่ทำสีหน้าเย็นชาอยู่ตลอด แต่เพราะบรรยากาศที่เงียบสงบในตอนนี้ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ
สิ่งที่เขาต้องการเผชิญมากกว่านั้นก็คือ เป่หมิงโม่ยกกำปั้นขึ้นและต่อยกับตัวเองสักยก บางทีวิธีนี้เขาจึงจะสามารถทำให้เขาสามารถโวยวายต่อหน้าเขาได้อย่างมีเหตุผล……
เป่หมิงยี่เฟิงถือแก้วไวน์ ในสมองก็คิดอะไรวุ่นวายทำให้ตัวเองรู้สึกน่าขำเล็กน้อย คนที่เป็นผู้ใหญ่ ทำไมจะไม่สามารถเผชิญกับช่วงเวลานั้น ๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นผู้ใหญ่เลยหรอ
เสียงแก้วที่กระทบกันดังขึ้นอีกครั้ง
ตามด้วย ไวน์แดงเต็มแก้วถูกส่งไปตรงหน้าเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่หันหน้ามองไปที่เป่หมิงยี่เฟิง
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้าให้เขา จากนั้นก็เขย่าแก้วในมือตัวเอง “หรือกลัวที่จะต้องดื่มอีกแก้วหรอ”
“หึ……” เป่หมิงโม่ทำเสียงดูถูกออกจากจมูกของเขาและเอื้อมมือไปรับแก้วไวน์มา
ตั้งแต่เป่หมิงยี่เฟิงปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ เป่หมิงโม่ไม่ได้ลิ้มลองไวน์แดงที่เขานำมาเลย บางทีอาจเป็นเพราะตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นเขา ตัวเองก็ได้จัดให้เขาอยู่ในกลุ่มที่ไม่สามารถที่จะยอมรับได้ และเป็นประเภทเดียวกับประธานหลัว
สำหรับสาเหตุที่ต้องให้ประธานหลัวรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นเพราะว่าตัวเองเห็นเขาใช้ภาษากายกับกู้ฮอนในบ้านพักนักท่องเที่ยวก่อนอาหารเที่ยงจะเริ่มขึ้น
ความรู้สึกที่ตัวเองสามารถรับรู้ได้ก็คือ คนแซ่หลัวนี้ต้องคิดไม่ซื่อกับกู้ฮอนอยู่แน่นอน
เป่หมิงโม่ยกแก้วขึ้นแล้วดื่ม อมของเหลวสีแดงเข้มไว้ในปาก ลิ้มรสความรู้สึกและรสชาติของของเหลวในปากอย่างพิถีพิถัน
สุดท้ายก็พยักหน้า “ที่นายเอามาถือว่าเป็นไวน์ชั้นดีเลย ไม่คิดว่านายก็สนใจเรื่องนี้ด้วย ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนนายไม่ดื่มแอลกอฮอล์”
“ขอบคุณสำหรับคำชมของอา” จากนั้นเป่หมิงยี่เฟิงก็ยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง “คนเราสามารถเปลี่ยนกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่านเรื่องที่ทำให้เขาจำฝังใจอย่างไม่รู้ลืม ทำลายความเชื่อและความหวังก่อนหน้านี้ของตัวเองให้หมดสิ้นไป จากนั้นก็สร้างพวกมันขึ้นมาใหม่”
“ยี่เฟิง ฉันเห็นด้วยกับมุมมองนี้ของนาย ชีวิตที่ธรรมดาสามารถทำให้คน ๆ หนึ่งใช้ชีวิตอย่างเฉื่อยชา มีเพียงเส้นทางที่ขึ้น ๆ ลง ๆ และความทุกข์ยากเท่านั้นที่จะขัดเกลาให้คน ๆ หนึ่งมีความแตกต่างออกไป” นี่คือบทสรุปที่เป่หมิงโม่รู้สึกและพูดออกมา
“โอเค หลังจากที่ฉันให้คำชื่นชมไวน์ที่นายเอามาแล้ว ถึงเวลาแล้วหรือเปล่า ที่นายจะต้องบอกว่าประโยคเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?ฉันอยากฟังมาก อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้ยินคนอื่นพูดถึงตัวฉันมานานแล้วก็ได้”
เป่หมิงยี่เฟิงเงยหน้าขึ้นดื่มไวน์ที่เหลือจนหมด และวางแก้วไว้ที่ริมรั้ว เขาหันตัวไปมองเป่หมิงโม่ แขนข้างหนึ่งรองรับน้ำหนักตัวของเขาบนรั้ว
“อาสอง ไม่ใช่ไม่มีความเห็นเกี่ยวกับอา แต่เป็นเพราะนอกจากพวกเขาจะกลัวอา ก็คือรำคาญอา แต่คนสองประเภทนี้ไม่เต็มใจที่จะพูดอะไรที่เกี่ยวกับอาต่อหน้าอา”
“กลัวฉันและรำคาญฉัน……” เป่หมิงโม่รับสัมผัสมันสักพัก แล้วหันหน้าไปมองเป่หมิงยี่เฟิง “งั้นฉันอยากรู้ว่านายเป็นคนประเภทไหนในคนสองประเภทนี้”
***
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขาก็ยื่นมือข้างที่ว่างไปด้านหน้าเป่หมิงโม่แล้วปัดเบา ๆ “ขอโทษนะอา ผมไม่ได้เป็นคนในสองประเภทนั้น ผมเป็นประเภทที่สาม ที่เกลียดอา”
“เกลียดฉัน?ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะฟังแล้วล่ะ” เป่หมิงโม่มีความสนใจขึ้นทันที เขาไม่ใช่คนที่รู้สึกไม่มีความสุขและโกรธมาก เมื่อได้ยินว่ามีคนเกลียดเขา
“อันที่จริงฉันคิดว่ามีคนส่วนหนึ่งที่เกลียดฉันอยู่ บางทีอาจจะทำให้รู้สาเหตุบางอย่างจากปากนายก็ได้ แน่นอนว่าเหตุผลเหล่านี้น่าจะมีส่วนเกิดจากการกระทำในอดีตของฉัน”
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า กอดอก นิ้วหัวแม่มือทั้งสองหมุนสลับกันอย่างรวดเร็ว “ที่อาพูดไม่ผิด แต่สำหรับผมแล้วมีเพียงสองสาเหตุที่เกลียดลุง”
“มีแค่สองอย่าง?” เพราะนายเกรงใจมากไปหรือเปล่า ในเวลานี้ นายไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”
“อา อาคิดว่าตอนนี้ผมมีอะไรที่ยังต้องกังวลอีกหรอ?ตอนนี้อากับผมไม่มีความสัมพันธ์ในแบบเจ้านายกับลูกน้อง นอกจากมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดเล็กน้อย ระหว่างเราก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรอีกแล้ว”
เป่หมิงโม่เลิกคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเป่หมิงยี่เฟิงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาเองก็ต้องการแสดงออก
“พูดต่อ ในเมื่อระหว่างพวกเราพูดได้ว่าไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย แล้วอะไรคือสาเหตุที่เกลียดฉัน?”
เป่หมิงยี่เฟิงหันหน้าไป สามารถมองเห็นอาคารของ บริษัทเป่หมิงได้ในระยะสายตา ดวงตาของเขาก็แข็งทื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป่หมิงโม่มองเขาโดยไม่พูดจา มองตามสายตาของเขาไป “นั่นเป็นเหตุผลที่นายเกลียดฉันหรอ?”
“ไม่ผิด เป็นเพราะมัน บางทีถ้าไม่มีมัน พวกเราสองคนอาหลานอาจจะมีนิสัยที่คล้ายกันก็ได้ แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เพราะอาและผมเกิดมาเพื่อถูกกำหนดให้มีชีวิตอยู่เพื่อมัน
“ยี่เฟิง ฉันคิดว่านายพูดผิดแล้วล่ะ นายมีชีวิตอยู่เพื่อมัน แต่ฉันแตกต่างจากนาย การดำรงอยู่ของมัน รบกวนชีวิตของฉัน ฉันจึงต้องทำเพื่อมัน”
หลังจากเป่หมิงโม่พูดสิ่งนี้จบ บางทีเขาอาจจะคิดว่าเขาสับสนเล็กน้อย คำพูดพวกนี้เป็นคำพูดที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ แต่เป็นเพราะหลังดื่มไวน์ไปหลายแก้วก็กลับพูดมันออกมาแล้ว
คำพูดเหล่านี้ที่เป่หมิงยี่เฟิงไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อาสองที่ไม่สนใจตระกูลเป่หมิง เป็นบุคคลในครอบครัวของพวกเขาที่ให้ความสำคัญกับบริษัทเป่หมิงมากที่สุดนอกเหนือจากคุณปู่
“อาสอง สิ่งที่อาพูดดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกันนะ ในเมื่ออาไม่สนใจตระกูลเป่หมิงขนาดนี้ ทำไมถึงยังดึงเธอเขามา หรือว่าอาไม่เข้าใจคำว่า ‘ไม่ชอบอะไรก็อย่าทำกับคนอื่นแบบนั้น’หรอ อารู้ไหมว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่อาอยู่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ชอบที่จะอยู่ที่นั่น แต่หลับถูกมัดไว้อย่างแน่นด้วยเชือกที่มองไม่เห็น”
เป่หมิงโม่ดึงสายตากลับมา เขย่าแก้วไวน์เบา ๆ เขารู้ว่าเธอที่เป่หมิงยี่เฟิงพูดถึงคือใคร “ฉันรู้ว่านายรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับกู้ฮอน แต่ฉันก็มีการวางแผนของตัวเอง”
“เหอะ……” เป่หมิงยี่เฟิงหัวเราะออกมาเบา ๆ “การวางแผน?อาไม่ได้สนใจตระกูลเป่หมิงเลย ยังสามารถวางแผนอะไรได้อีก แผนของอาคืออะไร?เป็นการพัฒนาตระกูลเป่หมิงในวันนี้จนถึงอนาคตหรอ?ถ้าอาพูดแบบนี้ ผมก็ทำได้แค่สงสัยอย่างมาก เพราะผมไม่เชื่อว่าผู้ชายที่ไม่ใส่ใจในด้านธุรกิจ จะมีความตั้งใจที่จะทำให้ธุรกิจของเขาเติบโตต่อไป”
***
“ยี่เฟิง นายไม่เห็นด้วยฉันก็เข้าใจได้ ถ้าเป็นฉันในอดีต คงจะเฝ้าดูการล่มสลายของตระกูลเป่หมิงโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำแบบนี้ได้แล้ว เพราะฉันสัญญาต่อหน้าพ่อแล้วว่า จะให้ตระกูลเป่หมิงเติบโตต่อไป
“ไร้สาระ ที่อาพูดมาเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น มอบตระกูลเป่หมิงให้กับคนที่ไม่มีประสบการณ์และยังให้คำมั่นสัญญาว่าทำเพื่อตระกูลเป่หมิง” เป่หมิงยี่เฟิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ความจริงในตอนต้น เขาตั้งใจอยากจะปรึกษาเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทเป่หมิงยังไงท้ายที่สุดพวกเขาทั้งสองก็เป็นทายาทของตระกูลเป่หมิง
แต่ว่าเป่หมิงโม่เอาแต่พูดเลี่ยงไปเลี่ยงมา นี่จึงทำให้เขารู้สึกว่า การพูดคุยในครั้งนี้ ตัวเองกำลังโดน‘ปั่นหัว’อยู่
เป่หมิงโม่มองดูท่าทีที่เป่หมิงยี่เฟิงแสดงออกมา และแน่นอนว่าไม่สามารถพูดอะไรที่ชัดเจนมากกว่านี้ให้เขาฟังได้ เพราะในความคิดของเป่หมิงยี่เฟิงในตอนนี้ ก็เหมือนความคิดก่อนหน้านี้ของตัวเอง อยากที่จะเอาตระกูลเป่หมิงมาอยู่ในมือ แม้ว่าจะด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องก็ตาม และเป็นการชักศึกเข้าบ้านอีกด้วย
“ดูเหมือนว่าตอนนี้ระหว่างเราคงจะไม่มีอะไรให้พูดกันอีกแล้ว แม้ว่านายจะไม่ยอมให้คำตอบกับฉันว่าทำไมนายถึงไม่เกลียดฉันมากขนาดนี้แล้ว ฉันคิด หลังจากที่เราได้พูดคุยกันเมื่อกี้ นายก็คงรู้สึกเสียใจกับคำพูดที่พูดออกมาเมื่อกี้นี้ใช่ไหม”
เป่หมิงโม่พูดพลางปัดฝุ่นที่มือของเขา “เราพูดถึงแค่นี้เถอะ บางทีในอนาคตเราอาจจะไม่จำเป็นต้องพบกันอีก สำหรับคำพูดที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้……ฉันแนะนำให้นายลืมมันไปได้เลย ดีที่สุดก็ลืมมันไปให้หมดเลย” เป่หมิงโม่พูดจบ ยังคงเดินอย่างมั่นคงลงจากดาดฟ้าตามการชี้นำของพนักงานทั้งสองคน
ในขณะนี้ บนดาดฟ้าก็เหลือเพียงเป่หมิงยี่เฟิงและพนักงานสองคนที่อยู่ไม่ไกลจากเขา
เขามองไปยังทิศทางที่เป่หมิงโม่จากไป จนกระทั่งหลังของเขาหายไปจากหลังประตู
เป่หมิงโม่พูดถูก ดูเหมือนว่าตัวเองควรจะเอาคำพูดที่พูดไปเมื่อกี้คืนกลับมา :เริ่มไม่ได้เกลียดอามากขนาดนั้นแล้ว
ตัวเองควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอ ว่าระหว่างตัวเองกับเขามีสองสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว
เรื่องที่หนึ่ง เกี่ยวกับกู้ฮอน ในช่วงชีวิตนักศึกษาที่สวยงามที่สุด การแทรกแซงเข้ามาอย่างกะทันหันของเป่หมิงโม่ ทำให้คู่รักที่สนิทสนมกันมากต้องเลิกกันไปอย่างกะทันหัน
เรื่องที่สอง เกี่ยวกับตระกูลเป่หมิง เพื่อให้ได้มาซึ่งตระกูลเป่หมิง เป่หมิงโม่ได้ใช้สมองของเขาอย่างหนัก และในที่สุดก็ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมาอยู่ในมือ และมากไปกว่านั้นคือ การขับไล่พ่อของเขาออกจากตระกูลเป่หมิง
บางทีสองเรื่องนี้น่าจะเปลี่ยนลำดับกันถึงจะเหมาะสมมากกว่านี้
ก็คือคนแบบนี้ พูดต่อหน้าเขาในวันนี้ ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับตระกูลเป่หมิงเลย……