เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 944 เกาะหูซิน
บทที่ 944 เกาะหูซิน
ในเมื่อฉิงฮัวเอ่ยปากแล้ว อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะนั่งมองโดยไม่สนใจได้
ตอนแรกที่มอบตำแหน่งประธานบริษัทให้กับกู้ฮอนก็เป็นการเสี่ยงภัยครั้งใหญ่ ส่วนที่ว่าทำไมถึงได้ตอบตกลงเป็นผู้ช่วยของเธออย่างสบายๆนั้นก็เป็นเพราะว่าเขามองออกถึงสถานการณ์อะไรบางอย่างแล้ว
สภาพการณ์ภายในบริษัทเป่หมิงหลังจากที่ตัวเองจากไปแล้วนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นแตกแยกกัน อีกทั้งยังทำเป็นไม่ใส่ใจประธานบริษัทที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ เรื่องราวส่วนใหญ่นั้นล้วนทำอย่างขอไปที
สาเหตุที่เป่หมิงโม่รู้สึกว่าให้กู้ฮอนที่เป็นผู้หญิงคนเดียวออกนั่งบัญชาการนั้นลำบากอยู่บ้างจริงๆ แม้ว่าจะมีฉิงฮัวอยู่เป็นผู้ช่วยข้างกายเธอ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่นำน้ำถ้วยหนึ่งไปดับไฟที่กำลังไหม้ฟืนในเกวียน
ไม่ใช่ว่ามีประโยคหนึ่งที่พูดได้ดีหรือ เพื่อให้ผู้เยาว์ได้เติบใหญ่ ผู้อาวุโสจึงมีการมอบความช่วยเหลือให้ระหว่างทาง
ตอนนี้ควรจะเป็นตอนที่เขาจะช่วยเหลือเธอแล้ว
เป่หมิงโม่เดินไปถึงหน้าโต๊ะทำงานของกู้ฮอน หยิบการ์ดเชิญที่เหลือใบนั้นขึ้นมา ไม่ต้องถามว่าวันนี้เธอกลัดกลุ้มเพราะอะไรแล้ว
“วันนี้การที่พวกนายหลบๆซ่อนๆน่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้สินะ ช่วงระยะเวลาที่นายติดตามฉันมาก็ไม่น้อยแล้ว ในเมื่อนายไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยได้ ก็ดูท่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างตึงมือแล้ว
เขาพูดพลางเปิดอ่านการ์ดเชิญ นี่เป็นการ์ดเชิญที่บริษัทเซิ่งถังนานาชิตส่งมา นี่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุดของบริษัทเป่หมิง ทำไมกู้ฮอนถึงโยนพวกเขาทิ้งไป นี่ทำให้เขายากจะเข้าใจ
“ฉิงฮัว นายติดตามฉันมาหลายปีขนาดนี้ ไม่รู้หรือว่าเซิ่งถังสำคัญต่อพวกเรามากขนาดไหน ทำไมถึงให้เธอโยนทิ้งแล้วหยิบการ์ดเชิญอีกใบหนึ่งไป นั่นเป็นการ์ดเชิญจากใครกัน” เป่หมิงโม่โบกการ์ดเชิญในมือไปมาไม่หยุดอยู่เบื้องหน้าฉิงฮัว
เขารู้สึกโมโหที่กู้ฮอนไม่สนใจการเชื้อเชิญจากบริษัทเซิ่งถังนานาชิต จนถึงฉิงฮัวไม่สามารถช่วยเธอเลือกในสิ่งที่ถูกต้องได้อยู่บ้าง
ฉิงฮัวนั้นมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจจากการรู้สึกว่าได้รับความไม่เป็นธรรม ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ว่าเป่หมิงโม่มีท่าทีให้ความสำคัญกับเซิ่งถังจากคำพูดของเขา “ขอโทษด้วยครับเจ้านาย ผมไม่ได้ช่วยเลือกสิ่งที่ถูกต้องให้กับคุณผู้หญิง นี่เป็นการบกพร่องในหน้าที่ของผม สำหรับการ์ดเชิญอีกใบหนึ่งที่คุณถาม เป็นหน่วยงานรัฐหน่วยหนึ่งส่งมาครับ ตอนนั้นคุณไม่อยู่ และคุณผู้หญิงก็ไม่อยากให้ผมรายงานเรื่องนี้กับคุณ ดังนั้นจึงยากที่จะตัดสินใจเลือกได้มาตลอด จนกระทั่งถึงตอนที่คุณกลับมาก็ใกล้กับเวลานัดหมายแล้ว คุณผู้หญิงถึงได้สุ่มหยิบการ์ดเชิญใบหนึ่งแล้วจากไป”
หลังจากที่ได้ยินฉิงฮัวอธิบายแล้ว โทสะของเป่หมิงโม่ก็ลดลงไม่น้อย
หน่วยงานรัฐหน่วยหนึ่งส่งการ์ดเชิญมาหรือ นี่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจจริงๆ ปกติแล้วพวกเขาไปมาหาสู่กับภาครัฐน้อยมาก
การ์ดเชิญสองใบนี้ แม้ว่าจะตกอยู่ในมือของตัวเอง บางทีตัวเองก็ต้องครุ่นคิดพิจารณาเล็กน้อย เขามองไปทางฉิงฮัวอย่างขอโทษ “ฉันผิดเองที่กล่าวโทษนายในเรื่องนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันแล้วล่ะก็ อาจจะต้องคิดพิจารณาให้ดีๆเช่นกัน
“เจ้านาย คุณอย่าพูดแบบนี้สิครับ เดิมนี่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบในงานของผม ในเมื่อคุณผู้หญิงหยิบการ์ดเชิญของหน่วยงานรัฐไปแล้ว อย่างนั้นการ์ดใบนี้จะจัดการอย่างไรดีครับ ผมจำเป็นต้องโทรศัพท์ไปนัดหมายเวลากับพวกเขาใหม่หรือไม่”
***
กู้ฮอนขับรถไปตามที่อยู่ที่ระบุไว้บนการ์ดเชิญมาจนถึงสถานที่ที่กำหนดเอาไว้
สถานที่แห่งนี้คือเกาะหูซิน สิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง
หลายปีมานี้เพื่อที่จะยกระดับคุณภาพเมืองและสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของประชาชน ภาครัฐจึงได้เปิดโซนภูมิทัศน์ขึ้นมารอบๆเมือง
เหมือนกับเกาะหูซินที่กระจายอยู่สี่ทิศทางเหนือใต้ออกตกของเมือง เกาะมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เหมือนกัน การใช้สอยก็มีลักษณะพิเศษของแต่ละเกาะเช่นกัน
สถานที่ที่เธอขับรถมานั้นถูกใช้เป็นห้องประชุมและโรงแรม แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าใครก็สามารถมาที่นี่ได้ ภายนอกดูเหมือนกับว่าเปิดให้บริการแก่ประชาชน แต่ว่าเป็นการจัดให้หน่วยงานรัฐใช้โดยเฉพาะอย่างเงียบๆ
สะพานไม้โค้งกว้าง 20 เมตรเชื่อมระหว่างเกาะเล็กๆและโลกภายนอกไว้ด้วยกัน รอบเกาะแห่งนี้มีพืชพรรณเขียวชอุ่มนานาชนิด ไปจนถึงต้นหลิวที่เรียงรายไปตามแนวรูปร่างของเกาะ ตอนที่ลมเบาๆพัดผ่านนั้น ใบหลิวแต่ละใบลากผ่านก่อให้เกิดระลอกคลื่นบนพื้นผิวทะเลสาบ
ท่ามกลางแมกไม้ที่ล้อมรอบ มีบ้านพักหลังเล็กๆตั้งตระหง่านอยู่ 5-6 หลัง รวมทั้งอาคารสูงสิบชั้นสองหลังและห้องประชุมที่ตั้งอยู่กลางเกาะล้วนแบ่งเป็นสัดส่วนตามลักษณะภูมิประเทศ
กู้ฮอนนั่งอยู่ในรอบมองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าแล้วกลับรู้สึกถึงความซับซ้อนเป็นอย่างมาก นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าเบื้องหลังของสถานที่แห่งนี้แอบซ่อนในสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าใจเอาไว้
เธอค่อยๆขับรถไปบนสะพานโค้ง ข้ามผ่านลำน้ำเข้าไปในเกาะ หลังจากที่เข้าไปในเกาะแล้ว เธอก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในด้านนอก
รถหรูแต่ละคันจอดอยู่บนสองข้างทางที่สร้างด้วยหินอ่อน มีรถเก๋ง และก็มีรถอเนกประสงค์ MVP เช่นกัน……..ซึ่งรถเหล่านี้ล้วนเป็นรถที่เธอสามารถเห็นได้บ่อยๆบนข่าว โดยเฉพาะในตอนที่ผู้นำออกมาสังเกตการณ์
ในตอนนี้เองที่ทหารรักษาความปลอดภัยนายหนึ่งที่ดูแล้วอายุเพียงแค่ 20 ปี ในมือถือปืนยาวเอาไว้กำลังเดินออกมาจากป้อมยามเข้าเวร เขาหยุดรถของกู้ฮอนเอาไว้
หลังจากที่ทำวันทยาวุธเคารพกู้ฮอนแล้ว ก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณผู้หญิง สถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้รถที่มาจากภายนอกเข้าไป ไม่ทราบว่าคุณมีบัตรผ่านทางหรือไม่ ไม่อย่างนั้นคุณลองโทรศัพท์ให้ทางด้านในยืนยันได้ไหมครับ”
บัตรผ่านทางหรือ เธอจะมีสิ่งนั้นได้อย่างไรกัน เธอมีท่าทีกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่มีบัตรผ่านทาง แต่ฉันถูกคนเชิญมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นคุณลองโทรศัพท์ไปยืนยันหน่อยไหมคะ”
แต่ทหารรักษาความปลอดภัยนายนี้ไม่สนใจ เขายังคงมีสีหน้าเข้มงวด ยืนตัวตรงอยู่ข้างรถ “คุณผู้หญิง ถ้าหากไม่มีล่ะก็ อย่างนั้นก็เชิญคุณไปจากที่นี่ด้วยครับ”
กู้ฮอนคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า คิดจะเข้าไปที่นี่ยากเสียกว่าขึ้นศาลเสียอีก ตอนที่เขาเตรียมตัวจะจากไปนั้น สายตาก็ตกลงบนกระเป๋าของตัวเอง
ใช่แล้ว ในนี้ยังมีการ์ดเชิญอีกใบหนึ่งนะ ไม่มีบัตรผ่านทาง ไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะสามารถใช้ในสถานการณ์นี้ได้หรือไม่
เธอคิดแล้วก็รีบหยิบกระเป๋าตัวเองมา “รอสักครู่ค่ะ ฉันมีการ์ดเชิญใบหนึ่ง คุณดูสิคะ” เธอพูดพลางยื่นการ์ดเชิญสีแดงออกไปให้ทหารรักษาความปลอดภัยผ่านกระจกรถ
กู้ฮอนมองทหารรักษาความปลอดภัยอ่านข้อมูลที่ระบุอยู่ด้านบนอย่างละเอียดแล้ว ใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆไม่น้อย เธอจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เป่หมิงโม่พาเธอไปก็เป็นการพบกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ แต่กลับไม่ได้ยุ่งยากขนาดนี้
“คุณผู้หญิง กรุณารอสักครู่ครับ” ทหารรักษาความปลอดภัยถือการ์ดเชิญกลับไปที่ป้อมยามเข้าเวร
กู้ฮอนสามารถมองเห็นทหารรักษาความปลอดภัยนายนั้นยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาผ่านกระจกรถได้อย่างชัดเจน น่าจะโทรศัพท์หาคนด้านในล่ะมั้ง
ร่างของเธอเอนเข้ากับพนักเก้าอี้ ถอนหายใจเสียงยาว เข้าไปด้านในนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ
***
ตอนที่กู้ฮอนกำลังทอดถอนใจว่าจะเข้าเกาะ VIP นั้นไม่ง่ายเลย เป่หมิงโม่ในตอนนี้ก็ขับรถออกมาจากบริษัทเป่หมิงแล้ว
นี่เป็นการกู้สถานการณ์ในกู้ฮอน ถ้าหากว่าเขาต้องเลือกระหว่างการ์ดสองใบนี้แล้วล่ะก็ แม้จะค่อนข้างตึงมือ แต่เขาก็จะเลือกบริษัทเซิ่งถังนานาชิตอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แม้ว่าอาจจะต้องล่วงเกินทางภาครัฐแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก
คนเหล่านั้นเพียงแค่ได้รับผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆก็จะมีความสุขเสียจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันร่าเริง ถึงอย่างไรพวกเขาก็แสวงหาแต่ชื่อเสียงและผลประโยชน์ ลงทุนทำอะไรเล็กน้อย ไม่เพียงได้เงินมาเต็มกระเป๋า แต่ยังสามารถสร้างผลการทางการเมืองได้ด้วย
แน่นอนว่าเป่หมิงโม่ไม่ได้กล่าวโทษกู้ฮอน เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ ในฐานะ ‘คนใหม่’ ไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจเลือกได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นประชาชนคนธรรมดามาตลอด แน่นอนว่าย่อมหวาดกลัวเจ้าหน้าที่รัฐ แทนที่เมื่อพบเจอปัญหาใด ให้ไปหาหัวหน้าไม่สู้ให้ไปหาผู้ที่รับผิดชอบในหน้าที่นี้จะดีเสียกว่า
เป่หมิงโม่คิดแล้วก็เริ่มเป็นห่วงการไปตามคำเชิญของกู้ฮอนในครั้งนี้ จะเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือไม่ อย่างไรสถานที่เหล่านี้เบื้องหน้าดูแล้วสองแขนเสื้อโปร่งใสสะอาด แต่เบื้องหลังนั้นกลับไม่รู้ว่าทำเรื่องไม่ดีไม่งามอะไร
“ประธานเป่หมิง พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ครั้งที่แล้วได้ยินมาว่าคุณลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิง ผมยังเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย ตอนนี้ดูท่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเพียงแค่การปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้นเอง
เมื่อประธานบริษัทเซิ่งถังนานาชิต จินซือหานเห็นว่าเป่หมิงโม่มาเยือนก็มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า พลางลุกขึ้นจากโซฟา
เป่หมิงโม่ก็ยิ้มบางๆ พยักหน้าให้กับเขา จากนั้นทั้งสองคนก็เหมาะกับเพื่อนเก่าที่สนิทกันมานานมาก จับมือกัน และกอดกันพอเป็นพิธี
ท่าทีที่เป่หมิงโม่ปฏิบัติต่อจินซือหานนั้นไม่เหมือนกับผู้มีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจคนอื่นๆ กับเขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่เหมือนกับชูหยุนเฟิงหรือป่ายมู่ซีที่สนิทจนทำตัวสบายได้แบบนั้น
ถือได้ว่าเป็นพันธมิตรที่มีนิสัยใจคอและทัศนคติถูกคอกัน นับตั้งแต่ที่เป่หมิงโม่รับช่วงต่อบริษัทเป่หมิงแล้ว การร่วมมือของทั้งสองคนก็บ่อยครั้งขึ้น เกือบจะทุกโครงการขนาดใหญ่ ล้วนลากอีกฝ่ายมาทำด้วยกัน
แน่นอนว่าบริษัทเซิ่งถังนานาชิตก็เป็นเช่นนั้น
ทั้งสองคนนั่งแยกกันในพื้นที่รับแขกของห้องทำงานจินซือหาน เขายังรินน้ำชาให้กับเป่หมิงโม่ด้วยตัวเอง “ประธานเป่หมิง ใบชาของผมนั้นดีสู้คุณไม่ได้ ดังนั้นคุณก็ฝืนดื่มไปก่อนนะ”
เป่หมิงโม่ยกถ้วยชาขึ้นมา ดมบริเวณจมูก ชั่วครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก “ประธานจินพูดเรื่องตลกแล้วไม่ใช่หรือ แค่ถ้วยนี้ถ้วยเดียวก็มีรสนิยมที่อยู่เหนือรสนิยมแล้ว ผมยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ”
ทักทายกันไปสองสามประโยค ดื่มชากันไปสองถ้วยแล้ว เป่หมิงโม่ก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างอาลัยอาวรณ์ รอยยิ้มค่อยๆเลือนหายไป เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ประธานจิน ข่าวคราวที่แพร่ออกมาในโลกภายนอกนั้นเป็นความจริง ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นประธานบริษัทเป่หมิงแล้วจริงๆ”
“หืม” จินซือหานรู้สึกตะลึงไปชั่วขณะ ร่างกายก็ชะงักตามไปด้วย เมื่อมองไปที่ความรู้สึกบนใบหน้าของเป่หมิงโม่และน้ำเสียงแล้วก็รู้ว่าไม่ได้พูดล้อเล่น
จินซือหานถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ประธานเป่หมิง ผมรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่คุณทำนั้นล้วนมีเหตุผลของคุณเอง แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทเป่หมิง รวมถึงเป็นเรื่องใหญ่ของพวกเราสองบริษัท คุณคิดดีแล้วแน่หรือ”
เป่หมิงโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม ผมคิดชัดเจนแล้ว แน่นอนว่าประธานจินก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป บริษัทเป่หมิงยังคงเป็นบริษัทเป่หมิงเหมือนเดิม ในภายหลังการร่วมมือกับพวกคุณก็จะมากขึ้นกว่านี้
***
จินซือหานฟังคำพูดของเป่หมิงโม่แล้วก็ทำเพียงแค่หัวเราะเบาๆ “แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ประธานบริษัทแล้ว แต่ผมก็ยังคิดว่าเรียกประธานเป่หมิงจะคล่องปากกว่าเล็กน้อย แม้ว่าคุณจะเพิ่งสัญญากับผมที่นี่ไป แต่ว่ามีประโยคหนึ่งที่เรียกว่า ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้น ก็จะไม่ครุ่นคิดพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนั้น แม้ว่าคุณจะมีใจ แต่ก็ไม่มีกำลัง ยิ่งไปกว่านั้น นั่นก็เป็นโครงการก่อนสร้างของบริษัท GT พวกเราเซิ่งถังก็ไม่ได้เข้าร่วม…….”
ในบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องตรงไปตรงมามากเกินไป แต่ก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้แบบนี้