เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 959 มีคนต้องการเล่นงานเขา
บทที่ 959 มีคนต้องการเล่นงานเขา
เดิมกู้ฮอนรู้สึกว่ามีเพียงแค่ป่ายมู่ซีที่อยู่ที่นี่ ถ้าหากว่าเขาความสามารถไม่เพียงพอ อย่างนั้นตัวเองก็ยังต้องไปหาชูหยุนเฟิง ตอนนี้ก็ดี คนที่ควรจะมาก็ล้วนมาครบแล้ว
“ไม่ใช่ว่าฉันมีเรื่องอยากให้พวกคุณช่วย แต่เป็นเป่หมิงโม่ เขาพบกับเรื่องเดือดร้อนเรื่องหนึ่ง จำเป็นต้องให้พวกคุณช่วยเหลือ”
ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีสบตากัน ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด
ชูหยุนเฟิงดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง “นี่เป็นไปไม่ได้หรอก ใครก็รู้ว่า ในบรรดาพวกเราสามคน เป่หมิงเอ้อนั้นมีความสามารถมากที่สุด ถึงเขาจะพบกับเดือดร้อนแล้วพวกเราจะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ในที่นี้ยังจะมีใครที่สามารถทำให้เขาตกอยู่ในสภาพยุ่งยากได้อีก ทั้งยังต้องให้เธอออกหน้าด้วย”
คำพูดนี้ไม่ผิดเลยจริงๆ ป่ายมู่ซีก็อดยอมรับจุดนี้ไม่ได้ แต่ในเมื่อกู้ฮอนพูดมาขนาดนี้แล้ว นั่นก็อธิบายได้ว่าเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
“ในเมื่อเป่หมิงเอ้อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ ไม่ว่าพวกเราจะมีความสามารถมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถนั่งมองโดยไม่สนใจได้ ฮอน เล่าเรื่องที่เธอรู้มาตั้งแต่ต้นจนจบให้พวกเราฟังหน่อย” สีหน้าป่ายมู่ซีเต็มไปด้วยความใจเย็นเป็นอย่างมาก
***
กู้ฮอนมองไปที่ทั้งสองคน พูดมาถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีก เธอเล่าเรื่องเมื่อวานจนถึงเรื่องที่พบกับผู้อำนวยการโกวเมื่อเช้านี้ไปรอบหนึ่ง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงกว่า รอจนกระทั่งกู้ฮอนเล่าเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ป่ายมู่ซีและชูเอ้อก็สบตากันและกัน
สีหน้าของพวกเขาดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปจนไม่น่าดูอยู่บ้างเล็กน้อย
“ครั้งนี้ที่ฉันมาหาพวกคุณก็อยากจะดูว่าพวกคุณรู้จักทนายความบ้างหรือไม่ เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเป่หมิงโม่ ทำให้ไม่สามารถเป็นทนายความให้เขาได้ ฉันก็ให้ฉิงฮัวไปหาบ้างแล้ว แต่คำคอบที่ได้รับก็คือไม่มีใครยอมรับทำคดีความนี้ ตอนนี้เป่หมิงโม่ถูกจับขังเพราะฉันไปแล้ว อีกทั้งฉันก็ไม่มีความสามารถมากพอด้วย ดังนั้นจึงตั้งใจมาหาพวกคุณ ดูว่าพวกคุณจะมีวิธีดีๆอะไรมาช่วยเขาหรือไม่”
ป่ายมู่ซีและชูหยุนเฟิงล้วนก้มหน้าเล็กน้อย สีหน้าของพวกเขาทั้งสองคนหนักแน่นเป็นอย่างมาก หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก็เกือบจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาต่อสายเบอร์โทรศัพท์พร้อมกัน
“สวัสดีครับ ทนายหลิวใช่ไหมครับ ผมคือป่ายมู่ซี พอดีว่าผมมีคดีความหนึ่งอยากให้คุณช่วยเหลือ…….”
“สวัสดีครับ ผมคือชูหยุนเฟิง มีคดีความที่อยากจะเชิญทนายซุนมาช่วยผมจัดการสักหน่อย…..”
ดูท่าทางเด็ดขาดชัดเจนที่พวกเขาทั้งสองคนมีต่อเรื่องของเป่หมิงโม่แล้ว กู้ฮอนก็รู้สึกซาบซึ้งใจแทนเขาเล็กน้อย อะไรที่เรียกว่าเพื่อน เพื่อนไม่ใช่ประเภทที่นับถือเป็นพี่เป็นน้องกันในเวลาดื่มกิน แต่ตอนที่มีเรื่องอันตรายสามารถยื่นมือออกมาช่วยเหลือได้ต่างหาก
ในอดีต กู้ฮอนมีมุมมองต่อป่ายมู่ซีและชูเอ้อกันเอาไว้อยู่บ้าง สาเหตุนั้นง่ายมาก นั่นก็เพราะแทบทุกครั้งที่พบกับพวกเขาสองคนล้วนมีท่าทางเยาะเย้ยถากถางสังคม ตอนที่อยู่ด้วยกันกับเป่หมิงโม่นอกจากดื่มเหล้าก็เหมือนว่าจะไม่มีเรื่องอื่นให้ทำแล้ว
แม้ว่าฐานะทางบ้านของทั้งสองคนจะไม่แย่ แต่สามารถพึ่งพิงเป่หมิงโม่ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งได้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย
แต่ว่าวันนี้ เธอมีมุมมองใหม่ต่อพวกเขาแล้ว ทั้งสองคนนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ และรู้สึกดีใจแทนเป่หมิงโม่ที่มีเพื่อนที่ดีอย่างสองคนนี้เช่นกัน
ตอนนี้เธอต้องทำเพียงแค่นั่งอยู่ที่หน้าบาร์อย่างเงียบๆรอคอยข่าวดีที่จะมาถึงก็พอ
ตามองพวกเขาที่โทรศัพท์ครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความหวังในตอนแรกก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นหมดหวังในตอนสุดท้าย…….
แสงแห่งความหวังที่ถูกจุดขึ้นของกู้ฮอนก็ค่อยๆมอดลงทีละเล็กทีละน้อยตามสายโทรศัพท์ที่ถูกวางลง
“ช่างแล้งน้ำใจเสียจริง ให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้ล้วนอ้างนู่นอ้างนี่” ชูหยุนเฟิงที่วางสายโทรศัพท์สุดท้ายไปก็ด่าใส่โทรศัพท์ไปหนึ่งคำรบ
ทางฝ่ายป่ายมู่ซีก็ส่ายหน้า มีท่าทางจนปัญญาอย่างเห็นได้ชัด
ก็แค่คดีความที่ง่ายมากคดีหนึ่งไม่ใช่หรือ ทำไมทนายความเหล่านี้ถึงได้ถอยห่าง 90 ลี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากัน หรือว่าในคดีความนี้มีการเล่นตุกติกอะไรอย่างนั้นหรือ” ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นประโยคหนึ่งของชูหยุนเฟิงที่เตือนพวกเขา
กู้ฮอนขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เป็นไปไม่ได้นะ แม้ว่าจะเป็นผู้อำนวยการคนหนึ่งก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อทนายความจนทำให้ไม่กล้ารับทำคดีนี้หรอก…….”
“นั่นก็ไม่แน่นอน อำนาจของผู้อำนวยการคนหนึ่งอาจจะมีจำกัด แต่ว่าอำนาจของคนที่อยู่เบื้องหลังเขานั้นก็พูดยากแล้ว จากที่ฉันดู มีคนจงใจจะเล่นงานเป่หมิงโม่ ดูท่าเรื่องในครั้งนี้ยุ่งยากอยู่บ้างแล้ว…….”
คำพูดของป่าป่ายมู่ซีทำให้กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึก มีคนอยากจะอาศัยโอกาสนี้ในการจัดการกับเป่หมิงโม่…….ส่วนตัวเองก็ไม่ใช่ว่ากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในเรื่องนี้หรอกหรือ
***
ป่ายมู่ซีมองสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นหม่นหมองของกู้ฮอนก็รีบเอ่ยปลอบใจเธอ “เธออย่าทำท่าหมดอาลัยตายอยากแบบนี้สิ เรื่องของเป่หมิงเอ้อพวกเราจะต้องไม่ใช่ว่าไม่สนใจ ถึงแม้ว่ามีคนอยากจะเล่นงานเขา ฉันก็ไม่เชื่อว่าถ้าพวกเราตระกูลป่ายและตระกูลชูยื่นมือเข้าช่วยเหลือแล้วเขาจะมีปัญหาอะไรอีก”
“ป่ายมู่ซีพูดได้ถูก มีพวกเราสองตระกูลอยู่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเป่หมิงเอ้อ เพียงแต่ว่าตอนนี้จำเป็นต้องให้เวลาพวกเราคิดหาวิธีเสียหน่อย”
กู้ฮอนรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาในเสี้ยววินาที นี่ถึงเรียกว่าเพื่อนในยามยากคือเพื่อนแท้
เธอดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นของตัวเอง ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นไร้หนทางไป ทำได้เพียงนั่งรอฟังข่าวอยู่ที่นี่
จำนวนคนเยอะ อำนาจก็มาก ควรจะอาศัยโอกาสนี้ไปหาคนอื่นๆมาเพิ่ม ไม่แน่ว่าอาจจะได้อะไรใหม่ๆมาก็ได้ แต่น่าเสียดายที่เมื่อนึกถึงประโยคที่ว่าจำนวนคนเยอะอำนาจก็มากประโยคนี้แล้ว เธอก็รู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ทางด้านสังคมตัวเองกว้างขวางที่ไหนกัน คนที่รู้จักใช้นิ้วในมือข้างเดียวก็นับได้หมด แต่คนที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้นั้น ยากเสียยิ่งกว่ายากเสียอีก
“ขอบคุณพวกคุณมาก ฉันจะลองคิดหาหนทางอื่นๆดู” เธอพูดแล้วก็หมุนตัวลงจากเก้าอี้บาร์ เดินไปยังประตู
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ ป่ายมู่ซีและชูเอ้อก็ทำได้เพียงแค่มองเธอจากไป พวกเขาก็ไม่อยากเห็นเป่หมิงโม่ถูกขังไว้ด้านในหลายปีทั้งอย่างนี้ แต่ว่าตอนที่พวกเขาโทรศัพท์หาทนายความนั้น ก็ล้วนได้รับคำตอบที่เหมือนกันว่า มีคนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีความของเป่หมิงโม่ พวกเขาไม่สามารถรับทำคดีนี้ได้ ส่วนว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้นั้น พวกเขาก็ถามแล้วแต่ไม่มีใครที่จะให้คำตอบที่ชัดเจนได้
ดูท่าคงต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว ถ้าหากว่าหาทนายความไม่ได้ล่ะก็ อย่างนั้นก็ต้องวางแผนอื่น
หลังจากกู้ฮอนออกมาจากบาร์ Zeus.แล้วก็ขึ้นไปนั่งรถของตัวเอง ถัดมาก็เริ่มขับไปในเมืองอย่างไร้เป้าหมาย
ตั้งแต่ฉิงฮัวจนถึงป่ายมู่ซี ล้วนได้รับคำตอบเดียวกันจากปากของพวกเขา เธอก็ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าสามารถเดาได้ว่า คดีความนี้ต้องมีการเล่นตุกติกอย่างแน่นอน
อีกทั้ง ผู้อำนวยการแซ่โกวคนนั้นจะต้องเล่นตุกติกข้างในอย่างแน่นอน
คราวนี้เธอมึนแล้วจริงๆ ถัดมาก็หัวเราะเยาะตัวเอง ประชาชนคนธรรมดาไม่ต่อสู้กับผู้ที่รับราชการ นับตั้งแต่ในอดีตจะมีสักกี่คดีความกันที่สามารถทำได้สำเร็จ แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าที่อัปลักษณ์น่าเกลียดของผู้อำนวยการโกวแล้ว ก็รู้สึกว่าการเผชิญหน้ากับอำนาจที่แข็งแกร่ง ไม่สามารถยอมจำนนได้ ควรจะดื้อดึงต่อสู้กับอิทธิพลชั่วร้ายให้ถึงที่สุด
แต่ว่าตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ…….
ตอนนี้เธอมีตำรวจนับหมื่นอยู่ในอก แต่กลับไม่มีที่ให้แสดงความสามารถออกมา
ตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดหาหนทางอย่างยากลำบากอยู่นั้น ชั่วขณะหนึ่งก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาในสมอง ความคิดนี้ทำให้เธอพูดว่าตัวเองว่าโง่จริงๆไม่หยุดอยู่หลายประโยค ทำไมถึงได้ขี่ลาไปหาลากัน
เธอก็เหมือนกับมีกำลังขึ้นมาในทันที จึงขับรถอย่างรวดเร็ว
สำนักงานกฎหมายหยินซือ คราวนี้ลืมสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว ที่แห่งนี้มีประสบการณ์มากมายที่หยินปู้ฝันบัญชาการด้วยตัวเอง บางทีเขาก็เหมือนกับทนายความคนอื่นๆที่ได้รับข้อความแจ้งมาว่าไม่ให้รับทำคดีความที่เกี่ยวข้องกับเป่หมิงโม่
แต่อาศัยการจัดการเรื่องราวของเขาเพื่อผู้อื่นแล้วก็ไม่น่าจะร่วมมือกระทำความชั่วกับคนเหล่านั้น เขาเกือบจะเป็นความหวังสุดท้ายที่กู้ฮอนมีแล้ว
*
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เธอจะสละเวลาที่ยุ่งมากมาหาฉัน” หยินปู้ฝันยังคงเหมือนแต่ก่อน นั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง บนโต๊ะมีกาแฟที่มีควันร้อนลอยขึ้นมาอยู่ถ้วยหนึ่ง
เขามองกู้ฮอนที่นั่งอยู่ตรงข้าม เหมือนกับว่าระหว่างพวกเขานั้นไม่ได้พบหน้ากันมานานมากแล้ว
***
กู้ฮอนไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าระหว่างนี้แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเมืองเดียวกัน ก็ไม่เคยได้พบกัน
เห็นเธอนั่งอยู่ตรงข้ามในตอนนี้ หยินปู้ฝันก็เหมือนกับว่ากำลังฝันอยู่
“แค่กๆ……” กู้ฮอนกระแอมไอเบาๆ ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว ก็ตระหนักได้ว่าสายตาของตัวเองไม่เหมาะสมเล็กน้อย จึงเบนสายตามองไปยังด้านข้างอย่างกระอักกระอ่วน
หยินปู้ฝันจัดการกับอารมณ์ของตัวเองสักครู่แล้วก็ยิ้มบางๆให้กับกู้ฮอน เหมือนกับว่ากำลังหยอกเธอเล่นอยู่ “ขอโทษจริงๆ เพิ่งจะคุ้นชินกับคืนวันที่เธอไม่อยู่ แล้วจู่ๆเธอก็กลับมาในตอนนี้”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้างจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงหยินปู้ฝัน กระทั่งกู้ฮอนก็รู้สึกแปลกๆเล็กน้อย โชคดีที่เมื่อครู่เขาหยอกเล่นถึงได้ทำให้ความกระอักกระอ่วนส่วนใหญ่หายไป
หลังจากที่บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อยแล้ว หยินปู้ฝันก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องครัวเล็กๆชงกาแฟถ้วยหนึ่งมาให้วางไว้ด้านหน้ากู้ฮอน นี่เป็นกาแฟที่เธอชื่นชอบดื่มในตอนแรกที่อยู่ที่นี่
เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคย กู้ฮอนก็ยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณ”
หยินปู้ฝันเดินอ้อมโต๊ะทำงานกลับไปที่นั่งของตัวเองอีกครั้ง แขนท้าวอยู่บนโต๊ะ มือทั้งสองข้างประสานกัน “จุดประสงค์ที่เธอมาหาฉันอย่างกะทันหันในวันนี้ ไม่ต้องพูด ฉันก็เดาได้แปดถึงเก้าส่วน”
กู้ฮอนมองเขา ตัวเองไม่สงสัยในสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อย สิ่งเหล่านี้เธอก็คิดได้ระหว่างทางที่มาแล้ว
ยกตัวอย่างเช่นทนายความทุกคนได้รับ ‘ประกาศแจ้งให้ทราบ’ อย่างนั้นหยินปู้ฝันก็ไม่น่าถูกลืม
สาเหตุที่เธอยังคงยืนหยัดที่จะมาพบเขาสักครั้ง ก็เป็นเพียงแค่ยังโอบกอดความหวังอันเล็กน้อยเอาไว้
“ถ้าหากว่านายรู้สึกว่าได้รับความกดดันอะไร ทำให้นายมีความสามารถไม่มากพอแล้วล่ะก็ ฉันก็จะไม่โทษนาย ขอเพียงแค่เอ่ยพูดกับฉันตรงๆก็พอแล้ว” หลังเธอเอ่ยจบ มือทั้งสองข้างก็จับกระเป๋าใบเล็กๆของตัวเองแน่น ทั้งยังเตรียมตัวที่จะจากไปได้ในทุกเวลา
หยินปู้ฝันมีสีหน้าลำบากใจอยู่บ้างจริงๆ เพียงแต่ว่าก็พยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก “ไม่ผิด เหมือนกับที่เธอคาดเดาออกมา ก่อนที่เธอจะมาฉันได้รับคำชี้แนะจากเบื้องบนมาเล็กน้อยจริงๆ”
กู้ฮอนได้ยินแล้ว ความหวังอันริบหรี่ของตัวเองก็ถูกทำให้ดับวูบอย่างไร้เยื่อใย เธอค่อยๆลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องขอโทษด้วยจริง รบกวนการทำงานของนายแล้ว”
เมื่อเห็นเธอลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะจากไป หยินปู้ฝันก็รีบหยุดเธอเอาไว้ “เธอรอก่อน ฉันยังพูดไม่จบเลย……..”
กู้ฮอนในตอนนี้มีสภาพจิตใจที่ตกลงไปในก้นหุบเขาอย่างไรอย่างนั้น ‘คนที่อยู่ในยุทธจักร ไม่สามารถทำอย่างที่ใจหวังได้’ (อยู่ในสถานการณ์หรือมีความเกี่ยวข้องแบบนี้ ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้) การที่หยินปู้ฝันทำเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
เพียงแต่ครั้งนี้ก็ไม่ถือว่ามาเสียเที่ยว อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่งว่า มีคนแอบดำเนินการสร้างความยุ่งยากให้กับเป่หมิงโม่
“หยินปู้ฝัน ฉันรู้ว่าตอนนี้นายทำได้ยาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่อาจฝืนบังคับนายได้”