เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 963 ประเภทผู้ต้องสงสัยที่ไม่เหมือนกัน
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 963 ประเภทผู้ต้องสงสัยที่ไม่เหมือนกัน
บทที่ 963 ประเภทผู้ต้องสงสัยที่ไม่เหมือนกัน
ปัญหายุ่งยากปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากู้ฮอนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่ได้พุ่งเป้ามาทางตัวเอง แต่ว่าเธอกลับถูกเหมารวมเข้าไปในนั้นด้วยจนทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองหายใจได้ยากลำบากมากขึ้น สิ่งที่ต้องแบกรับเอาไว้บนบ่าก็หนักมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน…….
เธอรู้ว่าหลี่เชินมีความสามารถที่จะจัดการกับเป่หมิงโม่แน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังอำนาจมากขนาดนี้ เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ สถานะของเขาจนถึงตอนนี้นั้นยังคงเป็นปริศนา
เพียงแต่ว่าไม่สามารถโทษเขาได้ พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ต่อกันเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆช่วงหนึ่ง และยังเป็นความทรงจำที่เป็นส่วนๆ โดยรวมแล้วเขาปฏิบัติกับคุณแม่อย่างดี เป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถขจัดความรู้สึกละอายใจที่มีต่อเธอมาหลายปีนี้ออกไปได้เท่านั้นเอง
สิ่งที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนไม่อยู่ในสายตาของกู้ฮอน
เหมือนกับว่าในที่สุดเขาก็สามารถทำให้เป่หมิงโม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากได้ เพื่อที่จะให้แผนการของเขาดำเนินต่อไปจึงไม่เสียดายที่จะใช้อำนาจและเส้นสายที่มี
ถึงจะไม่รู้ว่านี่เป็นการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ แต่ก็สามารถยืนยันได้ว่าขัดต่อความยุติธรรมอย่างแน่นอน
ส่วนสิ่งที่กู้ฮอนจำเป็นต้องทำนั้นก็คือยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเป่หมิงโม่ เพื่อสะสางกับบิดาหรือพูดได้ว่าสะสางเหล่าอภิสิทธิ์ชนผู้เป็นตัวแทนบิดา
*
นับตั้งแต่ที่หยินปู้ฝันยินยอมรับทำคดีความให้กับเป่หมิงโม่แล้ว ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปในสังคมของทนายความ หลายคนไม่เห็นด้วยที่เขาทำเช่นนี้
เพื่อประธานบริษัทเป่หมิงคนก่อนคนหนึ่งที่ในตอนนี้กลายเป็นนักโทษตกอับ จำเป็นจะต้องสู้ตายขนาดนี้ด้วยหรือ แม้ว่าจะสามารถชนะได้แล้วจะได้อะไรกัน
ได้รับภูเขาเงินภูเขาทองกองใหญ่กองหนึ่ง หรือว่าผลประโยชน์จากอะไรอื่นๆกัน คนที่มีความคิดตื้นเขินพวกนี้นั้นครุ่นคิดได้ถึงแต่สิ่งเหล่านี้
แม้ว่าจะได้รับสิ่งเหล่านี้แต่ว่าสิ่งที่สูญเสียกลับมากยิ่งกว่า เพราะการที่เขาทำแบบนี้เป็นการหักหลังเนติบัณฑิตยสภาในเมืองนี้อย่างเปิดเผย และยังเป็นการท้าทายเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐทั้งหลายด้วย
แค่คิดก็รู้แล้วว่า นับตั้งแต่เรื่องนี้เป็นต้นมา เส้นทางการเป็นทนายความของหยินปู้ฝันก็ไม่ได้ราบเรียบอีก
เขามาถึงสถานีตำรวจตามที่กู้ฮอนให้มาเพื่อพูดคุยกับเป่หมิงโม่ครั้งหนึ่งหลังเธอจากไปไม่นาน แม้ว่าก่อนหน้านี้กู้ฮอนจะเล่ารายละเอียดในคดีความในเขาฟังแล้ว แต่เขาจะต้องทำความเข้าใจคดีความนี้จากมุมมองของเป่หมิงโม่ แบบนี้ถึงจะเข้าใจรูปคดีได้อย่างสมบูรณ์
การถูกนำตัวเข้าห้องกักขังในครั้งนี้ของเป่หมิงโม่ไมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเหมือนครั้งที่แล้ว เพียงแต่ว่าก็ไม่ได้แย่จนถึงขั้นหอพัก ยังคงเป็นห้องเดี่ยวอยู่ดี
เห็นเสื้อผ้าที่กู้ฮอนนำมาให้ตัวเองแล้วในใจก็รู้สึกสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินชั่วครู่หนึ่ง ฟังจากจังหวะการเดินและเสียงที่กระทบเข้ากับพื้นแล้วสามารถสรุปได้ว่าเป็นผู้คุมคนนั้น
เป็นอย่างคิดเอาไว้ เขาเดาไม่ผิดเลย
“เป่หมิงโม่ ผมเคยได้ยินมาว่าตอนที่คุณเป็นประธานบริษัทเป่หมิงนั้นเป็นคนที่มีภารกิจมากมาย คิดไม่ถึงเลยว่ากระทั่งอยู่ที่นี่ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมอยู่ดี มีแขกมาพบบ่อยครั้งทุกวัน ดูท่าว่าผมจำเป็นต้องยื่นเรื่องกับเบื้องบนให้จัดห้องเยี่ยมญาติให้คุณสักห้องแล้วล่ะ” ผู้คุมพูดไปก็หยิบกุญแจที่แชวนอยู่บริเวณเอวมาเปิดประตู
เป่หมิงโม่เขาครู่หนึ่ง “ข้อเสนอแบบนี้ของคุณจะไม่มีใครอนุมัติให้ อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง ผมอาจจะต้องย้ายไปที่คุมขังอื่นๆแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับคุณ เพียงแต่ว่าก่อนที่จะถึงตอนนั้น เกรงว่าจำเป็นต้องให้คุณวิ่งอีกหลายรอบ”
ปฏิสัมพันธ์กันมาเป็นระยะเวลาสั้นๆสองวัน เป่หมิงโม่กลับสามารถพูดคุยกับผู้คุมได้ประโยคสองประโยคอย่างเหนือความคาดหมาย
***
ทั้งสองคนเดินไปพลาง พูดคุยอย่างสบายอารมณ์ไปพลาง
ผู้คุมทำเพียงแค่ยิ้มให้กับคำตอบของเป่หมิงโม่ “ผมอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี คุณเป็นผู้ต้องสงสัยส่วนน้อยที่ไม่ทำให้ผมรู้สึกเกิดความรู้สึกไม่พอใจ”
“อ่อ อย่างนั้นคุณรู้สึกเบื่อผู้ต้องสงสัยแบบไหนกันล่ะ” เป่หมิงโม่หันกลับไปมอง รอคำตอบของเขา
“ผู้ต้องสงสัยที่ผมเคยพบมีอยู่สองประเภทด้วยกัน ประเภทแรกเป็นคนดีที่ถูกบีบบังคับจนไร้หนทาง คนเหล่านี้ปกติไม่ได้มีความขัดแย้งกับผู้อื่น แต่ว่ามักจะถูกคนนำพาเรื่องยุ่งยากมาให้ สุดท้ายก็บังคับให้คนดีทำผิด ประเภทที่สองก็คือพวกที่สมควรได้รับโทษ ก่อกรรมทำชั่วสม่ำเสมอ แต่ประเภทนี้ก็แบ่งออกเป็นสองพวกด้วยกัน พวกแรกคือเชื่อมโยงอยู่ระหว่างประเภทแรก อีกทั้งคนเหล่านี้ยังเป็นพวกสับปลับ มักจะแสร้งทำตัวเป็นคนดี และพวกที่สองคือเลวร้ายทุกกระเบียดนิ้ว กระทั่งแสร้งทำก็ยังขี้เกียจแสร้ง สำหรับคนแบบคุณนั้นถูกจัดอยู่ในประเภทแรก และประเภทที่สองนั้นเป็นประเภทที่ผมเบื่อมากที่สุด”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมคือประเภทแรก ไม่ใช่ประเภทสองที่คุณพูดกันล่ะ”
ผู้คุมหยุดเท้า เขาหมุนตัวกลับมามองเป่หมิงโม่ที่เดินตามหลังตัวเองอยู่ เขาที่นัยน์ตาคมปลาบราวกับเหยี่ยวเหมือนกันนั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
เขายกนิ้วชี้ไปที่ดวงตาและศีรษะของตัวเอง “อาศัยพวกมัน ที่ต้องข้องเกี่ยวกับการทำงาน ผมมักจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ต้องสงสัย และเมื่อผ่านไปนานผมก็สรุปมันออกมาเป็นประสบการณ์”
เอ่ยถึงตรงนี้แล้วเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สำหรับคุณเป่หมิง แม้ผมจะรู้ว่าคุณเข้ามาเพราะอะไร แต่ผมมักจะมีความรู้สึกว่า คุณถูกบีบบังคับให้ไม่มีทางเลือกถึงได้ทำแบบนี้ คนที่มีทรัพย์สินทางบ้านเป็นร้อยล้านอย่างคุณ ผมคิดว่าคงไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายหรอก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ พวกเขาสองคนล้วนเผยรอยยิ้มบางๆออกมา จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ
ผู้คุมวิเคราะห์ออกมาได้ง่ายๆอย่างชัดเจน
พวกเขาก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องสอบปากคำภายใต้บทสนทนาสั้นๆครู่หนึ่งนั้น
ประตูค่อยๆเปิดออก เป่หมิงโม่เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ด้านใน นั่นก็คือหยินปู้ฝัน
พวกเขานั่งเผชิญหน้ากัน เงียบอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งหยินปู้ฝันเอ่ยปากอย่างหมดความอดทน “ฉันได้รับการฝากฝังจากกู้ฮอนมา ตอนนี้ฉันเป็นตัวแทนทนายความให้กับนาย จึงมีความจำเป็นจะต้องเข้าใจรูปคดีว่าวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ขอให้นายกระตือรือร้นที่จะให้ความร่วมมือด้วย”
เป่หมิงโม่มองสมุดบันทึกสีขาวโพลนใต้มือของหยินปู้ฝัน จากนั้นก็พูดเสียงเย็นชาว่า “เข้าใจแล้วอย่างไร ไม่ใช่ว่ายังแพ้อยู่ดีหรือ ในเมื่อผลลัพธ์ล้วนออกมาเหมือนกัน ทำไมยังต้องเสียเวลาทำเรื่องยุ่งยากพวกนี้อีก งานของนายก็ไม่ใช่น้อยๆเลย ไปยุ่งกับงานของนายเถอะ ยังมีอีก นายไม่จำเป็นจะต้องทำลายอนาคตตัวเองเพื่อฉัน”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็ลุกขึ้น เตรียมตัวจะจากไป
หยินปู้ฝันถลึงตาใส่เขา “นายนั่งลงเดี๋ยวนี้!” น้อยครั้งที่เขาจะรู้สึกได้ว่าตัวเองโกรธขนาดนี้ ในขณะที่เขาพูดก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกไปกดไหล่ของเป่หมิงโม่
“ถ้าหากว่าเป็นนายที่ขอร้องฉัน ฉันก็ขี้เกียจจะสนใจ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ากู้ฮอน และคุณป้า……นายคิดว่าฉันทำแบบนี้มีประโยชน์อะไรกับพวกเธอ แม้ว่าเบื้องหลังคดีความนี้จะมีคนชักใยควบคุมอยู่ แต่ขอเพียงแค่สามารถลดบทลงโทษให้ได้มากที่สุดก็คุ้มค่าที่จะทำแล้ว คิดแล้วก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่านิสัยแบบนายเนี่ยจัดการดูแลบริษัทเป่หมิงให้ดีได้อย่างไรกัน ตอนนี้สร้างเรื่องยุ่งยากมากมายออกมาเป็นกระบุงโกยให้กู้ฮอนช่วยเก็บกวาด ลดบทลงโทษแล้วนายจะได้รีบออกมาช่วยเหลือเธอ ผู้หญิงตัวคนเดียวแบบเธอ ด้านหนึ่งควบคุมดูแลธุรกิจ อีกด้านหนึ่งดูแลลูกๆสามคนนั้นง่ายหรือ นายยังจะกล้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่เงียบๆอีก”
***
หยินปู้ฝันนั้นพูดตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าเป่หมิงโม่ไปหนึ่งคำรบ
นี่ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกว่าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนอยู่บ้าง เขาฝืนลุกขึ้นยืน แววตาเต็มไปด้วยโทสะ มือข้างหนึ่งของเขาจับข้อมือของหยินปู้ฝันไว้ ออกแรงสะบัดไปด้านข้างอย่างแรง “นายอาศัยอะไรมาสอนฉัน ฉันเข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้าชัดเจนแจ่มแจ้ง อยากจะพลิกกระดานไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าหากว่านายไม่อยากทำจริงๆแล้วล่ะก็ หลังจากนี้ก็รบกวนนายอย่ามาที่นี่อีก ดูแลกู้ฮอนให้ดี ถ้าหากว่ามีเวลาว่างเล็กน้อยก็ไปเยี่ยมแม่ฉันด้วย”
หยินปู้ฝันได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วก็เดินอ้อมโต๊ะที่กั้นระหว่างพวกเขาไว้มาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าเป่หมิงโม่ มือที่อยู่ข้างตัวนั้นกำหมัดแน่นดังกร๊อบๆ แทบจะทนไม่ไหวที่จะเหวี่ยงเข้าไปที่หน้าของเขาสักที
เป่หมิงโม่หลุบตาลงมอง เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “นายทิ้งความคิดนี้ไปเสียเถอะ ไม่อย่างนั้นนายคงไม่อยากเผชิญกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหรอก”
หยินปู้ฝันมองเขาแล้วความโกรธก็หายไป
เมื่อความหัวดื้อของเป่หมิงโม่ปรากฏขึ้น ใช้วัวเก้าตัวก็ลากกลับมาไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสถานการณ์ตรงหน้าก็คือต้องให้เขาให้ความร่วมมือ
“เป่หมิงโม่ ฉันจะบอกนายให้ชัดๆนะว่า อย่าคิดจะผลักความรับผิดชอบที่อยู่บนบ่าของนายออกไป กู้ฮอน คุณป้า เด็กทั้งสามคน กระทั่งบริษัทเป่หมิง ล้วนเป็นความรับผิดชอบของนาย อย่าคิดที่จะผลักภาระเหล่านั้นมาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นในสายตาของฉัน นายก็เป็นแค่คนขี้ขลาดตาขาว ฉัน หยินปู้ฝันนั้นไม่ให้ความช่วยเหลือคนขี้ขลาดหรอกนะ โดยเฉพาะคนอย่างนาย ตอนที่ก่อเรื่องก็มีท่าทางฟ้าไม่กลัวดินไม่กลัว แต่หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วก็หดหัวแอบซ่อนในกระดองเหมือนกับเต่าตัวหนึ่ง รอคอยให้คนมาช่วยเหลือและสงสารเวทนา ในเมื่อนายอยากจะเป็นเต่าตัวหนึ่ง ฉันก็จะช่วยให้นายสมปรารถนา”
หยินปู้ฝันเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินไปทางประตูห้องสอบปากคำ
เป่หมิงโม่ขบฟันแน่น หรือว่าตัวเองในตอนนี้จะหน้าไม่อายเหมือนอย่างที่เขาพูดขนาดนั้นเลยหรือ เขาที่โยนภาระอันหนักอึ้งที่แบกเอาไว้ ได้โยนทิ้งแม้กระทั่งนิสัยอดทนไม่ย่อท้อที่น่าภาคภูมิใจนั่นไปด้วยกันแล้วหรือ…….
หยินปู้ฝันพูดได้ถูกต้อง ตัวเองไม่ควรผลักภาระอันหนักอึ้งทั้งหมดไปไว้บนบ่าของกู้ฮอนที่เป็นหญิงสาวผู้บอบบางคนหนึ่ง
คิดย้อนกลับไปสองวันที่ผ่านมา เธอล้วนวิ่งไปมาระหว่างสถานที่แห่งนี้กับบริษัทเป่หมิง นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เธอยังช่วยหาทนายความให้กับตัวเอง แม้ว่ามักจะพบกับการถูกปฏิเสธจนหน้าม้านอยู่บ่อยๆ แต่อาศัยความอุตสาหะของเธอจึงได้หาหยินปู้ฝันมาช่วยเหลือได้
ส่วนตัวเองนั้นทำอะไรในทุกๆวันกัน พูดคุยกับผู้คุมเป็นบางโอกาส ยืนหรือนอนอยู่ในห้องคุมขังคนเดียว แม้ว่าจะซ้ำซากจำเจแต่กลับไม่เหน็ดเหนื่อย นั่นเป็นเพราะแม้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่ก็รู้สึกผ่อนคลาย
แน่นอน ความเสียใจเพียงอย่างเดียวก็คือไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนลูกๆที่น่ารักทั้งสามคนและคุณแม่ของพวกเขา กู้ฮอน……
ตอนนี้ทุกคนล้วนพยายามเพื่อตัวเอง ตัวเองก็ควรจะลุกขึ้นมาได้แล้ว แม้ว่าจะถูกกักขังไว้ที่นี่ในตอนนี้ แต่ก็สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขาได้เช่นกัน
“รอก่อน นายอย่าเพิ่งไป ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย” ในที่สุดเป่หมิงโม่ก็ยอมเอ่ยปากพูดแล้ว
หยินปู้ฝันนั้นโกรธก็ส่วนโกรธ แต่เขากลับไม่ได้วางแผนจะจากไปจริงๆ เขาเข้าใจนิสัยแย่ๆของเป่หมิงโม่มากเกินไปแล้ว ไม้อ่อนไม้แข็งล้วนไม่สนใจ ต้องอาศัยการกระตุ้นเท่านั้น
ตั้งแต่ตอนเด็กๆก็มีนิสัยแย่ๆแบบนี้ ตอนนี้ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ดี สามารถพูดได้ว่าสันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้จริงๆ
***
ช่วงเวลาถัดมา เป่หมิงโม่นั้นถือว่าให้ความร่วมมือ เล่าเรื่องระหว่างที่ตัวเองไปช่วยกู้ฮอนออกมาทั้งหมด
หยินปู้ฝันจดบันทึกอย่างละเอียด ทั้งยังทำบันทึกสำรองเก็บเอาไว้ด้วยอีกฉบับหนึ่งป้องกันเหตุไม่คาดฝันด้วย
ถึงตอนท้ายก็เก็บปากกาและสมุดบันทึกเข้าไปในกระเป๋าเอกสารติดกาย “ข้อมูลที่นายให้มา ตอนแรกฉันยังนึกว่าจะเป็นข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจะมีบางส่วนที่มีประโยชน์อยู่บ้าง”