เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 966 เสียงหัวเราะแสบแก้วหู
บทที่ 966 เสียงหัวเราะแสบแก้วหู
และเพราะเป็นเช่นนี้จึงจำเป็นต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเดิมในเมือง รวมไปถึงอาคารเก่าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเมือง จากนั้นก็สร้างอาคารขนาดใหญ่ในพื้นที่เดิมขึ้นมา
สำหรับโครงการที่มีชื่อว่า Modern city นั้นมีภาครัฐเป็นผู้นำ ดังนั้นเมื่อบริษัทออกแบบก่อสร้างใหญ่ๆทั้งในและนอกประเทศได้ทราบข่าวนี้ก็เริ่มที่จะเตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว กระทั่งธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กก็พากันเลือกเลียแข้งเลียขา เพื่ออาศัยใบบุญจากบริษัทใหญ่ให้ตัวเองได้ผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงแรงอะไรมาก แล้วยักษ์ใหญ่มีชื่อเสียงขนาดนี้อย่างบริษัทเป่หมิงจะถูกปล่อยไปได้อย่างไร ในทุกวันมักจะมีประธานบริษัท ผู้จัดการและบุคคลต่างๆมากหน้าหลายตามาเยี่ยมเยียนที่นี่
นี่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกรับมือไม่ไหวอยู่บ้าง โดยเฉพาะงานเลี้ยงค็อกเทลและงานเลี้ยงเต้นรำในนามต่างๆ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกปวดหัว
โครงการก่อสร้างนี้ถือได้ว่ายิ่งใหญ่กว่าโครงการก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของบริษัทGT ถึงขั้นพูดได้ว่าใหญ่กว่าเล็กน้อย
ในฐานะประธานบริษัทเป่หมิงจะไม่ติดตามได้อย่างไรกัน แต่ความกังวลนี้ใครจะรู้ได้กัน
ก็เหมือนกับเรื่องที่เป่หมิงโม่ฝ่าด่านในคืนนั้น ถ้าหากว่าบริษัทเป่หมิงต้องการปิดบังข่าว ก็อาจจะมีการรั่วไหลออกไปได้
แต่นี่เป็นข่าวที่ภาครัฐปิดเอาไว้ แม้ว่าจะถูกสื่อมวลชนรู้เรื่องนี้เข้า แต่ให้ความกล้ากับพวกเขาเท่าฟ้า พวกเขาก็ไม่กล้าปล่อยข่าวออกไป
เพราะในใจของพวกเขาชัดเจนว่า เป็นศัตรูกับภาครัฐนั้นจะต้องมีจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
กู้ฮอนรู้ว่าโครงการนี้อยู่ในมือของผู้อำนวยการโกว และระหว่างพวกเขานั้นมีความขัดแย้งที่ไม่สามารถประนีประนอมกันได้ ดังนั้นจะยกเนื้อติดมันชิ้นนี้ให้กับพวกเขาได้อย่างไรกัน
นอกจากนี้เธอก็ไม่อยากให้เหล่าธุรกิจเล็กๆที่มาอาศัยตัวเองถูกลากมาเกี่ยวข้องด้วย ถึงอย่างไรกว่าที่ผู้อื่นจะผ่านมาจนถึงก้าวนี้ได้ก็ไม่ง่ายเลย
แต่คนเหล่านั้นจะเข้าใจความคิดของกู้ฮอนได้อย่างไรกัน พวกเขาคิดแค่ว่าบริษัทเป่หมิงเตรียมที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ฝ่ายเดียวเท่านั้น
แม้ว่าคนภายในบริษัทจะมีความเห็นต่อเธอ แต่เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ กู้ฮอนกลับมีท่าทีไม่ได้ยินไม่เอ่ยถาม ไม่ส่งคนไปสอบถามปัญหาเกี่ยวกับการเสนอราคากับทางภาครัฐ รวมถึงไม่ให้พนักงานในแผนกออกแบบเตรียมตัวเสนอราคาใดๆกับโครงการนี้ด้วย
***
การตัดสินใจแบบนี้ของกู้ฮอนไม่เพียงแต่ทำให้เพื่อนร่วมธุรกิจภายนอก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่จะมาอาศัยใบบุญไม่เข้าใจแล้ว กระทั่งผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกในบริษัทเป่หมิงก็ไม่เข้าใจด้วย
การประชุมรายสัปดาห์จะมีเป่หมิงยี่เฟิงเป็นผู้นำเหล่าหัวหน้าแผนกต่างๆ เริ่มเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้กับกู้ฮอน
นี่ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยว่าจะตอบคำถามอย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างแน่นอน ส่วนข้ออ้างอื่นๆก็ยังไม่ได้คิดให้เรียบร้อย
เป่หมิงยี่เฟิงมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจของกู้ฮอน ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ กังวลอะไรอยู่กันแน่
หรือว่าพอไม่มีเป่หมิงโม่อยู่ข้างกายแล้ว เธอก็ไม่มีกลยุทธ์แล้ว
พูดไปแล้วก็แปลก ในเมื่อตอนนี้เขากลายเป็นผู้ช่วยของเธอแล้ว แต่กลับมีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้พบกับเขาเลย ไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาสองคนวางแผนจะทำอะไรอีก
“ประธานกู้ ผมขอพูดประโยคที่ไม่สมควรจะพูดออกมาประโยคหนึ่ง สถานการณ์ในตอนนี้คือภาครัฐได้ทำการประกาศถึงแผนงานทั้งหมดของ Modern city แล้ว ในไม่ช้าก็จะเข้าสู่รูปแบบการเปิดประมูลแล้ว ดีร้ายอย่างไรผมก็รู้จักระดับผู้จัดการของบริษัทใหญ่ในแวดวงอยู่บ้าง พวกเขาเริ่มลงมือเตรียมตัวกันแล้ว แต่ทำไมพวกเรากลับไม่ขยับตัวทำอะไรเลย กระทั่งเอ่ยก็ไม่เอ่ยถึงสักประโยค”
สายตาของกู้ฮอนหยุดลงที่ร่างของผู้เอ่ยพูด เขาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าแผนกก่อสร้างคนหนึ่ง หลังจากที่ตัวเองเข้ารับตำแหน่งแล้วก็เห็นเขาจากสมุดบัญชีรายชื่อที่ฉิงฮัวให้เธอ ทั้งยังจำเครื่องหมายได้ชัดเจนด้วยว่ามีการรักษาความสัมพันธ์กับเป่หมิงยี่เฟิงเป็นอย่างดี
เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาจะต้องเป็นพวกเดียวกันกับเป่หมิงยี่เฟิง
สายตาของเธอเบนไปมองที่เป่หมิงยี่เฟิง ก็เห็นว่าเขากำลังมองไปที่คนคนนั้นเช่นกัน เพียงแต่ว่าใบหน้าไร้ความรู้สึก ไม่รู้ว่าเขากำลังตัดสินใจอย่างไรกันแน่
เมื่อมีการเปิดประเด็น เหล่าหัวหน้าแผนกอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา “ใช่แล้วๆ ประธานกู้ บริษัทเป่หมิงของพวกเราจะเริ่มดำเนินการเคลื่อนไหวเมื่อไรกัน ไม่อย่างนั้นโอกาสที่ดีขนาดนี้จะถูกบริษัทอื่นๆแย่งไปนะครับ”
ในตอนนี้เองที่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นมาชั่วครู่ เสียงนั้นฟังแล้วเหมือนกับว่ากำลังเยาะเย้ยกู้ฮอนอย่างไร้ความรู้สึก
เหล่าหัวหน้าแผนกที่ได้ยินเสียงหัวเราะนั้นก็หยุดการบ่นของตัวเอง พร้อมใจกันเบนสายตาไปยังผู้ที่ส่งเสียงหัวเราะออกมา กู้ฮอนก็มองไปทางนั้นเช่นเดียวกัน
ติงฉางชิ่ง……..
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ครั้งที่แล้วพวกเขาก็ได้มีการปะทะกันไปรอบหนึ่งแล้ว แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนว่าเธอทำให้ติงฉางชิ่งโกรธจนเดินหนีไป แต่ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไร
โดยเฉพาะผลกระทบจากไม้พลองชาเวย ( ไม้พลองลงทัณฑ์) เดิมคิดว่าหลังจากขัดแย้งกันแบบนี้แล้ว เขาจะไม่ปรากฏตัวขึ้นที่บริษัทเป่หมิงอีก
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอก็คือ หลังจากเขาหายเงียบไปหนึ่งอาทิตย์แล้วก็มาปรากฏตัวเพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้บริหารที่นี่อีกครั้ง
อีกทั้งยังเหมือนกับว่าจงใจทำให้เธอมีโทสะ ไม่พูดถึงท่าทีเดิมๆที่แสดงออกมา แต่ยังหัวเราะเยาะเย้ยใส่กู้ฮอนตอนพูดอีกด้วย
โดยเฉพาะหลังจากที่เป่หมิงโม่ขยับตัวเองมาเป็นผู้ช่วยเธอ ติงฉางชิ่งก็กระทำหนักยิ่งกว่าเดิม
เสียงเยาะเย้ยเย็นชาของเขาลอยเข้าโสตประสาทหูของกู้ฮอนไม่หยุด มีหลายครั้งที่เธออยากจะเตะติงฉางชิ่งออกจากบริษัทเป่หมิง
แต่กลับถูกฉิงฮัวหยุดเอาไว้ทุกครั้ง เหตุผลนั้นง่ายดายและก็เลี่ยงไม่ได้ ติงฉางชิ่งเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทเป่หมิง คนทั้งเบื้องบนเบื้องล่างในบริษัทล้วนมีความสัมพันธ์กับเขาไม่น้อย ถ้าหากว่าวู่วามแตะเขาล่ะก็ เกรงว่าบริษัทเป่หมิงก็จะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
ก็เพราะเหตุผลนี้ สุดท้ายแล้วกู้ฮอนถึงทำได้เพียงแค่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำเอาไว้
***
แต่ในวันนี้เขาก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายขึ้นที่นี่อีก ทำให้กู้ฮอนนั้นหมดความอดทนบ้างแล้วจริงๆ ใครก็ไม่มีทางรู้ว่าในใจเธอในตอนนี้กลัดกลุ้มมากแค่ไหน
“คุณติง ตอนนี้เป็นเวลาที่คุณควรหัวเราะหรือคะ กระทั่งแนวความคิดของผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่มีได้อย่างไรกัน ดูท่าว่าแต่ก่อนไม่ว่าจะเป็นคุณท่านเป่หมิงหรือว่าเป่หมิงโม่ล้วนให้ท้ายคุณมากเกินไป อย่างไรคุณก็เป็นถึงคนเก่าแก่ของบริษัทเป่หมิง จะไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้บ้างหรือคะ”
ตอนนี้กู้ฮอนไม่มีความคิดที่จะทะเลาะกับเขาอีก จึงพูดตำหนิเขาไปสองสามประโยคเพื่อให้เขาหยุดเท่านั้นเอง
ที่จริงแล้วคำพูดนี้ก็สอดคล้องกับสถานการณ์ อีกทั้งน้ำเสียงก็ไม่ได้รุนแรง แต่ชายชราฟังแล้วก็โกรธขึ้นมา
เขาเก็บรอยยิ้มไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตึงขึ้นมาในทันที
เขาหรี่ตามองกู้ฮอน เผยความเหี้ยมโหดออกมา ที่จริงแล้วเขาหาเรื่องทะเลาะกับเธอมาโดยตลอด
แต่ที่เหนือความคาดหมายของเขาก็คือเธอไม่ใส่ใจจะตอกกลับด้วยจนถึงตอนนี้
เพียงแต่ชายชราผู้นี้หนังเหนียวเสียจริง ครั้งแรกไม่สำเร็จก็มีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม เขาไม่เชื่อหรอกว่าชวนทะเลาะหลายครั้งแล้วเธอจะไม่ยอมศิโรราบ
วันนี้ก็เช่นกัน วิธีการปฏิบัติของกู้ฮอนทำให้เหล่าผู้ร่วมงานคนอื่นๆรู้สึกมีโทสะแล้ว อีกอย่างในตอนนี้ก็ไม่มีเป่หมิงโม่สนับสนุนเธอแล้ว ดังนั้นจึงทำให้เกิดสภาพผู้คนก่อกวนขึ้นมา
นี่เป็นภาพที่ติงฉางชิ่งยินยอมที่จะเห็นมากที่สุด ไม่มีโอกาสไหนดีไปกว่าการราดน้ำมันบนกองไฟแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการเดิม ทั้งยังกระทำเลยเถิดยิ่งกว่าเดิม เพื่อดึงดูดสายตาของทุกคน
แน่นอนว่าในที่สุดก็บีบบังคับให้กู้ฮอนเปิดปากพูดกับเขาได้แล้ว
เขาแสยะปากยิ้มเย็นชา “ประธานกู้ เหมือนว่าปัญหาในตอนนี้จะไม่ได้อยู่ที่ผม แต่อยู่ที่คุณ ผมหัวเราะก็เพราะรู้สึกเสียใจต่อเหล่าเป่หมิง โศกเศร้าต่อซากกระดูกของศพที่ยังไม่ทันเย็นชืดของเขา บริษัทเป่หมิงก็ถูกทำให้กลายเป็นสภาพแบบนี้แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจอะไรเลยมาควบคุมอำนาจ โศกเศร้าต่อสถานการณ์เบื้องหน้าที่มีโอกาสที่ดีเยี่ยมขนาดนี้ กลับแสดงท่าทางวิตกกังวลมากเกินไปออกมา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทเป่หมิงของพวกเราจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่งใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ผมจะเสนอความเห็นให้กับคุณอย่างหนึ่งก็คือ ทำเป็นโรงเรียนอนุบาลก็ดี คุณจะได้ไม่มีท่าทางลังเลไม่กล้าตัดสินใจกับเด็กๆนะ ฮ่าๆๆ……..”
เมื่อติงฉางชิ่งหัวเราะ คนอื่นๆจะพูดอะไรได้อีก ล้วนพากันหัวเราะไปตามๆกัน
เสียงหัวเราะนี้แทงเข้ามาในใจของเธออย่างแรง
เธอโกรธจนดวงตาเมล็ดอัลมอนด์เบิกกลมโตขึ้น ใบหน้างามถูกทำให้โกรธจนแดงก่ำ ร่างกายก็สั่นเทิ้มตาม มือที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นกำเป็นหมัดเล็กๆสองข้าง
ฉิงฮัวที่นั่งอยู่ด้านข้าง มองไปที่ติงฉางชิ่งก็รู้สึกว่าวันนี้เขาพูดเกินไปแล้วจริงๆ
“คุณลุงฉางชิ่ง และทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ พวกคุณที่เป็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งรังแกคุณผู้หญิงที่ตัวคนเดียวนั้น พวกคุณรู้สึกเป็นเกียรติหรือครับ เธอไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิดแบบนั้น ผมสามารถพูดได้ว่าเธอเป็นคนที่หวังว่าบริษัทเป่หมิงจะเติบใหญ่แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาคนที่นั่งอยู่ ถ้าไม่ใช่ว่าเธอ…….” ฉิงฮัวยังอยากจะพูดต่อไป แต่ถูกกู้ฮอนหยุดเอาไว้ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้เรื่องนี้
“ฉิงฮัว คุณไม่ต้องพูดแล้ว พวกเขาอยากจะคิดอย่างไรก็คิดไป” กู้ฮอนพูดถึงตรงนี้แล้วก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง กวาดตามองไปยังหัวหน้าผู้รับผิดชอบแผนกต่างๆที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมนี้ก่อน
คนเหล่านี้แม้ว่าจะเป็นพวกสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ (สำนวนจีน แอบอ้างบารมีข่มเหงผู้อื่น) แต่เมื่อเห็นกู้ฮอนลุกขึ้นยืนแล้วก็ต้องรีบหุบรอยยิ้มอย่างเสียมิได้
***
กู้ฮอนมองคนที่นั่งอยู่ทั้งหมด จากนั้นก็กระแอมไอเล็กน้อย “เหล่าเพื่อนร่วมงานในบริษัทเป่หมิงทุกท่าน ตอนนี้ฉันขอประกาศว่าพวกเราจะปล่อยมือจากกิจกรรมเปิดการประมูลของภาครัฐนี้”
หลังจากเอ่ยจบแล้ว ด้านล่างเวทีก็เงียบเชียบในทันที พวกเขาล้วนตะลึงค้าง ไม่กล้าเชื่อว่านี่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดอยู่ว่าเป็นเพราะว่ากู้ฮอนเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่ง เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่ขนาดนี้จึงยังปรับตัวไม่ได้ใช่หรือไม่
ตอนนี้ดูท่า ผู้อื่นตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ทำธุรกิจนี้
ตอนนี้เป่หมิงยี่เฟิงก็นั่งไม่ติดแล้ว เขาไม่อยากจะพลาดโอกาสในครั้งนี้ ไม่พูดถึงอย่างอื่น ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแผนกออกแบบ เขายังอยากจะอาศัยโอกาสนี้แสดงความสามารถของตัวเอง ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยความพยายามที่ดี สร้างบารมีของตัวเองกับเบื้องบนและเบื้องล่างของบริษัทเป่หมิง แบบนี้ถึงจะผูกใจคนเอาไว้ได้ รอจนถึงเวลาเหมาะสมแล้วค่อยจัดการบีบบังคับให้กู้ฮอนสละตำแหน่ง
“ฮอน ผม……..” เขาลุกขึ้นยืนอย่างคนที่กำลังต้องการจะพูด แต่กลับถูกเสียงของกู้ฮอนดังกลบ “ถัดมา ฉันยังมีเรื่องที่จำเป็นจะต้องประกาศอีกก็คือในฐานะที่คุณติงฉางชิ่งเป็นคนเก่าแก่คนหนึ่ง เขาอุทิศตนเพื่อบริษัทเป่หมิงของพวกเรามามากเกินไปแล้ว เห็นแก่ที่เขาอายุอานามมากแล้ว ฉันไม่อยากให้เขาเหน็ดเหนื่อยต่อไปอีก ดังนั้นฉันตัดสินใจแล้วว่านับตั้งแต่ตอนนี้ คุณติงสามารถกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่บริษัทเป่หมิงมีต่อเขา ฉันจะจัดเตรียมเงินบำนาญจำนวนไม่น้อยจำนวนหนึ่งให้กับคุณค่ะ”
กู้ฮอนนั้นตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่าติงฉางชิ่งไม่ยอมไปล่ะก็ ตัวเองก็ยากที่จะทำงานพัฒนาบริษัทเป่หมิงได้ต่อ นี่ถือว่าเป็นละครเชือดไก่ให้ลิงดูเรื่องหนึ่ง
สิ้นสุดเสียง ทั้งห้องประชุมก็เข้าสู่สภาวะตกตะลึงอีกครั้ง