เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 967 รั้งรอจังหวะในการบุกโจมตี
บทที่ 967 รั้งรอจังหวะในการบุกโจมตี
คราวนี้ถึงตาติงฉางชิ่งตัวสั่นระริกบ้างแล้ว อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่ากู้ฮอนจะมาไม้นี้ ไม่ทะเลาะกับเขา ไม่โวยวายกับเขา แต่ไล่เขาออกเสียเลย
เขามองกู้ฮอนด้วยสายตาเย็นเยียบ ค่อยๆลุกขึ้นมา ชี้นิ้วไปทางเธอพลางเอ่ยว่า “กู้ฮอน ผมติงฉางชิ่งบุกฝ่าอันตรายเพื่อบริษัทเป่หมิงในปีนั้น ไม่ต้องพูดถึงคุณเป่หมิง กระทั่งเป่หมิงโม่ก็ยังไม่กล้าทำอะไรกับผม แต่ในวันนี้ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าคุณจะทำแบบนี้ ดี ถือว่าคุณโหดเหี้ยม บัญชีนี้ผมจะจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน” เขาพูดพลางทุบโต๊ะอย่างแรงครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องประชุมไป
เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป แม้ว่าฉิงฮัวอยากจะหยุดยั้งก็สายเกินไปแล้ว คำพูดก็เหมือนกับน้ำที่สาดออกไป ดึงเอากลับมาไม่ได้แล้ว จึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเงียบๆกับตัวเองแทน
การที่กู้ฮอนเตะติงฉางชิ่งออกจากบริษัทเป่หมิงนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่คาดไม่ถึง และสร้างความตกตะลึงมากกว่าการที่พวกเขาจะไม่เข้าร่วมการเปิดประมูลของภาครัฐเสียอีก
กระทั่งเป่หมิงยี่เฟิงก็รู้สึกประหลาดใจ เขามองไปที่กู้ฮอนด้วยสายตาที่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เขาพบว่าเธอในตอนนี้ทำให้ตัวเองจำไม่ได้อยู่บ้าง ไม่เหมือนเธอในอดีตแล้ว
*
การประชุมแยกย้ายแล้ว ในใจของทุกคนก็เริ่มดีดรางลูกคิดของตัวเอง เส้นทางในอนาคตควรจะเดินอย่างไรถึงจะดี
ฉิงฮัวตามกู้ฮอนกลับมาที่ห้องทำงาน เมื่อปิดประตูแล้วเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “คุณผู้หญิง การประชุมเมื่อครู่นี้ปฏิบัติกับคุณลุงฉางชิ่งแบบนี้ได้อย่างไรครับ”
กู้ฮอนหมุนตัวกลับมาหาฉิงฮัว โทสะที่มียังจางหายไปไม่หมด “คุณบอกว่าทำไมฉันถึงได้ปฏิบัติกับเขาแบบนั้น คุณก็เห็นแล้วว่าเขาปฏิบัติกับฉันอย่างไรมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะวันนี้ในการประชุม คุณดูสิว่ากลายเป็นอะไรไปแล้ว ถ้าหากไม่ไล่เขาออกไปแล้วล่ะก็ เกรงว่าฉันคงไม่สามารถดึงกระแสความนิยมมาได้แล้ว”
***
คำพูดต่างๆล้วนถูกกู้ฮอนพูดหมดแล้ว ฉิงฮัวยังจะพูดอะไรได้อีก ถึงอย่างไรเมื่อมองจากเรื่องนี้ ติงฉางชิ่งก็ทำเกินไปมากจริงๆ เปลี่ยนเป็นคนอื่น แม้ว่าจะอดทนได้ช่วงเวลาหนึ่งแต่ก็ไม่อาจจะทนได้ตลอดไป
“คุณผู้หญิง ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก สถานการณ์ด้านหน้านั้นควรจะลงมือแก้ไขปัญหาอื่นๆแล้ว พวกเราจะอธิบายเรื่องที่บริษัทเป่หมิงไม่เข้าร่วมการเปิดประมูลให้เหล่าหัวหน้าแผนกและพนักงานผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไรดีครับ”
กู้ฮอนพยักหน้า ฉิงฮัวพูดมีเหตตุผล แต่ว่าจะเปิดปากเล่าอย่างไรดี นี่ทำให้กู้ฮอนลำบากใจขึ้นมาชั่วขณะ
*
หลังจากจบการประชุมแล้ว เป่หมิงยี่เฟิงและเป่หมิงเฟยหย่วนก็กลับไปที่ห้องทำงานของเขาด้วยกัน พวกเขาควรจะปรึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์เบื้องหน้าสักหน่อย
ช่วงนี้ถังเทียนจื้อมาปรากฏตัวน้อยมาก แบบนี้ก็ดี เป่หมิงยี่เฟิงก็ขี้เกียจที่จะต้องเห็นเขา ถึงขั้นรังเกียจที่จะต้องพบกับเขาด้วย
สำหรับเป่หมิงเฟยหย่วนนั้นยิ่งไม่อยากพบกับเขามากกว่า
วันนี้ไม่รู้ว่าถังเทียนจื้อหายหัวไปไหนอีก นี่ทำให้พวกเขาพ่อลูกสามารถนั่งพูดคุยสถานการณ์เบื้องหน้าได้อย่างสบายๆ
เป่หมิงยี่เฟิงวางถ้วยชาถ้วยหนึ่งลงที่ด้านหน้าคุณพ่อเขา “คุณพ่อครับ ผมคิดแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมฮอนถึงได้ตัดสินใจทำแบบนี้ออกมา หรือว่าฉิงฮัวไม่ได้เตือนอะไรเธอเลยหรือ”
เป่หมิงเฟยหย่วนยกถ้วยชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง เขาส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “ถึงอย่างไรลูกก็มีความสัมพันธ์กับเธอมาช่วงเวลาหนึ่ง น่าจะเข้าใจลักษณะนิสัยของเธอมาบ้างแล้ว ถ้าหากว่าขนาดลูกยังไม่รู้ พ่อก็ไม่รู้ยิ่งกว่า แต่วันนี้พ่อเห็นท่าทางของเธอแล้วก็รู้สึกว่าไม่เหมือนกับเธอในยามปกติเป็นอย่างมาก
“ไม่เหมือนหรือครับ” เป่หมิงยี่เฟิงเหมือนกับได้รับคำชี้แนะ เขาคิดย้อนกลับไปถึงสถานการณ์เมื่อครู่นี้ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อืม ไม่เหมือนอยู่บ้างครับ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าวันนี้เธอเป็นอะไรไป คาดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เธอจะไล่คุณลุงฉางชิ่งออกจากบริษัทเป่หมิง การกระทำแบบนี้ไม่เป็นผู้ใหญ่เกินไปแล้ว คนของคุณลุงฉางชิ่งเกือบจะมีอยู่ทุกที่ในบริษัทเป่หมิง ดูท่าแบบนี้ง่ายต่อการล่วงเกินพวกเขานะครับ”
เป่หมิงยี่เฟิงพูดไปพูดมา มุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา “เพียงแต่แบบนี้ก็ดี มีส่วนช่วยให้ผมแย่งชิงบริษัทเป่หมิงกลับมาได้เร็วยิ่งขึ้น ในจุดนี้ การเสียสละของคุณลุงฉางชิ่งนั้นคุ้มค่า”
เป่หมิงเฟยหย่วนมีท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย “ยี่เฟิง ลูกมีความมั่นใจมากขนาดนั้นเลยหรือ”
เป่หมิงยี่เฟิงยักไหล่ เดินไปที่หน้าต่างเงยหน้ามองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยเอื่อยเฉื่อยบนท้องฟ้า “ผมไม่กล้ารับประกัน 100% แต่ก็มีเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 80-90 ครับ ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเราแล้ว ถ้าหากว่ายังไม่รีบคว้าเอาไว้ล่ะก็ เกรงว่าโอกาสแบบนี้จะไม่มีอีกแล้ว และจะถูกผู้อื่นช่วงชิงไปได้ ผมไม่อยากเห็นบริษัทเป่หมิงตกอยู่ในมือของพวกเขา”
“พวกเขา…….” เป่หมิงเฟยหย่วนรับรู้ได้ในทันทีว่าลูกชายพูดถึงใคร ตอนแรกที่เป่หมิงโม่เข้าควบคุมบริษัทเป่หมิงนั้น ดีร้ายอย่างไรก็เป็นลูกหลานตระกูลเป่หมิง แม้จะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าได้รับการยอมรับ แต่ถ้าหากว่าบริษัทเป่หมิงตกอยู่ในมือของผู้อื่น นั่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ตอนที่เป่หมิงโม่ยกบริษัทเป่หมิงให้กับกู้ฮอนนั้น พวกเขาก็มีความเห็นแล้ว เพียงแต่เป่หมิงยี่เฟิงเตรียมแผนการที่จะตอบโต้กลับแล้ว ดังนั้นถึงไม่ได้มีการต่อต้านอะไรกับเธอมากเป็นพิเศษ ด้านหนึ่งก็รอดูความสามารถของเธอ อีกด้านหนึ่งก็ต้องการหาโอกาสที่เหมาะสม และตอนนี้ สุดท้ายโอกาสที่ว่านี้ก็มาแล้ว
***
ตอนที่กู้ฮอนกำลังคิดว่าจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่เข้าร่วมการเปิดประมูลให้กับพนักงานทั้งหมดของบริษัทเป่หมิงนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อกวนความคิดของเธอ
เมื่อมองไปตามเสียงที่ดังขึ้นก็เป็นโทรศัพท์มือถือของเธอ
ตอนนี้จะมีใครที่โทรศัพท์หาตัวเองกัน เป็นหยินปู้ฝันหรือ เขามีความคืบหน้าใหม่ในส่วนของคดีแล้วหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเบอร์โทรศัพท์ของโรงเรียนโทรมา
พวกเขาคงจะไม่โทรศัพท์หาตัวเองโดยไม่มีเหตุผล นอกจากว่าเด็กๆจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่โรงเรียน นี่ไม่ใช่ลางบอกเหตุที่ดีเท่าไรนัก
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“คุณคือคุณกู้ฮอนสินะคะ ดิฉันเป็นอาจารย์ประจำชั้นของกู้หยางหยางค่ะ”
กู้ฮอนได้ยินแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “สวัสดีค่ะ ฉันเองค่ะ หยางหยางมีปัญหาอะไรที่โรงเรียนหรือเปล่าคะ”
หลังจากที่หยางหยางสอบปลายภาคได้คะแนนที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงออกมาในเทอมที่แล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว
แม้ว่าจะยังคงชื่นชอบอวดเก่งและก่อกวนเป็นปกติ แต่กลับไม่ได้ทำตัวไม่น่าเชื่อถือเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
ตอนที่จะเปิดเทอมครั้งนี้ เธอยังใช้กฎหมายตราสามดวงกับเขาเป็นพิเศษด้วย ขอเพียงแค่คุณครูโทรศัพท์มาฟ้องเธอ อย่างนั้นคืนวันหลังจากนี้จะไม่เขาได้อยู่อย่างเป็นสุขอีก ทั้งยังจะส่งเขาไปโรงเรียนประจำของทหารแห่งหนึ่งด้วย และเป็นประเภทที่ปิดเทอมภาคฤดูหนาวและปิดเทอมภาคฤดูร้อนเท่านั้นถึงจะสามารถกลับบ้านได้
หยางหยางเป็นนกที่มีอิสระตัวหนึ่ง เขาไม่ยินยอมที่จะถูกขังอยู่ในกรงแบบนั้น ดังนั้นเขาถึงได้ตกปากรับคำว่าจะไม่สร้างเรื่องวุ่นวายอะไรอีก
หรือว่าสุดท้ายแล้วเจ้าเด็กนี่จะทนไม่ไหวแล้วกัน
ภายในสมองของกู้ฮอนมีภาพเงาร่างซุกซนของหยางหยางปรากฏขึ้น……..
“คุณกู้คะ ได้ยินเสียงของคุณแล้ว ดิฉันก็โล่งใจค่ะ ไม่ทราบว่าสุขภาพของคุณในตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่คะ หยางหยางจะกลับมาเรียนเมื่อไรคะ”
ประโยคนี้ทำให้กู้ฮอนตะลึงค้าง
“สวัสดีค่ะคุณครู คำพูดของคุณ ฉันฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่ทราบว่าเกี่ยวอะไรกับหยางหยางหรือคะ”
คำพูดนี้ทำให้คุณครูที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเช่นเดียวกัน ถัดมาก็มีความรู้สึกไม่ดีค่อยๆคืบคลานเข้าสู่หัวใจของเธอ
สถานะของเฉิงเฉิงและหยางหยางภายในโรงเรียนของพวกเขานั้นล้วนถูกทางโรงเรียนมองเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า เพราะว่าพวกเขามีคุณพ่อที่มีชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่เลื่องลืออย่างเป่หมิงโม่
ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนึ่งในพวกเขาล่ะก็ อย่างนั้นโรงเรียนของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ดีเช่นเดียวกัน
เสียงอาจารย์ประจำชั้นของหยางหยางเริ่มสั่นเล็กน้อย “คุณ คุณกู้คะ ไม่ใช่ว่าคุณส่งคนมารับเขาไปก่อนคาบเรียนที่สามในวันนี้หรือคะ”
อะไรนะ หยางหยางถูกคนรับไปแล้ว!
ข่าวนี้สำหรับกู้ฮอนก็เหมือนกับฟ้าผ่าในตอนกลางวัน “ฉันไม่ได้ส่งใครไปรับหยางหยางนะคะ ถึงแม้ว่าฉันจะรับก็ควรจะรับเด็กทั้งสองคนไปด้วยกันสิ คุณครูคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เล่าให้ฉันฟังอย่างชัดเจนหน่อยได้ไหมคะ”
เธอตั้งใจฟังอาจารย์ประจำชั้นของหยางหยางร้องให้ปรับทุกข์ เรื่องราวทั้งหมดค่อยๆชัดเจนมากขึ้น ที่แท้หลังคาบเรียนที่สองก็มีคนที่บอกว่าเป็นพนักงานของบริษัทเป่หมิงคนหนึ่งโกหกว่าสุขภาพกู้ฮอนไม่ค่อยดี อยากจะให้ลูกๆไปอยู่เป็นเพื่อน ดังนั้นจึงรับหยางหยางกลับไปแล้ว
จนกระทั่งหลังคาบเรียนที่สาม อาจารย์ประจำชั้นของหยางหยางถึงได้โทรศัพท์หากู้ฮอน ที่จริงแล้วเป้าหมายหลักก็คือเป็นตัวแทนโรงเรียนในการแสดงความเป็นห่วงเธอ หรือที่เรียกว่าประจบสอพลอนั่นเอง
***
เดิมทีฝ่ายโรงเรียนต้องการเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกับกู้ฮอน แต่กลับเป็นการดึงเรื่องที่หยางหยางถูกคนแปลกหน้าคนหนึ่งพาตัวไปออกมา นี่เหมือนกับว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนถูกแขวนอยู่บนศีรษะของทั้งสองฟากโทรศัพท์
ทำเด็กหายไม่ใช่เรื่องเล็ก ทำลูกของเป่หมิงโม่เป็นเรื่องใหญ่เสียยิ่งกว่าใหญ่ เป็นเรื่องถึงขั้นที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้
กู้ฮอนค่อยๆวางโทรศัพท์ ทั้งร่างร่วงลงบนที่พื้นอย่างอ่อนแรง โชคดีที่ฉิงฮัวตาไวจึงประคองเธอเอาไว้ได้
เขาเห็นสีหน้าความรู้สึกของกู้ฮอนชัดเจนแจ่มแจ้ง นับจากความสงบนิ่งในตอนเริ่มต้น ถัดมาก็พังทลายลง เขาไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นพูดอะไรกับเธอกันแน่ถึงได้ทำให้เธอมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้
“คุณผู้หญิงครับ คุณชายน้อยหยางหยางเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” ฉิงฮัวก็ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหยางหยางจากบทสนทนาของกู้ฮอนไม่กี่คำ
แต่เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไรนั้นยังไม่รู้ กระทั่งร่างของเธออ่อนปวกเปียกถึงได้รู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติแล้ว
กู้ฮอนในตอนนี้นั้นสมองขาวโพลน ฉิงฮัวพูดอะไรอยู่ข้างเธอ เธอล้วนไม่ได้ยิน มีเพียงแค่นัยน์ตาที่มองตรงไปยังประตูอย่างตกตะลึง
หยางหยางเป็นลูกที่เธอเลี้ยงมาจนโต ในบรรดาลูกทั้งสามคน แม้ว่าหยางหยางจะซนมากที่สุด แต่กลับมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอมากที่สุดเช่นกัน
วันนี้เมื่อได้ยินว่าเหมือนกับเขาจะถูกคนพาตัวไปแล้ว ในใจก็ไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ชั่วขณะ
จู่ๆเธอก็ผลักฉิงฮัวที่ประคองเธอเอาไว้ออกไป พุ่งตัวไปทางประตูอย่างบ้าคลั่ง