เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 968 ตามหา
บทที่ 968 ตามหา
“คุณผู้หญิงครับ คุณจะไปไหน” ฉิงฮัวขมวดคิ้ว รีบวิ่งไปคว้าจับเธอเอาไว้ จากนั้นก็ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงมองไปที่กู้ฮอน “คุณผู้หญิงครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายน้อยหยางหยางกันแน่ เพียงแค่บอกกับผม คุณวางใจได้ว่าผมจะพาเขากลับมาหาคุณโดยที่ไม่บุบสลายใดๆ” จากนั้นก็พยักหน้าให้เธออย่างเด็ดเดี่ยว
กู้ฮอนในตอนนี้สติกลับมาแล้ว เธอแทบจะพูดเสียงติดสะอื้นว่า “หยางหยางถูกคนพาตัวไปจากโรงเรียนแล้ว”
ถูกคนพาไปแล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้คนรู้สึกคาดไม่ถึงจริงๆ เขารู้ว่าโรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้นลูกคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจล้วนเรียนหนังสืออยู่ที่นี่
แต่คาดไม่ถึงเลยจริงๆว่าโรงเรียนแบบนี้จะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา ทั้งยังเกิดขึ้นกับหยางหยางด้วย
ฉิงฮัวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา โทรแจ้งให้คนตามหา สถานที่สำคัญแน่นอนว่าคือโรงเรียนและบริษัทเป่หมิง เพราะได้ยินกู้ฮอนบอกว่าคนที่พาหยางหยางไปบอกว่าตัวเองเป็นคนของบริษัทเป่หมิง ถึงขั้นแสดงบัตรพนักงานของบริษัทเป่หมิงออกมาด้วย
ว่ากันไปตามเหตุผลแล้วบัตรพนักงานของคนคนนั้นน่าจะตรวจสอบง่ายอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ได้รู้จากปากของคนตรวจสอบนั้นก็คือ ผู้รับผิดชอบรับรองแขกคนนั้นก็เป็นกังวลจนลืมกระทั่งรูปภาพบนบัตรและชื่อแซ่ไปหมดเพราะเรื่องที่หยางหยางหายไปปรากฏออกมา
แน่นอนว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เจอบ่อยนัก คนเราเมื่อได้รับความกระทบกระเทือนก็มักจะมีปฏิกิริยาต่อแรงกดดัน ลืมเลือนบางสิ่งหรือไม่ก็พูดเกินจริงนั้นเป็นเรื่องที่สามารถพบได้บ่อยๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ก็ไม่สามารถกล่าวโทษอะไรผู้อื่นได้ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนสงสัยก็ปรากฏขึ้น
***
จากผลตอบรับที่ได้มาจากการไปตรวจสอบพนักงาน ตอนที่พวกเขาดึงข้อมูลจากวิดีโอกล้องวงจรปิดมานั้นกลับไม่มีใบหน้าตรงๆของผู้มารับเลยสักรูป
สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้ก็คือคนคนนั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง และระหว่างที่จะเขาไปในโรงเรียนก็แสดงบัตรให้กับพนักงานต้อนรับด้วย นั่นน่าจะเป็นบัตรพนักงานของบริษัทเป่หมิงนะ
ถัดมาก็เกิดเหตุการณ์อันน่าประหลาดอย่างหนึ่งคือ ตอนที่หยางหยางพบกับคนคนนั้นแล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่รู้จักหรือปฏิกิริยาอื่นๆ และตามคนคนนั้นออกไปจากโรงเรียน
ข้อมูลมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ว่าฉิงฮัวหรือว่ากู้ฮอน ในสมองของพวกเขาปรากฏชื่อของคนคนหนึ่งออกมา ถังเทียนจื้อ
แน่นอนว่าคนที่สามารถอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ได้ทั้งหมดก็มีเพียงแค่เขาคนเดียวแล้ว เขาเป็นพนักงานบริษัทเป่หมิง ดังนั้นจะต้องมีบัตรพนักงานอย่างแน่นอน รองลงมาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหยางหยางค่อนข้างดี ดังนั้นตอนที่หยางหยางพบเขาแล้วจึงได้ไปกับเขาอย่างสบายใจ
ส่วนเรื่องที่ถังเทียนจื้อเคยทำงานให้กับโรงเรียนพวกเขาเป็นช่วงเวลาหนึ่งนั้น การท่องเที่ยวของพ่อแม่ลูกอะไรนั่นก็มีเขาเป็นผู้นำไม่ใช่หรือ
เพียงแต่ว่าพนักงานต้อนรับคนนั้นเป็นคนที่เข้ามาใหม่ ดังนั้นจึงไม่เคยพบกับเขามาก่อน บวกกับความกังวล เดิมเรื่องราวที่จดจำเอาไว้เต็มสมองก็ถูกลืมเลือนไปหมด
ตอนนี้ถือได้ว่าเชื่อมโยงเรื่องราวแต่ละส่วนได้ชัดเจนแล้ว ปัญหาถัดมาก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ทำไมถังเทียนจื้อต้องโกหกว่ากู้ฮอนไม่สบายและพาหยางหยางไปจากโรงเรียนกัน
เขามีความคิดอย่างไรกันแน่นะ นี่ไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ
ตอนนี้เหมือนจะยังไม่ใช่เวลาที่จะมาทำความเข้าใจกับปัญหานี้ ก่อนอื่นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตามหาเบาะแสของเขา
จะตรวจสอบเบาะแสของเขาแน่นอนว่าต้องเข้าทางเป่หมิงยี่เฟิง อย่างไรถังเทียนจื้อก็เป็นผู้ช่วยของเขา เกิดเรื่องกับผู้ใต้บังคับบัญชา มากน้อยอย่างไรผู้บังคับบัญชาก็น่าจะรู้บ้างเล็กน้อย
ฉิงฮัวให้กู้ฮอนนั่งอยู่ที่ห้องทำงานอย่างสงบก่อน ตัวเองจะแวะไปถามสักหน่อย เขาทำแบบนี้ก็เพราะกลัวว่าอารมณ์ความรู้สึกของกู้ฮอนจะหลุดการควบคุมไปในตอนที่ตัวเองจากไป แล้วไม่ส่งผลดีในการสืบข่าวที่มีประโยชน์
นอกจากนี้บริษัทเป่หมิงในตอนนี้ ภายนอกยังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เบื้องหลังนั้นกลับแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย สำหรับฝ่ายของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นเป็นพวกที่จ้องจะตะครุบตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงตาเป็นมัน
ในตอนนี้ ให้ฉิงฮัวที่มีฐานะเป็นผู้ช่วยออกหน้า ตำแหน่งต่ำต้อยเล็กน้อยก็จะไม่สร้างแรงกดดันอะไรให้กับพวกของเป่หมิงยี่เฟิง ส่วนเป่หมิงยี่เฟิงก็จะไม่เอ่ยถามคำถามยากๆอะไรต่อตัวเองที่มีตำแหน่งต่ำต้อยมากเกินไปด้วย บทสนทนาก็จะผ่อนคลายมาก
นอกจากนี้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหยางหยาง จะพูดอย่างไรหยางหยางก็เป็นคนของตระกูลเป่หมิง ไม่เห็นแก่หน้าภิกษุสงฆ์ ก็ควรต้องเห็นแก่หน้าพระพุทธรูป อย่างไรพวกเขาก็จะให้ความร่วมมืออยู่บ้าง
กู้ฮอนฝืนยอมรับข้อเสนอแนะของฉิงฮัว นั่งรักษาการณ์อยู่ที่ห้องทำงานและก็สะดวกที่จะรอรับโทรศัพท์ ดูว่ามีความคืบหน้าในเวลาต่อมาหรือไม่
*
ตอนนี้เป่หมิงยี่เฟิงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะวางน้ำชากับเป่หมิงเฟยหย่วนสองคน ลิ้มรสชาไปพลาง พูดคุยเรื่องที่จะวางแผนลงมือทำอย่างไรต่อไปไปพลาง
เสียงเคาะประตูห้องทำงานเบาๆนั้นตัดบทสนทนาหารือระหว่างพวกเขา ในตอนนี้เรื่องนี้ไม่สามารถให้คนภายนอกได้ยินได้ นี่ก็เพื่อความปลอดภัย
เป่หมิงยี่เฟิงวางถ้วยชาลง เดินอ้อมโต๊ะวางน้ำชาไปที่ประตู
เขาเปิดประตูก็ออกมาก็เห็นฉิงฮัวยืนอยู่ตรงนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ “ผู้ช่วยฉิง ไม่ทราบว่าลมอะไรหอบคุณมาที่นี่กัน”
“คุณชายยี่เฟิง พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในเถอะครับ” ฉิงฮัวพูดแล้วมุดร่างเข้าไปในห้องทำงานของเป่หมิงยี่เฟิง
ตอนที่เขาเห็นว่าเป่หมิงเฟยหย่วนก็อยู่ที่นี่ด้วยจึงผงกศีรษะให้ “คุณชายใหญ่เป่หมิง คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย”
*
สำหรับการปรากฏตัวของฉิงฮัวล้วนทำให้เป่หมิงยี่เฟิงและเป่หมิงเฟยหย่วนรู้สึกประหลาดใจ เพียงแต่ในเมื่อคนมาแล้ว ก็ต้องดูว่าเป้าหมายในการมาของเขาครั้งนี้คืออะไรกันแน่
เป่หมิงยี่เฟิงปฏิบัติต่อฉิงฮัวด้วยท่าทีที่ค่อนข้างดี แม้ว่าพวกเขาจะมีเจ้านายคนละคน แต่เมื่อทิ้งความสัมพันธ์นี้ได้ ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้มีความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ใดๆแม้แต่เล็กน้อย
นอกจากนี้ฉิงฮัวติดตามเป่หมิงโม่มาตั้งหลายปี ลักษณะนิสัยของเขาก็กลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย นี่เป็นสาเหตุที่เขามีความสัมพันธ์กับคนตระกูลเป่หมิงได้ไม่เลว คนทั้งตระกูลล้วนปฏิบัติกับเขาค่อนข้างดี
“ฉิงฮัว ผมจำได้ว่าคุณรับผิดชอบเรื่องเกี่ยวกับบริษัท GT ทำไมจู่ๆก็มาหาพวกเราที่นี่ในวันนี้กัน ไม่ทราบว่ามีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่ อารองของผมล่ะ” เป่หมิงยี่เฟิงที่เดินอยู่ด้านหลังเขาเอ่ยถาม
การหายตัวไปอย่างกะทันหันของเป่หมิงโม่ ไม่ได้สร้างความสะเทือนมากมายให้กับบริษัทเป่หมิง สาเหตุอาจจะเป็นเพราะตำแหน่งของเขา ประธานบริษัทมักจะได้รับความสนใจในทุกๆวัน แต่ในฐานะผู้ช่วยนั้นไม่เหมือนกัน นอกจากนี้เบาะแสการเคลื่อนไหวของเขาล้วนไม่แน่นอน จึงมีน้อยคนมากที่จะได้เจอเขา เมื่อผ่านไปนานเข้าคนส่วนใหญ่ล้วนคุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้แล้ว
สถานการณ์เบื้องหน้าค่อนข้างเร่งรีบ ฉิงฮัวก็ไม่มีเวลาจะมาพูดจาอ้อมค้อมกับพวกเขา “คุณชายยี่เฟิง คุณถังผู้ช่วยคุณล่ะครับ”
ไม่นึกเลยว่าฉิงฮัวจะมาหาถังเทียนจื้อ นี่มันประหลาดมากเกินไปแล้ว
เป่หมิงยี่เฟิงยกมือขึ้นพาดบนไหล่ของฉิงฮัวเบาๆ ดูแล้วเหมือนกับเพื่อนสนิท “พวกเราล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร ทำไมถึงคิดได้ว่าต้องมาหาเขากัน ถ้าหากว่าเป็นเรื่องงานล่ะก็ บอกกับผมเลยก็ได้ ถ้าหากว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ผมคิดว่าดูเหมือนพวกคุณจะไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ”
“คุณชายยี่เฟิง ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะถามประโยคเดียว สองวันมานี้เขามาที่นี่หรือไม่ วันนี้มาหรือไม่ครับ”
“ทำไมหรือ หรือว่าประธานกู้มอบหมายงานใหม่อย่างการเช็คชื่อในการทำงานให้กับคุณกัน สองวันมานี้ผู้ช่วยถังไม่ได้มาที่นี่ นั่นก็เป็นเพราะว่าผมมีภารกิจใหม่ให้เขา” ใบหน้าของเป่หมิงยี่เฟิงประดับไปด้วยรอยยิ้มขณะเอ่ยตอบ
สำหรับเบาะแสของถังเทียนจื้อนั้นเขาไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้เช่นกัน แต่ยิ่งไม่อยากเพิ่มเรื่องยุ่งยากใดๆให้กับตัวเองเพราะเขาด้วย โดยเฉพาะการที่ฉิงฮัวมาถามหาเบาะแสของเขาที่นี่อย่างกะทันหัน
เพราะเขารู้สึกได้ว่าวันนี้อารมณ์ของกู้ฮอนไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากที่ไล่ติงฉางชิ่งออกต่อหน้าผู้คนในห้องประชุมไปแล้ว ก็ยังแสดงอำนาจต่อหน้าผู้คนด้วย ดังนั้นจึงนอกจากส่งฉิงฮัวมาตรวจสอบการเข้างานแล้วก็ไม่มีเป้าหมายอะไรอีก
ดึงแบบอย่างออกมาสองสามคน จากนั้นก็เคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์ (หมายถึงการตั้งใจแสดง อำนาจหรือแสนยานุภาพของตนเพื่อข่มขู่หรือทำให้ผู้อื่นกลัวเกรง) แม้ว่าจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้านายด้วย แต่ว่าไม่มีอุบายไหนจะเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว
สำหรับการเตรียมการของเป่หมิงยี่เฟิง ทำให้ฉิงฮัวเข้าใจผิดไปแล้ว เขามองเป่หมิงยี่เฟิงด้วยแววตาตกตะลึง “คุณชายยี่เฟิง นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าคุณจะทำแบบนี้ ที่จริงแล้วระหว่างคุณกับคุณผู้หญิงก็ไม่ได้มีความแค้นอะไร ทำไมจะต้องใช้วิธีการนี้มาสู้กับเธอด้วย การกระทำแบบนี้ของคุณทำให้คุณผู้หญิงและผมรู้สึกผิดหวังมากจริงๆ”
เป่หมิงยี่เฟิงถูกฉิงฮัวพูดใส่อย่างนี้แล้ว ตัวเองก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย รอยยิ้มเขาแข็งค้าง ถัดมาใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสงสัย “ฉิงฮัว เหมือนว่าผมจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดนะ ผมใช้วิธีการอะไรไปสู้กับเธอกันแน่ คุณจะพูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหม”
เสียงพูดคุยบทสนทนาระหว่างเป่หมิงยี่เฟิงและฉิงฮัวก็ไม่ได้เบา โดยเฉพาะส่วนที่เป่หมิงยี่เฟิงตกตะลึงมากที่สุดส่วนนั้น เป่หมิงเฟยหย่วนที่อยู่ภายในห้องเดียวกันจะไม่ได้ยินได้อย่างไร
ดูท่าว่าการปรากฏตัวของฉิงฮัวก็คือมาถามหาความผิด
***
เป่หมิงเฟยหย่วนรับรู้ได้ในทันทีว่าการมาของฉิงฮัวในครั้งนี้ ไม่ใช่มาเพื่อเรื่องเล็กๆหยุมหยิมอย่างไร้เหตุผล แต่ดูท่าว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆ
อีกทั้งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะถังเทียนจื้อทั้งยังเชื่อมโยงมาเกี่ยวกับเป่หมิงยี่เฟิงผู้เป็นลูกชายของตัวเองด้วย
เขามีลูกชายแค่คนเดียว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นหลานชายของลูกชายคนโต ไม่สามารถเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรด้วยได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จะไปสารภาพกับบิดาที่ตายไปแล้วได้อย่างไร…….
“ยี่เฟิง ลูกบอกพ่อสิว่า ลูกกับถังเทียนจื้อสมคบคิดกันทำเรื่องอะไรจนต้องทำให้กู้ฮอนส่งฉิงฮัวมาถามโทษด้วย พวกเราคนตระกูลเป่หมิงไม่มีใครเดินในเส้นทางชั่วร้ายสักคนเดียว ถ้าหากให้พ่อรู้ว่าลูกกับเขาสมคบคิดกันแล้วล่ะก็ อย่ามาโทษว่าพ่อใจร้าย ตัดขาสุนัขของลูกแล้วก็จะไม่ยอมรับลูกชายอย่างแกแล้ว รีบพูดเร็วเข้า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”
เป่หมิงเฟยหย่วนนั้นโกรธแล้วจริงๆ ก้าวเท้าไม่กี่ก้าวมาถึงด้านหน้าลูกชาย ยื่นมือออกมาตบลงบนศีรษะของเป่หมิงยี่เฟิงอย่างแรง
ตั้งแต่เล็กจนโตนั้นเป่หมิงยี่เฟิงแทบจะไม่เคยถูกบิดาตีเลย ในตอนนี้ถูกบิดาตบลงมาอย่างแรง ชั่วครู่หนึ่งก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา
เชอะ โทษตัวเองที่ปากเสีย ถึงตอนนี้แล้ว เห็นใบหน้าเคร่งเครียดของฉิงฮัวแล้วก็ยังจะหยอกล้อเขาเล่นอีก สมควรตีๆ
เป่หมิงยี่เฟิงยกมือนวดศีรษะตัวเอง จากนั้นก็มองไปที่ฉิงฮัวด้วยสีหน้าท่าทางขออภัย “ฉิงฮัว ขอโทษด้วย เมื่อครู่นี้ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด พูดความจริงเลยว่าหลายวันมานี้ผมก็ไม่เห็นเขาปรากฏตัวขึ้นเลย สรุปว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าหากว่าคุณสะดวกล่ะก็ เล่าให้ผมฟังหน่อย บางทีผมอาจจะสามารถช่วยหาเขาได้”
ฉิงฮัวที่เต็มไปด้วยโทสะเมื่อครู่ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วก็ไม่สามารถมีโทสะต่อคุณชายยี่เฟิงท่านนี้ได้จริงๆ มองท่าทางของเขาแล้วก็ไม่ได้มีท่าทีหยอกล้อตัวเอง คราวนี้ควรจะพูดความจริงแล้ว
ในเมื่อพวกเขาไม่ได้พบกับถังเทียนจื้อเช่นกัน แต่ให้พวกเขาหาอาจจะง่ายกว่าตัวเองเล็กน้อย