เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 994 เด็กน้อยเหมือนกับขาหมู
บทที่ 994 เด็กน้อยเหมือนกับขาหมู
นับตั้งแต่เกิดเรื่องของเป่หมิงโม่ขึ้น กู้ฮอนก็ไม่ได้หัวเราะจนหายใจไม่ทันเหมือนในตอนนี้เลย
ฉิงฮัวก็ทำได้เพียงแค่ยืนมองอยู่ด้านข้างเฉยๆ ช่วยภรรยาก็ไม่ใช่ จะช่วยคนของบ้านภรรยาก็ไม่ใช่อีก
“ฮ่าๆ พวกคุณโวยวายอะไรกันที่นี่ บรรยากาศมาคุเมื่อครู่นี้ล่ะหายไปตั้งแต่เมื่อไรกัน” ตอนนี้แอนนิอุ้มลูกน้อยของลั่วเฉียวไว้ในอ้อมแขนยืนอยู่หน้าประตูห้องรับแขก
เจ้าเด็กน้อยเบิกตาโตจ้องมองผู้ใหญ่สองคนที่ทำตัวไม่น่าเชื่อถือ โวยวายใส่กันเหมือนเด็กๆด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“พักรบ พักรบ!” ยากที่ลั่วเฉียวจะประกาศถอนตัว จากนั้นก็วิ่งไปรับลูกน้อยของตัวเองมาจากแอนนิด้วยท่าทางร่าเริง
เจ้าเด็กน้อยที่เมื่อครู่นี้ยังไม่มีอะไร แต่เมื่อถูกรับมาแล้วก็ไม่รู้ว่าทำไม ร้องไห้ “อุแว้…..” ขึ้นมา
“เอ่อ……” ชั่วขณะหนึ่งที่หน้าผากของลั่วเฉียวปรากฏเส้นเลือดปูด
“ลั่วเฉียว เธอดูตัวเองสิ เหมือนกับผู้หญิงบ้าแล้ว แน่นอนว่าลูกเห็นก็ต้องตกใจจนร้องไห้ออกมา รีบไปจัดการตัวเองเสีย” กู้ฮอนพูดพลางรับเด็กมา ครู่หนึ่งเจ้าเด็กน้อยก็ไม่ร้องไห้แล้ว
ลั่วเฉียวจัดการเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองไป พลางเอ่ยพูดว่า “สมกับที่เป็นคุณแม่ที่มีประสบการณ์จากการมีลูกสามคนอย่างเต็มเปี่ยม”
เมื่อเอ่ยถึงเด็กสามคนนั้น แอนนิก็รีบหมุนตัวกลับไปพาเด็กๆทั้งสามคนลงมาที่ชั้นล่าง
หลังจากที่เฉิงเฉิง หยางหยาง และจิ่วจิ่วขึ้นไปที่ด้านบนแล้วก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของผู้ใหญ่ผิดปกติเล็กน้อย แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังเด็กเกินไป จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ จนกระทั่งแอนนิมาพาพวกเขาลงไป ดูท่าว่าเรื่องนี้เหมือนจะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
หยางหยางเขยิบไปอยู่ข้างโล่ฮาน “ครูโล่ เมื่อครู่นี้พวกครูเป็นอะไรไปหรือ แต่ละคนเหมือนกับกินดินระเบิดเข้าไปอย่างไรอย่างนั้นแหละ”
“ไม่มีนะ พวกเราล้วนอารมณ์ดีมาตลอดไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าระยะนี้หนูไม่ตั้งใจเรียนแล้วดูโทรทัศน์มากเกินไปหรอกนะ” แน่นอนว่าโล่ฮานนั้นไม่ยอมรับอะไรต่อหน้าเด็กๆ มือข้างหนึ่งลูบศีรษะหยางหยางไปมา
“พวกคุณจะต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน พวกเราเป็นถึงโฮล์มส์น้อยนะครับ ช้าเร็วก็ต้องถูกเราสืบความจริงออกมาได้อยู่ดี” หยางหยางพูดด้วยท่าทางจริงจัง
“ลั่วเฉียว เธอยังไม่ส่งลูกให้น้าชายของเขาอุ้มอีก นับตั้งแต่เกิดมาเป็นครั้งแรกที่ได้พบกันสินะ” กู้ฮอนเบี่ยงประเด็น ลากหยางหยางมาอยู่ข้างกายตัวเอง
ลั่วเฉียวจัดการหน้าตาตัวเองเรียบร้อยแล้วก็รับลูกกลับมาไว้ในมือ เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่าหลังจากที่ลูกน้อยเห็นเธอก็ไม่ร้องไห้แล้ว
“ลูกน่ะ รูปโฉมแม่เปลี่ยนไปเล็กน้อยทำไมถึงไม่รู้จักเสียแล้วล่ะ ในฐานะที่เป็นลูกของนักแสดงคนดัง คุณสมบัติแบบนี้ใช้ไม่ได้นะ ดูท่าว่าหลังจากนี้แม่จะต้องเปลี่ยนรูปโฉมบ่อยๆให้ลูกได้ปรับตัวได้ถึงจะดี” หลังจากลั่วเฉียวพูดกับลูกน้อยด้วยความรักไปสองสามประโยคก็ส่งเขาให้กับโล่ฮาน
โล่ฮานก็เป็นครั้งแรกที่ได้อุ้มเด็ก เดิมมองแล้วเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง เมื่อเผชิญกับเด็กน้อยแล้วกลับมีท่าทีทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
ไม่รู้ว่าจะอุ้มอย่างไรดี กลัวว่าจะทำให้เจ้าเด็กน้อยได้รับบาดเจ็บได้
***
เป็นครั้งแรกที่ได้เป็นน้า ไม่ต้องพูดเลยว่าโล่ฮานรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“เฮ้ๆ พี่เบาๆมือหน่อย นี่คือท่าใส่กระสุนปืนใหญ่ใช่หรือไม่ ถ้าหากว่าเส้นผมลูกของหนูหลุดสักเส้นหนึ่งนะ หนูจะสู้สุดชีวิตกับพี่เลยนะ”
ลั่วเฉียวมองพี่ชายตัวเองอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง
เด็กทั้งสามคนก็มารวมตัวด้วย แม้ว่าพวกเขาจะพบกับเด็กน้อยในทุกๆวัน แต่ก็ยังคงรู้สึกแปลกใหม่อยู่ดี
หยางหยางยกมือจับแขนอวบเล็กๆของเขาขึ้นมา “พวกคุณดูสิครับ นี่เหมือนกับขาหมูที่พวกเรากินกันเมื่อวานมากขนาดไหน…….”
“เจ้าเด็กหน้าเหม็น หนูพูดอะไรของหนูกัน รีบวางมือลูกของป้าลงเลยนะ ดูสภาพของหนูแล้วยังจะกล้าพูดถึงลูกชายของป้าแบบนี้อีก” ลั่วเฉียวเคาะศีรษะหยางหยางเบาๆ
หยางหยางปล่อยมือ ลูบศีรษะตัวเองพลางหันไปมองลั่วเฉียวหน้าเศร้า “เจ็บมากเลย ป้าเฉียวเฉียว แต่ก่อนป้าไม่ใช่แบบนี้นิครับ ทำไมตอนนี้ถึงได้กลายเป็นหญิงแกร่งไปแล้วล่ะ”
“ป้าเป็นเทพธิดามาตลอดนะ เหมือนหญิงแกร่งที่ไหนกัน หนูน่ะต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนเข้าใจไหม”
“ทำไมจะแบ่งไม่ชัดเจนล่ะครับ ป้าดูสิว่าเทพธิดาและหญิงแกร่งในการแสดงของเทศกาลตรุษจีนปีนี้ เทพธิดาเหมือนกับป้าตรงไหนกัน หญิงแกร่งต่างหากที่เหมือนมาก เพียงแต่ว่าป้าผอมกว่าเจียลิง(นักแสดงตลกจีน)เล็กน้อย แต่ก็ยังเตี้ยกว่าฉูหยิ่ง(นักแสดงจีน)นะครับ”
หยางหยางทำลายภาพลักษณ์ของลั่วเฉียวไม่เลิก
ลั่วเฉียวมองหยางหยาง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ชั่วขณะที่โทสะเข้าปกคลุมจิตใจ
“มีกลิ่นอายอันตราย…….” หยางหยางไม่ยอมเสียเปรียบในครั้งนี้ หลังจากร้องเสียงดังแล้ว ก็อาศัยความคล่องแคล่วของร่างกายเล็กๆ วิ่งอ้อมไปอยู่หลังแม่ของตัวเองในทันที
ลั่วเฉียวเห็นว่าไม่มีโอกาสที่จะลงมือแล้ว เพียงแต่ว่าปากก็ไม่อยู่เฉยๆ “หยางหยาง หนูรอดูเถอะ แม่ของหนูไปทำงาน ป้าค่อยจัดการกับหนู”
หลังจากผ่านการโหวกเหวกโวยวายเสียงดังไปแล้ว โล่ฮานก็ส่งเด็กคืนให้กับน้องสาว
จากนั้นก็เอ่ยถามพวกเขาสองคนว่า “พวกเธอวางแผนจะไปหาคุณพ่อคุณแม่เมื่อไร”
เดิมก็คือเป้าหมายการมาของเขา พ่อแม่ของเขาไม่ได้เจอลูกสาวของตัวเองนานแล้ว จนถึงขั้นโทรศัพท์สายหนึ่งก็ไม่ได้รับ บางครั้งเขายังซื้อของส่งไปให้ผู้ชราทั้งสองคนแทนน้องสาวด้วย จากนั้นก็บอกว่าเป็นเพราะเธองานยุ่งจึงฝากให้คนส่งมาให้ตัวเอง
สำหรับเรื่องที่ลูกสาวงานยุ่งนั้น ผู้ชรานั้นถือว่าคุ้นชินแล้ว
เพียงแต่ว่าโล่ฮานมักจะช่วยน้องสาวปิดบัง เมื่อเวลาผ่านไปนานก็รับไม่ไหวอยู่บ้าง เขาไม่อยากโกหกพวกเขาต่อไปแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าน้องสาวทำเกินไปอยู่บ้างจริงๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับพี่ชายที่ดึงหัวข้อสนทนากลับมาสู่เรื่องนี้ ลั่วเฉียวและฉิงฮัวก็สบตากัน
“เฮ้อ พวกเธอมีอะไรต้องลังเลกัน เมื่อครู่ไม่ใช่พูดเรียบร้อยแล้วหรือ ฉันว่าพรุ่งนี้ก็ดีนะ ฉันจะให้ฉิงฮัวลาได้วันหนึ่ง พวกเธอสองคนก็พาลูกกับไปบ้านภรรยา” กู้ฮอนไม่อยากให้บรรยากาศที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงเมื่อครู่ถูกทำลาย จึงรีบเข้ามาเป็นคนกลางที่ทำให้สถานการณ์จบลงด้วยดี
“ทำไม พวกเธอยังกังวลว่าพวกเขาจะตำหนิเธอหรือ” โล่ฮานก็สังเกตเห็นถึงความกังวลใจของน้องสาว “เธอวางใจเถอะ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าเวลาไหนพ่อแม่ก็เอาใจเธอไม่ใช่หรือ ขอเพียงแค่เธอยอมรับผิดกับพวกเขา แม้ว่าจะโกรธเธอแต่ก็จะปล่อยเธอไป เพราะเห็นแก่หน้าหลาน อีกอย่างมีพี่อยู่ด้วย เธอยังจะมีอะไรต้องกังวลใจกัน”
ภายใต้การให้กำลังใจของกู้ฮอนและพี่ชาย ในที่สุดลั่วเฉียวก็พยักหน้าตกลง
***
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยสัพเพเหระกันพักหนึ่งแล้ว โล่ฮานก็ยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วลุกขึ้นยืน “เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ผมควรจะกลับได้แล้ว”
“ครูโล่ วันนี้ครูอย่าเพิ่งไปเลยครับ ไม่ได้เจอครูตั้งนาน ผมยังมีคำพูดมากมายที่อยากคุยกับครูนะครับ” หยางหยางจับแขนของโล่ฮานเอาไว้ แสดงท่าทางอาลัยอาวรณ์ออกมา
“ใช่แล้วค่ะพี่ วันนี้พี่ก็พักอยู่ที่นี่สักคืน พรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกันไม่ดีหรือคะ บ้านหลังนี้ห้องเยอะมาก เลือกออกมาสักห้องก็สามารถยัดพี่เข้าไปได้แล้ว” ลั่วเฉียวก็พยายามยื้อเอาไว้
โล่ฮานมองไปที่ฉิงฮัว จากนั้นก็พยักหน้า “แบบนี้ก็ดี พรุ่งนี้พวกเรากลับบ้านด้วยกัน” หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ตอบตกลงอย่างสบายๆ
“ดีเลยครับ วันนี้ผมจะนอนกับครูโล่……” หยางหยางขันอาสา
“ไม่ได้ พรุ่งนี้ลูกยังต้องไปเรียน ต้องไปนอนกับเฉิงเฉิง ป้าเฉียวเฉียว พวกเขามีเรื่องจะพูดคุยกันเยอะเลย” กู้ฮอนทำลายความกระตือรือร้นของหยางหยางไปในทันที
*
คืนวันนี้ดวงดาวสว่างไสวมากเป็นพิเศษ รอบด้านเงียบสงัดหมดแล้ว ลมเย็นพัดพาความร้อนรนในช่วงเวลากลางวันไป กลับคืนสู่สภาพความสงบเงียบที่ควรจะมี
ภายใต้บรรยากาศสบายๆแบบนี้ กู้ฮอนกลับนอนพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับบนเตียง
พูดจริงจังหน่อย ควรจะพูดว่าหลายวันมานี้เธอไม่ได้พักผ่อนดีๆเลย นี่ก็เป็นเพราะว่าเรื่องของเป่หมิงโม่นั้นต้องใช้ความคิดมากเกินไป
เธอลุกจากเตียงเบาๆ โดยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทารกน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่ด้านข้าง เธอห่มผ้าห่มที่ขาให้กับจิ่วจิ่ว กลางคืนจะได้ไม่หนาวจนไม่สบาย
เธอสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตูออกจากห้องและปิดประตูอย่างเงียบๆ
ไฟบริเวณระเบียงทางเดินยังคงสว่างอยู่ เป็นการเปิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลั่วเฉียวตอนที่ตั้งครรภ์แล้วตื่นขึ้นมาเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าหลังจากที่เธอคลอดลูกแล้วก็ทำเป็นนิสัยไปแล้ว
ห้องของแอนนิและลั่วเฉียวนั้นประตูปิดแน่นสนิท สรุปสั้นๆได้ว่าบรรยากาศภายในบ้านพักทั้งหลังล้วนเงียบสงบมาก
กู้ฮอนเดินไปจนถึงปากทางบันไดถัดมาก็ค่อยๆจับราวบันไดลงไปที่ชั้นล่าง
เธออยากไปนั่งในห้องรับแขกสักพัก ดูละครรอบดึกสักพักอาจจะมากพอที่จะมีความรู้สึกง่วงนอนอยู่บ้าง
แม้ว่าตัวบ้านในชั้นล่างจะมีแสงสว่างจากดวงดาวส่องเข้ามา แต่ก็ยังคงมืดสลัวอย่างเห็นได้ชัด
เธอสูดจมูกเหมือนกับว่าได้กลิ่นของยาสูบ นี่ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ภายในบ้านน่าจะไม่มีใครที่สูบบุหรี่ ทำไมถึงได้มีกลิ่นบุหรี่ลอยมากัน
หรือว่าจะเป็นฉิงฮัว ช่วงนี้เขาก็ช่วยดูแลบริษัทเป่หมิงแทนตัวเองด้วยตัวคนเดียว และสิ้นเปลืองความคิดไปกับเรื่องของเป่หมิงโม่
เธอเคยได้ยินมาจากหลายคนว่า เพราะมีความกดดันมากเกินไปถึงได้อาศัยยาสูบมาทำให้ผ่อนคลาย หรือว่าฉิงฮัวก็เป็นแบบนี้ด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้ฮอนก็รู้สึกขึ้นมากะทันหันว่า ไม่ว่าตัวเองหรือว่าเป่หมิงโม่ล้วนทำผิดต่อเขามากเกินไปแล้ว ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ หลังจากนี้ก็ไม่สามารถให้เขาแบกรับเอาไว้คนเดียวแล้ว ทั้งยังต้องแนะนำให้เขาเลิกบุหรี่อย่างสุดความสามารถด้วย
ถึงอย่างไรการสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะต่อตัวเองหรือว่าลั่วเฉียวและลูก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี
เธอเดินไปตามทิศทางที่ควันบุหรี่ลอยมาจนถึงหน้าประตูห้องรับแขก
ระหว่างนั้นมองเห็นด้านหน้าบานหน้าต่างที่สามารถมองเห็นทะเลสาบมีเงาคนหนึ่งยืนอยู่ เงาดำนั้นเหมือนกับว่าขยายกลับมาทางตำแหน่งของโซฟาและโต๊ะน้ำชา
คนคนนั้นหันไปทางนอกหน้าต่าง มากพอที่จะมองเห็นแสงไฟจากควันบุหรี่ที่เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดได้
***
กู้ฮอนเห็นเงาร่างของคนคนนั้นแล้วก็สามารถเดาได้อย่างรวดเร็วว่าเขาไม่ใช่ฉิงฮัวแต่เป็นโล่ฮาน
ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในตอนนี้ ดูท่าทางของเขาแล้วเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก หมุนตัวกลับไปกดปุ่มเปิดไฟ ทั้งห้องรับแขกก็สว่างขึ้นมา
อาจจะเป็นเพราะว่าจมอยู่ในความคิดมากไป เสี้ยววินาทีที่ไฟสว่างขึ้นมา เขาก็ปิดตาของตัวเองลงอยู่พักหนึ่ง
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันเห็นว่าคุณอยู่ที่นี่ดังนั้นฉันจึง…….” กู้ฮอนมองไปทางโล่ฮานอย่างขออภัย
โล่ฮานมองไปที่กู้ฮอนแล้วส่ายศีรษะพลางยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่ยืนมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่นี่เท่านั้นเอง นานแล้วที่ไม่เห็นทัศนียภาพแบบนี้”
เขาพูดพลางโยนก้นบุหรี่ลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาอย่างแม่นยำ
แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะเรียบง่ายและดูสบายๆไม่จริงจัง แต่ว่าในสายตาของกู้ฮอนนั้นกลับรู้สึกคาดไม่ถึง
ไม่ต้องพูดว่าก้นบุหรี่เลย แค่กระดาษก้อนหนึ่งโยนเข้าไปในถังใส่เศษกระดาษที่มีระยะห่างเหมือนกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย