เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 995 การสอบถามที่ไม่คาดฝัน
บทที่ 995 การสอบถามที่ไม่คาดฝัน
“คุณโล่ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ มิน่าหยางหยางถึงได้เชื่อฟังคุณขนาดนั้น” กู้ฮอนค่อยๆเดินเข้าไปจนเหลือระยะห่างจากเขาเพียง 50 เมตรจึงหยุดเดิน ตรงจุดนี้ก็สามารถมองเห็นทัศนียภาพนอกหน้าต่างได้เหมือนกัน
เธอเงยหน้ามองดวงดาวที่กระพริบวูบวาบอยู่ จากนั้นก็มองผิวน้ำที่สะท้อนภาพผืนฟ้า “เป็นทัศนียภาพที่สวยงามจริงๆ” เธออดไม่ได้ที่จะชื่นชม ถ้าหากไม่ใช่ว่าวันนี้เธอนอนไม่หลับ ก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะพลาดทิวทัศน์อันสวยงามเช่นนี้ รอจนครั้งหน้าได้เห็นก็อาจจะเป็นช่วงเวลาหลังจากเรื่องนี้แล้ว
“อืม สวยงามมากจริงๆ คุณกู้ ทำไมคุณถึงยังไม่พักผ่อนอีกล่ะครับ”
ประโยคนี้ดูเหมือนว่าควรจะเป็นกู้ฮอนที่ถามโล่ฮาน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเขาเอ่ยถามออกมาก่อน
“อ่อ ฉันก็แค่คิดเรื่องอะไรเล็กน้อยค่ะ ดังนั้นคิดไปคิดมาก็เลยนอนไม่หลับ คุณโล่ล่ะคะ ฉันเห็นว่าคุณดูเหมือนจะมีเรื่องในใจ เพราะเรื่องของลั่วเฉียวหรือคะ” กู้ฮอนตอบง่ายๆ ส่วนเรื่องของเป่หมิงโม่นั้น คนรู้ยิ่งน้อยก็ยิ่งดี
“ไม่ใช่ทั้งหมดครับ เพียงแต่เรื่องของลั่วเฉียวก็ทำให้ผมสิ้นเปลืองความคิดอยู่บ้างจริงๆ พรุ่งนี้พวกเขาจะกลับบ้านกันแล้ว แต่ว่าผมก็ยังเป็นกังวลว่า ผู้ชราที่บ้านสองคนจะไม่สามารถรับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันอย่างนี้ได้ ลูกสาวแต่งงานให้กับผู้อื่นโดยไม่มีสาเหตุ มีลูกเขยเพิ่มขึ้นมานั้นไม่พูดถึง ยังมีหลานชายเพิ่มขึ้นมาอีกคน…….” โล่ฮานเอ่ยถึงตรงนี้แล้วคิ้วก็กระตุก “เปลี่ยนเป็นผู้ชราคนไหนๆก็อาจจะรับไม่ได้อยู่บ้างนะครับ”
“เรื่องนี้ล้วนเป็นแค่การคาดการณ์ล่วงหน้า ผู้ชราทั้งสองอาจจะมีโทสะอยู่บ้าง แต่เมื่อพวกเขาได้พบกับหลานชายตัวน้อยแล้ว ต่อให้จะมีโทสะมากเท่าไรก็จะถูกเจ้าตัวน้อยทำให้สงบได้ ต้องรู้ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสและหลานนั้นใกล้ชิดกันมาก” กู้ฮอนรู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องหยุดความกังวลนี้ให้กับเขา แน่นอนว่า นี่ก็เป็นสิ่งที่เธอควรทำในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของลั่วเฉียว
โล่ฮานมองเธอพลางพยักหน้า “ขอบคุณครับคุณกู้ ผมก็หวังว่าสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็คาดว่าผมคงปวดหัวตายเลย ด้านหนึ่งก็คือพ่อแม่ อีกด้านก็คือน้องสาว ผมล้วนไม่หวังจะมีอะไรที่ทำให้คนทั้งสองฝ่ายไม่มีความสุข”
“พรุ่งนี้จะต้องราบรื่นอย่างแน่นอนค่ะ คุณโล่ คุณอยากดื่มอะไรไหมคะ กาแฟหรือว่าน้ำผลไม้” ตอนนี้กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองคอแห้ง
โล่ฮานยิ้มบางๆ ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับเป่หมิงโม่จริงๆ “น้ำผลไม้ก็พอแล้วครับ ไม่อย่างนั้นหลังจากดื่มกาแฟ พวกเราอาจจะต้องคุยกันทั้งคืน”
***
กู้ฮอนเดินไปในห้องอาหารหยิบน้ำผลไม้ออกมาจากตู้เย็นกล่องหนึ่ง และหยิบแก้วที่ล้างสะอาดแล้วออกมาจากข้างในตู้สองใบ
เนื่องด้วยเด็กๆทั้งสามคน เธอจึงมักจะเตรียมน้ำผลไม้ 100% ไร้น้ำตาลเอาไว้ในตู้เย็น
นี่ก็เพราะว่าในเวลาที่ไม่มีผลไม้ หรือช่วงเวลาเช้าตรู่สามารถเสริมสารอาหารให้กับพวกเขาได้
ถัดมาเธอก็หยิบโยเกิร์ตรสธรรมชาติออกมากล่องหนึ่ง ผสมโดยใช้อัตราส่วนหนึ่งต่อสองในการผสมกับน้ำผลไม้ในแก้ว
“คุณโล่ เชิญดื่มค่ะ” กู้ฮอนถือแก้วทั้งสองใบมาถึงหน้าโล่ฮาน ยื่นให้เขาหนึ่งแก้ว
“ขอบคุณครับ” เขารับแก้วมา จากนั้นก็เขยิบจมูกเข้าไปใกล้ปากแก้วพลางดมเล็กน้อย “น้ำมะม่วง ทั้งมีกลิ่นของโยเกิร์ตด้วย” เขาพูดพลางดื่มคำหนึ่ง
“พวกเราล้วนชอบดื่มแบบนี้ ในเมื่อมีทั้งน้ำผลไม้และโยเกิร์ต นี่รสชาติดียิ่งกว่าโยเกิร์ตรสผลไม้ที่วางขายในตลาดอีกนะคะ”
“อืม เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย” โล่ฮานพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากทั้งสองคนหยอกล้อกันประโยคสองประโยคแล้วก็เข้าสู่ความเงียบ
แม้ว่าโล่ฮานจะเป็นครูของหยางหยาง แต่ระหว่างเขากับกู้ฮอนนั้นไม่สนิทกันมากถึงขั้นนั้น กู้ฮอนก็เช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนจึงกอดแก้วที่อยู่ในมือและเงยหน้ามองท้องฟ้าทางหน้าต่างอีกครั้ง
ระหว่างนั้นกู้ฮอนก็แอบมองโล่ฮานอยู่ครู่หนึ่ง เห็นเพียงแค่สีหน้าจริงจังของเขา ก่อนหน้าที่เขาอยู่ที่นี่คนเดียวก็อาจจะเป็นแบบนี้ และแน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้
แต่เมื่อครู่เขาตอบรับคำแนะนำของตัวเองอย่างผ่อนคลาย ดูท่าว่าเขาน่าจะคิดเรื่องอื่นๆอีก
จะเป็นเรื่องอะไรกันนะ
กู้ฮอนคิดจนใจลอยเล็กน้อย จนกระทั่งโล่ฮานรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องตัวเองอยู่ เขาหันหน้ากลับมาดูก็เห็นกู้ฮอนมองตัวเองด้วยท่าทางครุ่นคิด
เขาถูกผู้หญิงมองอย่างนี้น้อยมากจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ชิน เขาถอยหลังไปเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาของเธอ “คุณกู้ครับ”
“ฉัน…..ไม่มีอะไรค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” กู้ฮอนรีบดึงสายตาตัวเองกลับมา จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้างอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
“คุณกู้ ดูเหมือนว่าคุณจะมีเรื่องอะไรในใจ”
“ฉันหรือคะ” กู้ฮอนรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ในใจของเธอกลับพูดว่า ฉันจะมีเรื่องอะไรในใจกันล่ะ คำถามนี้น่าจะเป็นฉันที่ถามคุณถึงจะถูก
แม้ว่าเธอจะคิดอย่างนี้แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
ตอนนี้บรรยากาศระหว่างพวกเขาสองคนกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่กู้ฮอนรีบดื่มเครื่องดื่มที่อยู่ในแก้วของตัวเองหมดแล้ว ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว
แต่ในเวลานั้นกลับถูกโล่ฮานเรียกเอาไว้ “คุณกู้ครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามคุณสักหน่อย”
หลังจากที่โล่ฮานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็รู้สึกว่าควรจะเอ่ยถามกู้ฮอน ไม่ว่าอย่างไรก็อาจจะหาทางออกได้จากเธอที่นี่
กู้ฮอนรีบหันกลับมามองโล่ฮาน “คุณโล่ มีอะไรก็ถามมาเถอะค่ะ”
โล่ฮานชี้นิ้วไปที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกล “ผมว่าพวกเราไปนั่งคุยจะเหมาะสมกว่านะครับ”
พวกเขานั่งแยกกันอยู่บนโซฟาข้างโต๊ะกาแฟคนละด้าน สภาพการณ์แบบนี้เหมือนกับพูดคุยกันในห้องประชุมอย่างไรอย่างนั้น
“เอ่อ……” โล่ฮานลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยว่า “ขออนุญาตคุณกู้นะครับ คุณรู้จักผู้อำนวยการโกวคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาที่เมืองนี้หรือไม่ครับ”
คำถามนี้เหนือความคาดหมายของเธอจริงๆ แต่เธอก็ไม่เข้าใจเล็กน้อย รู้จักผู้อำนวยการโกวหรือไม่นั้น ทำไมต้องถามตัวเองด้วย
“รู้จักค่ะ แต่ว่าไม่ได้สนิท คุณโล่คะ เขารับผิดชอบดูแลด้านการก่อสร้างภายในเมืองนี้ อย่างไรก็เป็นผู้นำของพวกเรา”
***
อย่างไรกู้ฮอนก็คิดไม่ถึงว่า จู่ๆโล่ฮานจะเอ่ยถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของผู้อำนวยการโกว นี่ทำให้เธอรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
เพียงว่าเธอยังตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักประโยคสองประโยคก็อาจจะผ่านไปได้
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดง่ายไปหน่อย โล่ฮานได้ยินคำตอบของเธอแล้วก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเลิกรา
“คุณกู้ครับ จากที่ผมเข้าใจมา เหมือนว่าระหว่างคุณกับผู้อำนวยการโกวท่านนี้จะไม่ได้รู้จักกันเฉยๆนะครับ”
กู้ฮอนมองเขาอย่างสงสัย “คุณโล่ คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรคะ คุณมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อให้ลั่วเฉียวกลับบ้านเฉยๆใช่หรือไม่ มาพบฉันถึงจะเป็นเป้าหมายหลักสินะคะ”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ นี่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนั้นผมจึงต้องทำอย่างนี้อย่างเสียมิได้ หลังจากที่มาแล้วผมก็ยังคงลังเลว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับคุณอย่างไร น่าเสียดายที่หาโอกาสไม่ได้เลย เพียงแต่ว่าตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว ผมรู้มาว่าผู้อำนวยการโกวเคยส่งการ์ดเชิญให้กับคุณฉบับหนึ่ง” ในเมื่อเรื่องราวพูดชัดเจนแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก
กระทั่งเรื่องการ์ดเชิญเขาก็รู้ ดูท่าน่าจะเข้าใจเรื่องราวไม่น้อยเลยจริงๆ อีกทั้งยังมีการเตรียมพร้อมในการมาด้วย ที่สำคัญที่สุดก็คือ กู้ฮอนรับรู้ได้ว่าการที่โล่ฮานมาเยือนในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของลั่วเฉียวเป็นหลัก
ในทางตรงกันข้ามตัวเองต่างหากที่เป็นเป้าหมายของเขา
ในเมื่อพูดถึงเรื่องของการ์ดเชิญ เธอก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเพิ่มความระมัดระวังขึ้นหลายส่วน เพราะเธอรู้ว่าผู้อำนวยการโกวคนนี้มีหลี่เชินเป็นผู้สนับสนุน ที่เรื่องอะไรก็สามารถทำได้
ถ้าหากว่าโล่ฮานเป็นคนของพวกเขา ก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะหาข้อมูลได้จากคำพูดของตัวเอง แบบนี้พวกเขาก็สามารถที่จะจัดการรอยรั่วให้เรียบร้อยก่อนเปิดศาลโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่นิดเดียว
นี่ทำให้เธอเลี่ยงที่จะคิดถึงช่ายซินซินที่อยู่เมือง C ไม่ได้
สงสัยว่าไม่มีอะไรที่จะตำหนิได้ ถึงอย่างไรเมื่อคนเราเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีก็จะเกิดความกลัวต่อเหตุการณ์ที่คล้ายๆกัน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆก็ตาม
แต่ว่าการตัดสินใจแบบนี้จะเกินกว่าเหตุ เขาดีกับหยางหยางมากจริงๆ ถ้าหากว่าต้องการเข้าใกล้ตัวเองแล้วล่ะก็ ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไร ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยเหลือหยางหยางมาก่อน สถานการณ์แบบนี้น่าจะไม่ได้วางแผนเรียบร้อยแต่เนิ่นๆ
และคำพูดของเขามีการพูดถึงภาระหน้าที่ด้วย ถ้าหากเป็นการช่วยเหลือผู้อำนวยการโกวแล้วล่ะก็ เขาไม่น่าสารภาพอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้นะ…….
เพียงแต่ว่าควรจะระมัดระวังสักหน่อยก็ดี ลองหยั่งเชิงเขาสักหน่อย
“ใช่แล้วค่ะ เขาส่งการ์ดเชิญให้ฉันฉบับหนึ่งจริงๆ และฉันก็ไปพบกับเขาในวันเดียวกันกับที่ได้รับการ์ดเชิญ” ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามเข้าใจเรื่องพวกนี้มาบ้าง อย่างนั้นปิดบังสิ่งเหล่านี้ไปก็ไม่มีผลอะไร
“คุณไปหาเขาหรือ หมายถึงเกาะหูซินที่มีไว้ให้หน่วยงานภาครัฐใช้บริการเกาะนั้นหรือครับ” โล่ฮานก็ไม่หลีกเลี่ยงที่จะยืนยันสถานที่เล็กน้อย
กู้ฮอนพยักหน้า “ก็คือที่นั่นค่ะ”
“อย่างนั้นตอนที่อยู่ที่นั่น พวกคุณพูดคุยอะไรกันหรือครับ”
“ฉันกับเขาจะคุยอะไรกันได้คะ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องระหว่างบริษัทและภาครัฐ” เห็นได้ชัดว่ากู้ฮอนไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น
เพราะเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เธอจะคิดถึงเรื่องที่ว่าเป่หมิงโม่สูญเสียอิสรภาพไปได้อย่างไร ในเวลาเดียวกันก็คิดถึงใบหน้าชั่วร้ายและทำให้ผู้คนคลื่นไส้ของเขาอย่างเลือนรางในตอนที่ตัวเองสะลึมสะลือ
“หลังจากนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ” ดูเหมือนว่าโล่ฮานจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของเธอ ยังอยากจะหาข้อมูลอะไรจากเธอมากกว่านี้
***
สุดท้ายแล้วท่าทียืนหยัดอย่างไม่ลดละของโล่ฮานก็ทำให้กู้ฮอนไม่สามารถหลบเลี่ยงได้
ตอนที่เธอกำลังจะฟื้นคืนสติกลับมาก็ถูกปักมีดลงมาอีกครั้ง ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบหัวใจตัวเองแน่น
ในเวลาเดียวกันก็กระตุ้นการต่อต้านอย่างรุนแรงขึ้นภายในใจเธอ
“คุณโล่คะ คุณถามฉันแบบนี้แสดงว่าไม่เคยคิดให้เกียรติฉันเลยใช่ไหมคะ” กู้ฮอนพยายามควบคุมโทสะของตัวเอง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของลั่วเฉียว ถือเสียว่าเห็นแก่หน้าเธอ ถ้าไม่ถึงขั้นต้องผิดใจกันก็ไม่จำเป็นต้องทำ มิฉะนั้นสุดท้ายแล้วแรงกดดันก็จะไปตกอยู่บนร่างของลั่วเฉียว
เมื่อเห็นว่ากู้ฮอนมีโทสะแล้ว โล่ฮานก็รู้โดยสัญชาตญาณว่าคำถามของตัวเองไม่เหมาะสม เขารีบโบกมือไปมาพลางเอ่ยอธิบายว่า “ขอโทษครับคุณกู้ ผมไม่ได้คิดว่าคำถามแบบนี้จะทำให้คุณมีโทสะ ผมก็แค่อยากจะเข้าใจเรื่องในคืนวันนั้นเท่านั้นเอง”
“คุณอยากจะเข้าใจหรือ ถึงคุณเข้าใจแล้วจะมีประโยชน์อะไรคะ ใช้มันมาช่วยเหลือผู้อำนวยการโกวที่สมควรตายคนนั้นหรือว่ามีเป้าหมายอื่นกันแน่” อารมณ์ของกู้ฮอนยังคงรุนแรงอย่างมาก แม้ว่าโล่ฮานจะขอโทษเธอแล้ว แต่เธอก็ยังคงแสดงท่าทางไม่เลิกราอยู่ดี
เรื่องนี้กลายเป็นฝันร้ายของกู้ฮอนไปแล้ว เธออยากจะหลบหนีออกมา พยายามลืมตาทั้งสองข้างให้ตื่น แต่ว่าสุดท้ายหลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว เป่หมิงโม่ที่ถูกม้วนเข้ามาเกี่ยวข้องก็ทำให้เธอเข้าสู่ฝันร้ายบทใหม่อีกครั้ง อีกทั้งยังทำให้เธอหลบหนีได้ยากยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ด้วย