เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 120 อวี้หลานซีเปลี่ยนไป
ได้ยินคำว่าเลิกกัน หัวใจของหนานกงเยี่ยปวดหนึบขึ้นมา คิ้วเข้มขมวดเป็นปม “ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้”
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา เธอไม่ได้พูดอะไรอีก บางทีอาจจะเป็นเพราะท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้เธอรู้สึกเศร้า เธอถึงคิดอยากจะให้เขาคิดถึงเธอ ในวันที่เธอไปจากเขา
“วันมะรืนมีงานประมูลที่ทะเลซีไห่ เป็นงานประมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดโดยบริษัทประมูลฮั่นไห่ คุณไปกับผมนะ” งานประมูลในครั้งนี้เขาอยากไปประมูลซื้อของ อีกทั้งพาเหลิ่งรั่วปิงไปพักผ่อนหย่อนใจด้วย
บริษัทประมูลฮั่นไห่ เหลิ่งรั่วปิงรู้จัก นี่เป็นบริษัทประมูลที่ใหญ่ที่สุดของโลก สิ่งที่บริษัทจัดหามาประมูลนั้นล้วนเป็นของที่หายากมาก บริษัทประมูลฮั่นไห่จะมีการจัดงานที่เมืองหลงสี่ปีหนึ่งครั้งเท่านั้น โดยงานจะจัดขึ้นบนเรือยอร์ชที่ทะเลซีไห่ทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้เพิ่งผ่านมาแค่สามปีเท่านั้น จู่ๆ ก็มีการจัดงานประมูลที่เมืองหลงล่วงหน้าแบบนี้ ทำให้เป็นที่แปลกใจ
“บริษัทประมูลฮั่นไห่จัดงานประมูลที่เมืองหลงสี่ปีหนึ่งครั้งไม่ใช่หรอคะ ทำไมรอบนี้ถึงจัดงานล่วงหน้าละ ทั้งยังแจ้งกะทันหันอีกด้วย?” เมื่อก่อน ทุกครั้งที่ฮั่นไห่จัดงานประมูล จะมีการป่าวประกาศนานกว่าครึ่งปี ทว่าครั้งนี้กลับใช้เวลาในการแจ้งให้ทุกคนทราบล่วงหน้าเพียงแค่หนึ่งเดือนกว่าเท่านั้น จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกว่ารีบร้อนจนเกินไป
“ผมเองก็ไม่มั่นใจ แต่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจนั้น ล่วงหน้าหนึ่งปีก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เป็นหลัก”
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า “ค่ะ ก็จริงอย่างที่คุณพูด”
“ไปดูว่ามีอะไรอยากได้เป็นพิเศษรึเปล่า ผมอยากประมูลมาให้คุณ”
“ช่างเถอะค่ะ ทุกวันนี้คุณให้เช็คไม่ระบุจำนวนเงินกับฉันวันละหนึ่งใบทุกวัน เงินของฉันมากจนใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดแล้ว ฉันไม่อยากได้อะไรจากคุณแล้วค่ะ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงดัง “เหลิ่งรั่วปิง เป็นเรื่องยากมากที่คุณจะไม่เห็นแก่เงิน”
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก “เงินพวกนั้นคุณเป็นคนเอาให้ฉันเองนะคะ เงินที่ให้ฟรีๆ ถ้าฉันไม่รับไว้คุณจะหาว่าฉันโง่นะสิ”
“ครับๆๆ” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วตบหน้าเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ “จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเชื่อว่าคุณไม่ได้ใช้ลูกเล่นอะไร แต่ก็ช่างเถอะ ทำงานหาเงินให้ผู้หญิงของตนเองใช้เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ผมไม่ถือสาหรอก”
*****
ตลอดทั้งคืนทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เช้าวันถัดมา หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงไปที่ท่าเรือ พวกเขาขึ้นไปยังเรือยอร์ชส่วนตัวของเขา ทางด้านถังเฮ่า อวี้ไป่หัน มู่เฉิงซีและเวินอี๋รออยู่บนเรือแล้ว
ก่วนอวี้ไม่ได้ตามไปด้วย เขาถูกหนานกงเยี่ยส่งตัวไปอยู่กับอวี้หลานซีแล้ว ไม่ว่าอวี้หลานซีจะทำให้เขาปวดหัวมากแค่ไหน หนานกงเยี่ยก็ยังคงเป็นห่วงเธอ กลัวว่าเธอคิดมากและเบื่อหน่าย เขาจึงส่งก่วนอวี้ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ เพราะถึงอย่างไรเธอกับก่วนอวี้ก็โตมาด้วยกัน มีเรื่องที่คุยกันถูกคอมากมาย
เรือยอร์ชของหนานกงเยี่ยหรูหรามาก ด้านในตกแต่งได้เหมือนกับโรงแรมระดับห้าดาว ด้านในมีห้องรับแขกขนาดใหญ่และยังมีโซฟาและโต๊ะที่หรูหราอลังการ ไวน์ราคาแพงมากมายล้วนถูกแช่เย็นเอาไว้ในตู้ไวน์
บนโซฟา พวกเขาได้เปิดไวน์ออกมาดื่มกันเองแล้ว พร้อมทั้งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง อวี้ไป่หันเข้าสู่โหมดล้อเลียนทันที “ว้าวๆๆ รั่วปิง ตอนนี้ไม่ว่าหนานกงจะไปที่ไหนก็พาคุณไปด้วยตลอดเลยนะ พวกคุณสองคนกลายเป็นคู่รักที่คนเมืองหลงพูดถึงหลังมื้ออาหารไปแล้ว”
หนานกงเยี่ยชินกับคำพูดของอวี้ไป่หันมานานแล้ว เขาไม่สนใจอวี้ไป่หันแม้แต่น้อย นั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้านิ่งเฉย หนานกงเยี่ยหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา รินให้กับตนเอง แล้วค่อยๆ จิบ
เหลิ่งรั่วปิงโต้กลับอวี้ไป่หัน “พวกฉันจะดังแค่ไหนก็คงไม่เท่าคุณชายอวี้หรอกค่ะ เมื่อก่อนคุณเป็นคาสโนว่าอันดับหนึ่งของเมืองหลง ไม่ว่าที่ไหนก็ล้วนมีข่าวรักๆ ใคร่ๆ ของคุณ แต่ตอนนี้คุณได้ฉายาเพิ่มอีกหนึ่งฉายาแล้วนะคะ เทพแห่งความซวยของเมืองหลง ดูสิคุณดังแค่ไหน”
หนานกงเยี่ยที่ถือแก้วไวน์อยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา บนโลกใบนี้คงไม่มีใครสามารถเถียงอวี้ไป่หันได้ แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับสามารถทำให้อวี้ไป่หันจุกได้ด้วยคำพูดเรียบๆ ผู้หญิงของหนานกงเยี่ยสามารถขึ้นสวรรค์ได้และสามารถลงนรกได้ในเวลาเดียวกัน
เดิมทีมู่เฉิงซีเป็นคนเคร่งขรึม เขาไม่ค่อยหัวเราะกับอะไรง่ายๆ แต่เวินอี๋เอามือขึ้นมาป้องปากหัวเราะร่า ตอนที่เขามองดูผู้หญิงของตนที่สวยเหมือนภาพวาดนั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เมื่อเห็นทุกคนหัวเราะเยาะเขา อวี้ไป่หันคว่ำปากลงอย่างเสียหน้า “เหลิ่งรั่วปิง คุณชอบขัดผมจริงๆ ไว้วันไหนที่คุณล้ม ผมจะเหยียบเข้าให้”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ แล้วแย่งแก้วไวน์ในมือหนานกงเยี่ยมา เธอดื่มไวน์ที่เหลือจากเขา หนานกงเยี่ยไม่ได้มีสีหน้าไม่พอใจ เขาหยิบแก้วมาอีกใบ เทไวน์ให้ตนเองและเหลิ่งรั่วปิง ทั้งสองเหมือนกับคู่สามีภรรยาที่สวีทหวาน อวี้ไป่หันมองดูพวกเขานิ่งๆ พร้อมกับครุ่นคิดในใจว่าถึงเวลาที่ตนควรจะคบใครสักคนจริงจังหรือยัง
ถังเฮ่าเองก็รู้สึกเศร้าขึ้นมากะทันหัน เขาตามหาหลินมั่นหรูมานานแล้ว แต่กลับไม่มีข่าวคราวของเธอเลย บางครั้งเขาก็สงสัยว่าเรื่องคืนนั้นเป็นแค่ความฝัน
บริกรชุดขาวเดินเข้ามา เขาถามหนานกงเยี่ยด้วยความเคารพ “คุณชายเยี่ยครับ ให้ออกเรือตอนนี้เลยไหมครับ”
“อื้ม ออกเรือเถอะ” หนานกงเยี่ยพยักหน้า งานประมูลเริ่มวันพรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้า คืนนี้พวกเขาจะนอนพักบนเรือยอร์ชหนึ่งคืน
หลังจากที่บริกรออกไปได้ไม่นาน ก่วนอวี้และอวี้หลานซีก็เดินเข้ามา
การมาของพวกเขา ทำให้บรรยากาศบนเรือกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
หนานกงเยี่ยปรายตามองก่วนอวี้ แววตาของเขาแทบจะทำให้ก่วนอวี้ตัวแข็งทื่อ ก่วนอวี้ก้มหน้าลงด้วยความตกใจ หนานกงเยี่ยสั่งให้เขาอยู่เป็นเพื่อนหลานซี อีกทั้งห้ามไม่ให้อวี้หลานซีออกไปจากคฤหาสน์ ทว่าเขาไม่สามารถทนต่อคำของร้องของอวี้หลานซีได้ เขาจึงพาเธอมาที่นี่ บนโลกใบนี้มีคนสองคนที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ คนที่หนึ่งคือหนานกงเยี่ย คำพูดของเขาคือคำสั่ง ส่วนคนที่สองคืออวี้หลานซี คำพูดของเธอคือพิษร้ายที่พร้อมเอาชีวิตเขา
“เยี่ย คุณอย่าโทษก่วนอวี้เลยค่ะ ฉันเป็นคนขอร้องให้เขาพาฉันมาที่นี่เอง” อวี้หลานซีอ่านสายตาของหนานกงเยี่ยออก
หนานกงเยี่ยชักสายตากลับด้วยความเย็นชา เขาก้มหน้าลงไม่พูดอะไร
เหลิ่งรั่วปิงดื่มไวน์เงียบๆ ทำเหมือนไม่เห็นว่าอวี้หลานซีมา เธอรู้ดี หลังจากวันที่ความสัมพันธ์ของเธอและหนานกงเยี่ยเปิดเผย อวี้หลานซีไม่เหลือความรู้สึกดีๆ อะไรให้เธอแล้ว การที่เธอมาที่นี่เป็นเพราะอยากแสดงความเป็นเจ้าของ อวี้หลานซีไม่ใช่อวี้หลานซีคนเดิมอีกแล้ว ถ้าให้โอกาสกับเธอ เธอต้องกำจัดเหลิ่งรั่วปิงออกไปจากชีวิตของหนานกงเยี่ยอย่างไม่ลังเลแน่นอน
อวี้หลานซีไม่แคร์ท่าทีของหนานกงเยี่ย เธอเดินมาที่โซฟา นั่งลงข้างหนานกงเยี่ย คลายยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “เยี่ย เมื่อก่อนคุณเคยบอกว่ารอให้บริษัทประมูลฮั่นไห่กลับมาจัดการประมูลอีกครั้ง คุณจะประมูลของที่ฉันชอบให้ฉัน”
ตั้งแต่วันที่อวี้หลานซีประกาศต่อหน้าสื่อว่าตนเป็นว่าที่เจ้าสาวของหนานกงเยี่ย หนานกงเยี่ยรู้สึกอึดอัดใจมาก เขาเริ่มตั้งแง่กับเธอ ทว่าเพราะความผูกพันตั้งแต่เล็กจนโตที่มีต่อเธอ เขาจึงทำใจทำร้ายเธอไม่ได้ หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วพูดเสียงเรียบ “อื้ม พรุ่งนี้คุณลองดูแล้วกันว่าชอบอะไร ผมจะประมูลแล้วยกให้คุณ”
“ค่ะ” อวี้หลานซียิ้มหวาน “เมื่อวานคุณพ่อโทรมา ท่านชมว่าฉันกล้าหาญและยังเร่งให้เรารีบหมั้นกันด้วยนะคะ”
หนานกงเยี่ยหุบยิ้ม เขาชำเลืองมองอวี้หลานซีด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่สายตาคู่นั้นของเขา กลับทำให้อวี้หลานซีตัวแข็งทื่อจนพูดไม่ออก ถึงอย่างนั้นหนานกงเยี่ยก็รู้ดีว่าอวี้หลานซีไม่ได้โกหก พ่อของเขาหนานกงจวิ้นโทรมาจริงๆ แต่เขาไม่ชอบที่อวี้หลานซีพูดแบบนี้ต่อหน้าเหลิ่งรั่วปิง
ถึงแม้อวี้หลานซีจะไม่กล้าพูดอะไรกับหนานกงเยี่ยอีก แต่เธอตัดสินใจที่จะท้าทายศักดิ์ศรีของเหลิ่งรั่วปิง เพราะเหลิ่งรั่วปิงทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลง “รั่วปิง การหมั้นหมายระหว่างฉันกับเยี่ย หวังว่าคุณจะอวยพรพวกเรานะคะ” เมียหลวงขอร้องให้เมียน้อยอวยพร ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็รู้สึกถึงความถูกต้อง
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอย่างสง่างาม “คุณอวี้ ฉันไม่มีวันอวยพรให้คุณหรอกค่ะ คุณเองก็รู้ดีหนิคะ ตอนนี้คุณหนานกงเป็นผู้ชายของฉัน แล้วฉันจะอวยพรให้ผู้ชายของตนเองมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไงคะ แต่ถ้าวันไหนที่ฉันไม่ต้องการเขาแล้ว คุณค่อยเก็บเขากลับไป ฉันก็สามารถพูดคำว่ายินดีได้ด้วยความใจกว้างนะคะ”
“เธอ…” เห็นได้ชัด อวี้หลานซีคิดไม่ถึงว่าเหลิ่งรั่วปิงที่ทำตัวสูงส่งจะพูดคำรุนแรงแบบนี้ สีหน้าของอวี้หลานซีซีดขาว รู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติ
หนานกงเยี่ยรู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นคนตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำแบบนี้กับอวี้หลานซี เมื่อก่อน ถ้ามีคนกล้าหักหน้าอวี้หลานซี เขาจะลุกออกมาหยุดและเอาคืนโดยไม่ลังเล แต่เมื่อเหลิ่งรั่วปิงตอกกลับไปแบบนี้ ภายในใจของเขากลับรู้สึกดีขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแคร์เขา แต่คำพูดของเธอกลับทำให้เขาหวานอมขมกลืน เธอยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายของเธอ แต่เธอกลับย้ำว่าถ้าวันหนึ่งเธอไม่ต้องการเขาแล้วจะทำแบบนี้ๆ ทั้งที่เธออยู่กับเขามาตั้งนาน กลับยังคงทำตัวไม่น่ารัก
อวี้หลานซีกัดฟันกรอด มองไปที่หนานกงเยี่ย หวังว่าเขาจะรักษาหน้าของเธอ แต่หนานกงเยี่ยกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำให้เธอปวดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว
ก่วนอวี้ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงเยี่ย เขามองดูสิ่งที่อวี้หลานซีทำ ภายในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดมาก วันนี้ผู้หญิงที่เขารักถูกความรักบังตาจนไม่เหลือศักดิ์ศรีให้ตนเอง คนที่สูงส่งเหมือนเธอ ตอนนี้กลับทำตัวเป็นตัวตลก
คนอื่นๆ ต่างก็ไม่สนใจ พวกเขาต่างยุ่งกับเรื่องของตนเอง เรื่องของหนานกงเยี่ยไม่มีใครอยากเข้ามายุ่ง ยิ่งไปกว่านั้น จากนิสัยของหนานกงเยี่ย เขาเองก็ไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงบอกกับหนานกงเยี่ยเสียงเบา “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ครับ อย่าเดินไปมั่วละ เดี๋ยวหลงทาง” หนานกงเยี่ยอ่อนโยนกับเหลิ่งรั่วปิงมาก เขาไม่เกรงใจอวี้หลานซีแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ควรพูดเขาก็พูดกับเธอไปแล้ว แต่เธอดึงดันที่จะทำแบบนี้ เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่มีวันกลัวหน้ากลัวหลังเพราะอวี้หลานซีเด็ดขาด
เหลิ่งรั่วปิงลุกไปเข้าห้องน้ำเพียงลำพัง หลังจากที่เธอออกมาจากห้องน้ำ อวี้หลานซียืนอยู่ด้านหลังของเธอ สายตาที่มองมานั้นเหมือนผ่านการตัดสินใจอย่างถี่ถ้วน
เหลิ่งรั่วปิงหันหลัง “คุณอวี้มีอะไรอยากจะพูดกับฉันหรอคะ”
“คุณรักเยี่ยไหม” แววตาของอวี้หลานซีเย็นยะเยือก เธอจ้องมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง
“ไม่รัก” ความเป็นจริงคำถามนี้ เหลิ่งรั่วปิงตอบโดยไม่แม้แต่จะคิด ที่เธอตอบไปแบบนี้เป็นเพราะอยากทำให้อวี้หลานซีโมโห การเจอกันครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าอวี้หลานซีไม่ดีกับตน เธอเองก็ไม่ใช่คนที่จะทำดีกับคนที่ร้ายกับตน ทว่าหากให้คิดคำตอบของคำถามข้อนี้ด้วยความตั้งใจ ตอนนี้เธอมีความรู้สึกดีๆ ต่อหนานกงเยี่ย หรือจะเรียกว่ารักเขาไปแล้วก็ได้
เห็นได้ชัดว่าอวี้หลานซีโมโหเป็นอย่างมาก เธอหายใจหืดหอบ “ในเมื่อคุณไม่ได้รักเขา แล้วทำไมไม่ไปจากเขา”