เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 122 ทางเลือกของซือคงอวี้
อาเธอร์พูดขึ้น “คุณผู้หญิงครับ เค้กของคุณครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจทันที เธอพยักหน้าแล้วรับถาดมา “ขอบคุณนะคะ”
อาเธอร์มองมาที่เธอ แล้วเดินจากไป
เหลิ่งรั่วปิงล็อคประตูทันที เธอเขี่ยเค้กในจาน หยิบกระดาษที่อยู่ด้านในออกมา บนโน้ตมีข้อความที่แฝงความน่ากลัวเขียนเอาไว้ “มาหาผมที่ชั้นหก”
เป็นตัวหนังสือของซือคงอวี้!
เหลิ่งรั่วปิงตกใจมาก! เธอคิดไม่ถึงว่าซือคงอวี้จะมาเมืองหลงด้วยตนเอง งานประมูลในครั้งนี้เป็นฝีมือของเขานี่เอง บริษัทประมูลฮั่นไห่เป็นบริษัทภายใต้ชื่อของเขา
ความหวาดกลัวแผ่ซ่านออกมา เธอพยายามควบคุมตนเองไม่ให้ตัวสั่น ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่เธอกลับรู้สึกหนาวจนฟันกระทบกัน เดี๋ยวตอนไปเจอซือคงอวี้ เขาคงจะหักคอเธอ ใช้มีดปาดคอเธอหรือจะใช้ปืนยิงทะลุหน้าอกของเธอด้วยความโมโหกันนะ? ไม่ ตอนนี้เธอยังไม่อยากตาย เธอยังไม่ได้เห็นศัตรูของตนเองตกนรกเลย เธออุตส่าห์วางแผนมาตั้งนาน ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
แต่ว่า ซือคงอวี้เรียกให้ไปพบ เธอไม่กล้าขัดคำสั่ง การเชื่อฟังคำสั่งของเขา เป็นสิ่งที่เธอทำมาโดยตลอดหกปีที่ผ่านมา
ดังนั้น หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงพยายามสงบจิตสงบใจที่เต้นแรงไม่หยุด เธอทำลายกระดาษโน้ต เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปจากห้อง ตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นหก
คนนอกเข้าใจว่าชั้นหกเป็นชั้นเฉพาะของบริษัทประมูลฮั่นไห่ แต่ในความเป็นจริงชั้นนี้เป็นชั้นเฉพาะของซือคงอวี้ คนนอกห้ามเข้าออก ตรงทางเดินมีบอดี้การ์ดมากมายเฝ้าเอาไว้ เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงพวกเขาก็พยักหน้าแล้วหลีกทางให้ทันที อีกทั้งยังมีคนเดินนำเธอเข้าไปอีกด้วย
ภายใต้การเดินนำของบอดี้การ์ด เหลิ่งรั่วปิงเดินไปยังห้องด้านในสุด โดยมีอาเธอร์และหลินมั่นหรูเฝ้าเอาไว้ เมื่อเห็นเธอเดินมา อาเธอร์ขยับเข้ามาใกล้แล้วมองดูเหลิ่งรั่วปิง แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร สายตาของเขาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ทางด้านหลินมั่นหรูกลับยกมุมปากขึ้น นัยน์ตาของเธอแสดงความสะใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เหลิ่งรั่วปิงชำเลืองมองหลินมั่นหรู แล้วหันไปมองอาเธอร์ “เจ้าวิหารอยู่ข้างใน?”
“อืม” อาเธอร์พยักหน้า “เข้าไปเถอะ เจ้าวิหารรอเธอมาทั้งวันแล้ว แม้แต่มื้อกลางวันกับมื้อเย็นก็ยังไม่ยอมกิน”
เหลิ่งรั่วปิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เคาะประตู
“เข้ามา” เสียงของซือคงอวี้เรียบนิ่ง ทว่าเย็นยะเยือก ราวกับเคล้าไปด้วยความชื้น
เหลิ่งรั่วปิงสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง เธอผลักประตูเปิดเข้าไป มองดูแผ่นหลังที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย
ห้องของซือคงอวี้ใหญ่มาก เป็นห้องเพรสซิเดนท์สูทขนาดใหญ่ ด้านในประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา มีกระจกขนาดใหญ่ เขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง สวมชุดสีขาวคล้ายกับชุดประธานเหมาของจีน ฝนด้านนอกที่ตกลงมาเหมือนเป็นพื้นหลังให้กับเขา
ผมของซือคงอวี้ดำเงายาวประบ่า หยักศกเล็กน้อย ตั้งใจจัดทรงให้แลดูยุ่งๆ ตรงท้ายทอยผูกเป็นปม ดวงตาของเขาเหมือนหงส์ นัยน์ตาสีนิลเปล่งประกาย หน้าตาของเขาถูกสรรสร้างขึ้นมาราวกับเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปิน ผอมและสูงโปร่ง เขามีออร่าของราชา ถูกต้องแล้วเขาคือราชา ราชาของประเทศซีหลิง
ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงเดินเข้ามา ซือคงอวี้นิ่งเงียบ เขามองหน้าเธอนิ่งๆ ใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกใด สายตาแหลมคมของเขาเหมือนต้องการอ่านความคิดของเธอให้เข้าใจ รอบๆ ตัวเขามีรังสีอำมหิตแผ่ออกมา ราวกับว่าถ้ามีอะไรไปกระตุ้นความคิดของเขาเพียงเล็กน้อย มีดนับหมื่นเล่มก็จะพุ่งออกมาทำลายทุกอย่างตามที่เขาต้องการ
เหลิ่งรั่วปิงอดทนแล้วเดินเข้าไปใกล้ เธอหยุดเดินขณะที่อยู่ห่างจากเขาประมาณสิบเก้า ริมฝีปากบางพูดขึ้น “เจ้าวิหาร”
ซือคงอวี้ยังคงนิ่งเงียบ สายตาเย็นยะเยือกจ้องมองมาที่เธอ เวลานี้ จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมา ทำให้ท้องฟ้าเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด ตามด้วยเสียงฟ้าร้องดังสนั่น เหลิ่งรั่วปิงสะดุ้งตกใจ เธอเหมือนเห็นภาพลวงตา เห็นว่าซือคงอวี้มาพร้อมกับฟ้าผ่า
ไม่รอให้หัวใจของเธอสงบลง ซือคงอวี้ยกมือขวาขึ้นมา มีดบินส่องสะท้อนกับแสงของฟ้าที่ผ่าลงมา มันพุ่งมาตรงหน้าเธอ เขาเป็นคนสอนทักษะการต่อสู้ให้กับเหลิ่งรั่วปิง การใช้มีดของเธอซือคงอวี้เป็นคนสอนเองกับมือ ดังนั้นเธอไม่สามารถสู้เขาได้และไม่สามารถหลบมีดของเขาได้ เสี้ยววินาทีนั้น เหลิ่งรั่วปิงเลือกที่จะหลับตา ชีวิตของเธอซือคงอวี้เป็นคนช่วยเอาไว้ ถ้าเขาต้องการฆ่าเธอ เธอก็ยินดี
ขณะที่เธอหลับตาลง ใบมีดที่เย็นยะเยือก บินผ่านใบหูของเธอไป ผมสีดำของเธอถูกตัดและร่วงลงพื้น
หลังจากทุกอย่างจบลง เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นมาด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอเงยหน้าขึ้นมองซือคงอวี้ด้วยความหวาดกลัว สายตาของเขาไม่ได้เย็นยะเยือกเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่เคล้าไปด้วยความเจ็บปวด
“ทำไมถึงไม่หลบ?” น้ำเสียงของซือคงอวี้สั่นเทาเล็กน้อย
“ชีวิตของฉันเจ้าวิหารเป็นคนให้มา ดังนั้นถ้าเจ้าวิหารต้องการเอาไป ฉันก็ยินดีที่จะยกให้ค่ะ”
“ในเมื่อชีวิตของคุณผมเป็นคนให้ แล้วทำไมถึงต้องหักหลังผม หื้ม?”
“…” เหลิ่งรั่วปิงก้มหน้าลง
หลังจากที่ผ่านไปนานครู่หนึ่งแล้วยังไม่ได้คำตอบ ซือคงอวี้ก้าวมาหาเธอด้วยความโมโห เขาเชยคางเธอขึ้นมา “พูด!”
“เจ้าวิหารจะให้ฉันพูดว่าอะไรคะ ก่อนที่เจ้าวิหารจะสั่งให้ฉันเป็นผู้หญิงของเจ้าวิหาร ฉันก็ได้สูญเสียพรหมจรรย์ของตนเองไปแล้ว หลักคำสอนของวิหาร มีข้อหนึ่งบอกเอาไว้ว่า เพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงอย่าได้ให้ความสำคัญกับพรหมจรรย์ การที่ฉันยอมเสียพรหมจรรย์เพื่อแก้แค้นมันไม่ผิดกฎหนิคะ”
ซือคงอวี้หัวเราะในลำคอ “คุณพูดได้เย็นชามา! ตลอดหกปีที่ผ่านมานี้ ทุกภารกิจที่ผมให้คุณทำ มีภารกิจไหนไหมที่คุณต้องยอมแลกด้วยพรหมจรรย์”
“…” ไม่มี เขาปกป้องเธอมาโดยตลอด เรื่องนี้เธอรู้ดี
“ตลอดหกปีที่ผ่านมา ผมเก็บคุณเอาไว้ คอยสอนวิชาการต่อสู้ต่างๆ ให้กับคุณ สอนให้คุณรู้จักใช้ปืนและมีด ยอมปล่อยให้คุณกลับมาแก้แค้นที่เมืองหลง ถึงแม้ผมจะไม่ได้พูด แต่คนที่ฉลาดเหมือนคุณ ไม่รู้เลยหรอว่าผมชอบคุณ ห๊ะ” ซือคงอวี้พยายามระงับความโกรธของตนเอง ทว่ามือของเขาที่บีบคางของเธอเอาไว้กลับแรงขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านความหวาดกลัว เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นด้วยความกล้าหาญ “เจ้าวิหารสูงส่งเหมือนเทพเจ้า ส่วนฉันต่ำต้อยเหมือนเศษฝุ่น ถ้าเจ้าวิหารไม่พูด ฉันก็ไม่มีวันกล้าคิดฝันหรอกค่ะ วันที่เจ้าวิหารพูดออกมาฉันได้สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว อีกทั้งคนที่มีสิทธิ์แต่งงานกับเจ้าวิหารมีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้น เจ้าวิหารต้องการให้ฉันเป็นแค่นางบำเรอในเงามืดที่เลี้ยงเอาไว้เท่านั้น ในเมื่อเป็นแค่นางบำเรอแล้วทำไมถึงต้องเป็นฉันด้วย”
คิ้วหนาของซือคงอวี้ขมวดเป็นปม แววตาของเขาเผยความเจ็บปวด มือหนาลดน้ำหนักลง นิ้วเรียวยาวลูบใบหน้าของเธอ “คุณคิดแบบนี้? แล้วทำไมถึงไม่คิดอีกสักหน่อย ถ้าผมต้องการให้คุณเป็นแค่นางบำเรอ ทำไมหกปีที่ผ่านมานี้ผมถึงไม่แตะต้องตัวคุณ อีกทั้งยังคอยปกป้องดูแลคุณเป็นอย่างดี”
“…” ดวงตาคู่สวยของเหลิ่งรั่วปิงสั่นเทา ความเป็นจริงเธอไม่อยากพูดให้เจ็บปวดขนาดนั้น
น้ำเสียงของซือคงอวี้มีความเจ็บปวดปะปนมาด้วย “รั่วปิง คุณรู้ไหมว่าผมชอบคุณตั้งแต่ตอนไหน ผมชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน!วันนั้นคุณถูกอันธพาลรังแก ผมนั่งอยู่บนรถแล้วมองดูคุณ ตอนแรกผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมาย เพียงแค่อยากลงโทษอันธพาลพวกนั้นในฐานะผู้นำของซีหลิงเท่านั้น แต่ตอนที่ผมได้เห็นดวงตาคู่นั้นของคุณ หัวใจของผมตกลงไปในหลุมพราง ดวงตาของคุณดูดเอาวิญญาณของผมไป ดังนั้น ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นของเล่นและไม่คิดให้คุณเป็นนางบำเรอ”
ซือคงอวี้จับมือของเหลิ่งรั่วปิงขึ้นมา เขาวางมันไว้ตรงหน้าอกของตนเอง “คุณ อยู่ในนี้และในนี้ของผมก็มีแค่คนเพียงคนเดียว แล้วผมจะให้คุณใช้ชีวิตอยู่ในความมืดได้ยังไง ผมจะให้คุณยืนเคียงข้างผมอย่างเปิดเผย ถึงแม้เส้นทางนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมจะทำให้ได้ คุณต้องเชื่อใจผมนะ”
“แต่ว่า…” เหลิ่งรั่วปิงกลืนน้ำลาย เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะจริงจังกับเธอมากขนาดนี้ แต่ว่า…เธอไม่อยากดิ้นรนต่อสู้เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคอีกแล้ว เธอเหนื่อยมาก เธออยากมีชีวิตเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“ไม่มีคำว่าแต่ง ผมทำได้แน่นอน!” อย่างไม่ทันตั้งตัว ซือคงอวี้กอดเธอเอาไว้ “คุณจำเอาไว้ ผมให้อภัยคุณแค่ครั้งเดียว!”
เหลิ่งรั่วปิงร้องไห้ น้ำตาเม็ดโตไหลลงไปบนซอกคอของซือคงอวี้ เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่สูงส่งอย่างเขาสามารถยอมรับผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์อย่างเธอ การที่เขายอมยกโทษให้เธอ มันทำให้เธอรู้สึกซึ้งใจมาก แต่ในทางเดียวกันมันก็ทำให้เธอกดดัน
“กลับซีหลิงกับผม” หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง ซือคงอวี้พูดขึ้น
“ไม่ค่ะ ฉันยังแก้แค้นไม่สำเร็จ”
“ก็แค่ครอบครัวของลั่วเฮิ่งไม่ใช่หรอ ผมสั่งคนไปฆ่าพวกเขาให้”
เหลิ่งรั่วปิงส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ถ้าแค่นั้น ทำไมฉันต้องยอมเอาตัวเข้าแลกนอนกับหนานกงเยี่ยด้วย”
เมื่อได้ยินชื่อของหนานกงเยี่ย ซือคงอวี้กำหมัดแน่น “คุณอยากอยู่กับมัน?”
“เปล่าค่ะ ฉันจะไปจากเขา” ก่อนหน้านี้เธอมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย แต่ความรู้สึกนั้นถูกทำลายไปจนหมดเพราะความเย็นชาแค่วันเดียวของหนานกงเยี่ย
“คุณไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม” ซือคงอวี้มองมาที่เหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป การที่ผู้หญิงจะหวั่นไหวกับเขาเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
“…ไม่ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงลังเลเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายเธอก็พูดออกมา ถ้าจะบอกว่านี่เป็นคำตอบของเธอ สู้บอกว่าเป็นการโน้มน้าวใจตนเองยังดีเสียกว่า
“ดีมาก” ซือคงอวี้กุมมือเหลิ่งรั่วปิง เขาพาเธอเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ จากนั้นโอบกอดเธอเอาไว้
ตอนที่รู้ว่าหนานกงเยี่ยทำให้ผู้หญิงที่เขาชอบต้องแปดเปื้อน เขาคิดที่จะฆ่าหนานกงเยี่ย แต่หลังจากที่ใจเริ่มเย็นลง เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องฆ่าหนานกงเยี่ยว่ามันจะยากแค่ไหน ต่อให้ฆ่าเขาได้ก็ยังไม่สามารถฆ่าเขาในตอนนี้ เพราะธุรกิจของหนานกงกระจายอยู่ทั่วโลก ประเทศซีหลิงเป็นแค่ประเทศเล็กๆ เท่านั้น ธุรกิจของตระกูลหนานกงคิดเป็นหนึ่งส่วนสามของประเทศซีหลิง อีกทั้งธุรกิจหนึ่งในสี่ของซีหลิงล้วนร่วมมือกับตระกูลหนานกง ถ้าหากฆ่าหนานกงเยี่ย คงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศซีหลิงไม่น้อย เขาที่เป็นผู้นำของประเทศซีหลิง ไม่สามารถตัดสินทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะเรื่องส่วนตัวได้
“เจ้าวิหาร” เสียงของหลินมั่นหรูทำลายความเงียบ เธอเบิกตากว้าง มองไปที่ซือคงอวี้ด้วยความตกใจ เขาโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ทั้งๆ ที่เขาควรจะโมโหแล้วฆ่าเธอทิ้ง!
สายตาเย็นชาของซือคงอวี้กวาดมองไปที่หลินมั่นหรู เสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่า “ทำไมไม่เคาะประตู”
หลินมั่นหรูตกใจจนขาอ่อน เธอรีบก้มหน้าลง “ขอโทษค่ะเจ้าวิหาร ดิฉันสมควรตาย!”
ซือคงอวี้ขมวดคิ้วเป็นปม “มีเรื่องอะไร”
เสียงของหลินมั่นหรูสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว “งาน…งานประมูลวันพรุ่งนี้ ทำตามแผนเดินใช่ไหมคะ”
“ทำตามแผนเดิม”
“ค่ะ” หลินมั่นหรูโค้งตัวคำนับแล้วเดินออกไป เธอปิดประตูห้อง ยืนอยู่ตรงหน้าประตู น้ำตารินไหลลงมา เธอคิดไม่ถึงว่าซือคงอวี้จะยอมให้อภัยเหลิ่งรั่วปิง จากนิสัยของเขา ไม่มีวันให้อภัยการหักหลังของเหลิ่งรั่วปิงเด็ดขาด เขาควรฆ่าปาดคอเธอ แต่เขากลับกอดเธอเอาไว้ อีกทั้งสายตาของเขาตอนอยู่กับเหลิ่งรั่วปิงยังอ่อนโยนมาก
หลินมั่นหรูลงไปจากชั้นหกด้วยความอิจฉาริษยา เธอจะไปดื่มเพื่อคลายความเครียด!