เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 128 แลนด์มาร์คเมืองหลงถล่ม
“ถูกต้อง หนานกงรักเหลิ่งรั่วปิงมากขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับอะไรทั้งนั้นและยังไม่มีหัวใจอีกด้วย แล้วจะไม่ให้หนานกงเสียใจได้ยังไง สิ่งที่เหลิ่งรั่วปิงพูดในเช้าวันนี้ก็เกินไปมาก คำพูดของเธอเหมือนมีดที่กรีดแทงหัวใจของหนานกง ถ้าหนานกงไม่โมโหเขายังจะเป็นหนานกงเยี่ยอยู่ไหม”
เวินอี๋ปล่อยมือมู่เฉิงซี เธอเด้งตัวขึ้นมานั่ง เรื่องนี้ทำให้เธอตกใจมาก
มู่เฉิงซียังคงรู้สึกไม่พอใจ เขาจึงพูดต่อ “ยังมีเรื่องที่ยิ่งกว่านี้อีก…”
ทว่าจู่ๆ มู่เฉิงซีกลับหยุดพูด เขาอยากจะบอกกับเธอว่าเหลิ่งรั่วปิงซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเธอเอาไว้ วันนี้ที่หนานกงเยี่ยได้รับบาดเจ็บมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิง มีความเป็นไปได้ว่าเหลิ่งรั่วปิงคือคนที่ลอบทำร้ายหนานกงเยี่ย แต่เขากลับนึกขึ้นมาได้กะทันหัน เรื่องนี้มันน่ากลัวเกินไป ให้เวินอี๋รู้ไม่ได้เด็ดขาด
“มีเรื่องอะไรอีกคะ” เวินอี๋เงยหน้าขึ้นถาม
“เปล่า ไม่มีอะไรแล้วครับ” มู่เฉิงซียิ้ม “กินอาหารเช้าสักหน่อยแล้วนอนสักงีบเถอะ ดีไหม”
“ค่ะ” เวินอี๋กินอาหารเช้าอย่างเชื่อฟัง แล้วเข้านอน แต่เธอรู้สึกว่าควรจะหาโอกาสบอกความจริงทั้งหมดให้เหลิ่งรั่วปิงรู้ เธอรู้สึกว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรกับหนานกงเยี่ย เพียงแต่เธอกลัวว่าหลังจากที่บอกทุกอย่างกับเหลิ่งรั่วปิงแล้วนั้น มันจะส่งผลต่อชีวิตอิสระที่เหลิ่งรั่วปิงใฝ่ฝัน ความต้องการนี้ เหลิ่งรั่วปิงรอมานานสิบปีแล้ว
เวินอี๋เข้าสู่การตัดสินใจที่ยากลำบาก
*****
สองชั่วโมงผ่านไป เรือยอร์ชขับมาถึงท่าเรือเมืองหลง
ถังเฮ่า อวี้ไป่หัน มู่เฉิงซีและเวินอี๋แยกย้ายกันขับรถกลับบ้าน
หนานกงเยี่ยสั่งให้ก่วนอวี้ไปส่งอวี้หลานซีที่คฤหาสน์ ส่วนเขาและเหลิ่งรั่วปิงกลับไปที่วิลล่าหย่าเก๋อ แต่อวี้หลานซีกลับจับมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย “เยี่ยคะ คุณกลับคฤหาสน์กับฉันเถอะนะคะ พอคุณไม่อยู่แบบนี้ทำให้ฉันนอนไม่หลับ กินอะไรก็ไม่ลง อีกทั้งฉันยังต้องทำแผลและทายาอีก เวลาที่คุณไม่อยู่ฉันไม่สามารถทนเจ็บแบบนั้นได้หรอกค่ะ”
หนานกงเยี่ยลำบากใจมาก สิ่งที่เหลิ่งรั่วปิงพูดกับเขาก่อนหน้านี้ เขากลัวเธอจะเก็บไปใส่ใจ จึงอยากจะกลับไปคุยกับเธอที่วิลล่าหย่าเก๋อ แต่อวี้หลานซีกลับเป็นแบบนี้ เขาเองก็ลำบากใจที่จะปฏิเสธเธอ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงหันพูดกับเหลิ่งรั่วปิง “ผมจะให้ก่วนอวี้ส่งคุณกลับวิลล่าหย่าเก๋อ ส่วนผมจะกลับไปคฤหาสน์เพื่ออยู่เป็นเพื่อนหลานซี ตอนที่เธอรักษาตัว ไว้รอให้แผลของอวี้หลานซีหายดีผมจะกลับไป”
เหลิ่งรั่วปิงมีเหตุผลมาก เธอยิ้มอย่างสง่างาม รอยยิ้มของเธอบริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า “คุณหนานกงเชิญตามสบายค่ะ ฉันไม่มีปัญหาอะไร” จากนั้นหันไปหาอวี้หลานซี “ขอโทษคุณอวี้ด้วยนะคะ ที่วันนั้นฉันทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ คุณรักษาตัวให้ดีนะคะ ขอให้หายเร็วๆ”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอย่างสง่างามอีกครั้ง เธอเดินไปยังรถที่ก่วนอวี้เตรียมเอาไว้ เดินด้วยความแผ่วเบาราวกับเป็นนกนางแอ่น
สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงทำให้หนานกงเยี่ยปวดใจมาก รอยยิ้มของเธอเหมือนดาบที่ทิ่มแทงหัวใจของเขา เขายอมให้เธอโกรธ ยอมให้เธอโมโหหรืออาละวาดก็ได้ แต่เขาไม่อยากเห็นเธอยิ้ม เหลิ่งรั่วปิงทำแบบนี้เหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า ที่เขาเอื้อมไม่ถึง ทำให้เขารู้สึกกลัว กลัวว่าเธอจะลอยจากเขาไป
ที่เขาพูดออกไปแบบนั้นเป็นเพราะโมโห! เขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับอวี้หลานซี ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหน เขาแค่อยากใช้ชีวิตกับเธอเท่านั้น การแต่งงานสำหรับเขาเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
จู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากวิ่งไปอธิบายให้เธอฟัง แต่ตอนที่เขาก้าวขาออกไป อวี้หลานซีก็รั้งเขาเอาไว้ เหลิ่งรั่วปิงเองก็เข้าไปนั่งบนรถและปิดประตูลงแล้ว หนึ่งวินาทีให้หลังรถเคลื่อนตัวออกไป
หัวใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมากะทันหัน
อวี้หลานซีเองก็คิดไม่ถึง เหลิ่งรั่วปิงจะกลับมาทำตัวสง่างามอีกครั้ง เธอกับเหลิ่งรั่วปิงเหมือนเส้นตรง ที่เริ่มต้นจุดเดียวกัน หลังจากผ่านการวิ่งมาอย่างยาวนาน จู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงกลับวิ่งกลับไปที่จุดเริ่มต้น เธอนิ่งสงบ แต่ตนกลับไกลจากจุดเริ่มต้นนั้นเรื่อยๆ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งวิ่งเข้าหาความบ้าคลั่ง อวี้หลานซีรู้ดี เธอไม่ใช่อวี้หลานซีคนเดิมแล้ว แต่เพื่อที่จะได้ความรักที่เธอต้องการ เธอจะเดินในเส้นทางที่ตรงข้ามกับความปรารถนาแรกของตนให้ดีที่สุด
มองดูหนานกงเยี่ยที่จมดิ่งอยู่ในความเจ็บปวด อวี้หลานซีกอดแขนของเขาแน่น เธอพูดในใจ เยี่ย ความเจ็บปวดนี้จะอยู่ชั่วคราวเท่านั้น วันหนึ่งคุณจะลืมเธอ เธอเป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาเท่านั้น เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้รักคุณ คุณทิ้งเธอไปแบบนี้ก็ไม่เป็นอะไร ส่วนฉัน ฉันจะยืนอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป ฉันจะรักคุณจนวันตาย
“เยี่ยคะ พวกเราไปกันได้หรือยังคะ”
หนานกงเยี่ยหันหน้ามา เขาฝืนยิ้ม “ครับ”
*****
เมืองหลงมีฝนตกติดต่อกันมานานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็ถึงวันที่ท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง แสงแดดสาดส่องลงมาบนพื้นที่กว้างใหญ่ ทำให้โลกทั้งใบดูสว่างขึ้นมาทันที
หนึ่งคืนก่อนที่พระอาทิตย์จะกลับมาเชิดฉาย เกิดเรื่องน่าตกใจขึ้นในเมืองหลง แลนด์มาร์คของเมืองหลงถล่มลงมาในกลางดึก
เรื่องนี้ สั่นสะท้านไปทั้งเมืองหลง ทางรัฐบาลโกรธมาก แลนด์มาร์คนี้เป็นโปรเจคที่เมืองหลงให้ความสำคัญอย่างมาก เป็นเอกลักษณ์ของเมืองหลง ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากคนทั่วทุกมุมโลก การที่อาคารถล่มลงมาทั้งๆ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ จำเป็นต้องหาคนมารับผิดชอบให้ถึงที่สุด
ลั่วเฮิ่งรู้ข่าวนี้ตอนกลางดึก เขาตกใจเป็นอย่างมาก เป็นกังวลเหมือนมดวิ่งในกระทะ สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากฟ้าถล่ม สิ่งแรกที่เขานึกขึ้นมาได้คือโทรศัพท์ไปหาเหลิ่งรั่วปิง
หลังจากแยกกันวันนั้น หนานกงเยี่ยคอยอยู่ดูแลอวี้หลานซีที่คฤหาสน์ ส่วนเหลิ่งรั่วปิงอยู่คนเดียวที่วิลล่าหย่าเก๋อ ดังนั้นตอนที่เธอได้รับสายจากลั่วเฮิ่งตอนกลางดึก เธอรับสายโดยไม่แม้แต่จะคิด “คุณลั่ว?”
ลั่วเฮิ่งพูดด้วยความกังวล “คุณเหลิ่งครับ แลนด์มาร์คเมืองหลงถล่มลงมา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ”
เหลิ่งรั่วยิ้ม เธอพูดเสียงใส “ฉันจะรู้ได้ยังไงคะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น งานออกแบบของฉันไม่มีปัญหาอะไรหนิคะ แต่ถ้าฝ่ายก่อสร้างของพวกคุณลดขนาดวัสดุ แล้วส่งผลให้ตึกถล่มลงมา ฉันเองก็ช่วยอะไรไม่ได้”
ลั่วเฮิ่งรู้สึกเหมือนตกลงไปในนรก “คุณ…คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเสียงใส “ไม่ได้หมายความว่าอะไรค่ะ คุณลั่วแค่รอให้ฝ่ายเทคนิคเข้าไปตรวจสอบ ถ้าหากกลัวว่าจะติดคุก ก็รีบหนีไปตอนนี้สิคะ ฉันเชื่อว่าพรุ่งนี้เช้าทางรัฐบาลต้องอายัดทรัพย์สินของคุณแน่ๆ จากนั้นก็จะเรียกคุณไปสอบปากคำ”
“แก…แก…” ลั่วเฮิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขารู้แล้วว่าตนเองหลงกลเหลิ่งรั่วปิง เธอคือเจียงหน่วนซิน! ในที่สุดเวลานี้เขาก็เชื่อคำพูดของลั่วซูเยียง แต่น่าเสียดายที่มันสายไปแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอตัดสายทันที แล้วหุบยิ้ม เธอไม่พูดอะไรเหลวไหลผ่านโทรศัพท์แน่ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาบันทึกคลิปเสียงเอาไว้เป็นหลักฐาน”
หลังจากตัดสายลั่วเฮิ่ง เหลิ่งรั่วปิงเปลี่ยนซิมแล้วโทรไปหาอาเธอร์ทันที “อาเธอร์ ได้เวลาพาแม่อุ้มบุญที่อยู่ในหมู่บ้านอวี้หวาออกมาแล้ว”
“อืม เข้าใจแล้ว” อาเธอร์วางสาย เขาขับรถไปยังหมู่บ้านอวี้หวาตามลำพังตอนกลางดึก
****
วิลล่าตระกูลลั่ว ลั่วเฮิ่งเดินวนไปมาด้วยความกังวล เขาพยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก เขาตกหลุมพรางของเหลิ่งรั่วปิง เขาต้องตายแน่ๆ ตอนนี้ทางเดียวที่เขามีคือหนีไปจากที่นี่ แต่ว่าธุรกิจและทรัพย์สินของตระกูลลั่วจะเอาไปด้วยได้ยังไง
ตอนนั้นเขาวางแผนอยู่นานกว่าจะร่ำรวย เขาจะยอมทิ้งสมบัติได้ยังไง เขารักเงินยิ่งชีพ!
ลั่วเฮิ่งคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้กะทะหัน เขารีบเปิดตู้เซฟ เอาทองคำแท่งทั้งหมดออกมา ทองคำแท่งของเขามีทั้งห้าสิบกิโล ตอนที่เขาเห็นทองคำแท่ง ลั่วเฮิ่งยิ้มร่า ทองเยอะขนาดนี้ ต่อให้หนีไปต่างประเทศเขาก็ยังคงมีชีวิตที่ดีได้
จากนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ลั่วเฮิ่งบอกกับผู้ช่วยของเขา “รีบสั่งคนไปเตรียมรถ ไปรับถิงถิงที่หมู่บ้านอวี้หวา พวกเราหนีไปต่างประเทศด้วยกัน นายสบายใจได้ ขอแค่ฉันสามารถหนีไปต่างประเทศได้อย่างปลอดภัย ฉันจะดูแลนายอย่างดี”
ถิงถิง คือผู้หญิงที่เป็นแม่อุ้มบุญ เขาเลี้ยงดูเธอเอาไว้ที่หมู่บ้านอวี้ฮวา ตอนนี้เธอตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว หลังจากอัลตร้าซาวด์ช่องท้องทำให้รู้ว่าเป็นเพศชาย ถ้าเขาจะไปจากที่นี่ เขาก็จะเอาเงินและลูกชายไปด้วย แบบนี้จึงจะถือว่าสมบูรณ์แบบ
ผู้ช่วยมองดูทองคำแท่งสีทองอร่าม ตาของเขาร้อนเป็นไฟ ลั่วเฮิ่งเป็นคนยังไง เขารู้ดีที่สุด เขาติดตามรับใช้ลั่วเฮิ่งมานานหลายปี จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขามีนิสัยใจคอแบบไหน หลังจากที่เขาช่วยให้ลั่วเฮิ่งหนีไปต่างประเทศได้อย่างปลอดภัย เขาก็จะตัดหางปล่อยวัดตนแน่ๆ เรื่องที่เขาวางแผนฆ่าเจียงเฉิง ตนรู้ดีทุกอย่าง เมื่อเทียบกับการหนีไปต่างประเทศกับลั่วเฮิ่ง สู้แย่งทองคำแท่งของเขามาแล้วหนีไปเองยังจะดีเสียกว่า
ด้วยเหตุนี้ ผู้ช่วยครุ่นคิดไปมา จากนั้นก็ตีลั่วเฮิ่งจนสลบ เขาเอาทองคำแท่งใส่เข้าไปในถุง เขาเป็นคนโลภมาก อยากจะเอาไปทั้งหมด ขณะที่เขามัดปากถุง เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด กระสุนยิงทะลุหัวใจ วินาทีที่ผู้ช่วยล้มลง เขาเห็นลั่วเฮิ่งถือปืนเอาไว้ในมือพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
ถ้าหากเขาไม่โลภมาก ไม่คิดที่จะเอาทองคำแท่งทั้งหมดไป ก็คงไม่ต้องเสียเวลานานขนาดนี้ แล้วเขาก็คงสามารถหนีเอาตัวรอดก่อนที่ลั่วเฮิ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ คนตายเพราะเงิน คำพูดนี้เหมาะกับเขามาก
ลั่วเฮิ่งเตะศพของผู้ชายทิ้ง ขณะที่เขาแบกถุงทองคำแท่งขึ้นมากำลังจะเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนที่โทรมาคือถิงถิง ลั่วเฮิ่งรีบรับสายทันที พยายามพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ถิงถิง ฉันกำลังจะไปรับเธอ ฉันจะพาเธอไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ”
ปลายสายยังไม่ทันตอบกลับ เสียงเย็นยะเยือกของเจี่ยนชิวดังขึ้นที่ประตู “ลั่วเฮิ่ง ไอ้คนเลว ตอนนั้นฉันกับซูเยียงพูดแทบตาย แต่แกก็ยังดึงดันที่จะเชื่อเหลิ่งรั่วปิง ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น แกกลับคิดที่จะทิ้งพวกฉันสองแม่ลูก คิดจะพานางเมียน้อยหนีไป วันนี้ตายกันไปสักข้างหนึ่ง!”
พูดว่าจะตายกันไปสักข้างหนึ่ง แต่เจี่ยนชิวกลับไม่มีความสามารถในการสู้แม้แต่น้อย เรื่องที่เกิดขึ้นในสระจระเข้ ทำให้เธอเสียขาขวาไป ต้องนั่งวีลแชร์ตลอดเวลา ใบหน้าและเนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น สภาพของเธอน่าเกลียดมาก เวลานี้ ลั่วซูเยียงเหลืออีกแค่วันเดียวก็สามารถออกจากคุกได้แล้ว เจี่ยนชิวไม่รู้ว่าตอนที่ซูเยียงออกมาจากคุก เธอจะเผชิญหน้ากับเรื่องที่ครอบครัวล้มละลายยังไง
เวลานี้ เจี่ยนชิวเกลียดลั่วเฮิ่งมาก แต่เธอเกลียดตัวเองมากยิ่งกว่า ผู้ชายที่ดีอย่างเจียงเฉิง ตอนที่เขายังมีชีวิตทั้งรักและทะนุถนอมเธอ แต่เธอกลับทำให้เขาต้องตาย ถ้าตอนนั้นตนยืนกรานที่จะเข้าข้างเจียงเฉิง ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยิ่งลั่วเฮิ่งใจร้ายกับเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในอดีตมากเท่านั้น
น่าเสียดาย ที่โลกใบนี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้
ลั่วเฮิ่งมองเจี่ยนชิวด้วยความรังเกียจ สภาพน่าเกลียดของเธอทำให้เขาคลื่นไส้ “ไสหัวออกไป! แกมันไร้น้ำยา หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่ยอมมีลูกชายให้ฉัน แล้วยังจะโทษที่ฉันไปมีถิงถิงอีก ตอนนี้ฉันจะพาถิงถิงกับลูกชายหนีไปต่างประเทศ พวกฉันจะไปใช้ชีวิตที่มีความสุข ส่วนแกกับซูเยียงก็อยู่ไปตามเวรตามกรรมแล้วกัน”
“ลั่วเฮิ่ง แกมันคนสารเลว!” เจี่ยนชิวโยนแจกันที่วางข้างๆ ออกไปด้วยความโมโห
ลั่วเฮิ่งรีบหลบ เขาผลักวีลแชร์ของเจี่ยนชิว ไม่สนใจเธอที่ร้องโอดครวญจากการถูกวีลแชร์ทับ เขาแบกถุงทองคำเดินผ่านเจี่ยนชิวไป ตอนที่เดินไปถึงห้องรับแขกก็โทรศัพท์ไปหาถิงถิง เมื่อปลายสายรับสาย เขาได้ยินแต่เสียงร้องไห้
ลั่วเฮิ่งเป็นห่วงเธอมาก “ถิงถิง เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม อย่าร้องไห้ ไม่ดีกับเด็กในท้อง”
“ฮือๆๆ…” ถิงถิงร้องไห้ด้วยความเสียใจ “คุณ…คุณลั่ว ฉัน…ฉันแท้งแล้วค่ะ!”