เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 146 ตัวตนใหม่ที่ไม่หอมหวานเท่าไหร่
“อื้ม ความคิดนี้ดีมาก พี่อยากจะรู้จังว่าฝีมือของเราจะอร่อยแค่ไหน” ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มร่า “จริงด้วย หลังจากนี้เธออยากทำงานอะไร”
“อยากเป็นนักสถาปนิกที่มีความสามารถค่ะ” นี่เป็นความฝันที่เธอยึดมั่นมาโดยตลอด
“อื้ม ฟังดูเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่มาก” ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มแล้วมองเหลิ่งรั่วปิงอย่างพิจารณาตั้งแต่บนลงล่าง “ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเธอจะทำงานเกี่ยวกับการออกแบบอาคาร”
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก “อย่าบอกว่าพี่ไม่เคยสืบเรื่องของฉัน?” เรื่องที่หนานกงเยี่ยตามหาผู้หญิงทั่วทั้งเมืองด้วยความบ้าคลั่ง ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ ‘Global Times’ ไม่มีทางที่ฉู่เทียนรุ่ยจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
“โอเค ไม่แกล้งเธอแล้ว ในเมื่อเธอมาถึงประเทศเอ้าตูและอยากจะเป็นนักสถาปนิก เดี๋ยวพี่จะแนะนำคนเก่งๆ ให้เอง” ฉู่เทียนรุ่ยสืบรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอที่เมืองหลงจนหมดแล้ว แอบสงสารคุณชายหนานกงที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงอยู่ในสายตา แต่กลับบ้าคลั่งเพราะผู้หญิงคนหนึ่งได้ ทว่าเหลิ่งรั่วปิงสามารถทำให้เขาบ้าได้จริงๆ
“จริงหรอคะ ฉันอยากรู้จังว่าเขาเป็นใคร” เหลิ่งรั่วปิงดีใจมาก เธอเป็นคนยินดีที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง รู้ว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่สำคัญ
“เก็บเป็นความลับก่อน เดี๋ยวได้เจอก็รู้เอง”
เหลิ่งรั่วปิงยักไหล่ ยิ้มอย่างไม่สนใจเท่าไหร่ “ค่ะ เก็บเป็นความลับก็เป็นความลับ แต่ตอนนี้ช่วยแนะนำช่างทำผมฝีมือดีให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันอยากเปลี่ยนทรงผม”
ฉู่เทียนรุ่ยเอียงศีรษะไปทางขวาแล้วมองดูผมของเหลิ่งรั่วปิง ผมของเธอเงางามเป็นธรรมชาติ ทั้งดำและหนา นุ่มเหมือนเส้นไหม ยาวสลวยพาดอยู่ตรงหัวไหล่ สวยราวกับเป็นภาพวาด
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่สวรรค์รัก เธอสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่ติ เส้นผมทุกเส้นล้วนเป็นงานศิลปะ
หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง ฉู่เทียนรุ่ยพูด “พี่ไม่รู้สึกว่าเธอต้องเปลี่ยนทรงผม ตอนนี้ก็สวยมากพอแล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ “พี่รู้ได้ยังไงคะว่าเปลี่ยนทรงผมแล้วจะไม่สวยกว่าเดิม”
ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มสดใสทันที “ได้ ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่พาเธอไปเอง”
“บอกที่อยู่มา เดี๋ยวฉันไปเองค่ะ นายแพทย์ใหญ่ด้านการปลอมแปลงอย่างพี่ เคสเดียวก็หาเงินได้กว่าร้อยล้านหยวน ฉันไม่กล้ารบกวนเวลาพี่หรอก”
ฉู่เทียนรุ่นหยิบกุญแจรถกำลังเดินออกไป เขาหยุดชะงักทันที หันกลับมา ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “นี่ เหลิ่งรั่วปิง อะไรคือนายแพทย์ใหญ่ด้านการปลอมแปลง ถ้ารังเกียจหน้ากากที่พี่ทำก็ถอดออกมาสิ” ขณะที่พูด ฉู่เทียนรุ่ยยื่นมือออกไปดึงหน้ากากบนใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิง ต่อว่าเขาได้ แต่ห้ามต่อว่าสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นมา
มองดูฉุ่เทียนรุ่ยที่ยื่นมือเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เหลิ่งรั่วปิงรู้ทันทีว่าตนเองพูดสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไป การทำหน้ากากปลอมนี้เป็นการคิดค้นทางการแพทย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุด ไม่สามารถทนคำต่อว่าแม้แต่เล็กน้อยได้ แต่เขายื่นมือออกมาเร็วมาก เหลิ่งรั่วปิงจึงขอโทษไม่ทัน ทำได้เพียงเอามือขึ้นมาป้อง
ท่วงท่าของเหลิ่งรั่วปิงหนักแน่นและแม่นยำ ดั่งที่โบราณว่าเอาไว้แค่เพียงผู้เชี่ยวชาญลงมือก็จะรู้ทันทีว่าเก่งจริงหรือไม่เก่งจริง ท่าแรกของเหลิ่งรั่วปิง ทำให้ฉู่เทียนรุ่ยตกใจ คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่สง่าผ่าเผยเหมือนนางฟ้า จะเป็นคนที่มีฝีมือด้านการต่อสู้ ขณะที่เขาเกิดความสงสัย เหลิ่งรั่วปิงก็ขยับตัวเล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกันเหลิ่งรั่วปิงสามารถป้องกันตัวจากการจู่โจมของเขาได้ทุกท่า
ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มด้วยความชื่นชม ดวงตาสีนิลเป็นประกาย “สุดยอดมาก เหลิ่งรั่วปิง เธอทำให้พี่เห็นอะไรแตกต่างออกไป”
เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ แววตาของเธอฉายความรู้สึกผิด “พอๆ กันแหละค่ะ” แพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ทางการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ ทั้งยังมีฝีมือไม่ธรรมดา ทำให้คนคิดไม่ถึง
ฉู่เทียนรุ่ยดึงแขนเสื้อที่เป็นรอยเล็กน้อยให้เข้าที่อย่างยิ้มแย้ม “ตอนนี้พี่รู้สึกสงสัยแล้วจริงๆ เธอกับฉู่อี้ทำงานอะไรกันแน่?” งานอะไรที่สามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเก่งขนาดนี้
“พี่รู้ดีหนิคะ เรื่องนี้พูดไม่ได้”
ฉู่เทียนรุ่ยยักไหล่ ไม่ได้ถามอะไรอีก เขารู้ว่าเป็นงานที่ไม่สามารถบอกได้ ไม่อย่างนั้นฉู่อี้ก็คงจะออกมาเจอเขาแล้ว แต่เขาก็พอจะเดาได้ นอกจากสายลับและเจ้าหน้าที่ผู้กุมความลับของประเทศชาติ ยังจะมีงานอะไรอีกที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตน
ฉู่เทียนรุ่ยคนนี้ ถึงแม้อาชีพของเขาจะเป็นอาชีพทั่วไป ไม่มีเบื้องหลังอะไร แต่เขาเป็นผู้ชายที่รวยมาก ความรวยของเขาทำให้คนตกใจ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าทุกอย่าง แม้แต่ไม้จิ้มฟันก็ยังเป็นของแบรนด์เนม
ดังนั้น ร้านทำผมที่เขาพาเหลิ่งรั่วปิงไปจึงเป็นร้านทำผมที่หรูมาก
นั่งอยู่ในห้องรับรองวีไอพีที่แสนจะหรูหรา มองดูราคาทรงผมที่ทำเอากระอักเลือด เหลิ่งรั่วปิงเบะปากเล็กน้อย “พี่เทียนรุ่ย ฉันแค่จะเปลี่ยนทรงผม ไม่ต้องมาที่หรูขนาดนี้ก็ได้”
ฉู่เทียนรุ่ยเอนตัวลงบนโซฟา เขายังคงยิ้มอย่างสดใส พูดเหมือนกลัวดอกพิกุลจะหลุดจากปาก “รสนิยม”
เหลิ่งรั่วปิงกรอกตามองบน ความเป็นจริงเธอแค่อยากจะตัดผมให้สั้นลงก็เท่านั้น ไม่ต้องการรสนิยมอะไรทั้งนั้น เพื่อที่จะมีรสนิยมเพ้อฝันนั่น ทำให้เธอต้องเสียเงินก้อนใหญ่
ตามคำเรียกร้องของฉู่เทียนรุ่ย ร้านทำผมให้ช่างทำผมอันดับหนึ่งของทางร้านเป็นคนคอยบริการเหลิ่งรั่วปิง “คุณฉู่ คุณอยากทำทรงผมอะไรครับ”
“เอ่อ ทรงนี้ก็แล้วกันค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงชี้ไปยังรูปภาพในนิตยสารความงาม
ทรงผมนี้เรียบง่ายมาก เป็นทรงผมสั้นประบ่า ซึ่งพนักงานออฟฟิศทั่วไปก็ตัดกัน
ความคิดของเหลิ่งรั่วปิงเรียบง่ายมาก เธอต้องการมีชีวิตใหม่ ตัดผมเพื่อลืมเรื่องวุ่นวายต่างๆ ตัดความสัมพันธ์กับเรื่องในอดีตทั้งหมด เธอที่มีชีวิตใหม่อีกครั้ง ต้องการเป็นนักสถาปนิกที่มีความสามารถ ทรงผมนี้เหมาะที่สุด
ช่างทำผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ คิดไม่ถึงว่าแค่การตัดผมทรงธรรมดาทั่วไป คุณผู้หญิงคนนี้ถึงกับมาร้านเสริมสวยที่หรูหราแบบนี้ มาผลาญเงินชัดๆ!
ฉุ่เทียนรุ่ยตกใจยิ่งกว่า เขารีบลุกขึ้นยืนตัวตรง “คุณแน่ใจแล้วหรอว่าจะตัดผม” จากมุมมองของเขา ผมที่สวยสุขภาพดีขนาดนี้ ตัดทิ้งไปเสียดายแย่
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม หันไปพูดกับช่างทำผมที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ตัดเถอะค่ะ”
หลังจากพูดออกมาสั้นๆ สามพยางค์ เหลิ่งรั่วปิงหลับตาลง ได้ยินเสียงกรรไกร “ฉับๆ” ดังขึ้นที่ข้างหู อีกทั้งยังได้ยินเสียงผมตกลงพื้น เวลานี้เสียงอื่นๆ เธอไม่ได้ยินทั้งนั้น อยู่ดีๆ โลกของเธอก็เงียบกะทันหัน วันนี้เป็นวันที่สวยงามของชีวิต ตัดผมและทิ้งอดีต
หนานกงเยี่ย ลาก่อน ไม่ต้องเจอะเจอกันอีก
“คุณครับ เรียบร้อยแล้วครับ” หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ช่างทำผมพูดขึ้น ทำลายความเงียบ
เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ มองดูตนเองในกระจก เธอกระตุกมุมปาก เผยรอยยิ้มออกมา
เธอในตอนนี้ สวมเสื้อสูทสีขาว กางเกงสูทสีดำ รองเท้าหนังส้นเตี้ยสีขาว ผมยาวประบ่า ดูกระฉับกระเฉง มีสง่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหน้าตาของเธอ ดวงตากลมโตใสเหมือนหยดน้ำค้าง กะพริบไปมาราวกับกำลังพูดคุย ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเล็กน้อย ทำให้เธอดูสวยเกินกว่าคนทั่วไป การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเธอเป็นสิ่งที่ชวนมองและน่าหลงไหล
ฉู่เทียนรุ่ยมองดูเส้นผมของเหลิ่งรั่วปิงด้วยความเสียดาย สายตาของเขาเลื่อนจากกองเส้นผมบนพื้นเปลี่ยนมามองเหลิ่งรั่วปิงแทน ดวงตาเป็นประกาย ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือแต่งตัวอะไรก็สวยไปหมด ถึงแม้ใบหน้าของเธอในตอนนี้ไม่ใช่หน้าตาที่แท้จริงของเธอ แต่ออร่าราศีที่อยู่ในตัวแผ่ออกมาจากร่างกาย ทำให้เธอดูสวยมาก
ขณะที่ฉู่เทียนรุ่ยกำลังชื่นชมความงามของเหลิ่งรั่วปิงอยู่นั้น เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นด้านนอกประตู “พี่เทียนรุ่ย พี่เทียนรุ่ย”
พี่เทียนรุ่ย? เหลิ่งรั่วปิงกระตุกมุมปาก “แฟน?”
ฉู่เทียนรุ่ยกุมขมับด้วยความปวดหัว “น้องสาวของเพื่อน” เขายิ้มด้วยความประหม่า “คู่อริ…ของเธอ”
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจแล้ว คนที่มาคือศัตรูของฉู่หนิงซยา ก่อนหน้านี้เธอได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฉู่หนิงซยาคร่าวๆ ชื่อเสียงของผู้หญิงคนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ หยิ่งทะนงและยโสโอหังคืออีกชื่อหนึ่งของเธอ เพราะเหตุนี้ เธอจึงมีคู่อริเยอะมาก นอกจากนี้เธอยังมีฉายาพิเศษอีกหนึ่งฉายา ซึ่งก็คือไม่เอาไหน ว่ากันว่าฉู่หนิงซยาคือคุณหนูใหญ่ไม่เอาไหน นอกจากผลาญเงินเสริมสวย เที่ยวเล่นและช้อปปิ้งแล้วนั้น เธอก็ไม่ทำอย่างอื่นอีกเลย
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้มเย้ยหยัน ดูท่าตัวตนใหม่ของเธอคงไม่ดีเท่าไหร่
ทันใดนั้นเอง ประตูร้านเสริมสวยถูกเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นผู้หญิงหน้าตาดี รูปร่างสูงผอม ดวงตากลมโต เธอรวบผมขึ้นมัดหางม้า มองดูแล้วอายุไม่มาก ประมาณยี่สิบ ความสวยของเธอก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ มองดูแล้วไม่เป็นมิตร ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายความเอาแต่ใจออกมา
หญิงสาวเปิดประตูยิ้มร่าเข้ามา “พี่เทียนรุ่ย!”
ฉู่เทียนรุ่ยเลิกคิ้วด้วยความลำบากใจ “ไซ่หย่าเซวียน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันมาเสริมสวยค่ะ พอได้ยินว่าพี่มาที่นี่ฉันก็เลยมาหาพี่” รอยยิ้มบนใบหน้าของไซ่หย่าเซวียนหายไปทันทีที่เห็นเหลิ่งรั่วปิง เธอมองมาที่เหลิ่งรั่วปิงด้วยความเกลียดชัง “ฉู่หนิงซยา คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างเธอยังจะฟื้นขึ้นมาได้ สวรรค์ไม่มีตาจริงๆ”
เหลิ่งรั่วปิงกัดฟันกรอด เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าของใบหน้านี้มีคนเกลียดมากเท่าไหร่ ถึงขั้นสาปแช่งไม่ให้ฟื้นขึ้นมา แต่ว่า ในเมื่อเธอใช้ตัวตนนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องยอมรับทั้งเรื่องดีและไม่ดีที่เจ้าของใบหน้านี้เคยทำ
สาวน้อยหน้าตาดีตรงหน้าคนนี้ชื่อไซหย่าเซวียน ถึงแม้มองดูแล้วจะเป็นผู้หญิงใสซื่อโรแมนติก แต่ความจริงเธอกลับเป็นผู้หญิงที่เหี้ยมโหด มองดูแล้วเป็นคนเรื่องมากไม่เบา การที่ไม่ถูกกับฉู่หนิงซยาคนเก่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกมุมปาก “ใช่ ฉันฟื้นขึ้นมาแล้ว พอคิดว่าเธอยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ฉันก็เลยต้องฝ่าประตูนรกกลับมา ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้เธออกแตกตาย”
“แก!” ดวงตากลมโตของไซ่เหย่าเซวียนเบิกกว้าง คิ้วขมวดเป็นปม มือทั้งสองข้างท้าวสะเอว “ฉันว่าแกนอนไม่ได้สติสามปีจนกลายเป็นคนโง่ไปแล้ว ถึงได้ลืมรสชาติฝ่ามือของฉัน”
ขณะที่พูด ไซ่เหย่าเซวียนง้างมือขึ้นจะไปตบหน้าเหลิ่งรั่วปิง ม่านตาเหลิ่งรั่วปิงหดลงเล็กน้อย ดูออกทันทีว่าฝีมือของไซ่หย่าเซวียนอยู่ในระดับไหน ไซ่หย่าเซวียนอ่อนหัดมาก เหลิ่งรั่วปิงกระตุกมุมปาก เธอยกมือขึ้น คว้าจับข้อมือของไซ่หย่าเซวียน ออกแรงดึงเล็กน้อย กรึก!
“โอ๊ย!” ไซ่หย่าเซวียนร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด ข้อมือของเธอเคล็ดแล้ว
มองดูมือคู่สวยที่โยกไปมาเหมือนกระดิ่ง ไซ่หย่าเซวียนร้องโอดครวญไม่หยุด “โอ๊ย! พี่เทียนรุ่ย มือของหย่าเซวียนหักแล้วค่ะ ถูกคนเจ้าเล่ห์ฉู่หนิงซยาบิดจนหัก พี่ช่วยฉันลงโทษเธอด้วย”
ไซ่หย่าเซวียนคิดไม่ถึงว่า ฉู่หนิงซยาที่เมื่อก่อนมักจะถูกเธอรังแก เวลาที่เห็นเธอก็กลัวจนตัวสั่นเหมือนหนูกลัวแมว วันนี้กลับกระดิกมือเล็กน้อยก็ทำให้เธอข้อมือเคล็ดได้ สามปีที่ยัยนี่นอนไม่ได้สติ มันนอนฝันเรื่องการต่อสู้หรือไง