เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 148 ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกแล้ว
ภายในห้องอาหารหรู ไซ่หย่าเซวียนนั่งอยู่ข้างฉู่เทียนรุ่ยอย่างเอาแต่ใจ ไซ่ตี้จวิ้นอมยิ้มแล้วเลื่อนเก้าอี้ข้างๆ ให้เหลิ่งรั่วปิงนั่ง เขามีความเป็นสุภาพบุรุษ อบอุ่นและอ่อนโยนมาก
ไซ่หย่าเซวียนตกใจ เธอเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง มองไปยังไซ่ตี้จวิ้น “พี่คะ เมื่อก่อนพี่เกลียดยัยเจ้าเล่ห์คนนี้มากไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้ถึงทำดีกับเธอ แถมยังให้เธอนั่งข้างพี่อีก”
ไซ่ตี้จวิ้นที่ตามใจน้องสาวมาโดยตลอด ทำหน้านิ่งเป็นครั้งแรก น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมมาก “พูดดีๆ หน่อย คราวหน้าห้ามมีปัญหากับหนิงซยาอีก!”
ไซ่หย่าเซวียนไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอเบะปาก “พี่คะ ทำไมคะ ยัยนี่นอนไม่ได้สติไปสามปีจนกลายเป็นคนมีเสน่ห์?”
ไซ่หย่าเซวียนไม่เข้าใจ เมื่อก่อนไซ่ตี้จวิ้นเกลียดฉู่หนิงซยามาก เห็นฉู่หนิงซยาเหมือนเห็นแมลงวัน แค่ฉู่หนิงซยาแตะต้องนิดหน่อย เขาก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ทุกครั้งที่เธอมีปัญหากับฉู่หนิงซยา ไซ่ตี้จวิ้นก็เข้าข้างเธอทุกครั้ง แต่ตอนนี้กลับเอาแต่ปกป้องฉู่หนิงซยาและยังใจร้ายกับน้องสาวตนเองอีก
ไซ่ตี้จวิ้นจัดวางช้อนส้อมให้เหลิ่งรั่วปิงอย่างใส่ใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมองไซ่หย่าเซวียน “เพราะหนิงซยาอาจจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของเธอ”
“คะ?” ไซ่หย่าเซวียนลุกขึ้นด้วยความตกใจ ราวกับได้ฟังข่าวใหญ่ “พี่คะ พี่กินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือไง”
ไม่เพียงแต่ไซ่หย่าเซวียนที่ตกใจ ฉู่เทียนรุ่ยเองก็เงยหน้าขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แววตาที่มองดูไซ่ตี้จวิ้นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เมื่อก่อนฉู่หนิงซยาเอาแต่ใจ โอหัง หยิ่งยโส ใจคออำมหิต ไม่มีอะไรดี ทุกคนต่างรู้ดีว่าไซ่ตี้จวิ้นเกลียดฉู่หนิงซยามากแค่ไหน แต่วันนี้เขากลับบอกว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นภรรยาของเขา เรื่องนี้…น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
ไซ่ตี้จวิ้นหันไปยิ้มให้กับฉู่เทียนรุ่ย “นายหมดโอกาสแล้ว”
ผู้หญิงอย่างเหลิ่งรั่วปิง อยู่ใกล้ผู้ชายคนไหน ผู้ชายคนนั้นก็ต้องหวั่นไหวแน่นอน ฉู่เทียนรุ่ยเองก็เหมือนกัน ดังนั้นไซ่ตี้จวิ้นจึงพูดดักเขาก่อน เขาอาจจะสู้หนานกงเยี่ยไม่ได้ แต่ฉู่เทียนรุ่ยนั้นเขามั่นใจว่าทำได้
“ไม่ใช่” ฉู่เทียนรุ่ยมองดูไซ่ตี้จวิ้นด้วยความแปลกใจและผิดหวัง จากนั้นมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง “หนิงซยา มันหมายความว่าอะไร บอกให้พี่เข้าใจได้ไหม”
เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองค้อนไซ่ตี้จวิ้น จากนั้นยิ้มด้วยความจนปัญญา “เขาเป็นคนบอกว่าจะจีบฉัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนะคะ”
คำพูดนี้ ทำให้ฉู่เทียนรุ่ยและไซ่หย่าเซวียนมองดูไซ่ตี้จวิ้นด้วยความตกใจ ต้องการให้เขาให้คำตอบที่แน่ชัด เพราะมันรวดเร็วและน่าตกใจมาก แต่ไซ่ตี้จวิ้นกลับไม่สนใจสายตาของพวกเขา เขาหยิบเมนูอาหารมาแล้วยื่นให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยความอ่อนโยน “อยากกินอะไรครับ”
ไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงพูด ไซหย่าเซวียนก็ร้องตะโกนด้วยความโมโห เธอตบโต๊ะอย่างแรง “ฉู่หนิงซยา แกเอายาเสน่ห์อะไรให้พี่ชายฉันกิน แกชอบพี่ชายฉันมาตั้งหลายปีแต่พี่ชายฉันไม่เคยชอบแก ทำไมวันนี้จู่ๆ พี่ชายฉันถึงจะจีบแกได้ ยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์ แกรู้ความลับของพี่ชายฉันใช่ไหม ก็เลยบีบให้พี่ชายทำแบบนี้”
ไซ่ตี้จวิ้นหน้าดำเคร่งเครียดด้วยความโมโหทันที ไม่รอให้เขาได้ระเบิดอารมณ์ออกมา เหลิ่งรั่วปิงก็ยิ้มสง่างาม “เมื่อสามปีก่อน ฉันจำไม่ได้ว่าฉันจีบพี่ชายของเธอยังไง ฉันรู้แค่ว่าหลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วเจอพี่ชายเธอแค่ครั้งเดียว พี่ชายเธอก็บอกว่าจะจีบฉัน ฉันไม่ได้จีบพี่ชายเธอ เธอต่างหากที่มายุ่งกับพี่ชายของฉัน แต่ดูเหมือนว่าทำยังไงก็จีบไม่ติด เฮ้อ ชีวิตคนเราก็เหมือนความฝัน นอนตื่นเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว”
คำพูดของเหลิ่งรั่วปิงทำให้ไซ่หย่าเซวียนเบิกตากว้าง แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะเถียงยังไง ทางด้านผู้ชายทั้งสองคนต่างขมวดคิ้วเป็นปม จนปัญญากับเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่ฝีมือไม่ธรรมดา ฝีปากของธอก็ไม่แพ้ใครด้วย
ไซ่หย่าเซวียนมองดูฉู่เทียนรุ่ย แล้วมองไปที่ไซ่ตี้จวิ้น ไม่มีใครมีท่าทีจะเข้าข้างเธอ อีกทั้งยังมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยแววตาอบอุ่นและประหลาดใจ ไซ่หย่าเซวียนกระทืบเท้าด้วยความโมโห “พวกพี่ถูกมันทำเสน่ห์กันหมดหรือไงคะ”
เมื่อก่อน ฉู่เทียนรุ่ยเกลียดน้องสาวเอาแต่ใจที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดที่สุด ส่วนไซ่ตี้จวิ้นเกลียดผู้หญิงไร้ยางอาย แต่วันนี้ พวกเขากลับพากันทำดีกับเธอ
ไซ่หย่าเซวียนแทบจะบ้าแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงมองเทียนรุ่ยด้วยแววตาขอโทษ ความหมายของเธอก็คือ ขอโทษด้วย ที่ฉันทำร้ายผู้หญิงที่มาจีบคุณ ส่วนสายตารู้สึกผิดที่มองไปทางไซ่ตี้จวิ้น ความหมายของเธอก็คือ ขอโทษด้วย ที่ฉันทำร้ายน้องสาวสุดที่รักของคุณ
จากนั้น เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ทำอะไรอีก เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างสง่างาม แล้วก้มหน้าดื่มน้ำชา
ชายหนุ่มทั้งสองหลงใหลในรอยยิ้มที่สง่างามนี้ เป็นจริงตามนั้นรอยยิ้มนี้ครึ่งคือนางฟ้า ครึ่งหนึ่งคือปีศาจ
ไซ่หย่าเซวียนสติแตกไปแล้ว เธอร้องไห้เสียงดัง “พวกพี่รังแกฉัน พวกพี่ไม่มีใครรักฉันเลย!”
ไซ่ตี้จวิ้นมองดูน้องสาวของตนเองด้วยความจนปัญญา ตั้งแต่เล็กจนโต เขารักและตามใจเธอมาโดยตลอด สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือเธอร้องไห้ ทุกครั้งที่เธอร้องไห้เขาก็จะใจอ่อนทั้งที แต่เมื่อเทียบกับเหลิ่งรั่วปิงแล้ว ใจของเขาอยู่ข้างเหลิ่งรั่วปิงมากกว่า ดังนั้น จึงไม่ได้ลุกขึ้นมาปลอบใจเธอ แล้วส่งสายตาบอกฉู่เทียนรุ่ยแทน
ถึงแม้เขาจะเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าน้องสาว แต่น้องสาวสุดที่รักของเขาก็เห็นผู้ชายสำคัญกว่าพี่ชายเหมือนกัน เขากับน้องสาวพอๆ กัน เมื่อเทียบกันแล้วให้ฉู่เทียนรุ่ยปลอบเธอได้ผลกว่าเขาปลอบ
ฉู่เทียนรุ่ยกระเอมไอสองครั้ง ลุกขึ้นเคลียร์ปัญหาที่ไซ่ตี้จวิ้นทำ เขาจับมือไซ่หย่าเซวียนเอาไว้แล้วพาเธอมานั่งข้างๆ “ครับๆ อย่าร้องไห้เลยนะ พี่เทียนรุ่ยยังรักเรา แต่หนิงซยาก็เป็นน้องสาวของพี่ เธอนอนหลับไม่ได้สติมาตั้งสามปี หนิงซยาเองก็น่าสงสารมาก คราวหน้าเรากับหนิงซวาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ หื้ม?”
ไซ่หย่าเซวียนเห็นผู้ชายสำคัญกว่าพี่จริงๆ ด้วย มือเล็กๆ ของเธอที่ถูกฉู่เทียนรุ่ยกุมเอาไว้ รู้สึกตัวเบาจนแทบจะลอยขึ้นฟ้า ไซ่หย่าเซวียนหัวเราะทันที “ค่ะ ฉันจะเชื่อฟังพี่เทียนรุ่ย”
จากนั้น ไซ่หย่าเซวียนก็กอดแขนฉู่เทียนรุ่ยเอาไว้ เธอซบตัวลงบนหัวไหล่ของเขา หันไปมองเหลิ่งรั่วปิงแล้วเลิกคิ้วขึ้นแสดงความเป็นเจ้าของ “คราวหน้า ห้ามคิดอะไรกับพี่เทียนรุ่ยของฉันอีก”
ไซ่หย่าเซวียนนิสัยเหมือนเด็ก เธอแย่งผู้ชายเหมือนแย่งของเล่น เธอมีความต้องการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างมาก ความน่ารักของเธอทำให้สามคนที่เหลืออมยิ้ม
เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ “เธออยากจะจีบพี่ชายของฉัน ก็ต้องทำดีกับฉันหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันที่อาจจะเป็นน้องสามีของเธอ จะไม่ยอมปล่อยให้เธอแต่งเข้ามาบ้านตระกูลฉู่เด็ดขาด”
ถึงแม้ไซ่หย่าเซวียนจะยังคงรู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เธอก็ยอมจำนนทันที เบะปากไม่กล้าเถียงเหลิ่งรั่วปิงอีก ทว่าฉู่เทียนรุ่ยกลับไม่สบอารมณ์ เขากัดฟันกรอดมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง แววตาของเขากำลังพูดว่า ‘เหลิ่งรั่วปิง พอได้แล้ว!’
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแล้วเอียงคอเล็กน้อย “พี่คะ เอาไว้วันไหนว่างๆ ฉันจะเชิญพี่สะใภ้ในอนาคตมากินข้าวที่บ้านเรานะคะ”
พี่สะใภ้ในอนาคต? ฉู่เทียนรุ่ยกัดฟันกรอด ใครอนุญาตให้เธอใช้คำนี้พร่ำเพรื่อ ไซ่หย่าเซวียนเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักโต เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอแม้แต่น้อย เหลิ่งรั่วปิงคิดอยากจะทำอะไร
ไซ่หย่าเซวียนกลับยิ้มร่า รู้จักฉู่หนิงซยามานานหลายปี ทะเลาะกันมาก็หลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าฉู่หนิงซยาน่ารัก “หนิงซยา พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ!”
ถึงขั้นไม่เรียกว่ายัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์แล้ว!
มองดูสีหน้าของฉู่เทียนรุ่ย ไซ่ตี้จวิ้นรู้สึกปวดใจ น้องสาวของเขา เขาประคมประหงมมาเป็นอย่างดี ตามจีบฉู่เทียนรุ่ยมานานหลายปี แต่เขากลับทำสีหน้ารังเกียจ น้องสาวของตนมีอะไรที่ไม่คู่ควรกับเขา
เพราะความฉลาดของเหลิ่งรั่วปิง ทำให้อาหารมื้อนี้ผ่านไปด้วยความชื่นมื่น ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส มีแค่รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เทียนรุ่ยเท่านั้นที่ไม่ได้มาจากใจ เขาชำเลืองมองเหลิ่งรั่วปิงเป็นพักๆ อยากจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ เหลิ่งรั่วปิงใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อคลายความบาดหมางระหว่างเธอกับไซ่หย่าเซวียน คู่อริของเหลิ่งรั่วปิงหายไปคนหนึ่ง แต่เขา ชีวิตหลังจากนี้ คงไม่สามารถหนีไซ่หย่าเซวียนได้แล้ว
เขากำลังวางแผน คืนนี้กลับไปต้องจัดการเหลิ่งรั่วปิงให้หลาบจำ!
แน่นอนว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่รู้ว่าฉู่เทียนรุ่ยกำลังวางแผนร้าย หลังจากกินข้าวเสร็จเธอจึงพูดเสริมขึ้นมา “พี่คะ พี่พาหย่าเซวียนไปเดินเล่นสิคะ”
“ดีค่ะๆ พี่เทียนรุ่ย พวกเราไปเดินเล่นกันเถอะ” ไซ่หย่าเซวียนคล้องแขนฉู่เทียนรุ่ย พาเขาเดินออกไปอย่างมีความสุข เธออยากจะมีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
ฉู่เทียนรุ่ยหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความอัดอั้น ‘คอยดูเถอะ!’
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มหวาน ‘เที่ยวให้สนุกนะคะ!’
อย่างรวดเร็ว ในห้องอาหารเหลือแค่พวกเขาสองคน
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มอย่างอบอุ่น รอยยิ้มของเขาอบอุ่นเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ “หลังจากนี้คุณอยากทำอะไร”
“ฉันอยากเป็นนักสถาปนิกค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นมาทำงานที่บริษัทของผม?”
“บริษัทของคุณค้าวัสดุไม่ใช่หรอคะ ไม่ใช่บริษัทอสังหาริมทรัพย์สักหน่อย”
“ผมเปิดบริษัทใหม่ ทั้งยังซื้อที่ดินเอาไว้หลายที่ กำลังคิดจะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์”
“?” เหลิ่งรั่วปิงมองไปที่ไซ่ตี้จวิ้น “คุณอย่าบอกฉันนะคะ คุณเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาเพื่อฉัน”
“คุณคิดว่ายังไงละ” แววตาของไซ่ตี้จวิ้นลุ่มลึก จนไม่เห็นก้นบึ้ง นัยน์ตาคู่นั้นฉายความอบอุ่น “ถ้าคุณไปทำงานที่บริษัทของคนอื่น ผมจะวางใจได้ยังไง”
เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ผ่านไปนานครู่หนึ่งกว่าเธอจะพูดออกมา “ไซ่ตี้จวิ้น คุณอย่าดีกับฉันมากเกินไป” ดีเกินไป จะทำให้ฉันรู้สึกผิด ทว่าความรู้สึกผิดนี้ไม่ใช่ความรัก
“อย่ากดดันสิครับ ผมมีความสุขกับสิ่งที่ทำ”
“…” นอกจากรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิง ก็ไม่สามารถมองหาความรู้สึกอย่างอื่นจากสีหน้าเธอได้อีก
“ไปกันเถอะ ผมพาคุณไปเที่ยวดูเมืองหลวงของประเทศเอ้าตู”
“ค่ะ”
ไซ่ตี้จวิ้นขับรถด้วยตนเอง “มีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ ฉันไม่เคยมาประเทศเอ้าตู ไม่รู้จักสถานที่ท่องเที่ยว คุณขับไปตามใจตนเองเถอะค่ะ ฉันขอดูวิวรอบๆ เมือง”
“ครับ วันนี้ผมจะเที่ยวรอบเมืองเป็นเพื่อนคุณเอง”
เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ “ทั้งวันเลยหรอคะ ฉันจะกล้าใช้เวลาทั้งวันของคุณได้ยังไง คุณใช้เวลาไม่กี่นาทีก็หาเงินได้หลายสิบล้านแล้ว ฉันไม่มีปัญญาชดใช้หรอกนะคะ”
“ตอนนี้จีบผู้หญิงสำคัญกว่า ไม่อย่างนั้นหาเงินได้ก็ไม่มีใครใช้อยู่ดี”
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนปากหวาน
แต่หนานกงเยี่ย ไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาเป็นจอมเผด็จการ
ทำไมต้องคิดถึงเขาอีก เขากับเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว
ตัดผม เปลี่ยนหน้า เปลี่ยนตัวตน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแล้วจริงๆ
วันที่เลิกกัน เธอทำร้ายเขา เขาเสียเลือดมาก ความเป็นจริงเธอไม่อยากทำร้ายเขา ต่อให้เขาจะทำให้เธออับอายแค่ไหน จัดงานเลี้ยงอำลาที่ทำให้เธอเสียหน้า แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดเขา เธอแค่รู้สึกผิดหวังก็เท่านั้น
แต่ว่า สำหรับเธอแล้ว ผิดหวังเท่ากับหมดหวัง หมดหวังเท่ากับตัดขาด
ดังนั้น เธอกับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว