เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 152 ฉู่หนิงซยาคือเธอหรือรึเปล่า
ถูกต้อง ตอนนี้หนานกงเยี่ยสนใจแต่เรื่องของเหลิ่งรั่วปิงเท่านั้น แม้แต่ตอนหลับฝันเขาก็ยังฝันที่จะตามหาเธอกลับมา
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังไม่อยากเจออวี้ไป่หัน ภายในใจยังคงรู้สึกไม่พอใจเขา แต่มู่เฉิงซีมีข้อมูลเกี่ยวกับเหลิ่งรั่วปิง เขาจึงปิดคอมพิวเตอร์อย่างไม่ลังเล คว้ากุญแจรถแล้วเดินลงไปชั้นล่างทันที
สองเดือนที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ อวี้ไป่หันดีใจมาก พอลูกน้องรายงานว่าหนานกงเยี่ยมา เขาก็รีบออกมาต้อนรับด้วยตนเองทันที “หนานกง ในที่สุดแกก็ยอมออกมาเจอฉัน!”
พูดตามตรง อวี้ไป่หันรู้สึกผิดมาก ตอนที่เห็นสภาพอิดโรยของหนานกงเยี่ยในวันนี้ ทำให้เขายิ่งเสียใจที่ทำแบบนั้นลงไปโดยไม่ปรึกษาหนานกงเยี่ย ตอนนี้เขาอยากจะตามหาเหลิ่งรั่วปิงกลับมาให้หนานกงเยี่ยมา เพื่อเป็นการไถ่โทษ
สีหน้าของหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือกไร้ซึ่งอุณหภูมิ ดวงตาของเขาเป็นประกายใส แต่กลับลุ่มลึกยากที่จะอ่าน “ฉันมาหาเฉิงซี”
อวี้ไป่หันยิ้ม “เฉิงซีอยู่ในห้องวีไอพี ไปกันเถอะ”
หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินตามอวี้ไป่หันเข้าไปในห้องวีไอพี
ภายในห้องวีไอพี ทั้งมู่เฉิงซีและถังเฮ่าต่างก็อยู่ในนั้น
ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงจากไป คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงก็ไม่เคยรวมตัวกันอีกเลย เพราะหนานกงเยี่ยเอาแต่ขังตัวเองเอาไว้ เวลานี้ ทั้งสามคนอยากจะตามหาเหลิ่งรั่วปิงกลับมาให้หนานกงเยี่ยมาก เพื่อที่จะได้หนานกงเยี่ยคนเดิมกลับมา ความคิดของถังเฮ่ายิ่งกว่านั้น ทุกวันนี้หลินมั่นหรูหายตัวอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับเธอแม้แต่น้อย บนเรือยอร์ชของบริษัทประมูลฮั่นไห่เมื่อครั้งที่แล้ว เขาเดาว่าหลินมั่นหรูและเหลิ่งรั่วปิงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเขาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะหาตามหาเหลิ่งรั่วปิงกลับมา เขาจะได้ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของหลินมั่นหรูได้
หนานกงเยี่ยเพิ่งนั่งลง อวี้ไป่หักันก็รินเหล้าให้เขาทันที “หนานกง เรื่องนั้นฉันรู้สึกผิดมาก ฉันรู้ดีว่าตอนนี้พูดไปมันก็สายไปแล้ว ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยแกตามเหลิ่งรั่วปิง หลังจากที่เจอเหลิ่งรั่วปิง ฉันจะขอโทษเธอด้วยตนเอง”
มู่เฉิงซีและถังเฮ่ามองหน้ากัน พวกเขาพากันช่วยวอวี้ไป่หันพูด
ถังเฮ่า “หนานกง เรื่องของรั่วปิงพวกเราทุกคนต่างก็เสียใจมาก แต่ไม่ว่ายังไง พวกเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี อย่าตัดความเป็นเพื่อนเพราะเรื่องนี้เลย”
มู่เฉิงซี “หนานกง ไป่หันมันไม่เคยคิดร้าย พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายนปี แกให้โอกาสมันสักครั้งเถอะ”
หนานกงเยี่ยเงียบ รับหลับเหล้ามาจากอวี้ไป่หัน ดื่มหมดในรวดเดียว
ซึ่งการกระทำของเขาเท่ากับยกโทษให้อวี้ไป่หันแล้ว
ทั้งสามคนโล่งอกพร้อมกัน อวี้ไป่หันยิ้มร่าทันที
ความเป็นจริงที่หนานกงเยี่ยยกโทษให้อวี้ไป่หัน ไม่ได้เป็นเพราะความจริงใจของเขา แต่เพราะคำพูดของเขา ที่บอกว่าหลังจากเจอเหลิ่งรั่วปิงแล้วจะทำอะไรบ้าง ถูกต้อง สิ่งที่เขาฟังรื่นหูที่สุดในตอนนี้ก็คือเหลิ่งรั่วปิงจะกลับมา
ถึงอย่างไรก็เคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน เหล้าแก้วเดียวสามารถแก้ได้ทุกปัญหา บรรยากาศในห้องดีขึ้นมาทันที
มู่เฉิงซี “หนานกง ตอนนี้แกเอาแต่คิดว่าจะตามหาเธอกลับมา แต่แกเคยคิดไหมว่าหลังจากที่เหลิ่งรั่วปิงกลับมาแล้วแกจะทำยังไง”
“ฉันจะแต่งงานกับเธอ” หนานกงเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ประโยคนี้ทำให้ทั้งสามคนตกใจมาก คนที่ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานมาก่อนอย่างหนานกงเยี่ย มาตอนนี้เขากลับพูดอย่างหนักแน่นว่าจะแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิง
ถังเฮ่า “หนานกง เรื่องแต่งงานของแกมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ พ่อของแกพูดแล้วว่าจะให้หลานซีเป็นคุณหญิงของตระกูล ท่านไม่ยอมให้แกแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิงแน่”
หนานกงเยี่ยทำหน้านิ่ง “เรื่องของฉัน ฉันต้องตัดสินใจเอง”
ทั้งสามคนพยักหน้า ก็จริง หนานกงเยี่ยเป็นใคร เขาคือคนที่มีอำนาจที่สุดในเมืองหลง ฝีมือของเขาไม่ธรรมดา ทั้งเหี้ยมโหดและดุดัน เรื่องที่เขาอยากจะทำไม่มีใครสามารถขวางเขาได้ แม้แต่ท่านหนานกงยังกลัวเขา
อวี้ไป่หันคือคนที่สนับสนุนหนานกงเยี่ยที่สุด “หนานกง ฉันสนับสนุนแก” หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้นขึ้น เขารู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่หนานกงเยี่ยมีต่อเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นเขาจึงสนับสนุนหนานกงเยี่ยเป็นอย่างมาก ความเป็นจริงเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในความรัก แต่ที่เขาเอาแต่ทำตัวเป็นคาสโนว่า เพราะเขายังไม่เจอผู้หญิงที่คู่ควรจะรัก ถ้าเป็นเหมือนหนานกงเยี่ย เจอผู้หญิงอย่างเหลิ่งรั่วปิง เขาอาจจะบ้ายิ่งกว่าหนานกงเยี่ยก็ได้
หนานกงเยี่ยพยักหน้า ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ยังคงไม่มีรอยยิ้มบนหน้าเขา ทุกคนต่างรู้ดี ถ้าเหลิ่งรั่วปิงไม่กลับมา พวกเขาคงไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงเยี่ยอีกแล้ว
มู่เฉิงซี “หนานกง ช่วงนี้ฉันแอบได้คลิปวิดีโอลับมาคลิปหนึ่ง เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดบนเรือยอร์ชของบริษัทประมูลฮั่นไห่”
ขณะที่พูด มู่เฉิงซีหยิบแล็ปท็อปออกมา เขาเปิดคลิปวิดีโอ เป็นคลิปที่อาเธอร์ปลอมตัวเป็นบริกรแล้วส่งเค้กไปให้เหลิ่งรั่วปิง
มู่เฉิงซีหยุดภาพเอาไว้ที่รูปของอาเธอร์ “แกดูสิ โครงหน้าและคิ้วของผู้ชายคนนี้ กับหัวหน้าชายชุดดำที่ยิงแกหน้าตาคล้ายกันมาก แทบจะสามารถมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกันได้ ฉันกับถังเฮ่าคุยกันแล้ว ตอนที่ผู้ชายคนนี้ยิงแก มันลังเลอยู่หลายวินาที ทำให้แกรู้ตัว และตอนที่แกยิงมัน เหลิ่งรั่วปิงกลับชนแกหนึ่งที ทำให้แกยิงพลาด”
ฟังคำพูดของมู่เฉิงซี หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม ความคาดการณ์บางอย่างผุดขึ้นมาในใจเขา
มู่เฉิงซีพูดต่อ “หนานกง ฉันคงไม่จำเป็นต้องพูด แกก็น่าจะเดาออกแล้ว ที่ผู้ชายคนนี้ลังเล เป็นเพราะเหลิ่งรั่วปิงส่งสายตาเตือน และมันก็เป็นคนที่เหลิ่งรั่วปิงไม่อยากทำร้าย ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงจงใจชนแก”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ตอนที่อยู่บนเรือยอร์ช เหลิ่งรั่วปิงรู้ทันทีว่าวิถีกระสุนมาจากทางไหน เธอช่วยแกเอาไว้ ตอนนั้นวิถีกระสุนน่าจะมาจากชั้นหก อีกทั้งคนที่ยิงแกต้องยิงปืนแม่นมาก ตำแหน่งในการยิงไกลขนาดนั้น ต่อให้เหลิ่งรั่วปิงประสาทการได้ยินดีแค่ไหน รู้ตัวเร็วเท่าไหร่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้ตำแหน่งอย่างแม่นยำ ซึ่งอธิบายได้แค่อย่างเดียว เธอรู้ตำแหน่งของคนยิงมาก่อน
“ซึ่งทั้งหมดนี้อธิบายได้อย่างหนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงไม่คิดที่จะทำร้ายแก แต่เบื้องหลังของเธอคือองค์กรที่มีอำนาจ องค์กรนั้นควบคุมเธอเอาไว้ บริษัทประมูลฮั่นไห่เป็นแค่เบื้องหน้าขององค์กรเท่านั้น”
“พูดต่อ” หนานกงเยี่ยพูดเสียงเย็นยะเยือก เรื่องนี้เขาเดาได้มานานแล้ว แต่เขายังอยากฟังการวิเคราะห์ของเฉิงซี
“ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงไปจากเมืองหลง มีคนมารับเธอ ฉันเดาว่าเป็นเพราะองค์กรต้องการเรียกเธอกลับไป แต่ทั้งหมดที่เหลิ่งรั่วปิงทำมันแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้คิดที่จะกลับองค์กร ตั๋วเครื่องบินที่เธอซื้อในเมืองเฟิ่งเป็นแค่การตบตาเท่านั้น เธอไม่ได้คิดอยากจะกลับซีหลิง อีกเรื่องหนึ่งนี้ จากการสืบหาร่องรอยบนเกาะนั้น ที่นั่นเคยมีเฮลิคอปเตอร์มาจอด ทั้งยังเคยมีเรือจอดเอาไว้ บนเกาะมีร่องรอยการสู้กัน ฉันเอาเลือดนั้นไปตรวจดูแล้ว เป็นเลือดของผู้ชาย”
“จากหลักฐานพวกนี้ ฉันคิดว่า เฮลิคอปเตอร์ที่มาจอดบนเกาะ เป็นเฮลิคอปเตอร์ขององค์กรที่มารับเหลิ่งรั่วปิง แต่เธอไม่ยอมกลับไป ดังนั้นเธอจึงสู้กับคนที่มารับ สุดท้ายเธอน่าจะขับเรือออกไปจากเกาะ”
หลังจากฟังสิ่งที่มู่เฉิงซีวิเคราะห์จบ หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วไม่ยอมพูดอะไร แต่อวี้ไป่หันอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “แกใช้อะไรมาตัดสินใจว่า เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ถูกทำร้ายบนเกาะ บางที…” อวี้ไป่หันชำเลืองมองไปที่หนานกงเยี่ย แต่สุดท้ายก็ยังคงพูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกมา “บางทีเธออาจจะถูกคนขององค์กรฆ่าทิ้ง?”
มู่เฉิงซีมั่นใจมาก “ไม่มีทาง จากการยิงปะทะกันบนเรือยอร์ชในวันนั้น คนในองค์กรไม่กล้าทำอะไรเหลิ่งรั่วปิงแม้แต่น้อย ซึ่งก็หมายความว่าคนที่มีอำนาจในองค์กรต้องให้ความสำคัญกับเหลิ่งรั่วปิงมาก อีกทั้งฉันได้ดูรอยเท้าบนเกาะอย่างละเอียดแล้ว แถวที่จอดเฮลิคอปเตอร์ไม่มีรอยเท้าของผู้หญิง ในทางกลับกันมีรอยเท้าของผู้หญิงแถวที่มีเรือจอด อีกทั้งดูจากรอยเท้านั้น เธอขึ้นเรือไปตามลำพัง ไม่ได้ถูกใครบังคับ”
ขณะที่พูด มู่เฉิงซีเลื่อนเปลี่ยนรูป “ฉันถ่ายรูปรอยเท้าเอาไว้ หนานกงแกดูสิ นี่คือรอยเท้าของเหลิ่งรั่วปิงรึเปล่า”
หนานกงเยี่ยมองแค่แวบเดียวก็รู้ทันที “ใช่” เพราะรักคนคนๆ หนึ่งมาก ดังนั้นเขาจึงคุ้นชินกับรูปทรงรอยเท้าและน้ำหนักเท้าของเธอเป็นอย่างดี
มู่เฉิงซี “ดังนั้น สิ่งที่ฉันคิดก็ไม่ผิด เหลิ่งรั่วปิงปลอดภัยไป และเธอก็ไม่ได้กลับไปที่ซีหลิง”
หนานกงเยี่ยนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมา คืนหลังจากเกิดไฟไหม้ที่เสิ้งหวา เหลิ่งรั่วปิงฝันร้าย เธอตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแล้วถามเขา ถ้าคนที่มีอำนาจจะแย่งเธอไป เขาจะปกป้องเธอไหม
หรือว่าคนที่มีอำนาจที่เธอพูดถึงคือหัวหน้าองค์กรารนี้ คืนที่อยู่บนเรือยอร์ชของบริษัทประมูลฮั่นไห่ เธออยู่กับผู้ชายคนนั้นตลอดทั้งคืน?
หลังจากที่เข้าใจทุกอย่าง หนานกงเยี่ยกำหมัดแน่น หัวใจของเขาบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เธอถูกองค์กรบีบบังคับมาโดยตลอด ทั้งยังเสี่ยงอันตรายช่วยเขาบนเรือยอร์ชของบริษัทประมูลฮั่นไห่อีก หลังจากที่เธอแก้แค้นเสร็จ คิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจอยู่กับเขา หวังว่าจะได้ความรักและการปกป้องจากเขา แต่เขากลับทำลายความรู้สึกของเธอที่ผ่านการคิดอย่างถี่ถ้วนกว่าจะได้คำตอบ
ไม่แปลกที่สุดท้ายเธอตัดสินใจเด็ดขาดแบบนั้น
เธอเป็นคนขาดความอบอุ่น ตัดสินใจที่จะอยู่กับเขา โดยเดิมพันด้วยความรักทั้งชีวิตของเธอ เหลิ่งรั่วปิงเคยพูดแล้วว่า เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยกหัวใจให้ใครง่ายๆ ถ้าเธอยกให้ใครแล้ว ทั้งชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันเอามันกลับมาอีก ก่อนที่เธอจะมอบหัวใจของเธอให้เขา เขากลับทำลายทุกความหวังของเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดใจเด็ดขาดกว่าทุกครั้ง
หนานกงเยี่ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาขมวดคิ้วเป็นปม นวดจับขมับของตนเอง เพราะรู้สึกเหมือนมันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
มู่เฉิงซีเข้าใจความเจ็บปวดของหนานกงเยี่ย เขาถอนหายใจ “เพื่อที่เหลิ่งรั่วปิงจะสามารถซ่อนตัวจากการไล่ล่าขององค์กร เธอต้องเปลี่ยนทุกอย่างทั้งเปลี่ยนชื่อและแปลงโฉมใหม่ ดังนั้น การที่พวกเราจะตามหาตัวเธอเจอจึงเป็นเรื่องยาก”
ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันมองหน้ากัน พวกเขาถอนหายใจยาว
หนานกงเยี่ยแทบอยากจะให้คนเอามีดมาฟันเขา อย่างน้อยเขาคงรู้สึกดีกว่านี้ ตอนนี้เขาไม่อาจสามารถหลุดพ้นจากความเจ็บปวด ความรู้สึกปวดร้าวนี้มันทรมานมาก
เหลิ่งรั่วปิงไม่มีญาติ ญาติคนเดียวของเธอคือเวินอี๋ซึ่งอยู่ในเมืองหลง และตอนนี้เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่กลับมาเมืองหลงแล้ว ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหนก็ล้วนเดียวดาย แค่คิดว่าเธอต้องไปอยู่คนเดียวในที่ที่ไม่มีคนรู้จัก หัวใจของเขาก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวด
เดี๋ยวก่อน สำหรับเหลิ่งรั่วปิงแล้วมีที่ที่หนึ่งที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับเธอ ซึ่งก็คือประเทศเอ้าตู ที่นั่นมีไซ่ตี้จวิ้นที่เคยทำให้เธอซึ้งใจจนร้องไห้
เธอจะไปหาไซ่ตี้จวิ้นไหม
จู่ๆ มีเสียงดังก้องในใจของเขา ภาพในหัวของหนานกงเยี่ยดำมืดไปหมด เขาครุ่นคิดอย่างหนัก ดีใจจนตัวสั่น
เธอเปลี่ยนตนเองทุกอย่าง? ฉู่หนิงซยาแฟนสาวของไซ่ตี้จวิ้นเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน?
ถ้าอย่างนั้น ฉู่หนิงซยาจะเป็นเธอหรือรึเปล่า ถ้าหากว่าใช่ แล้วฉู่หนิงซยาตัวจริงอยู่ที่ไหน
โดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกง จู่ๆ หนานกงเยี่ยก็ลุกพรวดขึ้นมา ออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถอย่างรวดเร็วราวกับเป็นพายุ