เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 153 อยากได้ตัวเธอกลับมา ต้องได้หัวใจของเธอกลับมาก่อน
โดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกง จู่ๆ หนานกงเยี่ยก็ลุกพรวดขึ้นมา ออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถอย่างรวดเร็วราวกับเป็นพายุ ทุกที่ที่เขาเดินผ่าน ชนแก้วไวน์ล้มระเนระนาด
เสียงแก้วไวน์แตกดังเพล้ง แสบแก้วหูมาก แต่เขากลับไม่ได้ยิน เสียงในความคิดของเขามีแค่เสียงเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือ ฉู่หนิงซยา
ทั้งสามคนที่เหลือมองหน้ากัน พวกเขาขมวดคิ้วเป็นปม
อวี้ไป่หันขมวดคิ้ว “หนานกงเยี่ยเป็นอะไรอีกแล้วว่ะ”
ถังเฮ่า “หวังว่าเหลิ่งรั่วปิงจะรีบปรากฎตัวออกมา ไม่อย่างนั้น หนานกงแย่แน่”
บนรถ หนานกงเยี่ยโทรศัพท์หาก่วนอวี้ด้วยความใจร้อน “ก่วนอวี้ ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดของฉู่หนิงซยา !”
“ครับ คุณชายเยี่ย” ก่วนอวี้ที่กำลังปลอบใจอวี้หลานซีที่บ้านตระกูลหนานกงอยู่นั้น หลังจากได้รับสายของหนานกงเยี่ย เขาไม่กล้ารอช้าแม้แต่วินาทีเดียว รีบสั่งให้คนที่อยู่ประเทศเอ้าตูรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของฉู่หนิงซยามา หนานกงเยี่ยไม่ได้ใจร้อนแบบนี้มานานแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี
ก่วนอวี้ออกไปด้วยความเร่งรีบ สีหน้าของเขาจริงจังมาก อวี้หลานซีสังเกตเห็นความผิปิดปกติ ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงไปจากเมืองหลง นานแล้วที่หนานกงเยี่ยไม่ได้สั่งงานก่วนอวี้ด้วยความใจร้อนแบบนี้ จู่ๆ ก็สั่งกะทันหัน ทั้งยังดูเป็นเรื่องสำคัญ เป็นงานที่เร่งด่วนรีบ แสดงว่าต้องเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิงอย่างแน่นอน
ดังนั้น อวี้หลานซีครุ่นคิด แล้วรีบวิ่งตามก่วนอวี้ลงไปชั้นล่าง “ก่วนอวี้”
ก่วนอวี้หยุดเดินแล้วหันกลับมา เจ้าของดวงตาสีนิลนุ่มลึกมองมาที่เธอ “ครับคุณอวี้ มีธุระอะไรหรือรึเปล่าครับ”
“ได้ข่าวของเหลิ่งรั่วปิงเหรอ” แม้ว่าอวี้หลานซีจะพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย แต่ไม่ว่าใครต่างก็ฟังออก น้ำเสียงของเธอเคล้าไปด้วยความตื่นกลัว
“เปล่าครับ” ก่วนอวี้หลบสายตาลง เพื่อบดบังความผิดหวังที่แสนจะเจ็บปวดของตนเอง
“นายโกหก จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เยี่ยรีบร้อนขนาดนี้ได้ ต้องเป็นเรื่องของเหลิ่งรั่วปิงแน่ๆ ใช่ไหม” ความเป็นจริงอวี้หลานซีไม่ใช่คนโง่ ในทางกลับกันเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก ก่วนอวี้รู้สึกอย่างไรยังไงกับเธอ เธอรู้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว ดังนั้นเธอจึงขอร้องให้เขาคอยช่วยเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเธอรู้ว่าก่วนอวี้ไม่มีวันใจร้ายกับเธอ เพียงแต่หัวใจของเธอมีแค่หนานกงเยี่ยแค่คนเดียว เธอจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรก็เท่านั้น
ก่วนอวี้เงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้น แววตาของเขาว่างเปล่า “หลานซี คุณอยากบีบให้คุณชายเยี่ยต้องตายใช่ไหมครับ” เขารักอวี้หลานซี แต่อวี้หลานซีรักหนานกงเยี่ย สำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะความรักระหว่างชายหญิงหรือมิตรภาพล้วนสำคัญไม่แพ้กัน
อวี้หลานซีมองดูก่วนอวี้ด้วยความตกใจ มองดวงตาสีดำสนิทลุ่มลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ความคิดมากมายวิ่งพล่านไปหมด เมื่อกี้เขาเรียกชื่อเธอ ตั้งแต่จำความได้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อเธอ เมื่อก่อน ไม่ว่าจะเวลาไหน เขาล้วนเรียกเธอด้วยความเคารพว่า คุณอวี้ อย่างถ่อมตน
“หลานซี พวกเราโตมาด้วยกัน ผมรู้สึกยังไงกับคุณ คุณไม่รับรู้สักนิดเลยเหรอ อย่าใช้ผมเป็นเครื่องมืออีกเลย” ตอนนั้นที่เขาบอกอวี้หลานซีว่าหนานกงเยี่ยคิดจะลองใจเหลิ่งรั่วปิง จนถึงทุกวันนี้เขายังรู้สึกผิดและเสียใจมาก
พูดจบ ก่วนอวี้หมุนตัวหันหลังแล้วเดินจากไป แต่กลับถูกอวี้หลานซีคว้าแขนเสื้อเอาไว้ “ก่วนอวี้ นายพูดให้ชัดเจนก่อน”
ก่วนอวี้หันกลับมา เขามองดูใบหน้างดงามตรงหน้าด้วยความนิ่งสงบ เธอเคยเป็นผู้หญิงอ่อนโยน มีสง่าน่าดึงดูด แต่วันนี้…
“จะต้องพูดอะไรให้ชัดเจนกว่านี้เหรอครับ คุณเป็นคนฉลาดยังต้องให้ผมพูดอะไรอีก” ริมฝีปากบางพูดด้วยความเย็นชา “หลานซี ผมอยากให้คุณมีความสุข ผมรู้ว่าคุณชอบคุณชายเยี่ย ผมจึงพยายามเปิดโอกาสให้คุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมช่วยคุณบีบให้คุณชายเยี่ยหมดหนทางแบบนี้ คุณเองก็เห็นแล้ว หลังจากที่เหลิ่งรั่วปิงไปจากคุณชายเยี่ย เขาก็เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คุณชายเยี่ยจะตายได้นะครับ” คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย “ยอมตัดใจเถอะครับ เพื่อคุณชายเยี่ยและเพื่อตัวคุณด้วย”
อวี้หลานซีก้าวถอยหลังด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาคลอเบ้า “ไม่ ก่วนอวี้ ฉันทำไม่ได้ เยี่ยกับเหลิ่งรั่วปิงอยู่ด้วยกันแค่ครึ่งปีเท่านั้น แต่ฉันอยู่ข้างเยี่ยมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ฉันยกทั้งหมดของฉันให้เยี่ยไปแล้ว ถ้าไม่มีเยี่ย ฉันก็จะขาดใจตายเหมือนกัน”
“หลานซี คุณรักคุณชายเยี่ยหรือรักตัวเองมากกว่ากันแน่ ถ้าคุณรักคุณชายเยี่ย ปล่อยให้คุณชายเยี่ยมีความสุขไม่ดีกว่าเหรอครับ” ก่วนอวี้ขมวดคิ้วเข้ม “อวยพรให้คุณชายเยี่ยมีความสุขเหมือนอย่างที่ผมอวยพรให้คุณมีความสุข แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอครับ คุณชายเยี่ยไม่ได้รักคุณ ต่อให้คุณดื้อดึงอยู่ข้างเขาแบบนี้ไปอีกสิบปี เขาก็ไม่มีวันรักคุณ ผู้ชายกับผู้หญิงถ้าไม่ได้รู้สึกหัวใจเต้นแรงต่อกัน ก็ไม่มีวันรักกันหรอกครับ ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจ”
ครั้งแรกที่หนานกงเยี่ยเจอกับเหลิ่งรั่วปิง เขาก็ตกหลุมรักเธอแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเหลิ่งรั่วปิงจะคบกับหนานกงเยี่ยแค่ครึ่งวันหรือครึ่งปี เขาก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเธอ
หัวใจเต้นแรง เป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์มาก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระยะเวลา ไม่เกี่ยวข้องกับฐานะ สิ่งที่สำคัญคือความรู้สึกเหมือนพลุเบ่งบานตอนที่เจอกัน
ก่วนอวี้พูดต่อ “ถ้าคุณไม่ใช่อวี้หลานซี ตอนนี้คุณคงตายในมือของคุณชายเยี่ยเป็นหมื่นๆ ครั้งแล้ว ที่คุณชายเยี่ยยอมให้อภัยคุณ ยอมอดทนกับคุณ เป็นเพราะหน้าที่และความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจเท่านั้น คุณจะทำลายความรู้สึกนี้ในใจของคุณชายเยี่ยให้หมดลงจริงๆ เหรอครับ คุณต้องการให้คุณชายเยี่ยถึงขั้นรังเกียจคุณเลยเหรอครับ”
อวี้หลานซีทรุดตัวลงนั่งบนพื้น นั่งร้องไห้กอดเข่าร้องไห้ ก่วนอวี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เขาไม่ได้เข้ามาปลอบเธอเหมือนเวลาที่เห็นเธอร้องไห้ ตอนนี้เขาทำแค่มองดูเธอเงียบๆ เรื่องบางเรื่องต้องร้องไห้ก่อนถึงจะเข้าใจ ความเจ็บปวดบางอย่างต้องร้องไห้ก่อนถึงจะเจ็บน้อยลง อวี้หลานซีคุณจำเป็นต้องร้องไห้ออกมาให้หมด
“คุณคิดดูให้ดีนะครับ” สุดท้าย ก่วนอวี้พูดทิ้งท้ายเสียงเรียบ แล้วเดินจากออกไป
*****
ค่ำคืนต้นฤดูหนาว ลมหนาวพัดผ่าน ชั้นบนสุดของบริษัทหนานกง ไฟในห้องทำงานประธานบริษัทยังคงสว่างจ้า หนานกงเยี่ยนั่งอยู่ภายใต้แสงไฟ รอฟังข่าวจากก่วนอวี้ สีหน้าของเขานิ่งสงบ แต่ภายในใจจของเขากลับบ้าคลั่งเหมือนพายุโหมกระหน่ำ
ระหว่างที่รอฟังข่าว เขาคิดอะไรต่างๆ มากมาย เขาหวังว่าฉู่หนิงซยาคือเหลิ่งรั่วปิง เพราะถ้าได้ข่าวคราวของเธอ เขาจะได้ไม่ต้องตามหาเธอด้วยความยากลำบากอีกแล้ว แต่อีกใจหนึ่งเขาก็กลัวว่าฉู่หนิงซยาจะเป็นเหลิ่งรั่วปิง ถ้าเธอคือเหลิ่งรั่วปิง เขาคงไม่สามารถทนเห็นเธอเป็นผู้หญิงของไซ่ตี้จวิ้นไม่ได้ เขารู้สึกอยากฆ่าคน
เข็มนาฬิกาชี้ไปยังเลขสิบสอง ก่วนอวี้เปิดประตูห้องทำงานประธานบริษัท “คุณชายเยี่ยครับ คนของเราที่อยู่ประเทศเอ้าตูส่งข้อมูลทั้งหมดของฉู่หนิงซยามาแล้วครับ”
หนานกงเยี่ยรีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันที เขากดเปิดเอกสาร จากนั้นเปิดอ่านด้วยความใจร้อน
เขาไม่ได้สนใจข้อมูลของฉู่หนิงซยาก่อนจะฟื้นขึ้นมาเท่าไรหร่ สิ่งที่เขาสนใจคือข้อมูลของเธอหลังจากตื่นขึ้นมาจากการเป็นเจ้าหญิงนิทรา ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่านิสัยของฉู่หนิงซยาหลังจากตื่นขึ้นมากับเหลิ่งรั่วปิงคล้ายกันจนน่าตกใจ
สุดท้าย เขากดคลิ๊กเปิดดูรูป ตอนที่รูปของฉู่หนิงซยาหลังจากฟื้นขึ้นมาฉายอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หนานกงเยี่ยนิ่งค้างไปทันที มือที่วางอยู่บนโต๊ะของเขากำหมัดแน่น จนได้ยินเสียงหักข้อนิ้วมือ
คือเธอ คืถือเธอไม่ผิดแน่!
เธอไปหาไซ่ตี้จวิ้นจริงๆ ด้วย!
เหลิ่งรั่วปิงบอกว่าจะยกหัวใจของเธอให้กับเขา ถึงแม้ว่าเขาทำร้ายจิตใจเธอ แต่เธอก็ไม่ควรวิ่งไปซบอกไซ่ตี้จวิ้น แล้วบอกไม่รักเขาดื้อๆ แบบนี้หรือรึเปล่า!
รอบตัวของหนานกงเยี่ยเคล้าไปด้วยความโกรธ ความตื่นเต้น ความดีใจ ความปวดใจ ความรู้สึกมากมายซับซ้อนไปหมด
ก่วนอวี้ยืนอยู่ข้างๆ หนานกงเยี่ยมาโดยตคลอด เขามองดูเอกสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ รู้สึกแค่ว่าหลังจากที่ฉู่หนิงซยาตื่นจากเจ้าหญิงนิทรา เธอก็ดูเปลี่ยนไป ก่วนอวี้ไม่เข้าใจว่าอารมณ์ที่แปรปรวนของหนานกงเยี่ยเกิดจากอะไร
“คุณชายเยี่ย สังเกตเห็นอะไรเหรอครับ” ก่วนอวี้ถามด้วยความระมัดระวัง
“เธอคือเหลิ่งรั่วปิง” หนานกงเยี่ยพูดเสียงนิ่ง น้ำเสียงของเขามีความโล่งอก และเคล้าไปด้วยความโมโหในเวลาเดียวกัน
ก่วนอวี้อ้าปากพะงาบๆ มองดูรูปถ่ายของฉู่หนิงซยาอย่างละเอียด “คุณชายเยี่ยบอกว่า ฉู่หนิงซยาคือคุณเหลิ่ง?”
หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เขาหลับตาลงแทนการคำว่ายอมรับ
ก่วนอวี้ยังคงไม่อยากเชื่อ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของหมอศัลยกรรมชื่อดังระดับโลกอย่างฉู่เทียนรุ่ย ฉู่เทียนรุ่ยสามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตาของคนได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้ มองจากใบหน้าแล้ว เขามองไม่ออกจริงๆ ว่าแตกต่างจากฉู่หนิงซยาคนเดิมก่อนที่จะเป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างไรยังไง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดถึงคำพูดของหนานกงเยี่ย คนคนๆ หนึ่งไม่ว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่แววตาของเธอไม่มีวันเปลี่ยน ดังนั้นเขาจึงมองดูดวงตาของฉู่หนิงซยาอย่างตั้งใจ
จริงด้วย เธอคือเหลิ่งรั่วปิง ดวงตาใสราวกับหยดน้ำค้างในตอนเช้า กลมโตใสสะอาดเหมือนอย่างน้ำในทะเลสาบ บนโลกใบนี้มีแค่คู่เดียวเท่านั้น
ดังนั้น ไม่ว่าหน้าตาของเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน หนานกงเยี่ยก็สามารถดูออกว่าเป็นเธอ
ในที่สุดก่วนอวี้ก็เข้าใจแล้ว ว่าออร่าความโมโหของหนานกงเยี่ยมาจากไหน ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงกลายเป็นแฟนของไซ่ตี้จวิ้นแล้ว!
หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก ห้องทำงานเข้าสู่ความเงียบทันที
ก่วนอวี้ไม่กล้าพูดอะไร เขายืนเงียบๆ รอฟังคำสั่ง เขารู้ว่าหนานกงเยี่ยกำลังเถียงกับตนเอง กำลังใช้ความคิด ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เหลิ่งรั่วปิง เขาไม่จำเป็นต้องใช้ความคิด ใครที่สมควรฆ่าก็ฆ่า ควรจะทิ้งก็ทิ้งไป แต่ผู้หญิงคนนั้นคือเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยจึงจำเป็นต้องใช้ความคิดอย่างหนัก
เพราะเงียบมาก แม้แต่เสียงหายใจเข้าออกยังได้ยินชัด ก่วนอวี้ได้ยินเสียงหัวใจของตนเองที่กำลังเต้น
หนานกงเยี่ยหลับตา ความคิดถึงของเขาเหมือนพัดผ่านเมืองหลง ผ่านทะเลที่กว้างใหญ่ ไปจนถึงประเทศเอ้าตู เสียงของเธอ หน้าตาของเธอ ภาพตอนที่เธอและเขาอยู่ด้วยกัน แล่นเข้ามาในหัวของเขา หนานกงเยี่ยรู้สึกหัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด
ถึงแม้เธอจะกลายเป็นผู้หญิงของไซ่ตี้จวิ้น ทำให้เขาโมโหและปวดใจมากก็ตาม แต่ความคิดของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งก็คือเขาจะพาเธอกลับมาจากประเทศเอ้าตูให้ได้
เพียงแต่ก่อนหน้านี้เธอขัดขืนแทบเป็นแทบตาย ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย เขาไม่กล้าบุกไปจับเธอที่ประเทศเอ้าตู เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนหัวดื้อ ทั้งเธอยังเป็นผู้หญิงที่แข็งกระด้าง ถ้าหัวใจของเธอไม่อยู่ที่เมืองหลง เขาจับเธอกลับมาก็ไม่สามารถขังเธอเอาไว้ไม่ได้ ถ้าอยากจะให้เธอกลับมา เขาต้องเอาชนะใจเธอ
ก่วนอวี้เป็นกังวลมาก จากนิสัยเผด็จการบ้าอำนาจของหนานกงเยี่ย เขาคงโมโหแล้วบุกไปจับตัวเหลิ่งรั่วปิงถึงประเทศเอ้าตูแน่ และจากนิสัยของเหลิ่งรั่วปิง เกรงว่าทั้งสองคนคงจะเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ก่อนหน้านี้พวกเขาทำทุกวิถีธีทางยังไม่สามารถจับตัวเธอไม่ได้ ตอนนี้ไปบุกไปจับตัวเธอที่ประเทศเอ้าตูก็คงไม่สำเร็จแแน่ ขอแค่หัวใจของเธอไม่กลับมา ตัวของเหลิ่งรั่วปิงก็ไม่มีวันกลับมา นอกจากจะเป็นร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น
หลังจากเงียบอยู่นาน หนานกงเยี่ยพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา เสียงของเขาเหมือนน้ำที่ไหลผ่านป่าเขา “ไปสืบข้อมูลของเธอกับไซ่ตี้จวิ้นมา”
หนานกงเยี่ยพูดคลุมเครือ แต่ก่วนอวี้เข้าใจ คุณชายเยี่ยอยากรู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงและไซ่ตี้จวิ้นคบกันถึงขั้นไหนแล้ว เขาอยากเอาชนะใจเหลิ่งรั่วปิง
“ครับ คุณชายเยี่ย” ในที่สุดก่วนอวี้ก็โล่งอก หนานกงเยี่ยเลือกทางที่ฉลาดมาก เขาเดาว่าคงเป็นเพราะหนานกงเยี่ยหวาดหวั่นกับนิสัยของเหลิ่งรั่วปิง