เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 184 ปฏิเสธอวี้หลานซีขั้นเด็ดขาด
เหลิ่งรั่วปิงเองก็รู้สึกหิวแล้ว เธอเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ แล้วตามหนานกงเยี่ยลงไปกินข้าวที่ชั้นล่าง
ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน หนานกงเยี่ยนั่งข้างๆ เหลิ่งรั่วปิง เขาคอยจัดแจงช้อนส้อมและผ้ากันเปื้อนให้เธอด้วยตนเอง พร้อมทั้งคอยตักอาหารที่เธอชอบ เป็นภาพที่รักใคร่กลมเกลียวกันมาก ทำให้พ่อบ้านและสาวใช้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเมื่อก่อน
ระหว่างมื้ออาหาร เสียงกริ่งดังขึ้น พ่อบ้านรีบเดินไปเปิดประตู พบว่าคนที่มาคืออวี้หลานซี
อวี้หลานซีสีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่ปรายตามองพ่อบ้านแม้แต่น้อย แล้วเดินดิ่งเข้าไปด้านในวิลล่า มารยาทและสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาหายไปจนหมดสิ้น
สถานะของอวี้หลานซีพิเศษ พ่อบ้านไม่กล้าห้ามปราม ได้แต่เดินตามหลังเธอด้วยความกังวล พวกเขามาถึงห้องอาหารพร้อมกัน
“เยี่ย คุณต้องทำแบบนี้กับฉันจริงๆ เหรอคะ” อวี้หลานซีเดินเข้ามาถึงห้องอาหารก็เค้นถามทันที แววตาริษยามองผ่านเหลิ่งรั่วปิง แล้วหยุดลงที่หนานกงเยี่ย เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ทั้งที่เธอรักเขาและพยายามทำทุกอย่าง ยอมลดศักดิ์ศรีของตนมาตามจีบหนานกงเยี่ย แต่เขากลับไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ทั้งยังพาผู้หญิงกลับมาที่วิลล่าหย่าเก๋อ ตอนนั้นเธอบีบให้เหลิ่งรั่วปิงออกไป เขาจะได้กลับใจ แล้วจะเห็นความดีของเธอ แต่ใครจะไปรู้กลับแลกมาซึ่งความเย็นชาของเขาที่มากขึ้นกว่าเดิม
เหลิ่งรั่วปิงมองอวี้หลานซีนิ่งๆ ไร้ซึ่งอารมณ์ ราวกับไม่เกี่ยวข้องกับตน ก้มหน้าลงกินอาหารของตนต่อ เจออวี้หลานซีอีกครั้ง เธอพบว่าแววตาของอวี้หลานซีมีความดื้อดึงมากขึ้นกว่าเดิม เฮ้อ ความรักหนอ เป็นโรคยึดติดจริงๆ พอป่วยแล้ว ก็ยากที่จะรักษาให้หาย
หนานกงเยี่ยไม่ได้มีปฏิกิริยามากมายเท่าไร อวี้หลานซีพูดจบไปนานครู่หนึ่ง เขายังคงไม่พูดตอบอะไร แม้แต่หน้าก็ยังไม่เงยขึ้น ในทางตรงกันข้ามเขากลับตักอาหารให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยความใส่ใจ แล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “เป็นอะไรไปหลานซี ก่วนอวี้ดูแลเธอไม่ดีเหรอ” วางตะเกียบลงเบาๆ “ผมจำได้ว่าผมเคยพูดไปแล้ว ไม่อยากให้คุณมาที่วิลล่าหย่าเก๋อ คุณลืมไปแล้วเหรอ”
เสียงของหนานกงเยี่ยไม่ดังมาก แต่ทะลุปรุโปร่ง ราวกับโลหะทองกระทบกับอากาศและทุกสรรพสิ่งในห้อง ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน
แววตาของเขาไม่เย็นยะเยือกเท่าไร แต่ปฏิเสธอย่างชัดเจน ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่อวี้หลานซี ตอนนี้เขาคงกวาดเธอออกไปราวกับฝุ่นละออง
เขามีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น เขาจะไม่ให้เหลิ่งรั่วปิงถูกรังแกแม้แต่น้อย แม้แต่อวี้หลานซีก็ทำไม่ได้ ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเขาไม่อยากผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง ผู้หญิงที่ตนเองรัก เป็นผู้หญิงที่แข็งกระด้างและดื้อดึงที่สุดในโลก ไม่ยอมให้เขาทำผิดอีกแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีวันได้เจอเธออีกตลอดชีวิต
อวี้หลานซีกลัวหนานกงเยี่ยโดยสัญชาตญาณ การที่เขาเป็นแบบนี้ทำให้เธอยิ่งหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ กะพริบตาปริบๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เยี่ยคะ ฉันไม่ดีตรงไหนเหรอคะ คุณถึงยอมคว้าผู้หญิงที่เป็นตัวแทนเหลิ่งรั่วปิงกลับมา แต่ไม่ยอมเลือกฉัน” น้ำตาเริ่มคลอเบ้า “บนโลกใบนี้ไม่มีใครรักคุณมากไปกว่าฉัน…”
“พอได้แล้ว หลานซี!” หนานกงเยี่ยพูดตัดประโยคอวี้หลานซี ถ้าเป็นเมื่อก่อน น้ำตาของอวี้หลานซีทำให้เขาใจอ่อน แต่ความเจ็บปวดทรมานตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ทำให้เขาด้านชาไปหมดแล้ว นอกจากเหลิ่งรั่วปิง ไม่มีใครทำให้เขาปวดใจได้อีก “คุณดีทุกอย่าง แต่ไม่อยู่ในสายตาของผม คุณอย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย”
ทำร้ายตัวเอง?
คนที่เธอหลงรักมานานกว่าสิบปี พูดด้วยตนเองว่า ความรักที่เธอมีต่อเขาคือการทำร้ายตัวเอง?
อวี้หลานซีเม้มกัดริมฝีปาก น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา กระทบลงบนพื้น ภายห้องอาหารที่เงียบเหงานี้เสียงดังเป็นพิเศษ
เหลิ่งรั่วปิงกินอาหารในจานตนเองเงียบๆ ภายในใจกำลังคิดว่าควรจะเลี่ยงออกไปดีไหม ใครบางคนกำลังสงสารอีกแล้วแน่ๆ หญิงสาวเป็นญาติสนิทของเขา เป็นผู้หญิงที่เขาสาบานว่าจะปกป้องไปตลอดชีวิต วินาทีต่อไปอาจจะคว้าตัวเธอเข้ามากอดแล้วก็เป็นได้?
แต่วินาทีต่อมา เสียงของหนานกงเยี่ยดังก้องในหูของทุกคน เป็นคลื่นลูกใหญ่ “อวี้หลานซี...” เขาร้องเรียกชื่อของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “ตระกูลหนานกงของผมติดค้างชีวิตคุณสองชีวิต บุญคุณนี้ยากจะทดแทนจนหมด แต่คุณก็รู้ดี พ่อกับแม่ของคุณเป็นคนงานของตระกูลหนานกง คนงานตายเพื่อเจ้านายนั่นก็เป็นเพราะหน้าที่ เพื่อบุญคุณในครั้งนี้ ตระกูลหนานกงของผมปฏิบัติต่อคุณเหมือนเป็นลูกสาวของตระกูลหนานกง ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ผมดูแลคุณราวกับเป็นญาติของตนเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะใช้บุญคุณในครั้งนี้เพื่อพรากความสุขไปจากชีวิตผม”
หนานกงเยี่ยมองอวี้หลานซีด้วยแววตานิ่งงัน เพิกเฉยต่อแววตาเจ็บปวดและหวาดกลัวของเธอ “อวี้หลานซี ผมไม่รักคุณ ต่อให้ไม่มีเหลิ่งรั่วปิง ผมก็ไม่มีวันรักคุณ ตอนนั้นผมให้คุณเลือก ถ้าไม่ฆ่าผมก็ปล่อยผมไป ในเมื่อคุณไม่ได้ฆ่าผม ก็อย่ามายุ่งวุ่นวายกับผมอีก!”
“ถ้าคุณยินดี ก็เป็นคุณหนูตระกูลหนานกงต่อไป ดื่มด่ำกับชีวิตที่รุ่งโรจน์ วันข้างหน้าแต่งงานกับคนดีๆ ผมในฐานะพี่ชายจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับคุณ แต่ถ้าคุณยังจะดึงดันแบบนี้ต่อไป ชีวิตนี้เราอย่าได้เจอกันอีกเลย”
อวี้หลานซีตกใจจนพูดไม่เป็นคำ “แต่ว่าเยี่ยคะ ฉันเป็นผู้หญิงที่พ่อคุณเลือกให้เป็นคุณผู้หญิงตระกูลหนานกง เป็นภรรยาของคุณ?”
หนานกงเยี่ยคลี่ยิ้มบางๆ แววตามีแต่ความเย้ยหยัน “ตอนนี้ผมต่างหากที่เป็นคนดูแลตระกูลหนานกง ผมเปลี่ยนทุกอย่างได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็แค่คำพูดของพ่อแค่คำเดียว คุณคิดอยากจะเอามันมาขู่ผม คุณคิดว่ามีน้ำหนักมากพอเหรอ”
อวี้หลานซีตกใจกลัวมากกว่าเดิม “เยี่ย คุณจะขัดคำสั่งของคุณพ่อเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ “หลานซี หัวใจของผมรักใครไม่ได้อีกแล้ว เหลิ่งรั่วปิงคือบ่วงรักของผม ตั้งแต่ได้เจอเธอก็ไม่อาจหลีกหนีได้อีก ตอนนี้ต่อให้สวรรค์จะขวางทาง ก็ห้ามใจไม่ให้ผมหยุดรักเธอไม่ได้ คุณเข้าใจไหม”
นับตั้งแต่วันที่เหลิ่งรั่วปิงไปจากเมืองหลง เขาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว นอกจากเหลิ่งรั่วปิง เขาจะไม่ยอมใจอ่อนให้ใครอีก อวี้หลานซีก็ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ละทิ้งทุกความกังวล ตั้งใจรักแค่เธอคนเดียว
“เยี่ย!” อวี้หลานซีแทบจะเป็นบ้า “คุณอยากบีบให้ฉันตายใช่ไหมคะ”
“หลานซี...” หนานกงเยี่ยไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย “ในขณะที่ผมยังรักและรู้สึกสงสารคุณอยู่บ้าง คุณรับมันเอาไว้เถอะ ถ้าหากคุณจะใช้ความตายมาบีบบังคับผม ผมพูดได้คำเดียว หลังจากที่คุณตาย ผมจะฝังศพคุณเหมือนว่าเป็นศพของคุณหนูตระกูลหนานกง”
เหลิ่งรั่วปิงดื่มน้ำซุปในถ้วยเงียบๆ จิตใจที่เงียบสงบเริ่มมีคลื่นเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงว่า ตอนนี้หนานกงเยี่ยจะเด็ดขาดแบบนี้ มุ่งมั่นแบบนี้ เขาไม่ยอมใจอ่อนให้กับอวี้หลานซีแม้แต่น้อย เขารักเธอถึงขั้นนั้นจริงๆ หรือ
ความเป็นจริงถ้าตอนนั้นเขาเด็ดขาดแบบนี้ แล้วเธอจะทำถึงขั้นนั้นทำไม น่าเสียดาย ทุกอย่างดูเหมือนจะสายไปแล้ว
“พอได้แล้ว เลิกร้องไห้เถอะ กลับคฤหาสน์แล้วเป็นคุณหนูตระกูลหนานกงต่อไป ข้าวของเครื่องใช้อาหารการกินและเงินในการใช้จ่าย ทุกอย่างจะไม่น้อยลงกว่าเดิม หลังจากนี้คุณห้ามมาที่วิลล่าหย่าเก๋ออีกแม้แต่ก้าวเดียว”
หนานกงเยี่ยพูดจบ หันไปมองพ่อบ้าน พ่อบ้านเข้าใจทันที เดินมาด้วยความเคารพ “คุณอวี้ครับ เชิญครับ?”
“เยี่ย คุณใจร้ายมาก!” อวี้หลานซีหมุนตัวหันหลังทั้งน้ำตา เดินออกจากวิลล่าหย่าเก๋อ ขึ้นไปนั่งบนรถ
มือของก่วนอวี้จับพวงมาลัยเอาไว้ แววตาอัดแน่นความเจ็บปวด “ตายใจแล้ว?”
อวี้หลานซีเงยหน้าขึ้น หันไปมองก่วนอวี้ด้วยแววตาเย็นยะเยือก “นายเองก็คอยดูฉันขายหน้าอยู่ใช่ไหม” หัวเราะในลำคอ “ฉันจะบอกอะไรให้นายฟัง ถึงแม้เยี่ยจะไม่เลือกฉัน แต่ก็ไม่ถึงคราวของนายหรอก ฉันไม่มีวันชอบนาย!”
ก่วนอวี้ไม่ได้พูดอะไร สตาร์ตรถยนต์แล้วขับออกไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ อวี้หลานซีเปลี่ยนไปแล้ว ความเป็นกุลสตรีและมีสง่าหายไปหมดแล้ว เงาของหลานซีที่เขารักในตอนนั้นหาไม่เจอแล้ว ทว่าเขากลับยังคงรักเธอแทบตาย ไม่อยากปล่อยมือจากเธอ ทั้งยังอยากดึงเธอกลับมา ให้เธอกลับมาเป็นอวี้หลานซีคนเดิม เขายังอยากจะให้ความรักที่ดีที่สุดกับเธอ
หนานกงเยี่ยดูเหมือนไม่สะทกสะท้านต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พูดกับเหลิ่งรั่วปิงเสียงเบา “อร่อยไหมครับ”
“อื้ม” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า ริมฝีปากของเธอมีรอยยิ้มจางๆ “ฉันกินอิ่มแล้วค่ะ แต่ว่าคงจะย่อยได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก คุณทะเลาะแตกหักกับอวี้หลานซีเพื่อเหลิ่งรั่วปิง ตอนนี้ฉันเป็นตัวแทนของเหลิ่งรั่วปิง ไม่ว่ายังไงก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กถูกทำลายลงแบบนี้ น่าเสียดายแย่เลย”
หนานกงเยี่ยกุมมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ คำพูดประชดประชันของเธอทำให้เขาเจ็บปวด “ผมไม่อนุญาตให้คุณคิดแบบนี้ เมื่อก่อนผมจัดการตัวเองไม่เรียบร้อย ทำหลายๆ อย่างไม่เด็ดขาด จึงผิดพลาดไปมากมาย หลังจากนี้ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ผมจะไม่ให้คุณถูกรังแกแม้แต่น้อย”
แววตาลุ่มลึกของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงแทบจะถลำลงไป รู้สึกเหมือนตัวเองถอดหน้ากากทิ้ง เปิดเผยตรงหน้าเขา สุดท้ายความมุ่งมั่นของเธอก็ดึงเธอกลับมา เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางเบา “คำพูดนี้คุณเก็บเอาไว้พูดตอนที่เจอตัวเหลิ่งรั่วปิงเถอะค่ะ ฉันเป็นแค่ตัวแทนของเธอ สามเดือนไม่นานก็จบลงแล้ว”
เวลานี้เธอยังไม่อยากยอมรับว่าตนเองเป็นใคร เพราะหัวใจของเธอยังไม่ได้รับความอบอุ่นจากเขา หนานกงเยี่ยไม่ได้โมโห เขายิ้มอ่อนโยน “ครับ รอเธอกลับมาผมจะพูดมันอีกครั้งหนึ่ง”
เหลิ่งรั่วปิงเอียงศีรษะแล้วยิ้มอย่างสง่างาม ดึงมือตนเองกลับมา “ฉันอยากพักผ่อนแล้วค่ะ”
“ครับ ผมส่งคุณขึ้นไปชั้นบน”
หนานกงเยี่ยลุกขึ้น ลากเก้าอี้ให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยความใส่ใจ แล้วขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเธอ
ในห้องนอนของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก กลัวว่าอารมณ์และการกระทำของตนเองจะทำให้เธอเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องอย่างรู้มารยาท พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ผมนอนห้องติดกับคุณ มีอะไรเรียกผมได้ตลอดนะครับ”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ สำหรับการกระทำของผู้ชายคนนี้เธอพอใจมาก
“ยังขาดเหลืออะไรไหมครับ ผมบอกให้พ่อบ้านเอามาให้”
“ไม่ขาดเหลืออะไรค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพักผ่อนนะ ฝันดีครับ”
“ค่ะ ฝันดีค่ะ”
ภายในใจของหนานกงเยี่ยอาลัยอาวรณ์ แต่ก็รู้ดีว่ายู่ที่นี่ไม่ได้ เขามองเหลิ่งรั่วปิงด้วยแววตาลุ่มลึก แล้วเดินออกไป ปิดประห้องให้เธอด้วยความเอาใจใส่ ยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ริมฝีปากยิ้มด้วยความพอใจ จากนั้นเปิดประตูห้องด้านข้าง
ถึงแม้จะมีกำแพงกั้นกลางเอาไว้ แต่เธออยู่ใกล้กับเขามาก ในที่สุดเธอก็กลับมาอยู่ที่วิลล่าของเขา
บรรยากาศที่นี่ดูอบอุ่นไปหมด
มองดูประตูที่ปิดลงช้าๆ เหลิ่งรั่วปิงเหม่อลอยครู่หนึ่ง ตอนนั้นเธอตัดสินใจไปจากที่นี่อย่างเด็ดขาด เธอคิดไม่ถึงว่าตนเองจะกลับมาเกี่ยวข้องกับเขาอีก และยิ่งไม่คิดว่าจะได้กลับมาอยู่ใกล้เขา วันนี้เธอกลับมานอนในห้องนี้อีกครั้ง เพียงแต่หัวใจของเธอมันไม่เหมือนเดิมแล้ว