เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 188 ถูกวิหารซีหลิงจับจ้อง
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงเบา “ถ้าคุณยอมตกลง ให้ผมจูบคุณตอนนี้เลยก็ได้นะครับ แล้วค่อยมีลูกด้วยกัน”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบด้านคำพูดอย่างมาก เธอตีไปที่แขนของหนานกงเยี่ยอย่างแรงด้วยความโมโห “อย่าทำเกินไป ฉันมีคู่หมั้นแล้วนะคะ!”
คำพูดนี้ทำลายบรรยากาศดีๆ ไปจนหมด หนานกงเยี่ยหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาทันที แววตาคมเฉียบของเขามองไปบนศีรษะของเหลิ่งรั่วปิง “ไม่รู้จักจำใช่ไหม เมื่อวานผมบอกแล้ว การหมั้นหมายของพวกคุณมันไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!”
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นมองแววตาของหนานกงเยี่ยด้วยความดื้อดึง ถึงแม้เธอจะกลัวอากาศหนาว แต่สายตาของเขาไม่อาจทำให้เธอหนาวเย็นจนตายได้หรอก “แม้แต่แหวนหมั้นพวกเราก็แลกกันแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าการหมั้นของเรามันไม่ใช่อะไรทั้งนั้น” ถึงแม้เธอจะมีเจตนาอยากเกลี้ยกล่อมให้ไซ่ตี้จวิ้นยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ แต่ถ้าเขายังไม่เอ่ยปากพูด การหมั้นนี้ยังคงมีอยู่
หนานกงเยี่ยชกพวงมาลัยอย่างแรง จอดรถเอาไว้ข้างทาง แววตาเย็นยะเยือกของเขาแทบจะแช่แข็งรถยนต์ “ยื่นมือออกมา!” คำพูดที่เปล่งออกมาหนาวเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง “เร็วเข้า!”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอตัวเล็กๆ เธอไม่กลัวความเผด็จการของเขา เอียงศีรษะแล้วยิ้มอย่างมีสง่า พร้อมด้วยแววตาเย้ยหยัน จากนั้นหันไปมองนอกหน้าต่าง ทำเหมือนเขาเป็นเพียงอากาศ
ความเพิกเฉยของเธอ ทำให้หนานกงเยี่ยโมโหมาก เขาคว้ามือซ้ายของเธอ แล้วถอดแหวนหมั้นที่สวมอยู่ตรงนิ้วกลาง โยนแหวนหมั้นทิ้งนอกหน้าต่างโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว คล้ายสวรรค์กำลังเข้าข้างเขา แหวนหมั้นกลิ้งบนพื้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตกลงไปในท่อน้ำ เหลิ่งรั่วปิงอยากจะไปเอากลับมาก็ทำไม่ได้แล้ว
ตอนเช้าเธอยังรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักขึ้นมา ทว่าที่แท้เขาก็ยังคงเผด็จการไม่เปลี่ยน เหลิ่งรั่วปิงโมโหเป็นอย่างมาก กำหมัดแน่นแล้วต่อยไปที่เขา เดิมทีเธอคิดว่าเขาจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน แม้เขาจะไม่ทำร้ายเธอแต่ก็จะปัดป้อง ทว่าครั้งนี้เขากลับปล่อยให้เธอต่อย เสียงชกต่อยดังชัดเป็นพิเศษ
ดูเหมือนเขาจะรักและตามใจฉู่หนิงซยามากกว่าเหลิ่งรั่วปิง!
ต่อยคนที่ไม่สู้แบบนี้ เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกไม่มีความหมาย เธอจึงหยุดต่อยเขา “ทำไมถึงไม่เอาคืนล่ะคะ”
“ตรุษจีนทั้งที ผมไม่อยากทะเลาะกับผู้หญิงของตัวเอง”
“นี่ คุณหนานกงเยี่ย คุณอย่าได้คืบเอาศอก ใครเป็นผู้หญิงของคุณ”
“ฮ่าๆๆ…” ความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั้งตัวของหนานกงเยี่ยหายไปอย่างกะทันหัน เขาหัวเราะแล้วสตาร์ตรถ “พอได้แล้วครับ พวกเราไปเดินห้างกันเถอะ”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกว่าสื่อสารกับเขาไม่ได้จริงๆ เมื่อกี้เขาเพิ่งโยนแหวนหมั้นของเธอทิ้ง แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คุณโยนแหวนหมั้นของฉันทิ้ง เรื่องนี้ยังไม่ได้เคลียร์เลย แล้วจะไปเดินห้าง?”
หนานกงเยี่ยไม่สนใจคำประท้วงของเหลิ่งรั่วปิงแม้แต่น้อย เขาขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว “ทิ้งไปแล้วก็ทิ้งไปเหอะ ถึงยังไงพวกคุณสองคนก็ไม่มีวันได้แต่งงานกัน เก็บของพรรค์นี้เอาไว้ทำไม”
เหลิ่งรั่วปิงหมดคำจะพูด เมื่อก่อนผู้ชายคนนี้เผด็จการ ตอนนี้เขาทั้งเผด็จการและหน้าด้าน ไม่สิ คำว่าหน้าด้านยังดีเกินไป เขามันไร้ยางอาย!
หนานกงเยี่ยจอดรถเอาไว้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าอวี้หวา เดินลงจากรถ ทว่าเหลิ่งรั่วปิงกลับไม่ยอมเข้าไป ห้างสรรพสินค้าอวี้หวาเป็นหนึ่งในธุรกิจของอวี้ไป่หัน เธอรู้สึกขยะแขยงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอวี้ไป่หัน เหลิ่งรั่วปิงจำได้ว่าเวินอี๋เคยบอกเธอ วันนั้นหนานกงเยี่ยให้เขาช่วยหาผู้หญิงคนหนึ่งมาแสดงละครตบตา แต่เขากลับมีเจตนาร้ายแอบแฝง ให้อวี้หลานซีมาแทน เป็นคนทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเยี่ย
แน่นอน หนานกงเยี่ยรู้ดีว่าเหลิ่งรั่วปิงกำลังคิดอะไร เขาก้มหน้าลงยิ้มแล้วมองหน้าเธอ “ถึงแม้อวี้ไป่หันจะน่ารังเกียจ แต่เขาก็เป็นคนดี อีกทั้งพวกเรามาซื้อของที่นี่ต้องได้ส่วนลดในราคาต่ำที่สุดอย่างแน่นอน เขาไม่ได้กำไร หืม?”
ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงตลกกับคำพูดของหนานกงเยี่ย ท่าทีของเขาเหมือนกำลังโอ๋เด็ก เธอเหลิ่งรั่วปิงเป็นคนที่ใช้มีดบินฆ่าคนตายได้ ต้องการให้คนมาโอ๋แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
เห็นสาวสวยถูกโอ๋จนหัวเราะร่า หนานกงเยี่ยอารมณ์ดีขึ้นมาก จับมือเธอแล้วเดินเข้าไปในห้าง
“ไปซื้อให้คุณก่อน” เข้าไปในห้าง หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงขึ้นไปบนชั้นสาม ซึ่งเป็นแผนกเสื้อผ้าสตรี
หนานกงเยี่ยเป็นคนที่มีชื่อเสียง ในเมืองหลงไม่มีใครไม่รู้จักเขา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพาเหลิ่งรั่วปิงเดินไปที่ไหน พนักงานในห้างล้วนให้การต้อนรับอย่างดี ไม่กล้าหละหลวมแม้แต่น้อย ผู้จัดการก็มีไหวพริบเป็นอย่างมาก แอบโทรศัพท์ไปหาอวี้ไป่หัน รายงานเรื่องนี้กับเขา
หนานกงเยี่ยยืนกรานจะที่จะซื้อเสื้อผ้าให้เธอ เหลิ่งรั่วปิงเองก็ไม่ได้ดื้อดึงแต่อย่างใด เธอเลือกเสื้อผ้าและลองเสื้อผ้าอย่างเชื่อฟัง
เสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าอวี้หวา ล้วนเป็นแบรนด์ดังระดับโลก เดิมทีเหลิ่งรั่วปิงอยากจะลองแค่สองตัวเท่านั้น แต่หนานกงเยี่ยยืนกรานว่าวันนี้เป็นวันตรุษจีนต้องซื้อหลายๆ ตัว ดังนั้นเสื้อผ้าทุกตัวที่เธอลองใส่แล้วหนานกงเยี่ยชอบ เขาจึงซื้อทั้งหมด การชอปปิงของคนรวยทำให้พนักงานขายแทบกรีดร้อง
สุดท้าย เหลิ่งรั่วปิงเหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ จึงพูดหารือ “ฉันไม่อยากลองแล้วค่ะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มและลุกขึ้นยืนจากโซฟา “ครับ ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องลองแล้ว ไปช่วยผมเลือกเสื้อผ้าหน่อย”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองเดินขึ้นไปบนชั้นสี่ ซึ่งเป็นแผนกเสื้อผ้าบุรุษ หลังจากพวกเขาไป พนักงานขายก็เริ่มซุบซิบนินทา
“ดูท่าคุณฉู่คนนี้ต้องเป็นคนรักใหม่ของคุณชายเยี่ยแน่นอน”
“ใช่ๆ ดูเหมือนคุณชายเยี่ยรักและตามใจเธอมาก วันนี้พวกเขาสองคนแต่งตัวคู่กันด้วย!”
“แต่ว่า เมื่อหลายวันก่อนเห็นในข่าวบอกว่าคุณฉู่พักอยู่กับน้องสาวคู่หมั้น ความสัมพันธ์ของเธอกับคู่หมั้นยังดีมากไม่ใช่เหรอ”
“เฮ้อ ความสัมพันธ์ของพวกคนมีเงินซับซ้อนจริงๆ คนระดับล่างอย่างเราไม่มีวันเข้าใจหรอก”
หนานกงเยี่ยดูตื่นเต้นมาก เขาเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป ที่พาภรรยามาซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุขในช่วงเทศกาล เขาลองตัวแล้วตัวเล่า ขอความคิดเห็นจากเหลิ่งรั่วปิงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อไม่ทำลายความสุขของเขา เหลิ่งรั่วปิงจึงช่วยเขาเลือกด้วยความอดทน ความเป็นจริงเขาเป็นผู้ชายที่ใส่อะไรก็ดูดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ดูดีมีสไตล์ เสื้อผ้าที่แตกต่างกันทำให้เขาดูดีคนละแบบ และทุกแบบล้วนทำให้เขามีเสน่ห์
ตอนที่หนานกงเยี่ยเดินเข้าไปลองเสื้อผ้าในห้องลองอีกครั้ง เหลิ่งรั่วปิงนั่งยิ้มอยู่คนเดียวที่โซฟา เธอสัมผัสได้ถึงการมีครอบครัว ผู้ชายแบบนี้ทำให้คนโหยหาอาลัยอาวรณ์
ขณะที่เธอกำลังยิ้มอยู่นั้น แววตาเฉียบแหลมของเธอมองเห็นแสงจางๆ เธอเป็นนักฆ่ารัติกาล อ่อนไหวกับการแอบถ่ายเป็นอย่างมาก เธอถูกคนแอบถ่าย!
หันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว ตรงอีกฟากหนึ่งของระเบียงห้าง เหลิ่งรั่วปิงเห็นชายชุดดำกำลังใช้กล้องขนาดเล็กแอบถ่ายเธอ ตัวของผู้ชายคนนี้มีรังสีสังหารที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขาไม่เหมือนปาปารัสซี่แม้แต่น้อย เขาเป็นใครกันแน่
เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เธอไม่คิดว่าฉู่หนิงซยาจะมีคุณค่าอะไรให้ใครสนใจ เมื่อก่อนฉู่หนิงซยาเป็นใครคุณหนูนิสัยแย่ๆ คนหนึ่ง ทุกวันนี้หากจะบอกว่ามีสิ่งใดที่น่าสนใจ นั่นคือเป็นคนรักใหม่ของหนานกงเยี่ย เป็นคู่หมั้นของไซ่ตี้จวิ้น แต่ตัวตนนี้ก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงในสังคมชั้นสูงเท่านั้น ไม่มีคุณค่าให้คนแบบนี้สนใจ
ความคิดที่ไม่ดีผุดขึ้นมาในสมองของเหลิ่งรั่วปิง เธอลุกขึ้นพรวด เดินไปหาชายชุดดำ แต่ชายชุดดำกลับดูเหมือนมีเจตนาหลบเลี่ยงเธอ เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าไปหา เขาก็รีบเก็บกล้องถ่ายรูป แล้วรีบไปทันที
เหลิ่งรั่วปิงไล่ตามชายชุดดำ ไปจนถึงโถงกว้างชั้นหนึ่ง ชายชุดดำไม่มีทีท่าจะหยุดลง เขารีบเดินเข้าไปที่ประตูหมุน แล้วออกไปจากห้างสรรพสินค้าอวี้หวา เหลิ่งรั่วปิงเองก็วิ่งตามเขาเข้าไปที่ประตูหมุน หลังจากออกมาจากห้างสรรพสินค้าอวี้หวา พบว่าชายชุดดำขึ้นไปบนรถยนต์คันดำแล้ว ขับออกไปอย่างรวดเร็วจนฝุ่นตลบ
หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงเต้นแรง ราวกับว่าเพียงแค่อ้าปาก หัวใจของเธอก็จะกระดอนออกมา
ตอนที่ชายชุดดำขึ้นไปบนรถ เขาใช้สัญญาณมือกับคนที่อยู่ในรถ สัญญาณมือนั้นคือภาษาลับพิเศษของวิหารซีหลิง
หรือว่าตัวตนของเธอถูกทางวิหารสืบจนรู้หมดแล้ว ไม่ เป็นไปไม่ได้ ตอนที่เธอเข้าประเทศเอ้าตู เป็นความลับสุดยอด คนในวิหารไม่มีทางติดตามได้อย่างแน่นอน อีกทั้งหน้ากากของฉู่เทียนรุ่ยก็ไร้ที่ติ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เห็นตำหนิ แล้วคนในวิหารจะมองออกได้อย่างไร
แต่เธอถูกคนของวิหารสะกดรอยตามแล้วจริงๆ มีความเป็นไปได้เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น เรื่องที่เธอเป็นคนรักใหม่ของหนานกงเยี่ยไปถึงหูของซือคงอวี้แล้ว เขาจึงสงสัย เพราะตอนนั้นหนานกงเยี่ยทำทุกวิถีทาง เพื่อรั้งเธอเอาไว้ สิ่งที่เขาทำกลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครม จู่ๆ มีคนรักใหม่แบบนี้ ทำให้คนยากที่จะเข้าใจ
ดูท่า เธอต้องรีบไปจากหนานกงเยี่ยให้เร็วที่สุด ถ้าขืนยืดเยื้อต่อไปต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่
หลังจากหนานกงเยี่ยลองเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมา เขาพบว่าเหลิ่งรั่วปิงหายไป จึงรีบวิ่งไปมองหาเธอที่ระเบียงห้าง เขาเห็นเหลิ่งรั่วปิงกำลังวิ่งไล่ตามชายชุดดำ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบวิ่งตามไป เหลิ่งรั่วปิงรับรู้ได้ถึงรังสีสังหารของชายชุดดำ แน่นอนว่าเขาเองก็สัมผัสถึงมันเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เขาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้พุ่งเป้ามาหาตน เหลิ่งรั่วปิงไปหาเรื่องอะไรใคร หรือว่าองค์กรที่อยู่เบื้องหลังของเธอจะรู้อะไรเข้าแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นครับ” หนานกงเยี่ยสวมกอดเหลิ่งรั่วปิงจากด้านหลัง ขณะที่เธอกลังยืนเหม่อหน้าห้างสรรพสินค้าอวี้หวา
เหลิ่งรั่วปิงดึงสติกลับมา เธอฝืนยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่จำคนผิด”
ในเมื่อเธอไม่อยากพูด หนานกงเยี่ยก็ไม่อยากบีบบังคับ เขายิ้มแล้วคล้องผมของเธอทัดหู “ฉู่หนิงซยา จำเอาไว้นะครับ ไม่ว่าคุณจะพบเจอปัญหาอะไร ผมจะเป็นแรงสนับสนุนอยู่ข้างหลังของคุณ ให้คุณได้พึ่งพิงตลอดชีวิต”
พึ่งพิงตลอดชีวิต!
ถูกต้อง ตอนนั้นเธออยากจะพึ่งพิงเขาไปตลอดชีวิต อยากมอบหัวใจของเธอให้กับเขา แต่ในตอนสุดท้ายเขากลับใช้มีดกรีดแทงมาที่หัวใจของเธอ เธอไม่กล้าพึ่งพิงใครอีกแล้ว เธอกลัวจะต้องผิดหวังอีกครั้ง บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่เราจะพึ่งพิงไปได้ตลอด นอกจากตัวเราเอง
เหลิ่งรั่วปิงเงียบแล้วก้มหน้าลง
หนานกงเยี่ยรับรู้ได้ถึงการปฏิเสธที่แผ่ซ่านออกมาจากเธอ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขารู้ดี ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างไร แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาทำร้ายเธอไปแล้ว การที่เธอปฏิเสธและตีตัวออกห่างล้วนมีเหตุผล ดังนั้นเขาต้องยอมรับ แล้วค่อยๆ พาเธอกลับมา
“ฉู่หนิงซยา!” เสียงเย็นยะเยือกของไซ่หย่าเซวียนดังขึ้นด้านหลัง
เหลิ่งรั่วปิงหันกลับไป เห็นสีหน้าโมโหของไซ่หย่าเซวียน อ้าปากพะงาบๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เรื่องเข้าใจผิดบางเรื่องก็อธิบายไม่ได้
ไซ่หย่าเซวียนกระตุกยิ้มเล็กน้อย หัวเราะเย็นยะเยือก “ฉู่หนิงซยา ฉันมองเธอผิดไปจริงๆ คิดว่าเธอนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราไปสามปี ตื่นขึ้นมา กลายเป็นคนมีเสน่ห์และมีความคิด แต่สันดารของเธอมันไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ เสียดายที่พี่ชายฉันตามใจเธอมากขนาดนี้ หลังจากที่เธอหมั้นกับพี่ก็มายุ่งกับคุณชายที่มีอำนาจที่สุดของเมืองหลง เธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังคงสารเลวเหมือนเมื่อสามปีก่อน!”