เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 205 ทำตามหัวใจตนเองเพื่อความรัก
โรงพยาบาลหนานกงเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของโลก ข้อสรุปของหมอที่นี่ ถือเป็นข้อสรุปด้านการแพทย์ที่น่าเชื่อถือ
เหลิ่งรั่วปิงยังคงนิ่งเฉย เพียงแต่มือทั้งสองข้างของเธอที่อยู่บนผ้าห่มกำหมัดแน่น เธอกำผ้าห่มจนยับยู่ยี่ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองต้องเผชิญหน้ากับปัญหาแบบนี้ แม้แต่หลายปีที่ยากลำบากที่สุด เผชิญหน้ากับความเป็นความตายมากมาย เธอก็ไม่เคยลำบากใจเท่านี้มาก่อน
เหลิ่งรั่วปิงนิสัยแข็งกร้าว เธอยอมที่จะเป็นหยกงามที่แตกร้าว ทว่าไม่ยอมเป็นหยกที่บิดเบี้ยว เธอยอมทิ้งชีวิตตัวเอง ไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความืด ดังนั้น เธออยากจะรักษาโดยการผ่าตัด แต่เธอรู้ การตัดสินใจแบบนี้ หนานกงเยี่ยต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงเงียบ
หนานกงเยี่ยจ้องมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง จับมือของเธอที่วางไว้บนหัวเข่า “รั่วปิง คุณฟังผมนะครับ พวกเรารักษาโดยการใช้ยาเถอะ”
ถึงแม้สุดท้ายการใช้ยารักษาจะไม่ทำให้เหลิ่งรั่วปิงหาย เธอต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต ก็ไม่เป็นไร เขาจะอยู่เคียงข้างเธอ เป็นดวงตาของเธอ ให้เธอมีชีวิตสงบสุข อยู่เคียงข้างเขา นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เขาไม่มีวันเอาชีวิตของเธอไปเสี่ยงอย่างแน่นอน
เหลิ่งรั่วปิงเงียบครู่หนึ่ง “หมอคะ ถ้าใช้ยารักษาแล้วไม่ได้ผลตามที่คิดเอาไว้ ฉันค่อยผ่าตัดได้ไหมคะ”
หมอส่ายหน้า “การผ่าตัดต้องทำให้ทันเวลา หากปล่อยทิ้งเป็นเวลานาน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำการผ่าตัดอีกแล้วครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเม้มกัดริมฝีปาก ถึงแม้จะไม่มองไม่เห็น แต่แววตาของเธอยังคงเปล่งประกายแวววับ งดงามราวกับน้ำค้าง “คุณหนานกงเยี่ย คุณน่าจะรู้นะคะว่าฉันจะเลือกรักษาแบบไหน”
“ไม่ รั่วปิง” หนานกงเยี่ยโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว “คุณฟังผมนะครับ พวกเราไม่ต้องไปเสี่ยงทำการผ่าตัดแบบนั้น ต่อให้รักษาด้วยยาแล้วไม่หาย ก็ไม่เป็นไร ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ หลังจากนี้ ผมจะให้คุณอยู่กับผมตลอดเวลา”
“คุณหนานกงเยี่ย ฉันไม่อยากกลายเป็นตัวถ่วงของคุณ” เทียบกับความหวาดกลัวของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงดูนิ่งสงบ ถูกต้อง เธอเป็นผู้หญิงที่แข็งกระด้างแบบนี้แหละ ถ้าจะมีชีวิตก็ต้องมีชีวิตที่เป็นอิสระ ไม่อย่างนั้นก็ลอยไปตามลม เธอไม่อยากมีชีวิตโดยการพึ่งพิงหนานกงเยี่ย แม้ว่าตอนนี้เธอจะรักเขามาก แม้ว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเธอ
มือใหญ่ของหนานกงเยี่ย ลูบจับผมของเหลิ่งรั่วปิง โอบกอดเธอเอาไว้ พูดด้วยเสียงสะอื้น “รั่วปิง คุณไม่เข้าใจ คุณไม่รู้ว่าคุณสำคัญกับผมมากแค่ไหน ผมแค่ต้องการให้คุณอยู่ข้างกายผม ถ้าคุณไม่อยู่แล้ว ชีวิตของผมก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป ดังนั้น คุณห้ามเสี่ยงเด็ดขาด ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรไป ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”
ดวงตาคู่สวยของเหลิ่งรั่วปิง น้ำตารื้นขึ้นมาทันที น้ำตาใสๆ ร่วงหล่นหยดแล้วหยดเล่า จนไหล่ของหนานกงเยี่ยเปียกไปหมด เขาบอกว่า ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา เขาคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ เธอสำคัญกับเขามากขนาดนี้เลยหรือ
หนานกงเยี่ยปวดใจมาก เอาแก้มมาถูกับผมของเหลิ่งรั่วปิง “รั่วปิง วันที่คุณไปจากเมืองหลง ผมเข้าใจทันทีว่าคุณสำคัญกับผมมากแค่ไหน คุณคือชีวิตของผม ถ้าคุณไม่อยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปได้ยังไง” ถอนหายใจเบาๆ ไม่อยากหวนคิดถึงความทรมานหลายเดือนที่ผ่านมาตอนที่แยกจากกัน “ดังนั้น คุณถือว่าผมเห็นแก่ตัวก็แล้วนั้น เชื่อฟังผมนะครับ?”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหลับตาลงช้าๆ เอาแก้มแนบชิดกับแผงอกกว้างของหนานกงเยี่ย ครั้งนี้ เธอยอมใจอ่อนให้กับความรัก
ก่วนอวี้ส่งสายตาให้กับคุณหมอ หมอจึงเดินออกไปเงียบๆ ในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงทั้งสองที่โอบกอดกันเอาไว้ น้ำตาของเธอร่วงหล่นลงบนลมหายใจของเขา หัวใจของทั้งสองเต้นอย่างชัดเจน
วันที่ห้า ร่างกายของเหลิ่งรั่วปิงฟื้นตัวจนหายดีแล้ว ออกจากโรงพยาบาลได้
หนานกงเยี่ยทำตามที่เขาพูดเอาไว้ คอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เขาก็คอยดูแลเธอด้วยตนเอง แม้แต่เข้าห้องน้ำเขาก็ยังเป็นคนพาเธอไปด้วยตนเอง ไม่เคยต้องให้สาวใช้มาปรนนิบัติ
เหลิ่งรั่วปิงเคยชินกับการทำอะไรด้วยตนเอง จู่ๆ โลกของเธอก็มืดมน ต้องให้คนคอยดูแลทุกเรื่อง ทำให้เธอรู้สึกหดหู่ใจมาก หนานกงเยี่ยเข้าใจความรู้สึกของเหลิ่งรั่วปิงเป็นอย่างดี เขาไม่ลืมที่จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น เพื่อหวังให้เธอผ่อนคลาย ทุกคืนก่อนนอนเขาจะพิงอยู่ตรงหัวเตียง โอบกอดเธอเอาไว้พร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง เล่าเรื่องตอนเด็กของตน และวาดภาพอนาคตของพวกเขา
หลายวันที่ผ่านมานี้ พวกเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งพูดคุยกันมากขึ้น เขาที่เย็นชามาโดยตลอด เธอที่นิ่งสงบมาโดยตลอด เขาคือประธานผู้สูงสง่าแสนเย็นชา เธอคือสายลับของวิหารที่พูดน้อยมาก ทว่าวันนี้พวกเขากลับทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยกัน พูดคุยเรื่องไร้สาระด้วยกัน และยังคงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
พวกเขาทั้งสองยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนคู่สามีภรรยาธรรมดาทั่วไป
“ก่อนออกจากโรงพยาบาล มีเรื่องหนึ่งที่พวกเราต้องทำครับ” หนานกงเยี่ยพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับก้มตัวลงสวมรองเท้าให้กับเหลิ่งรั่วปิง
“เรื่องอะไรคะ” เหลิ่งรั่วปิงรับการดูแลจากหนานกงเยี่ยเงียบๆ เธอไม่ชอบให้คนปรนนิบัติถึงขั้นนี้ แม้จะมองไม่เห็น แต่เธอก็ช่วยเหลือตนเองได้ การได้ยินของเธอดีเสียกว่าการมองเห็น เมื่อก่อนตอนฝึกฝน เธอมักจะปิดตาฝึกมีดบินและยิงปืน แต่เธอรู้ เขาโทษตัวเอง โทษที่ตัวเองปกป้องเธอไม่ได้ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว มีเพียงการให้เขาทำเรื่องพวกนี้ หนานกงเยี่ยถึงจะรู้สึกดีขึ้น ดังนั้น เธอจึงรับการดูแลจากเขาเงียบๆ
หนานกงเยี่ยสวมรองเท้าให้กับเหลิ่งรั่วปิง ช้อนตัวเธอขึ้นมาแล้ววางลงบนโซฟา โน้มตัวลงลูบจับแก้มของเธอ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “อย่าเป็นฉู่หนิงซยาเลยนะครับ กลับมาเป็นเหลิ่งรั่วปิงเถอะ หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขาจะถอดหน้ากากของเธอ แต่ว่า เธอไม่อยากถอด เธอกลัวซือคงอวี้
หนานกงเยี่ยรู้ดีว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นกังวลเรื่องอะไร เขาจับมือของเธอเอาไว้ ”ถึงแม้ผมจะเคยพูดว่า ผมจะพาคุณเดินในเส้นทางใหม่ แต่ทุกความทรงจำเกี่ยวกับคุณผมไม่อยากทิ้งมันไป ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณกลับมาเป้นเหลิ่งรั่วปิง สำหรับคนที่คุณกลัว คุณเชื่อใจผมนะครับ ผมปกป้องผู้หญิงของตนเองได้ คุณไม่อยากให้ผมกับเขาขัดแย้งกัน ผมสัญญาครับว่าจะไม่ทำรุนแรง”
เงียบอยู่นานครู่หนึ่ง ในที่สุดเหลิ่งรั่วปิงก็ตกลง เธอรู้ การที่เธอเป็นฉู่หนิงซยาเท่ากับว่าเธอยังเป็นคู่หมั้นของไซ่ตี้จวิ้น ซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับหนานกงเยี่ย
ฉู่เทียนลุ่ยถูกนำตัวมายังโรงพยาบาลเอกชนหนานกงอย่างรวดเร็ว การจะถอดหน้ากากของเขา ต้องใช้น้ำยาสูตรพิเศษ นอกจากเขาแล้วไม่มีใครถอดหน้ากากได้
ก่อนถอดหน้ากาก ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มแล้วพูดกับหนานกงเยี่ย “คุณชายเยี่ยครับ ผมจะถอดหน้ากากให้รั่วปิง นี่เป็นความลับ คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหมครับ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แววตาของเขาฉายแสงเย็นยะเยือก เขาต้องเห็นเหลิ่งรั่วปิงตลอดเวลาถึงจะวางใจ จะให้เขาออกไปได้อย่างไร สำหรับผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้ เขาก็ไว้ใจไม่ได้
รอบตัวหนานกงเยี่ยแผ่รังสีเย็นยะเยือก อุณหภูมิภายในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว ฉู่เทียนรุ่ยยักไหล่
เหลิ่งรั่วปิงตบมือหนานกงเยี่ยเบาๆ “คุณออกไปรอข้างนอกนะคะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เทียนรุ่ยยังมีประโยชน์ หนานกงเยี่ยแทบอยากจะหักคอเขา แต่เนื่องจากท่าทีของเหลิ่งรั่วปิง เขาจึงต้องอดกลั้นความโมโหเอาไว้ เดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่สบอารมณ์
ประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลง ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มพร้อมกับเดินมาตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง เอ่ยพูดเสียงเบา ”เธอตัดสินดีแล้วเหรอที่จะกลับไปเป็นเหลิ่งรั่วปิง”
“ค่ะ เทียนรุ่ย ฉันอยากทำตามหัวใจตัวเองเพื่อความรักสักครั้ง·” เมื่อเทียบกับรอยยิ้มผ่อนคลายของฉู่เทียนรุ่ย เหลิ่งรั่วปิงดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะฉู่เทียนรุ่ย ทำให้เธอนึกถึงไซ่ตี้จวิ้น สุดท้ายเธอก็ทำผิดต่อการรอคอยและเฝ้ารอของเขา
“ความรัก?” เสียงของฉู่เทียนรุ่ยเคล้าไปด้วยความตื้นตัน ”เข้าใจครับ ผมเข้าใจแล้ว”
ถูกต้อง เขาเข้าใจแล้ว ภัยพิบัติในครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่าอะไรคือความรัก เขารักไซ่หย่าเซวียน เธอซ่อนตัวอยู่ในหัวใจของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ไซ่หย่าเซวียนตามจีบตนมานานสิบกว่าปี แต่ตนกลับไม่เคยรู้ใจตนเอง การจากเป็นจากตายในครั้งนี้ ทำให้เขาเข้าใจ ความรักมากะหันหัน และเหนือการควบคุม
ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงก็ห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาเข้าใจ!
“ขอบคุณนะคะ เทียนรุ่ย” เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกซึ้งใจ ในฐานะเพื่อนสนิทของไซ่ตี้จวิ้น ฉู่เทียนรุ่ยไม่ได้ดุด่าว่าเธอเป็นคนไม่มีหัวใจ เธอซึ้งใจมาก
ฉู่เทียนรุ่ยยิ้ม ”เด็กโง่ ขอบคุณพี่ทำไม ไซ่ตี้จวิ้นเป็นเพื่อนสนิทของพี่ แต่เธอก็เป็นญาติของพี่ พี่จะโทษเธอได้ยังไง” ถอนหายใจเสียงเบา ”ก่อนจะกลับไปเป็นเหลิ่งรั่วปิง มีอะไรอยากจะบอกไซ่ตี้จวิ้นไหม”
ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของตนมาให้ ตรงหน้าจอดโทรศัพท์กดไปที่ชื่อของไซ่ตี้จวิ้นแล้ว ”เขายังไม่ได้กลับไป ยังคงอยู่ในเมืองหลง”
เหลิ่งรั่วปิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเธอก็พยักหน้า เธอมองไม่เห็น ฉู่เทียนรุ่ยช่วยเธอกดโทรออก
“สวัสดีครับ?” เสียงของไซ่ตี้จวิ้นยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม เพียงแต่มีความเศร้าเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
มือของเหลิ่งรั่วปิงที่ถือจับโทรศัพท์เอาไว้สั่นเทา ความรู้สึกผิดในใจราวกับน้ำที่ทำให้เธอแทบจมหายลงไป ถึงแม้เธอจะไม่ได้รักไซ่ตี้จวิ้น แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความรักแบบชายหญิงเท่านั้น มีทั้งความรักแบบญาติมิตร ความรักแบบเพื่อนและบุญคุณ ซึ่งเธอล้วนให้คุณค่ากับทุกอย่าง เธอรักหนานกงเยี่ย เป็นสามีภรรยากับเขาได้ แต่ซือคงอวี้ อาเธอร์และไซ่ตี้จวิ้น ล้วนเป็นผู้ชายที่เธอรัก ความรักแบบนี้ เกินกว่าแนวคิดธรรมดาทั่วไป
ตอนนี้ เธอใช้ชีวิตอยู่ในความมืด เสียงเป็นสื่อหลักที่เธอใช้ในการตัดสินโลกภายนอก เสียงของไซ่ตี้จวิ้นอบอุ่นมาก “ไซ่ตี้จวิ้น” เสียงของเหลิ่งรั่วปิงกับหัวใจของเธอเหมือนกัน มันสั่นเทาอย่างแรง
ไซ่ตี้จวิ้นนิ่งไปชั่วขณะ ตามด้วยเสียงที่เคล้าไปด้วยรอยยิ้ม “รั่วปิง คุณหายดีหรือยังครับ”“อื้ม” น้ำตาเม็ดโตของเหลิ่งรั่วปิงร่วงหล่น ช่วงนี้อารมณ์ของเธออ่อนไหวง่ายมาก
“ยังไงตาของคุณก็ต้องหายดี อย่าเศร้าไปเลยนะครับ”
“อื้ม”
“ผมเองก็จะอวยพรให้คุณ อย่าคิดมากเลยนะครับ”
“…ไซ่ตี้จวิ้น ฉันขอโทษนะคะ!” เหลิ่งรั่วปิงควบคุมเสียงของเธอไม่ได้อีกแล้ว น้ำเสียงของเธอสั่นเทา
ไซ่ตี้จวิ้นหัวเราะเบาๆ “เด็กโง่ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดต่อผมสักหน่อย ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายดึงดัน ผมไม่ควรบีบบังคับคุณ” เสียงของเขาคุกรุ่นเล็กน้อย “ผมยอมรับ ผมไม่พอใจ ผมไม่อยากปล่อยมือไปจากคุณ แต่หลายวันที่ผ่านมานี้ผมคิดได้แล้ว เมื่อเทียบกับการเหนี่ยวรั้งคุณเอาไว้ ผมอยากให้คุณมีความสุขมากกว่า หากหนานกงเยี่ยทำให้คุณรู้สึกอยากจะใช้ชีวิตด้วย ผมยินดีที่จะอวยพรให้คุณมีความสุข”
นอกจากร้องไห้ เหลิ่งรั่วปิงไม่อาจหาคำใดๆ มาอธิบายคำตอบของเธอ
ไซ่ตี้จวิ้นเป็นคนใส่ใจ เขาเงียบแล้วปล่อยให้เธอร้องไห้ คนเราล้วนต้องการระบายความรู้สึก น้ำตาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลังจากร้องไห้ ถึงจะสบายใจ