เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 213 เข้าอยู่ในคฤหาสน์หนานกง
เหลิ่งรั่วปิงจับมือของหนานกงเยี่ยมาวางไว้เหนือหน้าอกพร้อมกับพูดปลอบโยน “ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ” ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย พูดเสียงใส “คุณหนานกงเยี่ย คุณรักฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ ไม่รังเกียจที่ฉันมีตำหนิ?”
“ครับ” หนานกงเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย
“ต่อให้ฉันจะกลับมามองเห็นไม่ได้อีก หรืออาจจะกลายเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล คุณก็ยังจะรัก?”
“ครับ” หนานกงเยี่ยพยักหน้าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“คุณจะรักฉันอีกนานแค่ไหนคะ”
หนานกงเยี่ยใช้มือใหญ่อบอุ่นของเขาจับมือเรียวยาวของเหลิ่งรั่วปิง “คืนวันปีใหม่แรกที่เราฉลองด้วยกัน คุณถามผมว่าผมจะรักคุณแบบนี้อีกนานแค่ไหน ตอนนั้นผมไม่ได้ตอบคุณ เพราะตัวผมในตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมาก่อน และไม่รู้ว่าความรักคืออะไร สำหรับผมแล้ว การแต่งงานคือเรื่องเพ้อฝันราวกับปุยเมฆบนท้องฟ้า”
“ตอนที่คุณไปจากเมืองหลง ตัดสินใจทิ้งผมไป ผมมองดูรถของคุณขับลงทะเล วินาทีนั้นผมเข้าใจทันที คุณไม่ได้อยู่ในใจของผม แต่ฝังรากลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของผมแล้ว ถ้าไม่มีคุณ ผมอยู่หรือตายล้วนไม่มีอะไรแตกต่าง”
หวนนึกถึงวินาทีเสี่ยงเป็นสี่ยงตาย ริมฝีปากบางของหนานกงเยี่ยยกยิ้ม ดวงตาของเขามีน้ำใสรื้นขึ้นมา ภายในใจรู้สึกปวดร้าว “ตอนนี้ผมจะตอบคำถามคุณเองครับ ผมรักคุณ รักตลอดไป ขอเพียงแค่วิญญาณของผมไม่แตกสลาย ผมจะรักคุณตลอดไป อย่าว่าแต่คุณสูญเสียการมองเห็น ต่อให้คุณเสียโฉม ไม่เหลือความสวยงาม หรือแขนขาขาดไปจนหมด ผมก็จะรักคุณ คุณเคยบอก คุณไม่ให้หัวใจใครง่ายๆ ถ้าให้ไปแล้วชีวิตนี้ไม่มีวันเอากลับมา ผมอยากจะบอกกับคุณ หัวใจของผมก็เหมือนกัน”
เหลิ่งรั่วปิงเงียบไปหลายวินาที แววตาคู่สวยน้ำตาคลอเบ้า ทว่าภายในใจกับเปี่ยมไปด้วยความสุข หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเธอยิ้มบางๆ พร้อมกับหันหน้ากลับไป “คุณหนานกงเยี่ย ฉันจะกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ค่ะ” เธอจะไปเผชิญหน้ากับอวี้หลานซี
วินาทีที่อวี้หลานซีบอกว่าจะฆ่าเธอ เหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ เธอเกลียดผู้หญิงที่ทะเลาะตบตีกันแย่งชิงผู้ชาย แต่อวี้หลานซีได้คืบเอาศอกแบบนี้ หากเธอยังคงนิ่งเฉย ก็คงละอายต่อเหลิ่งรั่วปิงแล้ว อีกทั้ง ตอนนี้เธอเกลียดอวี้หลานซีที่เอาแต่จ้องจะจับผู้ชายของตน
แม้หนานกงเยี่ยจะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงถึงจะกลับคฤหาสน์กะทันหัน แต่เขาให้เกียรติทุกการตัดสินของเธอ “ครับ”
เขาไมได้โกหก และไม่ได้ตั้งใจพูดเพื่อเอาใจเหลิ่งรั่วปิง คนเราถ้ารักใครหมดทั้งหัวใจ รูปร่างหน้าตาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกอีกต่อไป ทว่าเป็นการที่อยู่เคียงข้างกันและรักกันต่างหาก เขารักเหลิ่งรั่วปิง ไม่รังเกียจข้อเสียใดๆ ของเธอ ในทางตรงกันข้ามเขายินดีที่จะยอมประนีประนอมต่อความเอาแต่ใจของเธอ แม้เธอจะเอาแต่ใจแค่ไหน เขาก็ยินดีที่จะยอมรับมัน เขาเคยบอกว่าจะตามใจเธอทุกอย่าง เช่นนั้นก็จะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำให้มันเป็นจริง
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มพร้อมกับซบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย เสียงของเธอหวานและอ่อนโยน “คุณหนานกงคะ คุณต้องคิดให้ดีนะคะ ฉันกลับไปที่คฤหาสน์ เท่ากับเป็นคุณผู้หญิงหนานกงอย่างเป็นทางการ ถ้าฉันทำให้ตระกูลหนานกงปั่นป่วน คุณอย่าเสียใจทีหลังนะคะ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะด้วยความรักใคร่ “อย่าว่าแต่ตระกูลหนานกง แม้คุณจะทำให้ทั้งเมืองหลงปั่นป่วน ก็ไม่มีใครกล้าพูดคำว่าไม่”
วันที่สองเป็นวันอาทิตย์ หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงกับไปยังคฤหาสน์หนานกง พ่อบ้านและสาวใช้ได้รับคำสั่งตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว พวกเขาทุกคนรวมตัวกันในห้องโถงเพื่อรอฟังคำสั่ง ต้อนรับคุณผู้หญิงหนานกง
ตระกูลหนานกงยิ่งใหญ่ธุรกิจหนานกงมโหฬาร สาวใช้และคนงานในคฤหาสน์หนานกงมีร่วมร้อยคน พวกเขายืนเข้าแถวในห้องโถง ทุกคนก้มหน้าลง ยืนด้วยความสงบเสงี่ยมกลั้นหายใจเอาไว้
ก่วนอวี้เปิดประตูรถให้หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเอง พาทั้งสองเข้าไปในห้องโถง ความรู้สึกของเขาในตอนนี้สับสนไปหมด ถึงแม้อวี้หลานซีจะเหยียบย่ำหัวใจของเขา ทำให้เขาปวดใจ แต่เขายังคงเป็นห่วงเธอ ก่วนอวี้รู้ดี เหลิ่งรั่วปิงกลับมาอยู่ในคฤหาสน์ ด้วยสภาพจิตใจบิดเบี้ยวของอวี้หลานซีในตอนนี้ ต้องเกิดเรื่องบาดหมางขึ้นระหว่างทั้งสองคนอย่างแน่นอน ถึงขั้นที่ว่าเกิดความรุนแรงขึ้น ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างไรจริงๆ
ใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิงนิ่งเฉย ถึงแม้จะไม่ได้ดูเคร่งขรึม ทว่าก็ไม่อารมณ์ดีแม้แต่น้อย เธอสง่างาม เป็นธรรมชาติ ใจกว้างราวกับราชินี เธอเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างธรรมชาติ ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะก้มลงกราบแทบเท้าของเธอ
พ่อบ้านรีบเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม พร้อบกับโน้มตัวลง “ยินดีต้อนรับคุณชายเยี่ย คุณผู้หญิง”
“อืม” หนานกงเยี่ยพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้ฉันพาคุณผู้หญิงเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์อย่างเป็นทางการ ให้ทุกคนได้คุ้นหน้าคุ้นตา หลังจากวันนี้เธอคือคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง พ่อบ้าน พ่อบ้านทำงานรับใช้ตระกูลหนานกงมานานหลายสิบปี ควรจะรู้ดีว่าคุณผู้หญิงมีอำนาจอะไรบ้าง พ่อบ้านทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่างก็พอ ไม่จำเป็นต้องมาถามผม”
“ครับ” พ่อบ้านไม่กล้าชักช้า รีบโน้มตัวลงรับคำสั่ง คนทั้งเมืองหลงรู้ดีว่าหนานกงเยี่ยให้ความสำคัญกับคุณผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน ล้วนรู้ดีว่าเขาเคยตามล่าจับตัวเธออย่างบ้าคลั่ง เขาในฐานะพ่อบ้านของตระกูลหนานกงเป็นธรรมดาที่ต้องรู้เรื่องนี้ คุณผู้หญิงตรงหน้าต้องให้การรับใช้อย่างดี”
ดังนั้น เขาจึงเชิญเหลิ่งรั่วปิงไปนั่งด้วยความเคารพ พร้อมทั้งบอกสาวใช้ทุกคนในตระกูลหนานกง ให้เคารพคุณผู้หญิง
พ่อบ้านตระกูลหนานกง ชื่อว่าอวี๋จง อายุใกล้จะหกสิบแล้ว เขาทำงานรับใช้ตระกูลหนานกงมานานกว่าห้าสิบปี เขาติดตามรับใช้หนานกงจวิ้นตั้งแต่เล็ก กล่าวได้ว่าเห็นหนานกงเยี่ยตั้งแต่เด็ก มีตำแหน่งสำคัญในตระกูลหนานกง
หากเปรียบตระกูลหนานกงคือวังหลวง เช่นนั้นพ่อบ้านอวี๋จงก็คือขันทีหลวง
เหลิ่งรั่วปิงมองไม่เห็น แต่ผ่านความรู้สึกที่ได้รับ และวิเคราะห์ผ่านคำพูด เธอพอเดาได้ว่า อวี๋จงคนนี้เป็นคนฉลาด ทำงานรอบคอบ คำเช่นนี้ ต้องระมัดระวัง
หลังจากสาวใช้ทั้งหมดโน้มตัวลงทำความเคารพ พ่อบ้านพูดกับเหลิ่งรั่วปิงด้วยอย่างเคารพ “คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิงมีอะไรให้รับใช้ไหมครับ หากไม่มีอะไรให้รับใช้ผมจะสั่งให้พวกสาวใช้แยกย้ายกันไปทำงาน”
“อืม” เหลิ่งรั่วปิงพูดสั้นๆ เพียงคำเดียว ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เธอยังคงพูดน้อยเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน เธอรู้ดี เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ทั้งยังมีพ่อบ้านที่ฉลาดลุ่มลึก การพูดน้อยจึงจะทำให้คนคาดเดาไม่ถูก
เหตุที่เหลิ่งรั่วปิงระมัดระวังเป็นพิเศษ เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คุณผู้หญิงที่หนานกงจวิ้นให้การยอมรับ หากเธออยู่ในคฤหาสน์ ชีวิตของเธอต่อจากนี้คงไม่สงบสุข ดังนั้นการระมัดระวังตัวจึงจะดีที่สุด
หลังจากสาวใช้แยกย้ายกันไป หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย “พ่อบ้าน หลานซีล่ะ ทำไมถึงไม่ออกมาต้อนรับคุณผู้หญิง”
พ่อบ้านลังเลเล็กน้อย โค้งตัวลงตอบ “วันนี้คุณอวี้ไม่ค่อยสบายครับ เธอนอนพักอยู่ในห้อง”
สำหรับพ่อบ้านอวี้จง อวี้หลานซีเป็นเด็กที่เขาเห็นมาตั้งแต่เล็ก อีกทั้งยังเป็นคุณผู้หญิงตระกูลหนานกงที่นายท่านหนานกงจวิ้นเลือกเอาไว้ อวี้จงจึงเข้าข้างอวี้หลานซี สำหรับเหลิ่งรั่วปิงเขามีอคติไม่มากก็น้อย เพียงแต่หนานกงเยี่ยรักภรรยายิ่งกว่าชีวิต อวี้จงจึงไม่กล้าแสดงท่าทีรังเกียจออกมา
หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ “หึ ไม่สบายหนักแค่ไหนกัน ไม่รู้จักกฎระเบียบของตระกูลหรือไง” เขารู้ดีว่าอวี้หลานซีไม่ชอบเหลิ่งรั่วปิง วันนี้เหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ ทั้งยังมองไม่เห็น เขาจึงอยากสร้างอำนาจให้กับเธอ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอดูรังแก
ก่วนอวี้ยืนอยู่ด้านข้าง นิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด เขาเข้าใจเจตนาของหนานกงเยี่ยเป็นอย่างดี
พ่อบ้านเข้าใจเป็นธรรมดา โน้มตัวลงเล็กน้อย “เดี๋ยวผมไปตามคุณหนูอวี้ให้ครับ”
“อืม” หนานกงเยี่ยพยักหน้าด้วยความเย็นยะเยือก
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง อวี้หลานซีเดินลงมาจากชั้นบน แววตาของเธอหลบซ่อนไม่กล้าสู้หน้า ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงว่าเมื่อวานเหลิ่งรั่วปิงจะรอดจากปืนของตนได้ ดูท่าเหลิ่งรั่วปิงคงยังไม่ได้บอกหนานกงเยี่ย จึงทำให้อวี้หลานซียิ่งรู้สึกกลัว เหลิ่งรั่วปิงไม่ฟ้องหนานกงเยี่ย ทั้งยังย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์แบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอมาเพื่อแก้แค้น
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของอวี้หลานซี เหลิ่งรั่วปิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่มีสีหน้าอะไรมากมาย เธอไม่มีวันปล่อยให้อวี้หลานซีมีความสุข เธอไม่เคยปล่อยให้คนที่คิดอยากจะเอาชีวิตเธอมีความสุขมาก่อน
หนานกงเยี่ยปรายตามองอวี้หลานซี พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกไร้ซึ่งความอบอุ่น “หลานซี ผมจำได้ว่าวันนั้นเคยบอกคุณไปแล้ว รั่วปิงคือคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง คุณน่าจะรู้ว่าควรให้ความเคารพยังไง”
ความหมายของหนานกงเยี่ย อวี้หลานซีเข้าใจ เขาต้องการให้เธอเคารพเหลิ่งรั่วปิง แต่เธอจะทำแบบนั้นได้อย่างไร เธออยู่ในตระกูลหนานกงถึงแม้จะเป็นแค่ลูกเลี้ยง แต่ได้รับการปรนนิบัติราวกับเป็นคุณหนูของบ้านมานานกว่ายี่สิบปี พูดได้ว่าตอนที่หนานกงเยี่ยไม่อยู่ เธอคือเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ ทุกคนล้วนให้ความเคารพเธอ ตอนนี้จะให้เธอก้มหัวให้เหลิ่งรั่วปิง เป็นไปได้อย่างไร
“เยี่ย...” อวี้หลานซีมองหนานกงเยี่ยด้วยแววตาอ้อนวอน เธอพยายามทำตัวให้น่าสงสารที่สุด เพื่อร้องเรียกความรู้สึกในอดีตของหนานกงเยี่ยกลับมา
ทว่าหนานกงเยี่ยกลับนิ่งเฉย เขายังคงเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง “ทำไม คุณลืมกฎระเบียบของตระกูลหนานกงไปแล้วหรือไง หรือว่า ไม่อยากทำตามกฎระเบียบของตระกูล ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณไม่มีความจำเป็นที่จะเป็นคนของตระกูลหนานกงอีก ผมป่าวประกาศหาคู่ให้คุณได้ทันที เพื่อเลือกสามีดีๆ ให้กับคุณ”
เขาจะให้เธอแต่งงานกับคนอื่นทันที? ไม่!
อวี้หลานซีกระวนกระวาย “ไม่ เยี่ย คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ!”
แววตาเย็นยะเยือกของหนานกงเยี่ยชำเลืองมองอวี้หลานซี ทำให้เธอสั่นเทา “ในเมื่อยังอยากเป็นคนของตระกูลหนานกง ก็ต้องทำตามกฎระเบียบของตระกูล”
อวี้หลานซีเม้มกัดริมฝีปากล่าง หลังจากดื้อดึงครู่หนึ่ง สุดท้ายเธอจึงหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงอย่างยอมรับในโชคชะตา “คุณผู้หญิง”
เอ่ยพูดสามพยางค์นี้ออกมา น้ำตารินไหล อวี้หลานซีทำในสิ่งที่ชีวิตนี้เธอไม่อยากทำที่สุด เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่งเธอต้องก้มหัวให้กับผู้หญิงของหนานกงเยี่ย เพราะเมื่อก่อนเขาดีกับเธอที่สุด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอยู่ในสายตาของหนานกงเยี่ย
น้ำตาหยดนี้ ราวกับหมึกหยดลงในชามน้ำใส ความเศร้าที่ไร้เสียงแผ่ซ่านอย่างรวดเร็ว
หนานกงเยี่ยหลบตาลงด้วยความเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอพูดทำร้ายจิตใจเหลิ่งรั่วปิง ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อเธอก็ปลิวหายไปตามแรงลมแล้ว สิ่งที่ทำให้เผชิญหน้ากับเธอในตอนนี้ มีเพียงหน้าที่ที่อยู่บนบ่า
น้ำตาของอวี้หลานซีทำให้หนานกงเยี่ยหวั่นไหวไม่ได้อีกแล้ว ทว่ากลับอยู่ในใจส่วนลึกของก่วนอวี้ น้ำตาของเธอราวกับสายฝน ที่ทำให้ดอกไม้แห่งความเจ็บปวดผลิบานในใจก่วนอวี้ ถูกต้อง ความรักทำให้คนดื้อดึง ทั้งที่เธอทิ้งเขา ทำร้ายเขา แต่เขากลับตัดใจจากเธอไม่ได้
ก่วนอวี้ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงเยี่ย กำหมัดแน่น