เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 221 อวี้หลานซีกลับตัวกลับใจ
การผ่าตัดดำเนินไปกว่าสิบชั่วโมง ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน หมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
หนานกงเยี่ยรีบเดินไปถามหมอทันที ”เป็นยังไงบ้างครับ”
หมอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความอ่อนเพลีย ”คุณชายเยี่ยครับ อีกแค่ไม่กี่มิลลิเมตรกระสุนก็จะผ่าขั้วหัวใจแล้ว อีกนิดคงช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ โชคดีมากครับ ที่การผ่าตัดสำเร็จ แต่เลขาก่วนจะตื่นขึ้นมาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของเขา”
เมื่อได้ยินว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ หนานกงเยี่ยโล่งอก ”ตอนนี้ผมเข้าไปเยี่ยมเขาได้ไหมครับ”
“ได้ครับ แต่ต้องดูผ่านกระจกเท่านั้นนะครับ ก่อนหน้านี้เลขาก่วนเสียเลือดไปมาก และเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่ ต้องคอยสังเกตอาการในห้องผู้ป่วยหนักสักระยะหนึ่งครับ”
หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงไปยังหน้าประตูห้องผู้ป่วยหนัก มองก่วนอวี้ที่อยู่บนเตียงผ่านประตูกระจกหนา
ผู้ชายที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขา เวลานี้นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว มองดูอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่อยู่บนตัวเขา หัวใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกปวดร้าว ก่วนอวี้ นายต้องผ่านมันไปได้!
เหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ข้างหนานกงเยี่ย นิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด ความเศร้าแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขา เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจน พูดตามตรง ภายในใจของเธอรู้สึกผิดอยู่บ้าง ถ้าเธอไม่เข้ามาในชีวิตเขา บางทีหนานกงเยี่ยคงไม่ต้องเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ บางทีเขาอาจจะแต่งงานกับอวี้หลานซีไปนานแล้ว
หนานกงเยี่ยสั่งให้บอดี้การ์ดเฝ้าหน้าห้องก่วนอวี้อย่างหนาแน่น พร้อมทั้งกำชับให้หมอและพยาบาลดูแลก่วนอวี้ให้ดี แล้วจึงออกจากโรงพยาบาล
บนรถ เหลิ่งรั่วปิงพูดกล่าวโทษตนเอง ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันขอโทษนะคะ”
หนานกงเยี่ยกำลังขับรถ หันไปมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความสงสัย ”พูดอะไรหืม”
“ถ้าไม่มีฉัน คุณกับอวี้หลานซีก็คงไม่เดินมาถึงขั้นนี้ ก่วนอวี้เองก็คงไม่กลายเป็นสภาพนี้”
หนานกงเยี่ยหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงแวบหนึ่ง ”ห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ แม้ไม่มีคุณ เรื่องของผมกับหลานซีก็เป็นไปไม่ได้”
เหลิ่งรั่วปิงมองหน้าด้านข้างของหนานกงเยี่ย ”ถ้าแลกกับความรักที่คุณเคยมี ฉันหวังว่าตนเองจะไม่เคยอยู่ในชีวิตคุณ”
หนานกงเยี่ยเหยียบเบรคกะทันหัน จอดรถริมฟุตบาท หันไปมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความจริงจัง แววตานี้ของเธอเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นแววตาเดียวกับเมื่อก่อนตอนที่เธอคิดจะไปจากเขาตลอดเวลา ล่องลอยไม่หยุดนิ่ง สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ ตอนนั้นเธอเย็นชา แต่ตอนนี้ แววตาของเธอมีความเจ็บปวด
หนานกงเยี่ยรู้สึกกลัวขึ้นมา ”คุณปิดบังอะไรผม”
เพราะเรื่องของก่วนอวี้ เขาจึงยังไม่ทันได้ฟังรายงานการลอบทำร้ายเหลิ่งรั่วปิง ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ลงมือกับเหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงฝืนยิ้ม ”ไม่มีค่ะ ฉันแค่รู้สึกเศร้าเท่านั้น”
หนานกงเยี่ยจับจ้องนัยน์ตาของเหลิ่งรั่วปิง เชยคางเธอขึ้น พูดชัดถ้อยชัดคำ ”เหลิ่งรั่วปิง คุณจำเอาไว้ ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของผม ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ห้ามปิดบังผม และห้ามทิ้งผมตามอำเภอใจ ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกผมก็จะจับตัวคุณกลับมา!”
เพราะเรื่องของก่วนอวี้ นัยน์ตาหนานกงเยี่ยแดงก่ำเป็นทุนเดิม บวกกับความหวาดกลัวและโมโหในตอนนี้ ทำให้เขาเหมือนเทพแห่งความตายที่กระหายเลือด
หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงปวดร้าว มองดูเขาด้วยความเจ็บปวด ”คุณอย่าคิดมากเลยค่ะ ฉันแค่โทษตัวเองเท่านั้น”
หนานกงเยี่ยใจเย็นลงเล็กน้อย ”คุณรู้ไหมว่าวันนี้ใครเป็นคนโจมตีคุณ”
“เขาคนนั้น” เหลิ่งรั่วปิงไม่คิดจะปิดบังหนานกงเยี่ย เพราะถึงแม้เธอจะไม่พูด ถังเฮ่าก็จะพูดอยู่ดี
หนานกงเยี่ยรู้ดีว่า ”เขา” ที่เธอพูดถึงเป็นใคร แววตาฉายแสงแห่งความกระหายเลือด ”เขาจะทำอะไร จับตัวเธอกลับไป”
“เปล่าค่ะ เขาจะฆ่าฉัน” เมื่อเทียบกับหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงดูใจเย็นมาก
หนานกงเยี่ยจับจ้องใบหน้าเหลิ่งรั่วปิงด้วยความจริงจัง ”บอกผมมาว่าเขาคือใคร”
ภรรยาของหนานกงเยี่ย มีคนคิดจะทำร้าย เขาจะทำให้มันชำระด้วยเลือด
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจแววตาของหนานกงเยี่ย แววตาของเขาเผยคำว่า ”ฆ่า” ออกมาอย่างชัดเจน ”ฉันเป็นคนทำผิดต่อเขา เขามีเหตุผลในการฆ่าฉัน”
หนานกงเยี่ยโมโห เม้มกัดฟันแน่น ”เหลิ่งรั่วปิง คุณอย่าบีบให้ผมต้องโมโห ตอนนี้คุณคือภรรยาของผม โลกใบนี้นอกจากผมแล้ว ไม่มีใครมีสิทธิ์ทำร้ายคุณ คุณบอกผมว่าเขาคือใคร?!”
เหลิ่งรั่วปิงมองดวงตาเย็นยะเยือกของหนานกงเยี่ยด้วยความกล้าหาญ ”เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉัน เป็นคนช่วยชีวิตฉัน ฉันไม่ยอมให้คุณทำร้ายเขา ดังนั้น คุณอย่าบีบบังคับฉันอีก”
หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ ”เป็นเพราะเขาเคยช่วยชีวิตคุณ หรือเป็นเพราะในใจคุณมีเขาอยู่แล้ว”
เธอเคยบอก เธอยอมสละชีวิตเพื่อเขาคนนั้นได้ หนานกงเยี่ยโมโหจนแทบคลั่ง
เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจ ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณ ตัวฉัน หัวใจฉัน ล้วนให้คุณคนเดียว ถ้าคุณยังรู้สึกไม่พอ คิดเล็กคิดน้อยที่ฉันรู้สึกกับคนอื่น ฉันไม่สามารถตอบสนองความต้องการคุณได้”
มองดูสีหน้าดื้อดึงของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยทำอะไรไม่ได้ เขาต่อยหมัดไปที่พวงมาลัยอย่างแรง ถูกต้อง เขาโลภมาก เรือนร่างของเธอ หัวใจของเธอ ล้วนให้เขาหมดแล้ว แต่เขายังคงรู้สึกไม่พอ เขาต้องการให้ภายในใจของเธอมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ห้ามมีที่ว่างสำหรับผู้ชายคนอื่นเด็ดขาด ถูก บนตัวเหลิ่งรั่วปิง เขาต้องการครอบครองอย่างรุนแรง หากเป็นไปได้ เขาแทบอยากจะรวมเป็นหนึ่งกับเธอ ทำให้เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา
แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้ดื้อมาก และแข็งกระด้างเป็นที่สุด การไปอย่างเด็ดขาดของเธอเมื่อคราวก่อน กำหนดให้เขากลัวนิสัยของเธอไปชั่วชีวิต ดังนั้น เขาจึงไร้เรี่ยวแรง และไม่อาจทำอะไรได้
มองดูใบหน้าหม่นหมองของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกปวดใจ วันนี้เขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว เพราะก่วนอวี้ เพราะอวี้หลานซีและเพราะเธอ คิดว่าอีกไม่นานเธอต้องกลับซีหลิง ไปจากเขา ภายในใจของเธอรู้สึกผิดมาก
เหลิ่งรั่วปิงยื่นมือออกไป ประคองใบหน้าของหนานกงเยี่ย ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันรักคุณ คุณอย่าโมโหเลยนะคะ ดีไหมคะ”
ความอ่อนโยนของเธอ สำหรับเขาแล้วเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิที่ละลายหยาดน้ำฝน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นฝ่ายบอกรักเขา ความเย็นยะเยือกและโมโหของหนานกงเยี่ยจางหายไป เขาโอบกอดเธอเอาไว้แน่น ตามด้วยจูบร้อนแรง
“ที่รัก เราอยู่ด้วยกันตลอดไปนะครับ หืม” หนานกงเยี่ยพูดเสียงเบา เขาเป็นผู้ชายที่มีปมในใจ ถ้าเธอคิดจะไป เขารั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ ต่อให้ทำทุกวิถีทางก็หยุดเธอไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงทำให้เธอรัก
“อื้ม” เหลิ่งรั่วปิงจูบตอบพร้อมกับตอบรับ นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนสมรสกับเขา เธอไม่คิดจะไปจากเขาง่ายๆ อีก แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องช่วยอาเธอร์ หากเธอรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้มาได้ เธอจะกลับมาที่เมืองหลง กลับมาเคียงข้างเขาอีกครั้ง
ทั้งสองกินมื้อค่ำเสร็จ แล้วจึงกลับไปยังคฤหาสน์หนานกง เวลานี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
อวี้หลานซีเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เธอนั่งเหม่อลอยในอยู่ภายในห้องรับแขกบ้านใหญ่ เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง เธอก็รีบวิ่งเข้าไปหา คว้าชายเสื้อหนานกงเยี่ยเอาไว้ ”เยี่ย ก่วนอวี้เป็นยังไงบ้างคะ”
หนานกงเยี่ยเม้มปากด้วยความเย็นยะเยือก ”คุณไม่มีสิทธิ์ถาม” ขณะพูด เขาก็สะบัดมืออวี้หลานซีทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
น้ำตาของอวี้หลานซีเหมือนสร้อยมุกที่ถูกดึงจนขาด ไหลร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว แววตาของเธอไร้ซึ่งสีสัน ”เขาตายแล้วใช่ไหมคะ” ก้าวถอยหลังสองก้าวด้วยวิญญาณที่หลุดลอย ”ฉันเป็นคนทำให้เขาตาย ฉันมันคนบาป!”
พูดจบ อวี้หลานซีหันหลัง หยิบมีดปลอกผลไม้บนโต๊ะ แล้วปาดคอตนเองอย่างแรง
“คุณหนูอวี้!” พ่อบ้านตกใจจนหน้าถอดสี ด้วยความรู้และความเข้าใจของเขา อวี้หลานซีห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด เพราะเธอคือคุณผู้หญิงหนานกงในอนาคต เป็นผู้หญิงที่หัวหน้าตระกูลเลือกเอาไว้
หนานกงเยี่ยรีบคว้าข้อมืออวี้หลานซี แย้งมีดปลอกผลไม้จากมือของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ”ถ้าคุณทำเรื่องพวกนี้เพราะกลัวว่าผมจะลงโทษคุณ คุณไม่จำเป็นต้องทำหรอก เรื่องที่ผมรับปากก่วนอวี้เอาไว้พูดได้ก็ต้องทำได้”
อวี้หลานซีทรุดตัวลงนั่งบนพื้นด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมาโดยไม่มีเสียง เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอล้มเหลวไปหมดแล้ว ผู้ชายสองคนที่เคยรักเธอมากที่สุด คนหนึ่งตายด้วยน้ำมือของเธอ ส่วนอีกคนไม่มีวันเชื่อใจเธออีก เธอผิดไปแล้ว เธอผิดไปแล้วจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสแก้ไขตนเอง เพราะก่วนอวี้ตายแล้ว เธอต้องชดใช้เขาด้วยชีวิต
“อวี้หลานซี” เหลิ่งรั่วปิงมองอวี้หลานซีด้วยความนิ่งสงบ ”จุดที่ก่วนอวี้ถูกยิงอยู่ห่างจากหัวใจไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น การผ่าตัดดำเนินไปด้วยความยากเย็น แต่โชคดีที่ผ่าตัดสำเร็จ ทว่าตอนนี้เขายังคงนอนไม่ได้สติ หมอบอกว่าเขาจะตื่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับปณิธานของเขา”
เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เหลิ่งรั่วปิงอ่านสายตาของอวี้หลานซีออก เธอยังคงให้อภัยอวี้หลานซีได้ เพราะก่วนอวี้
อวี้หลานซีสั่นเทา รู้สึกเหมือนปีนป่ายขึ้นมาจากความตาย มองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความซาบซึ้ง ”จริงเหรอ”
“จริง” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า
ใบหน้าอวี้หลานซีมีความสุขเลื่อนผ่านแวบหนึ่ง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าหนานกงเยี่ย ”เยี่ย ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่หน้ามืดตามัวอีก ฉันไม่ขอร้องให้คุณอภัย แต่ได้โปรดให้ฉันไปดูแลก่วนอวี้ด้วยเถอะนะคะ”
แววตาหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือก ”คุณคิดว่า หลังจากที่คุณทำความผิดมากมาย ผมจะยังเชื่อใจคุณ ให้อภัยคุณ และยอมเปิดโอกาสให้คุณทำความผิดอีกครั้งงั้นเหรอ”
เยี่ย?” อวี้หลานซีเงยหน้าขึ้นมองหนานกงเยี่ยด้วยความตกตะลึง
ริมฝีปากบางของหนานกงเยี่ย ทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาเย็นยะเยือกสุดขั้วหัวใจ ”นับตั้งแต่วันนี้ คุณไม่มีอิสระอีกต่อไปแล้ว คุณยังคงเป็นคุณหนูตระกูลหนานกงได้ แต่คุณห้ามออกจากสวนหลิวหลีแม้แต่ก้าวเดียว”
วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะก่วนอวี้ปกป้องด้วยชีวิต เหลิ่งรั่วปิงคงกลายเป็นวิญญาณที่ตายด้วยปลายกระบอกปืนของอวี้หลานซีไปแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เหลิ่งรั่วปิงเกือบตายด้วยฝีมืออวี้หลานซี หนานกงเยี่ยไม่อาจให้อภัยได้อีก เขาไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
ก่วนอวี้เข้าใจข้อนี้เป็นอย่างดี เขาจึงเอาตัวมารับกระสุนนั่นเอาไว้ เพราะมีเพียงแค่เขาตาย จึงจะร้องขอหนานกงเยี่ยได้ เขากำลังใช้ชีวิตของตนเองเพื่อให้หนานกงเยี่ยรับปากในสิ่งที่เขาร้องขอ ไม่อย่างนั้น วันนี้ไม่ว่าเหลิ่งรั่วปิงจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หนานกงเยี่ยก็ไม่มีวันให้อภัยอวี้หลานซี
หนานกงเยี่ยดึงชายเสื้อกลับมาด้วยความเย็นชา ”พ่อบ้าน ส่งคุณอวี้กลับสวนหลิวหลี ให้บอดี้การ์ดคอยสับเปลี่ยนเวรยามเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ห้ามเธอออกจากสวนหลิวหลีแม้แต่ก้าวเดียว”
“…ครับ” พ่อบ้านลังเลครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
ภายใต้สายตาของพ่อบ้าน สาวใช้ทั้งสองเดินมาลากตัวอวี้หลานซี แต่อวี้หลานซีไม่ยอมไป ”เยี่ย ฉันขอร้องละ ให้ฉันไปดูแลก่วนอวี้ได้ไหมคะ”