เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 224 จัดการสุนัขรับใช้ของศัตรู
เล็บมือเรียวยาวของเหลิ่งรั่วปิงจิกเข้าไปในเนื้อของเธอ ”คุณหนานกงจวิ้น ฉันจะทำให้คุณชดใช้ด้วยชีวิต!”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงจวิ้นหัวเราะร่า ”แก้แค้นฉัน? เธอไม่เพียงแต่ฆ่าฉันไม่ได้ ทั้งยังแต่งงานกับลูกชายฉัน ฮ่าๆๆ เธอแต่งงานกับลูกชายของศัตรู วันข้างหน้าเธอมีลูกกับเขา ก็เท่ากับมีลูกให้ครอบครัวของศัตรู ฮ่าๆๆ…”
เธอแต่งงานกับลูกชายของศัตรู!
คำพูดนี้แล่นอยู่ในความคิดของเหลิ่งรั่วปิง ดังก้องเหมือนเสียงของฟ้าผ่า ทำให้เธอแทบจะล้มทั้งยืน
ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงดึงสติกลับมา หนานกงจวิ้นตัดสายไปแล้ว มีเพียงพ่อบ้านยืนมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน
ดวงตาเหลิ่งรั่วปิงแดงก่ำ มือทั้งสองกำหมัดแน่น นึกถึงความทุกข์ทรมานของพ่อก่อนจะจากโลกนี้ไป ทำให้หัวใจของเธอปวดร้าว
หนานกงเยี่ยเป็นศัตรูของเธอ ไม่ควรจะเป็นผู้ชายที่เธอรัก เธอควรจะทำทุกอย่าง เพื่อทำลายตระกูลหนานกง ทำลายทุกอย่างของตระกูลหนานกงให้ย่อยยับ!
“คุณเหลิ่งครับ คุณทำใจเถอะครับ แล้วคิดให้ดีว่าจะหย่ากับคุณชายเยี่ยเมื่อไหร่ ออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหนานกงเมื่อไหร่ ตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลหนานกงเป็นของคุณหนูอวี้ตลอดไป” พ่อบ้านอวี๋จงยิ้มเย้ยหยัน
เหลิ่งรั่วปิงหันกลับไป ดวงตาคมกริบทำให้อวี๋จงหยุดชะงัก ”คนอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรมาเยาะเย้ยฉัน? ฉันจะออกไปจากคฤหาสน์หนานกงอย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่ออกไป อนาคตข้างหน้าฉันก็จะทำลายที่นี่ด้วย! แต่วันนี้ ฉันต้องทำเรื่องที่ทำให้ตนเองสาแก่ใจเสียก่อน”
ขณะพูด เหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าใกล้อวี๋จง ”ถ้าฉันเดาไม่ผิด อวี้หลานซีจะฆ่าฉันถึงสองครั้ง ล้วนเป็นเพราะนายคอยรายงานว่าฉันอยู่ที่ไหน และยังเป็นคนเตรียมปืนและอุปกรณ์ให้เธอด้วย ถูกไหม” ก้าวเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ”คนที่ทำให้ครอบครัวของฉันต้องพังทลาย นายเองก็มีส่วนด้วย ใช่ไหม”
อวี้จงยิ้มเจื่อน ”ผมแค่ทำตามคำสั่งของคุณท่านเท่านั้น”
“หึ!” เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้ม ”หนานกงจวิ้น ในเมื่อฉันไม่เจอตัวเขา เช่นก็จัดการสุนัขรับใช้ของเขาก่อน!”
อวี๋จงไม่กระวนกระวายและไม่รีบร้อน ”คุณเหลิ่งแน่ใจเหรอครับว่าจะใช้กำลังกับผม”
อวี๋จงติดตามหนานกงจวิ้นตั้งแต่เด็ก เคยร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาก่อน ทั้งยังมีทักษะในการต่อสู้ ฝีมือของเขาเหี้ยมโหด
“งั้นก็ลองดูหน่อยแล้วกัน” เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย เธออยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะมีฝีมือระดับไหน
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งสองสู้กัน อวี๋จงได้รับคำสั่งจากหัวหน้าตระกูล เขาฆ่าเหลิ่งรั่วปิงได้ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่ออมมือ ทางด้านเหลิ่งรั่วปิงที่เต็มไปด้วยความแค้น เธอเองก็ไม่ออมมือแม้แต่น้อย
แต่ทั้งสองล้วนเป็นคนฉลาด ลับหลังจะสู้กันยังไงก็ได้ แต่จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นทั้งสองจึงสู้กันด้วยความระมัดระวัง หลบเลี่ยงจากเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด
อวี้จงเป็นยอดฝีมือ แต่ถึงยังไงอายุก็มากแล้วร่างกายจึงไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิม ในตอนแรกยังฆ่าอย่างดุเดือด แต่ตอนหลังๆ ดูเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด เขาเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นว่าจะแพ้เหลิ่งรั่วปิง เขาจึงเลือกที่จะหนี อวี้จงหลอกล่อเหลิ่งรั่วปิง จากนั้นก็หมุนตัวหันหลังวิ่งหนีไป
ทางด้านเหลิ่งรั่วปิงจะให้โอกาสเขาได้อย่างไร คนที่คิดจะฆ่าเธอหลายครั้งต่อหลายครั้ง วันนี้ถ้าไม่จัดการเขา เธอจะยอมได้เช่นไร! เธอยกมือขวาช้าๆ มีดบินในมือพุ่งออกไป ปักเข้าไปที่ขาขวาของอวี๋จง อวี๋จงล้มลงกับพื้นพร้อมกับร้องโอดครวญ ”ไอ้หยา!”
เหลิ่งรั่วปิงที่เปี่ยมด้วยความแค้น เดินไปด้านหน้าสองสามก้าว ดึงมีดที่ปักขาขวาของอวี๋จงออกมา
“อ๊าก!” อวี๋จงเจ็บจนเหงื่อแตก ”เหลิ่งรั่วปิง นางผู้หญิงร้ายพิษสง!”
“หึ บอกว่าฉันมีพิษสง ตอนที่นายช่วยอวี้หลานซีฆ่าฉัน ทำไมถึงไม่บอกว่าตนเองมีพิษสงบ้าง!”
พูดจบ มีดในมือเหลิ่งรั่วปิงล่วงหล่น เส้นเอ็นเท้าของอวี๋จงฉีกขาด ”เวลาที่เหลืออยู่ของนาย อยู่บนเก้าอี้วีลแชร์เถอะ!” พิการทรมานกว่าการตายเสียอีก!
“อ๊าก!” อวี๋จงดูซูบผอมและอ่อนแอ แต่ความเป็นจริงเขาคือชายชาติทหาร เขารู้ดี วินาทีที่มีดบินของเหลิ่งรั่วปิงปักมาที่เขาของเขา ส่งผลอะไรต่อตนบ้าง อวี้จงกัดฟันแน่นด้วยความแค้น ”เหลิ่งรั่วปิง นายท่านไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่!”
“หึๆๆ…” ริมฝีปากเหลิ่งรั่วปิงฉายรอยยิ้มสะใจจากการได้แก้แค้น ”เขาไม่ต้องปล่อยฉันหรอก ฉันจะไปหาเขาถึงที่!”
สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขก กำลังจะร้องเรียกคุณผู้หญิง ก็เหลือบเห็นพ่อบ้านที่กัดฟันด้วยความอดทนล้มอยู่บนพื้น ส่วนล่างของเขามีเลือดไหลออกมา และในมือของเหลิ่งรั่วปิงจับมีดบินเอาไว้
“ว้าย!” สาวใช้กรีดร้องด้วยความตกใจจนหน้าถอดสี รีบวิ่งออกไปจากห้องรับแขก ก็เจอเข้ากับหนานกงเยี่ยที่เพิ่งกลับมาจากบริษัท ”คุณ…คุณชายเยี่ยคะ แย่แล้วค่ะ คุณผู้หญิงฆ่า…ฆ่าคน!”
คิ้วได้รูปของหนานกงเยี่ยขมวดเป็นปม ”พูดจาเหลวไหลอะไร”
“ฉัน…ฉันไม่ได้พูดเหลวไหลค่ะ ในห้องรับแขก คุณผู้หญิงฆ่าพ่อบ้านอวี้ค่ะ”
หนานกงเยี่ยเดินผ่านสาวใช้ สาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามาในบ้าน ตอนที่เข้ามาในห้องรับแขกก็เห็นพ่อบ้านนั่งจมกองเลือด ทั้งยังมีเหลิ่งรั่วปิงที่ยืนนิ่งด้วยความเย็นชา ”ที่รัก เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้น แววตาเย็นยะเยือกของเธอกวาดมองหนานกงเยี่ย แล้วหันกลับไป เธอไม่อยากเห็นลูกชายของศัตรู ”คุณไม่เห็นหรือไงคะ ฉันตัดเส้นเอ็นเท้าของพ่อบ้าน”
เขาอยากกำจัดอวี๋จงมานานแล้ว หนานกงเยี่ยไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด แต่แววตาของเหลิ่งรั่วปิงทำให้เขากระวนกระวาย ตอนเช้ายังรักกันดี แต่ตอนนี้สายตาที่มองดูเขา กลับเย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็ง ราวกับว่ามีความแค้นกับเขา
หนานกงเยี่ยฝืนยิ้ม ”เขาทำให้คุณโมโห คุณสั่งสอนเขา ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
อวี๋จงหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง เหลิ่งรั่วปิงตัดเส้นเอ็นเท้าทั้งสองของเขา แต่หนานกงเยี่ยกลับใจเย็นแบบนี้ คุณชายเยี่ยรักภรรยาเท่าชีวิต เขาไม่ควรยืนอยู่ข้างหัวหน้าตระกูลแล้วหาเรื่องเหลิ่งรั่วปิง!
เหลิ่งรั่วปิงหลบตาลงด้วยความเย็นชา นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
หนานกงเยี่ยสั่งให้คนหามอวี๋จงไปโรงพยาบาล พร้อมกับทำความสะอาดห้องรับแขก
เหลิ่งรั่วปิงหันหลัง เดินขึ้นไปชั้นบน หนานกงเยี่ยมองดูแผ่นหลังของเธอ แล้วรีบเดินตามไป
ไปถึงหน้าห้อง หนานกงเยี่ยรีบคว้ามือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ”ที่รัก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงหันกลับมาปรายตามองหนานกงเยี่ย นัยน์ตาของเธอฉายความเย็นยะเยือก เมื่อสิบเอ็ดปีก่อน บ้านของเธอพ่อของเธอ ถูกพ่อของเขาทำลายด้วยมือตนเอง พ่อของเธอต้องป่วยและทุกข์ทรมานก่อนจะสิ้นใจ ตัวเธอต้องหนีเอาชีวิตรอดในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นฝีมือของคนตระกูลหนานกง เหลิ่งรั่วปิงกำลังคิด เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขารู้มากน้อยแค่ไหน หรือเขารู้อยู่แล้ว แต่ตั้งใจหลอกเธอตั้งแต่ต้นจนจบ?
สายตาที่มองมาของเหลิ่งรั่วปิงทำให้หนานกงเยี่ยอึดอัด เขายิ้มเจื่อนๆ ”ที่รักครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หืม? คุณบอกผมมาสิครับ”
“คุณหนานกงเยี่ย เมื่อสิบเอ็ดปีก่อน ครอบครัวของฉันแตกสาแหรกขาด คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ”
“…” หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงถามเรื่องนี้ ”คุณโมโหเพราะเรื่องในอดีตเหรอครับ”
เหลิ่งรั่วปิงหลบตาลงด้วยความเย็นชา ครุ่นคิดนับร้อยนับพันครั้ง เธอไม่อยากเห็นสายตาที่เปี่ยมด้วยความรักของหนานกงเยี่ยอีก
“เมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว ผมอายุสิบหกปี รับการฝึกพิเศษจากตระกูลหนานกงทั้งวันทั้งคืน เพื่อเตรียมตัวเป็นผู้สืบทอดตระกูลหนานกง”
หนานกงเยี่ยดึงตัวเหลิ่งรั่วปิงเข้ามาใกล้ด้วยความปวดใจ ”ถ้าผมรู้จักคุณตั้งแต่ตอนนั้น ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องลำบาก เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องคิดถึงมันแล้วนะครับ หลังจากนี้ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ จะรักคุณให้มากๆ”
เหลิ่งรั่วปิงพยายามข่มความแค้นในใจแล้วตั้งสติ ดูท่าหนานกงเยี่ยคงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าหนานกงเยี่ยรู้เขาคงไม่ทำเพื่อเธอมากมายแบบนั้น เธอไม่ควรสงสัยในความรักที่เขามีให้เธอ ตอนที่แผ่นดินไหวเขาปกป้องเธอด้วยชีวิต แค่นี้ก็พิสูจน์ได้ว่าความรักที่เขามีให้เธอเป็นเรื่องจริง
แต่ว่า ไม่ว่าความรักที่เขามีให้เธอมันจะจริงแท้แค่ไหน เรื่องระหว่างเธอกับเขาก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ความแค้นนี้ ความรักของหนานกงเยี่ยไม่อาจสร้างสมดุลให้กับมันได้ อนาคตข้างหน้าเธอจะฆ่าพ่อของเขา สุดท้ายเธอกับเขาต้องกลายเป็นศัตรูกัน
แสงดาวในแววตาเหลิ่งรั่วปิงมอดดับ สุดท้ายก็เข้าสู่ความเงียบและโดดเดี่ยว
ความหวาดกลัวในใจหนานกงเยี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ ”ที่รัก คุณมีอะไรปิดบังผมเอาไว้ใช่ไหมครับ” จับหัวไหล่ของเธอเอาไว้ ”ไม่ว่าคุณจะมีความลับอะไรบอกผมมา ผมเป็นสามีของคุณ ผมช่วยคุณได้ทุกเรื่อง!”
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้น ”คุณหนานกงเยี่ย คุณบอกว่าคุณทำทุกอย่างเพื่อฉันได้?”
“ครับ” หนานกงเยี่ยพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าฉันจะทำเรื่องอะไร คุณก็จะให้อภัย?”
“ครับ” หนานกงเยี่ยพยักหน้าโดยไม่ลังเล นับตั้งแต่วันแรกที่เขาตัดสินใจตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าเธอจะทำเรื่องอะไรเขาก็จะช่วยเธอ
“แล้วถ้าฉันอยากให้คุณเผาโถงบรรพบุรุษตระกูลหนานกงละคะ”
หนานกงเยี่ย ”…”
“ทำไมคะ ทำไม่ได้เหรอ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความลำบากใจ ”ที่รัก โถงบรรพบุรุษเอาไว้บูชาป้ายชื่อบรรพบุรุษ เผาไม่ได้ครับ” เขาคิดไม่ออกว่าทำไมเธอต้องให้เขาทำเรื่องที่ไม่มีความหมายแบบนี้ด้วย
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้มเย้ยหยัน ”ดังนั้น คุณทำตามสัญญาที่คุณพูดเอาไว้ไม่ได้ คุณทำทุกอย่างเพื่อฉันไม่ได้ หลังจากนี้ คุณอย่าเอาคำพูดแบบนี้มาเกลี้ยกล่อมฉันอีก”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงดึงมือกลับด้วยสายตาเย็นยะเยือก หันหลังเดินเข้าไปในห้องนอน
“ที่รัก?” หนานกงเยี่ยเดินตามเข้าไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันอยากอยู่เงียบๆ รบกวนคุณออกไปด้วย”
มองดูแผ่นหลังเย็นชาของเหลิ่งรั่วปิง ในใจของหนานกงเยี่ยมีคำว่าทำไมเป็นหมื่นๆ คำ ตอนเช้าทั้งสองยังรักใคร่กันดี ทำไมผ่านไปแค่ครึ่งวัน กลับกลายเป็นแบบนี้ได้ เขาเจ็บปวด แต่มากไปกว่านั้นคือไม่เข้าใจ
เขารู้จักนิสัยเธอเป็นอย่างดี บีบบังคับเธอมากเกินไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยอม ”ครับ ผมออกไปก่อน”
พูดจบ หนานกงเยี่ยหันหลัง เดินลงไปชั้นล่าง นั่งขมวดคิ้วบนโซฟาในห้องรับแขก ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะเหี้ยมโหด แต่เธอไม่เคยทำร้ายคนบริสุทธิ์ วันนี้เธอตัดเส้นเอ็นที่เท้าของอวี๋จง ต้องเป็นเพราะทำให้เธอโมโหมากแน่นอน เป็นเพราะเรื่องอะไรกันแน่
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเรียกสาวใช้มาพบ ”วันนี้ตอนเที่ยง คุณผู้หญิงทำอะไรบ้าง ทำไมจู่ๆ ถึงมีปัญหากับพ่อบ้านได้”
สาวใช้ครุ่นคิด ตอบด้วยความระมัดระวัง ”วันนี้ตอนเช้า เหมือนพ่อบ้านจะทำเรื่องลับๆ อะไรบางอย่างค่ะ พ่อบ้านไล่ทุกคนออกไปจากบ้านใหญ่ แต่ตอนที่ฉันกลับเข้ามาเอาของ เหมือนจะได้ยินคุณผู้หญิงคุยโทรศัพท์กับคุณท่าน ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงคุยกันได้ไม่ราบรื่นเท่าไหร่ค่ะ”
หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาของเขาฉายความเยือกเย็น เหยียดตัวลุกขึ้น เดินออกไปจากห้องรับแขก ทุกย่างก้าวดังเหมือนฟ้าคำราม เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต มาถึงห้องของอวี๋จง
เวลานี้ หมอได้จัดการแผลให้อวี๋จงเรียบร้อยแล้ว เขานอนพักอยู่บนเตียง เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยเข้ามา เขาไม่ได้ลุกขึ้น เพียงแค่ลืมตาขึ้นช้าๆ ”คุณชายเยี่ย มาทำโทษผมใช่ไหมครับ”
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วร้ายกาจ ”นายยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่เอาไหน กล้าลอบติดต่อกับหัวหน้าตระกูลตอนที่ฉันไม่อยู่ ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราสามีภรรยา!”